สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 7
ระบบเตือนการถูก Lock เป้านี้ ทำงานเป็นระบบดังนี้ครับ คือเมื่อมีการเล็งจรวดต่อต้านอากาศยานจากฐานยิงที่พื้นดินแล้ว
ที่ชุดฐานเครื่องยิงจรวดจะมี RADAR อยู่ 2 ประเภทครับ
RADAR 2 ประเภทนี้ คือ RADAR แบบ TWS (Track While Scan) และ Monopulse RADAR (หรือ Continuous-wave : CW RADAR)
RADAR แบบ TWS นี้ จะกวาดหาเป้าหมายและ tracking ไปด้วยในขณะเดียวกัน และเมื่อค้นพบเป้าหมายแล้ว
ก็จะส่งต่อให้ MonoPulse RADAR ทำการ lock เป้าหมาย ซึ่งความถี่และรูแปบบการแพร่คลื่นของ MonoPulse นี้จะแตกต่าง
จาก TWS RADAR หรือ RADAR อื่น ๆ .... ดังนั้น เมื่อเครื่องบินรบตรวจพบการแพร่คลื่นแบบ Locked ของ MonoPulse แล้ว
จึงเตือนนักบินได้ทันที โดยที่เครื่องบินรบเครื่องนั้น จะมี reciever สำหรับการนี้โดยเฉพาะครับ
ภาพฐานปล่อยจรวดพร้อม Control RADAR
ในภาพนี้ เมื่อ MonoPulse RADAR ทำงานเมื่อใด เครื่องบินรบจะทราบทันทีจากระบบ Missile Warning

สำหรับการ Lock เป้าหมายจากเครื่องบินรบ นั้น ก็จะเป็นการใช้ Monopulse RADAR เหมือนกับฐานยิงจรวดภาคพื้นดิน
โดยจะมี pattern การแพร่คลื่นที่เป็นทรารับรู้กันทั่วโลก หรือพูดง่าย ๆ คือ หากเครื่องบินรบลำใดถูก Locked เป้าจาก
เครื่องบินรบอีกลำหนึ่ง ก็จะมีการเตือนด้วยการแสดงชื่อรุ่นของข้าศึกออกมาได้เลย เพราะทุกอย่างมีอยู่ใน memory (Database)
ของระบบ Missile warning อยู่แล้วครับ
อีกรูปแบบหนึ่ง คือเมื่อจรวดถูกปล่อยออกมา และ วิ่งเข้าหาเครื่องบินรบเครื่องนั้นแล้ว ที่หัวจรวดจะมี tracking RADAR เช่นกัน
และทำงานเหมือนกับ MonoPulse เช่นกันด้วย ซึ่งความถี่อาจจะแตกต่างไปบ้าง ซึ่ง reciever ของเครื่องบินรบ
ก็จะทราบและแยกแยะได้เช่นกัน ว่าขณะนี้กำลังถูก Locked จาก RADAR ตัวใด หากถูก locked จาก RADAR หัวจรวด
นักบินก็จะได้ทำการหลบหลีกได้ทันครับ
ภาพ MonoPulse RADAR ที่หัวจรวด SAM (ที่จุด A นั้นคือเสาอากาศของ RADAR)

ภาพชุดอุปกรณ์ Missile Warning System (MWS) อุปกรณ์ประเภทนี้ จะจดจำประเภทและรูปแบบการแพร่คลื่น
ของ RADAR ทั้งหัวจรวด และ RADAR ของ Missile control ได้ถึงเป็นร้อย ๆ รูปแบบครับ

สำหรับจรวดแบบ IR homing (ตรวจจับความร้อน) ที่ตัวจรวดจะไม่มีการแพร่คลื่นใด ๆ
ดังนั้น เครื่องินที่ถูก Locked จึงต้องใช้มาตรการต่อต้านแบบ InfraRed Countermeasure (IRCM)
เช่นภาพล่างนี้ คือ IRCM Jammer ซึ่งใช้รูปแบบการ modulate คลื่น infrared เสียใหม่
ให้มีความเข้ม และ pattern ที่เหมาะสมกับ detector ของจรวด ทำให้จรวดเกิดอาการสับสนและผิดพลาด
ในการ lock เป้าจริง ..... หลังจากนั้น flare ก็จะรับช่วงทำงานร่วมกัน ทำให้จรวดพุ่งเข้าหา flare ในที่สุดครับ

อันนี้เป็นแบบ Frare เพื่อสร้าง heat ลวงให้ IR detector ของจรวดสับสนกับความร้อนที่ท่อ JET
ที่ชุดฐานเครื่องยิงจรวดจะมี RADAR อยู่ 2 ประเภทครับ
RADAR 2 ประเภทนี้ คือ RADAR แบบ TWS (Track While Scan) และ Monopulse RADAR (หรือ Continuous-wave : CW RADAR)
RADAR แบบ TWS นี้ จะกวาดหาเป้าหมายและ tracking ไปด้วยในขณะเดียวกัน และเมื่อค้นพบเป้าหมายแล้ว
ก็จะส่งต่อให้ MonoPulse RADAR ทำการ lock เป้าหมาย ซึ่งความถี่และรูแปบบการแพร่คลื่นของ MonoPulse นี้จะแตกต่าง
จาก TWS RADAR หรือ RADAR อื่น ๆ .... ดังนั้น เมื่อเครื่องบินรบตรวจพบการแพร่คลื่นแบบ Locked ของ MonoPulse แล้ว
จึงเตือนนักบินได้ทันที โดยที่เครื่องบินรบเครื่องนั้น จะมี reciever สำหรับการนี้โดยเฉพาะครับ
ภาพฐานปล่อยจรวดพร้อม Control RADAR
ในภาพนี้ เมื่อ MonoPulse RADAR ทำงานเมื่อใด เครื่องบินรบจะทราบทันทีจากระบบ Missile Warning

สำหรับการ Lock เป้าหมายจากเครื่องบินรบ นั้น ก็จะเป็นการใช้ Monopulse RADAR เหมือนกับฐานยิงจรวดภาคพื้นดิน
โดยจะมี pattern การแพร่คลื่นที่เป็นทรารับรู้กันทั่วโลก หรือพูดง่าย ๆ คือ หากเครื่องบินรบลำใดถูก Locked เป้าจาก
เครื่องบินรบอีกลำหนึ่ง ก็จะมีการเตือนด้วยการแสดงชื่อรุ่นของข้าศึกออกมาได้เลย เพราะทุกอย่างมีอยู่ใน memory (Database)
ของระบบ Missile warning อยู่แล้วครับ
อีกรูปแบบหนึ่ง คือเมื่อจรวดถูกปล่อยออกมา และ วิ่งเข้าหาเครื่องบินรบเครื่องนั้นแล้ว ที่หัวจรวดจะมี tracking RADAR เช่นกัน
และทำงานเหมือนกับ MonoPulse เช่นกันด้วย ซึ่งความถี่อาจจะแตกต่างไปบ้าง ซึ่ง reciever ของเครื่องบินรบ
ก็จะทราบและแยกแยะได้เช่นกัน ว่าขณะนี้กำลังถูก Locked จาก RADAR ตัวใด หากถูก locked จาก RADAR หัวจรวด
นักบินก็จะได้ทำการหลบหลีกได้ทันครับ
ภาพ MonoPulse RADAR ที่หัวจรวด SAM (ที่จุด A นั้นคือเสาอากาศของ RADAR)

ภาพชุดอุปกรณ์ Missile Warning System (MWS) อุปกรณ์ประเภทนี้ จะจดจำประเภทและรูปแบบการแพร่คลื่น
ของ RADAR ทั้งหัวจรวด และ RADAR ของ Missile control ได้ถึงเป็นร้อย ๆ รูปแบบครับ

สำหรับจรวดแบบ IR homing (ตรวจจับความร้อน) ที่ตัวจรวดจะไม่มีการแพร่คลื่นใด ๆ
ดังนั้น เครื่องินที่ถูก Locked จึงต้องใช้มาตรการต่อต้านแบบ InfraRed Countermeasure (IRCM)
เช่นภาพล่างนี้ คือ IRCM Jammer ซึ่งใช้รูปแบบการ modulate คลื่น infrared เสียใหม่
ให้มีความเข้ม และ pattern ที่เหมาะสมกับ detector ของจรวด ทำให้จรวดเกิดอาการสับสนและผิดพลาด
ในการ lock เป้าจริง ..... หลังจากนั้น flare ก็จะรับช่วงทำงานร่วมกัน ทำให้จรวดพุ่งเข้าหา flare ในที่สุดครับ

อันนี้เป็นแบบ Frare เพื่อสร้าง heat ลวงให้ IR detector ของจรวดสับสนกับความร้อนที่ท่อ JET

แสดงความคิดเห็น
ทําไมเครื่องบินรบ ถึงรู้ว่าโดนเครื่องบินรบอีกลําล็อคเป้าครับ