คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 4
โดยภาพรวมนะครับ
ปัญหาที่ท่านพูดถึงนี้เกิดขึ้นกับญี่ปุ่น เมื่อราวๆปี 1989 และสหรัฐราวๆปี 2007
ในปีดังกล่าวนั้น ประชากรในวัยทำงานของทั้งสองประเทศเริ่มหดตัว หลังจากนั้นราคาอสังหาตกต่ำอย่างหนัก
ทั้งสองประเทศมีอาการคล้ายๆกันอยู่อย่างนึงคือราคาอสังหาขึ้นไปมากก่อนปีดังกล่าว แล้วก็เกิดฟองสบู่แตก
ที่จะไม่เหมือนกันคือ สหรัฐเมื่อ Baby boomer เกษียณแล้ว ซึ่งเริ่มส่งผลกระทบ แต่หลังจากปี 2020 สหรัฐจะมีประชากรกลุ่มใหม่ที่เรียกว่า Echo boomer ซึ่งเกิดจากผลของการอพยพเข้าเมื่อที่เขาส่งเสรืมมาหลายปี
ดังนั้น ไทยก็ ภายใน 10 ปีนี้ คนไทยโดยเฉลี่ยน่าจะได้อยู่บนดอยอสังหาครับ
ยกเว้นจะมีต่างชาติเขามาอยู่อาศัยจำนวนมาก เช่น จาก AEC และกฏหมายยอมให้เขาซื้ออสังหา
แต่ผมเชื่อว่า ผลบวกจะไม่ได้เยอะเท่าไหร่
ส่วนเรื่องราคาดีเป็นจุดๆ อันนี้ก็ยังคงมีอยู่ครับ ส่วนภาพรวม .... ดอย
(ขออภัยที่คราวนี้ไม่มีกราฟ เพราะยุ่งอยู่ครับ)
ปัญหาที่ท่านพูดถึงนี้เกิดขึ้นกับญี่ปุ่น เมื่อราวๆปี 1989 และสหรัฐราวๆปี 2007
ในปีดังกล่าวนั้น ประชากรในวัยทำงานของทั้งสองประเทศเริ่มหดตัว หลังจากนั้นราคาอสังหาตกต่ำอย่างหนัก
ทั้งสองประเทศมีอาการคล้ายๆกันอยู่อย่างนึงคือราคาอสังหาขึ้นไปมากก่อนปีดังกล่าว แล้วก็เกิดฟองสบู่แตก
ที่จะไม่เหมือนกันคือ สหรัฐเมื่อ Baby boomer เกษียณแล้ว ซึ่งเริ่มส่งผลกระทบ แต่หลังจากปี 2020 สหรัฐจะมีประชากรกลุ่มใหม่ที่เรียกว่า Echo boomer ซึ่งเกิดจากผลของการอพยพเข้าเมื่อที่เขาส่งเสรืมมาหลายปี
ดังนั้น ไทยก็ ภายใน 10 ปีนี้ คนไทยโดยเฉลี่ยน่าจะได้อยู่บนดอยอสังหาครับ
ยกเว้นจะมีต่างชาติเขามาอยู่อาศัยจำนวนมาก เช่น จาก AEC และกฏหมายยอมให้เขาซื้ออสังหา
แต่ผมเชื่อว่า ผลบวกจะไม่ได้เยอะเท่าไหร่
ส่วนเรื่องราคาดีเป็นจุดๆ อันนี้ก็ยังคงมีอยู่ครับ ส่วนภาพรวม .... ดอย
(ขออภัยที่คราวนี้ไม่มีกราฟ เพราะยุ่งอยู่ครับ)
แสดงความคิดเห็น
ในอนาคตเมื่อไทยประชากรลดลง ราคาที่ดินโดยภาพรวมจะลดลงตามหรือไม่
และถ้าเกิดขึ้นจริงๆ คิดว่าราคาที่ดินโดยภาพรวมทั่วประเทศจะเป็นอย่างไรบ้างครับ
และตอนนี้ในประเทศที่ประชากรลดลงอย่างญี่ปุ่น ราคาที่ดินมีแนวโน้มอย่างไร