สวัสดีค่ะ เพิ่งเขียนกระทู้แรก และไม่แน่ใจว่าจะเขียนได้ดีมั้ย ยาวหน่อยน่ะค่ะ
ตอนนี้เรียนจบมาประมาณเกือบสองปีแล้วค่ะ แฟนเราอายุน้อยกว่าดังนั้นตอนนี้เค้ากำลังใกล้จะเรียนจบแล้ว แต่ยังไม่จบน่ะ อีกประมาณ 2 ปี
เราทำงานอยู่ที่บริษัทของพ่อแม่แฟน (ยังไม่ใช่บริษัทแฟนน่ะ เพราะเค้ายังไม่ยกให้ 555) ตอนแรกก็ไม่คิดที่จะมาทำที่บริษัทนี้ เพราะ...
1. เรารู้สึกว่าเรายังไม่ได้ทำสิ่งที่เราฝันอยากจะทำหลังเรียนจบ เราอยากเป็นคุณครูสอนภาษาที่สถาบันแห่งหนึ่ง
2. เพราะได้ยินเสียงลื่อเสียงเล่าอ้างจากคนในมาว่าบริษัทนี้ปัญหาเรื่องการบิหาร คือ เยอะ!!
ตอนนั้นทางบริษัทก็โทรมาหาเราหลายรอบให้ ผู้ใหญ่มาคุยกับเรา กับครอบครัวเรา ว่าอยากให้เราเข้าไปช่วยงานจริงๆ ซึ่งตอนนั้นก็แค่คิดว่ามันคงไม่มีอะไรมั้ง หรือว่าถ้าเราต้องการออกมาเป็นครูเดี่ยวเราค่อยขอเค้าอีกทีก็ได้ ตอนนั้นอะไรดนใจก็ไม่รู้ให้เราต้องตอบตกลงว่าจะมาทำงานที่นี้ เนื่องจากบริษัทเป็นของพ่อแม่แฟน พอเราเข้าไปทำงานเราก็ถือว่าเข้าไปในฐานะว่าที่ (สะไภ้) แล้วแหละ แต่การออกมาจากสิ่งที่เราเลือกไปแล้วมันไม่ง่ายอย่างที่คิด
พอเริ่มเข้ามาทำงาน ตอนแรกก็น่ะ... ตามประสาเด็กจบใหม่ไฟแรงเฟร่อ ก็ทำงานในตำแหน่งที่ได้รับมา เข้าขั้นดี อยู่ในช่วง โปรโมชั่น อะไรมันก็ดีอ่ะน่ะ แต่มันก็ดีได้ไม่นาน ปัญหาเรื่องงานต่างๆนาๆ ก็เข้ามา และเป็นปัญหาที่เราไม่ได้ก่อขึ้นเอง ตอนนั้นก็เครียดน่ะประมาณว่าต้องมานั่งเครียปัญหาที่เราไม่ได้ก่ออ่ะ ท้อน่ะบอกเลย แต่ยังโชคดีอยู่คือเราเข้ามาโดยมีที่ปรึกษาเป็นผู้ใหญ่น่านับถือ เค้าก็ค่อยช่วยเหลือเราอยู่ แต่ก็ไม่ได้มากเพราะท่านก็ไม่ได้มานั่งอยู่กับเราตลอดเวลา คือช่วงแรกๆเวลามีปัญหาก็จะเข้าไปหาผู้บริหาร (พ่อแฟน) เพื่อที่หวังว่าเค้าจะช่วยเหลือเรา แต่ประเด็นคือ ไม่ได้รับ solution ใดๆเลย บ้างทีกลายเป็นเราผิดสะอย่างนั้นที่ไปปรึกษาเค้าเรื่องต่างๆ อยู่ไปอยู่มาก็เริ่มอึดอัด กับหลายๆเรื่องขอไม่เล่ารายละเอียดน่ะ มันเยอะมากจริงๆ
คือเรา มองตัวเราเองว่ามีศักยภาพมากน่ะ สามารถทำงานได้หลายอย่าง จบจากมหาลัยดี เกรดดีอยู่น่ะ ครอบครัวบ้านเราก็ฐานะรวย พ่อแม่เราอยู่เมืองนอก บางทีก็น้อยเนื้อต่ำใจว่า ทำมั้ยเราจะต้องมาอยู่สภาพสาวออฟฟิสหน้าเยิ่นๆ เพราะจริงๆเรามีทางเลือกเยอะน่ะ จะเรียนต่อเมืองนอก จะสมัครที่บริษัทใหญ่ สมัครเป็นครูเราก็ว่าเราผ่านไม่ยากเลย ฉลุยมาก คิดอยู่ว่าทำมั้ยฉันต้องมาอยู่ที่นี้ว่ะ มีทางเลือกอีกตั้งเยอะ แต่ประเด็นมันคือเราเลือกที่จะอยู่กับแฟนเรา และมองอนคตของเราไว้ว่าจะทำบริษัทนี้ให้มันดีขึ้น
เราสองคนคบกับมานานพอควร รักกันมาก ถ้าตอนนี้ถึงวุฒิภาวะ ก็สามารถแต่งงานกันได้เลย จะว่ายังงั้นก็ได้ แต่เค้ายังเรียนไม่จบ แต่งงงแต่งงานหรอ หึ ชะนีก็ฝันไปก่อนค่ะ แฟนเราเป็นคนที่ครอบครัวหวังว่าจะมาช่วยดำเนินธุรกิจต่อ ก็หมายความว่าจะมาเป็นผู้บริหาร ยุคต่อไป และหวังว่าเค้าจะมาแก้ไขปัญหาที่คาราคาซัง
มันเหมือนโชคชะตาที่ทำให้เรามาทำงานที่นี้ พบเจอปัญหามากมาย ต้องอดทนสุดขีดกับบ้างเรื่อง แล้วไม่สามารถพูดกับใครได้เลยน่ะแม้แต่แฟนของเรา เพราะถ้าพูด คนนึ่งก็พ่อ คนนึ่งก็แฟน แถมเรายังถูกสั่งห้ามโดยครอบครัวแฟนว่าไม่ให้พูดเรื่องปัญหาที่เกิดขึ้นในบริษัทให้แฟนฟังด้วย เพราะ กลัวลูก (แฟนเรา)จะคิดมาก แล้วพลอยเกียจพ่อไปด้วย เราก้ไม่พูดก็ตามนั้น อึดอัดมากกกบอกเลย บ้างทีคิดถึงขั้นอยากให้ตัวเองประสบอุบัติเหตุเพื่อหยุดงาน จะได้ไม่ต้องไปทำงาน (คิดน่ะ ยังไม่เกิดจริง) คิดไปไกลมากกก
เราได้แค่รอคอยว่าเมื่อไหร่ แฟนจะจบมา เพื่อมาช่วยกันทำงาน ณ ตรงนี้ อย่างน้อยๆ ถึงไม่สามารถแก้ไขอะไรได้ แต่มองว่าเราก็ยังมีคนเคียงข้าง ตอนนี้เหมือนพบเจอปัญหาอยู่คนเดียว TT^TT
มาคิดๆดูก็ได้แนวทางให้แก่ตัวเองเยอะมากกกกกก
1. เราก็เลยคิดว่า ในช่วงเวลา 2 ปีที่เรารอแฟนมาทำงาน เราจะออกไปสมัครเป็นคุณครู เพื่อตอบสนองความต้องการของตัวเอง (ไม่อยากให้ตัวเองมีปมตอนแก่) แล้วอีกสัก 2 ปี ให้หลัง ค่อยกลับมาที่บริษัทนี้ลุยไปพร้อมๆกับแฟนต่อไป (อย่างน้อยก็ไม่ได้ลุยเดียว เหมือนตอนนี้) แต่หลบไปสักพัก แต่กลับมาแน่นอน! ข้อนี้อย่างน้อยเราก็ได้ทำสิ่งที่เราฝัน แฟนเราก็ไม่ได้ว่าอะไร กับแนวทางนี้ แต่อาจจะมีไม่เห็นด้วยเล็กๆแต่ไม่ปริปากพูด เพราะเค้าก็เคารพในการตัดสินใจของเรา
2. เราก็รู้น่ะว่าถ้าออกไปเป็นครู ทางบริษัทจะขาดคน และอยากจจะวุ่นวายในช่วงแรกๆที่เราออกไป เพราะปัจจุบันอยู่ในตำแหน่งก็ระดับหัวหน้างาน เราก็อยู่มันตรงนี้แหละ แต่ต้องอดทนมากที่สุดในสามโลก ห้ามปริปากบ่น อาจจะดีกับ แฟน และครอบครัวแฟนในเรื่องของความคิดเห็นที่มีต่อเรา อาจจะไม่มีทัศนคติลบเท่ากับข้อ 1 แต่! เราจะหมดโอกาสการทำตามความฝันไปตลอดชีวิต เลยก็ว่าได้
ปล. คิดว่าไม่สามารถเป็นครู part time ได้แน่นอน เพราะที่บริษัททำงาน 6 วัน / อาทิตย์
ตอนนี้สับสนมากไม่รู้จะทำยังไง ??? อยากขอความคิดเห็น
ทำตามฝัน หรือ อดทนต่อไป?
ตอนนี้เรียนจบมาประมาณเกือบสองปีแล้วค่ะ แฟนเราอายุน้อยกว่าดังนั้นตอนนี้เค้ากำลังใกล้จะเรียนจบแล้ว แต่ยังไม่จบน่ะ อีกประมาณ 2 ปี
เราทำงานอยู่ที่บริษัทของพ่อแม่แฟน (ยังไม่ใช่บริษัทแฟนน่ะ เพราะเค้ายังไม่ยกให้ 555) ตอนแรกก็ไม่คิดที่จะมาทำที่บริษัทนี้ เพราะ...
1. เรารู้สึกว่าเรายังไม่ได้ทำสิ่งที่เราฝันอยากจะทำหลังเรียนจบ เราอยากเป็นคุณครูสอนภาษาที่สถาบันแห่งหนึ่ง
2. เพราะได้ยินเสียงลื่อเสียงเล่าอ้างจากคนในมาว่าบริษัทนี้ปัญหาเรื่องการบิหาร คือ เยอะ!!
ตอนนั้นทางบริษัทก็โทรมาหาเราหลายรอบให้ ผู้ใหญ่มาคุยกับเรา กับครอบครัวเรา ว่าอยากให้เราเข้าไปช่วยงานจริงๆ ซึ่งตอนนั้นก็แค่คิดว่ามันคงไม่มีอะไรมั้ง หรือว่าถ้าเราต้องการออกมาเป็นครูเดี่ยวเราค่อยขอเค้าอีกทีก็ได้ ตอนนั้นอะไรดนใจก็ไม่รู้ให้เราต้องตอบตกลงว่าจะมาทำงานที่นี้ เนื่องจากบริษัทเป็นของพ่อแม่แฟน พอเราเข้าไปทำงานเราก็ถือว่าเข้าไปในฐานะว่าที่ (สะไภ้) แล้วแหละ แต่การออกมาจากสิ่งที่เราเลือกไปแล้วมันไม่ง่ายอย่างที่คิด
พอเริ่มเข้ามาทำงาน ตอนแรกก็น่ะ... ตามประสาเด็กจบใหม่ไฟแรงเฟร่อ ก็ทำงานในตำแหน่งที่ได้รับมา เข้าขั้นดี อยู่ในช่วง โปรโมชั่น อะไรมันก็ดีอ่ะน่ะ แต่มันก็ดีได้ไม่นาน ปัญหาเรื่องงานต่างๆนาๆ ก็เข้ามา และเป็นปัญหาที่เราไม่ได้ก่อขึ้นเอง ตอนนั้นก็เครียดน่ะประมาณว่าต้องมานั่งเครียปัญหาที่เราไม่ได้ก่ออ่ะ ท้อน่ะบอกเลย แต่ยังโชคดีอยู่คือเราเข้ามาโดยมีที่ปรึกษาเป็นผู้ใหญ่น่านับถือ เค้าก็ค่อยช่วยเหลือเราอยู่ แต่ก็ไม่ได้มากเพราะท่านก็ไม่ได้มานั่งอยู่กับเราตลอดเวลา คือช่วงแรกๆเวลามีปัญหาก็จะเข้าไปหาผู้บริหาร (พ่อแฟน) เพื่อที่หวังว่าเค้าจะช่วยเหลือเรา แต่ประเด็นคือ ไม่ได้รับ solution ใดๆเลย บ้างทีกลายเป็นเราผิดสะอย่างนั้นที่ไปปรึกษาเค้าเรื่องต่างๆ อยู่ไปอยู่มาก็เริ่มอึดอัด กับหลายๆเรื่องขอไม่เล่ารายละเอียดน่ะ มันเยอะมากจริงๆ
คือเรา มองตัวเราเองว่ามีศักยภาพมากน่ะ สามารถทำงานได้หลายอย่าง จบจากมหาลัยดี เกรดดีอยู่น่ะ ครอบครัวบ้านเราก็ฐานะรวย พ่อแม่เราอยู่เมืองนอก บางทีก็น้อยเนื้อต่ำใจว่า ทำมั้ยเราจะต้องมาอยู่สภาพสาวออฟฟิสหน้าเยิ่นๆ เพราะจริงๆเรามีทางเลือกเยอะน่ะ จะเรียนต่อเมืองนอก จะสมัครที่บริษัทใหญ่ สมัครเป็นครูเราก็ว่าเราผ่านไม่ยากเลย ฉลุยมาก คิดอยู่ว่าทำมั้ยฉันต้องมาอยู่ที่นี้ว่ะ มีทางเลือกอีกตั้งเยอะ แต่ประเด็นมันคือเราเลือกที่จะอยู่กับแฟนเรา และมองอนคตของเราไว้ว่าจะทำบริษัทนี้ให้มันดีขึ้น
เราสองคนคบกับมานานพอควร รักกันมาก ถ้าตอนนี้ถึงวุฒิภาวะ ก็สามารถแต่งงานกันได้เลย จะว่ายังงั้นก็ได้ แต่เค้ายังเรียนไม่จบ แต่งงงแต่งงานหรอ หึ ชะนีก็ฝันไปก่อนค่ะ แฟนเราเป็นคนที่ครอบครัวหวังว่าจะมาช่วยดำเนินธุรกิจต่อ ก็หมายความว่าจะมาเป็นผู้บริหาร ยุคต่อไป และหวังว่าเค้าจะมาแก้ไขปัญหาที่คาราคาซัง
มันเหมือนโชคชะตาที่ทำให้เรามาทำงานที่นี้ พบเจอปัญหามากมาย ต้องอดทนสุดขีดกับบ้างเรื่อง แล้วไม่สามารถพูดกับใครได้เลยน่ะแม้แต่แฟนของเรา เพราะถ้าพูด คนนึ่งก็พ่อ คนนึ่งก็แฟน แถมเรายังถูกสั่งห้ามโดยครอบครัวแฟนว่าไม่ให้พูดเรื่องปัญหาที่เกิดขึ้นในบริษัทให้แฟนฟังด้วย เพราะ กลัวลูก (แฟนเรา)จะคิดมาก แล้วพลอยเกียจพ่อไปด้วย เราก้ไม่พูดก็ตามนั้น อึดอัดมากกกบอกเลย บ้างทีคิดถึงขั้นอยากให้ตัวเองประสบอุบัติเหตุเพื่อหยุดงาน จะได้ไม่ต้องไปทำงาน (คิดน่ะ ยังไม่เกิดจริง) คิดไปไกลมากกก
เราได้แค่รอคอยว่าเมื่อไหร่ แฟนจะจบมา เพื่อมาช่วยกันทำงาน ณ ตรงนี้ อย่างน้อยๆ ถึงไม่สามารถแก้ไขอะไรได้ แต่มองว่าเราก็ยังมีคนเคียงข้าง ตอนนี้เหมือนพบเจอปัญหาอยู่คนเดียว TT^TT
มาคิดๆดูก็ได้แนวทางให้แก่ตัวเองเยอะมากกกกกก
1. เราก็เลยคิดว่า ในช่วงเวลา 2 ปีที่เรารอแฟนมาทำงาน เราจะออกไปสมัครเป็นคุณครู เพื่อตอบสนองความต้องการของตัวเอง (ไม่อยากให้ตัวเองมีปมตอนแก่) แล้วอีกสัก 2 ปี ให้หลัง ค่อยกลับมาที่บริษัทนี้ลุยไปพร้อมๆกับแฟนต่อไป (อย่างน้อยก็ไม่ได้ลุยเดียว เหมือนตอนนี้) แต่หลบไปสักพัก แต่กลับมาแน่นอน! ข้อนี้อย่างน้อยเราก็ได้ทำสิ่งที่เราฝัน แฟนเราก็ไม่ได้ว่าอะไร กับแนวทางนี้ แต่อาจจะมีไม่เห็นด้วยเล็กๆแต่ไม่ปริปากพูด เพราะเค้าก็เคารพในการตัดสินใจของเรา
2. เราก็รู้น่ะว่าถ้าออกไปเป็นครู ทางบริษัทจะขาดคน และอยากจจะวุ่นวายในช่วงแรกๆที่เราออกไป เพราะปัจจุบันอยู่ในตำแหน่งก็ระดับหัวหน้างาน เราก็อยู่มันตรงนี้แหละ แต่ต้องอดทนมากที่สุดในสามโลก ห้ามปริปากบ่น อาจจะดีกับ แฟน และครอบครัวแฟนในเรื่องของความคิดเห็นที่มีต่อเรา อาจจะไม่มีทัศนคติลบเท่ากับข้อ 1 แต่! เราจะหมดโอกาสการทำตามความฝันไปตลอดชีวิต เลยก็ว่าได้
ปล. คิดว่าไม่สามารถเป็นครู part time ได้แน่นอน เพราะที่บริษัททำงาน 6 วัน / อาทิตย์
ตอนนี้สับสนมากไม่รู้จะทำยังไง ??? อยากขอความคิดเห็น