ต้อนรับฤดูใบไม้ร่วงกับเมนูเห็ดมัตสึทาเกะที่ Umenohana
ร้านอุเมโนะฮานะมีประวัติยาวนานกว่า 40 ปีแล้ว เริ่มจากการเปิดร้านแรกที่ฟุกุโอกะชื่อ คานิชิกิ ที่เน้นเรื่องการนำเสนอเมนูปูแบบต้นตำรับ หลังจากนั้น 10 ปี จึงเปิดร้านอุเมโนะฮานะขึ้นในจังหวัดเดียวกัน โดยร้านอุเมโนะฮานะนั้นจะเน้นเมนูเต้าหู้และฟองเต้าหู้ สำหรับที่ไทยนั้นอุเมโนะฮานะเปิดสาขาแรกขึ้นที่โครงการ Nihonmura Mall ชั้น 2 ในซอยทองหล่อ13 การตกแต่งภายในร้านทำออกมาเหมือนกับร้านต้นแบบที่ญี่ปุ่นเลยครับ ซึ่งจะแบ่งออกเป็นห้องๆ มีทั้งห้องส่วนตัวและเป็นห้องรวม ส่วนเมนูอาหารนั้นมีการผสมผสานจากร้านดั้งเดิมทั้ง 2 ร้าน คือ มีทั้งเมนูเต้าหู้กับฟองเต้าหู้ที่โดดเด่น และเมนูปูที่หลากหลายด้วย นอกจากนี้ยังมีการนำวัตถุดิบพิเศษแต่ละฤดูกาลมาเพิ่มเติมแต่ละช่วงด้วยครับ ซึ่งช่วงนี้ ตั้งแต่ 1 กันยายน ถึง 30 พฤศจิกายนนั้น จะเน้นอาหารประจำฤดูใบไม้ร่วงซึ่งวัตถุดิบพิเศษคือเห็ดมัตสึทาเกะที่ถือเป็นราชาแห่งเห็ดในฤดูใบไม้ร่วงนั่นเอง ส่วนรูปแบบการเสริฟก็ยังคงเป็นแบบไคเซกิเหมือนต้นตำรับโดยจะเสริฟอาหารทีละจานจนจบคอร์ส แต่จะเพิ่มรูปแบบของอาหารชุดและ a la carte แบบที่คนไทยคุ้นเคยเข้าไปด้วย ส่วนการบริการก็โดดเด่นครับเพราะทางร้านยึดหลัก การบริการด้วยหัวใจ ผมนี่เกือบทำตัวไม่ถูกเลยทีเดียวหลังจากถูกเรียกว่า "คุณท่าน" ฮ่าๆ
สำหรับวันนี้เราจะมาทานแบบ A la carte กันนะครับโดยจะเน้นที่เมนูเห็ดมัตสึทาเกะประจำฤดูใบไม้ร่วงนี้ครับ
เริ่มต้นด้วยการจิบชาเขียวไปพลางขณะรอเมนูแรกครับ
เมนูแรกสำหรับการต้อนรับฤดูใบไม้ร่วงได้แก่ Matsutake mushroom & Sea Bream Yuba Maki (280 B) - เห็ดมัตสึทาเกะที่มีกลิ่นหอมเป็นเอกลัษณ์และปลาไทพันด้วยฟองเต้าหู้แล้วชุบแป้งทอดแบบเทมปุระ ทานกับมะนาวญี่ปุ่น sudachi ที่รสชาติออกเปรี้ยวๆหวานๆ และเกลือผสมพริกไทยญี่ปุ่น Sanshou กรอบอร่อยลงตัวมากครับ
Grilled Sesame Tofu with Fresh Uni (250 B) - เต้าหู้ผสมงาทำให้ได้ผิวสัมผัสที่เหนียวนุ่มขึ้น นำไปย่างไฟอ่อนๆ เสริมรสชาติด้วยไข่หอยเม่นหวานๆมันๆกับวาซาบิสดหอมๆ แล้วเสริฟพร้อมกับโชยุผสมซุปปลาแห้ง (Warijouyu) อร่อยมาก หอยเม่นไม่มีกลิ่นคาวเลยครับ
ราด Warijouyu ลงไป น่าทานมากเลย ดูสีไข่หอยเม่นสิ
Matsutake mushroom & Sea Bream Dobinmushi (420 B) - ซุปกาเห็ดมัตสึทาเกะหอมๆ รสชาติกลมกล่อม ที่ใส่ทั้งปลาไท ฟองเต้าหู้นุ่มๆและแป้ง Namafu หนึบๆ บีบมะนาว sudachi ลงไปอีกนิดเพิ่มความสดชื่นดีครับ
Steamed Egg Custard (80 B) - ไข่ตุ๋นญี่ปุ่นเนื้อเนียนนุ่มรสชาติดี ที่พิเศษกว่าที่อื่นคือการราดน้ำเต้าหู้ลงไปด้วยเพิ่มความกลมกล่อมครับ
Taraba Kani & Matsutake mushroom Sumibiyaki (3250 B) - เมนูเด่นประจำฤดูใบไม้ร่วงของทางร้าน ปูทาราบะสดๆและเห็ดมัตสึทาเกะย่างเตาถ่าน แค่เห็นปูผมก็ละลายแล้วครับ เนื้อปูทาราบะสดๆหวานมากครับ เห็ดมัตสึทาเกะก็หอมมาก ทานกับน้ำจิ้ม Kanizu รสออกเปรี้ยวอมหวานนิดๆ อร่อยมาก
วางปูลงบนเตาถ่านแล้วเฝ้ารอ
สุกแล้ว สีส้มน่าทานมาก
เนื้อปูหวานๆ ชิ้นใหญ่มาก!!
ย่างเห็ดมัตสึทาเกะบ้าง
จิ้มซอส Kanizu เพิ่มรสชาติ
Hikiage Yuba (450 B) - เมนูฟองเต้าหู้ชื่อดังของทางร้านครับ ยกน้ำเต้าหู้มาทั้งหม้อตุ๋นกันสดๆในห้องเลยครับ พอผิวหน้าของน้ำเต้าหู้จับตัวกันเป็นแผ่นก็คีบขึ้นมาใส่ถ้วยราดด้วยโชยุผสมน้ำซุป และขุดผิวส้มยูสุ (Yuzu) ใส่ลงไปเพื่อเพิ่มกลิ่นหอม รสของฟองเต้าหู้ผสมกับ Warijouyu และกลิ่นของผิวส้ม เข้ากันดีจริงๆครับ
โอ้วๆ เริ่มจับตัวเป็นแผ่นแล้ว
แผ่นใหญ่มาก คีบขึ้นมาเลยครับ
เติม Warijouyu อีกนิด
ขูดผิวส้มยูสุลงไปอีกหน่อย
พร้อมอร่อยแล้ว
Fuku Fuku Tofu (650 B) - คราวนี้มาถึงคิวของเต้าหู้สดๆกันบ้าง เมนูนี้ก็นำหม้อมาต้มกันในห้องอีกเช่นกัน เนื้อเต้าหู้เนียนมาก กลิ่นก็หอม มีน้ำซอสให้เลือก 2 แบบครับ แบบแรกคือซอสมาโบรสเข้มข้นสไตล์เสฉวน และซอสยาไซอันที่เป็นซุปผักและฟองเต้าหู้รสชาติกลมกล่อมผสมกับแป้งมันเพื่อให้ได้ซอสที่เหนียวข้น อร่อยทั้งสองแบบเลยครับ และยังมีงาขาว ต้นหอมซอย และขิงป่น มาให้เติมเปลี่ยนรสชาติอีกด้วยครับ
เนื้อขาวเนียน น่าทานมาก!!
อร่อยแบบเบาๆกับซอสยาไซอัน
อร่อยแบบเข้มข้นกับซอสมาโบ
เพิ่มรสชาติด้วยงาขาว ต้นหอมซอย และขิงป่น ก็อร่อยไปอีกแบบ
Charcoal Grilled Kuroge Wagyu & Matsutake mushroom (1650 B) - เนื้อคุโระเกะวากิว (Kuroge Wagyu) จากเกาะคิวชูและเห็ดมัตสึทาเกะย่างบนใบโฮบะ เพิ่มความเข้มข้นของรสชาติด้วยซอสมิโซะ อร่อยทั้งเนื้อทั้งเห็ดครับ
Unagi Kama Meshi (450 B) - ข้าวหุงด้วยซอสปลาไหลทำให้ข้าวดูดซับรสชาติและกลิ่นของซอสไว้อย่างเต็มที่ โปะหน้าด้วยปลาไหลย่างซิอิ๊วชิ้นหนาและไข่เจียวหั่นฝอย เนื้อปลาไหลนุ่มมาก ที่ผมชอบมากคือรสของซอสไม่หวานเหมือนที่อื่นครับ
เนื้อปลาไหลอัดมาเต็มหม้อ!!!
Mineoka Fruit (125 B) - เมนูนี้คล้ายๆเต้าฮวยฟรุตสลัดครับแต่เนื้อเต้าฮวยที่ทำจากเต้าหู้นมสดจะ เหนียวหนึบกว่าเต้าฮวยปกติ และฟรุตสลัดรสชาติไม่หวานมากครับ
Tofu Pudding (125 B) - พุดดิ้งเต้าหู้ โรยด้วยน้ำตาลทรายแดง ผงถั่วและคาราเมลหอม รสชาติไม่หวานมาก กลิ่นของน้ำตาลทารายแดง ถั่ว และคาราเมลก็เข้ากันได้ดีกับพุดดิ้ง อร่อยดีครับ
Maccha Monaka with Red Beans (150 B) - ของหวานเมนูสุดท้ายเป็น Warabi mochi ที่ผสมนมถั่วเหลือง โมจิเนื้อใสเหนียวนุ่ม กับไอศครีมชาเขียวและถั่วแดง ประกบด้วยแป้งเวเฟอร์ Monaka กรอบๆบางๆ ชอบมากเลยครับ
สุดท้ายจิบชาโฮจิจะหอมๆหลังจบของหวาน ปิดมื้อไปอย่างสมบูรณ์แบบมากครับ
ประทับใจมากครับกับการมาทานครั้งแรกทั้งรสชาติ บริการ และบรรยากาศโดยรวม และยังได้สนุกกับวิธีการทานแบบญี่ปุ่นดั้งเดิมอีกด้วยต้องกลับมาอีกครั้งแน่นอนครับ ส่วนเมนูเห็ดมัตสึทาเกะมีให้ทานถึงวันที่ 30 พฤจิกายนเท่านั้นนะครับ
Open: Lunch 11.00 - 15.00
Dinner 18.00 - 23.00
Tel: 084 438 3892
ติดตามเพิ่มเติมได้ที่
https://www.facebook.com/sheepsbutler
[SR] Umenohana @ Nihonmura Mall (Thonglor 13)
ร้านอุเมโนะฮานะมีประวัติยาวนานกว่า 40 ปีแล้ว เริ่มจากการเปิดร้านแรกที่ฟุกุโอกะชื่อ คานิชิกิ ที่เน้นเรื่องการนำเสนอเมนูปูแบบต้นตำรับ หลังจากนั้น 10 ปี จึงเปิดร้านอุเมโนะฮานะขึ้นในจังหวัดเดียวกัน โดยร้านอุเมโนะฮานะนั้นจะเน้นเมนูเต้าหู้และฟองเต้าหู้ สำหรับที่ไทยนั้นอุเมโนะฮานะเปิดสาขาแรกขึ้นที่โครงการ Nihonmura Mall ชั้น 2 ในซอยทองหล่อ13 การตกแต่งภายในร้านทำออกมาเหมือนกับร้านต้นแบบที่ญี่ปุ่นเลยครับ ซึ่งจะแบ่งออกเป็นห้องๆ มีทั้งห้องส่วนตัวและเป็นห้องรวม ส่วนเมนูอาหารนั้นมีการผสมผสานจากร้านดั้งเดิมทั้ง 2 ร้าน คือ มีทั้งเมนูเต้าหู้กับฟองเต้าหู้ที่โดดเด่น และเมนูปูที่หลากหลายด้วย นอกจากนี้ยังมีการนำวัตถุดิบพิเศษแต่ละฤดูกาลมาเพิ่มเติมแต่ละช่วงด้วยครับ ซึ่งช่วงนี้ ตั้งแต่ 1 กันยายน ถึง 30 พฤศจิกายนนั้น จะเน้นอาหารประจำฤดูใบไม้ร่วงซึ่งวัตถุดิบพิเศษคือเห็ดมัตสึทาเกะที่ถือเป็นราชาแห่งเห็ดในฤดูใบไม้ร่วงนั่นเอง ส่วนรูปแบบการเสริฟก็ยังคงเป็นแบบไคเซกิเหมือนต้นตำรับโดยจะเสริฟอาหารทีละจานจนจบคอร์ส แต่จะเพิ่มรูปแบบของอาหารชุดและ a la carte แบบที่คนไทยคุ้นเคยเข้าไปด้วย ส่วนการบริการก็โดดเด่นครับเพราะทางร้านยึดหลัก การบริการด้วยหัวใจ ผมนี่เกือบทำตัวไม่ถูกเลยทีเดียวหลังจากถูกเรียกว่า "คุณท่าน" ฮ่าๆ
สำหรับวันนี้เราจะมาทานแบบ A la carte กันนะครับโดยจะเน้นที่เมนูเห็ดมัตสึทาเกะประจำฤดูใบไม้ร่วงนี้ครับ
เริ่มต้นด้วยการจิบชาเขียวไปพลางขณะรอเมนูแรกครับ
เมนูแรกสำหรับการต้อนรับฤดูใบไม้ร่วงได้แก่ Matsutake mushroom & Sea Bream Yuba Maki (280 B) - เห็ดมัตสึทาเกะที่มีกลิ่นหอมเป็นเอกลัษณ์และปลาไทพันด้วยฟองเต้าหู้แล้วชุบแป้งทอดแบบเทมปุระ ทานกับมะนาวญี่ปุ่น sudachi ที่รสชาติออกเปรี้ยวๆหวานๆ และเกลือผสมพริกไทยญี่ปุ่น Sanshou กรอบอร่อยลงตัวมากครับ
Grilled Sesame Tofu with Fresh Uni (250 B) - เต้าหู้ผสมงาทำให้ได้ผิวสัมผัสที่เหนียวนุ่มขึ้น นำไปย่างไฟอ่อนๆ เสริมรสชาติด้วยไข่หอยเม่นหวานๆมันๆกับวาซาบิสดหอมๆ แล้วเสริฟพร้อมกับโชยุผสมซุปปลาแห้ง (Warijouyu) อร่อยมาก หอยเม่นไม่มีกลิ่นคาวเลยครับ
ราด Warijouyu ลงไป น่าทานมากเลย ดูสีไข่หอยเม่นสิ
Matsutake mushroom & Sea Bream Dobinmushi (420 B) - ซุปกาเห็ดมัตสึทาเกะหอมๆ รสชาติกลมกล่อม ที่ใส่ทั้งปลาไท ฟองเต้าหู้นุ่มๆและแป้ง Namafu หนึบๆ บีบมะนาว sudachi ลงไปอีกนิดเพิ่มความสดชื่นดีครับ
Steamed Egg Custard (80 B) - ไข่ตุ๋นญี่ปุ่นเนื้อเนียนนุ่มรสชาติดี ที่พิเศษกว่าที่อื่นคือการราดน้ำเต้าหู้ลงไปด้วยเพิ่มความกลมกล่อมครับ
Taraba Kani & Matsutake mushroom Sumibiyaki (3250 B) - เมนูเด่นประจำฤดูใบไม้ร่วงของทางร้าน ปูทาราบะสดๆและเห็ดมัตสึทาเกะย่างเตาถ่าน แค่เห็นปูผมก็ละลายแล้วครับ เนื้อปูทาราบะสดๆหวานมากครับ เห็ดมัตสึทาเกะก็หอมมาก ทานกับน้ำจิ้ม Kanizu รสออกเปรี้ยวอมหวานนิดๆ อร่อยมาก
วางปูลงบนเตาถ่านแล้วเฝ้ารอ
สุกแล้ว สีส้มน่าทานมาก
เนื้อปูหวานๆ ชิ้นใหญ่มาก!!
ย่างเห็ดมัตสึทาเกะบ้าง
จิ้มซอส Kanizu เพิ่มรสชาติ
Hikiage Yuba (450 B) - เมนูฟองเต้าหู้ชื่อดังของทางร้านครับ ยกน้ำเต้าหู้มาทั้งหม้อตุ๋นกันสดๆในห้องเลยครับ พอผิวหน้าของน้ำเต้าหู้จับตัวกันเป็นแผ่นก็คีบขึ้นมาใส่ถ้วยราดด้วยโชยุผสมน้ำซุป และขุดผิวส้มยูสุ (Yuzu) ใส่ลงไปเพื่อเพิ่มกลิ่นหอม รสของฟองเต้าหู้ผสมกับ Warijouyu และกลิ่นของผิวส้ม เข้ากันดีจริงๆครับ
โอ้วๆ เริ่มจับตัวเป็นแผ่นแล้ว
แผ่นใหญ่มาก คีบขึ้นมาเลยครับ
เติม Warijouyu อีกนิด
ขูดผิวส้มยูสุลงไปอีกหน่อย
พร้อมอร่อยแล้ว
Fuku Fuku Tofu (650 B) - คราวนี้มาถึงคิวของเต้าหู้สดๆกันบ้าง เมนูนี้ก็นำหม้อมาต้มกันในห้องอีกเช่นกัน เนื้อเต้าหู้เนียนมาก กลิ่นก็หอม มีน้ำซอสให้เลือก 2 แบบครับ แบบแรกคือซอสมาโบรสเข้มข้นสไตล์เสฉวน และซอสยาไซอันที่เป็นซุปผักและฟองเต้าหู้รสชาติกลมกล่อมผสมกับแป้งมันเพื่อให้ได้ซอสที่เหนียวข้น อร่อยทั้งสองแบบเลยครับ และยังมีงาขาว ต้นหอมซอย และขิงป่น มาให้เติมเปลี่ยนรสชาติอีกด้วยครับ
เนื้อขาวเนียน น่าทานมาก!!
อร่อยแบบเบาๆกับซอสยาไซอัน
อร่อยแบบเข้มข้นกับซอสมาโบ
เพิ่มรสชาติด้วยงาขาว ต้นหอมซอย และขิงป่น ก็อร่อยไปอีกแบบ
Charcoal Grilled Kuroge Wagyu & Matsutake mushroom (1650 B) - เนื้อคุโระเกะวากิว (Kuroge Wagyu) จากเกาะคิวชูและเห็ดมัตสึทาเกะย่างบนใบโฮบะ เพิ่มความเข้มข้นของรสชาติด้วยซอสมิโซะ อร่อยทั้งเนื้อทั้งเห็ดครับ
Unagi Kama Meshi (450 B) - ข้าวหุงด้วยซอสปลาไหลทำให้ข้าวดูดซับรสชาติและกลิ่นของซอสไว้อย่างเต็มที่ โปะหน้าด้วยปลาไหลย่างซิอิ๊วชิ้นหนาและไข่เจียวหั่นฝอย เนื้อปลาไหลนุ่มมาก ที่ผมชอบมากคือรสของซอสไม่หวานเหมือนที่อื่นครับ
เนื้อปลาไหลอัดมาเต็มหม้อ!!!
Mineoka Fruit (125 B) - เมนูนี้คล้ายๆเต้าฮวยฟรุตสลัดครับแต่เนื้อเต้าฮวยที่ทำจากเต้าหู้นมสดจะ เหนียวหนึบกว่าเต้าฮวยปกติ และฟรุตสลัดรสชาติไม่หวานมากครับ
Tofu Pudding (125 B) - พุดดิ้งเต้าหู้ โรยด้วยน้ำตาลทรายแดง ผงถั่วและคาราเมลหอม รสชาติไม่หวานมาก กลิ่นของน้ำตาลทารายแดง ถั่ว และคาราเมลก็เข้ากันได้ดีกับพุดดิ้ง อร่อยดีครับ
Maccha Monaka with Red Beans (150 B) - ของหวานเมนูสุดท้ายเป็น Warabi mochi ที่ผสมนมถั่วเหลือง โมจิเนื้อใสเหนียวนุ่ม กับไอศครีมชาเขียวและถั่วแดง ประกบด้วยแป้งเวเฟอร์ Monaka กรอบๆบางๆ ชอบมากเลยครับ
สุดท้ายจิบชาโฮจิจะหอมๆหลังจบของหวาน ปิดมื้อไปอย่างสมบูรณ์แบบมากครับ
ประทับใจมากครับกับการมาทานครั้งแรกทั้งรสชาติ บริการ และบรรยากาศโดยรวม และยังได้สนุกกับวิธีการทานแบบญี่ปุ่นดั้งเดิมอีกด้วยต้องกลับมาอีกครั้งแน่นอนครับ ส่วนเมนูเห็ดมัตสึทาเกะมีให้ทานถึงวันที่ 30 พฤจิกายนเท่านั้นนะครับ
Open: Lunch 11.00 - 15.00
Dinner 18.00 - 23.00
Tel: 084 438 3892
ติดตามเพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/sheepsbutler