[CR] ลุงกับป้าตะลุยยุโรป 64 วัน 33 ประเทศ [ตอนที่ 8 ] ปิดท้ายที่การ์ตาก่อนกลับไทย


          ตอนลงต่อเครื่องที่โดฮาก็เรียบร้อยดี แม้ไม่มีป้ายบอกทาง แต่มีจนท.สนามบิน ยืนคอยบอกทางออกและทางไปต่อเครื่อง เราเดินไปหาที่ถ่ายรูป และเข้าห้องน้ำ ไม่กล้าออกจากสนามบินไปไหน เพราะมีเวลาไม่ถึง 2 ชั่วโมง แต่ก็ได้ชื่อว่า ได้เหยียบแผ่นดินกาต้าร์แล้ว……
          เครื่องบินไม่สามารถออกจากสนามบินตามกำหนดเวลาได้ เพราะของที่สาวโดฮาซื้อจากร้านค้าปลอดภาษีหาย เธอโวยวาย…ถ้าหาของให้เธอไม่ได้ ห้ามกัปตันนำเครื่องขึ้น เธอจะโทรเรียกให้พ่อของเธอมาจัดการ ทั้งแอร์และสจ๊วตช่วยกันหาของให้เธอ ขอค้นสัมภาระที่มีลักษณะน่าสงสัย กัปตันประกาศขออภัยผู้โดยสาร เครื่องบินจะถึงกรุงเทพฯ ช้ากว่ากำหนดประมาณครึ่งชั่วโมง
                                      
         บนเครื่องลำใหม่ ที่นั่งกว้างขวางเพราะเป็นแอร์บัส มี 10 แถวหน้ากระดาน (3-4-3) เรานั่งถัดจากชั้นพิเศษเป็นแถวที่ 3 ไม่ว่าจะหันไปทางไหนก็...ซินหย่าว...ก่ามเอิน....มีคนไทยคู่เดียวจริงๆ คือเรา แถวหน้าเราตอนแรกเป็นสาวไทยพร้อมครอบครัวจากยุโรป มีลูกเล็กๆ 2.6 ขวบ 1.3 ขวบ และ 4 เดือน ไม่มีใครพูดภาษาไทยกันเลยสักคน สามีของเธอขอเพิ่มเป็นตั๋วชั้นพิเศษ สำหรับเธอและลูกอ่อน เพราะไม่ได้แถวหน้าสุด ที่มีช่องว่างสำหรับจอดรถเข็นเด็ก ที่ข้างหน้าเราจึงเป็นที่ของ 3 คนพ่อลูก
          ลุงนั่งริมหน้าต่างเพราะผู้โดยสารอีกคนหนึ่งเป็นผู้หญิง ลักษณะเหมือนลูกครึ่ง อายุไม่น่าจะเกิน 50 ปี ป้าไม่กล้าคุยด้วย เพราะเธอเสียบหูฟังตลอดเวลา ห่มผ้าและหลับตาที่อยู่หลังแว่นสายตาด้วย ในระหว่างที่กัปตันประกาศว่า ให้ทุกคนรัดเข็มขัดให้แน่น ห้ามใช้เครื่องมืออิเล็คโทรนิค และห้ามลุกจากที่นั่ง เพราะเครื่องบินกำลังอยู่ในระหว่างตกหลุมอากาศ หลังจากรอได้ประมาณ 15 นาที ลุงบอกว่าไม่ไหวแล้ว ป้าต้องขอทางให้ลุงลุกไปเข้าห้องน้ำ พอลุงกลับมาถึงที่นั่ง ลุงรายงานว่า “เพิ่งจะซาบซึ้งกับคำว่า ขี้หดตดหาย วันนี้แหละ…แอร์ไปตบประตูห้องน้ำ!”         
                                          
          พอถึงสนามบินสุวรรณภูมิ ต้องรีบไปที่จุดรับแลกเงิน ได้เห็นป้ายบอกว่า ไม่มีค่าธรรมเนียม อีกที่…ประเทศไทยก็น่ารักนะ… แต่ปรากฏว่าเงินที่แลกคืนไม่ได้ คือ เงินโปแลนด์ ฮังการี อียิปต์ และโรมาเนีย ซึ่งเป็นเงินที่ก่อนไปไม่มีให้แลก และเงินสแกนดิเนเวียที่ต่ำกว่า 100 โครน นั่นไง... จะทำอย่างไรกับเงินที่เหลือดี….โชคยังดีที่ตอนนั้นไม่ได้แลกเงินที่เชค…….
                                          
         ในขณะที่แลกเงินอยู่ ลูกโทรไปบอกว่า รถติดมาก ถ้าต่อแท็กซี่ ให้ขึ้นทางด่วนเท่านั้น! เจออีก 1 โจทย์แล้วววว....ลุงบอกว่าไหนๆ ก็แบ็คแพ็คแล้วเอาให้สุดๆไปเลย ขอใช้บริการแอร์พอร์ตลิ้งค์ ไปต่อบีทีเอสแล้วนั่งรถเมล์ ก่อนเดินเข้าบ้านละกัน....
          เดินตามป้ายแอร์พอร์ตลิ้งค์ ไปซื้อตั๋ว ยังได้ราคาเดิม คือ คนละ 45 บาท พอถึงที่รอแอร์พอร์ตลิ้งค์ มีประกาศว่า รถที่เข้าสถานีนี้ จะไม่ไปต่อ จนกว่าจะทำการตรวจสอบความปลอดภัยเป็นที่เรียบร้อย ห้ามผู้โดยสารขึ้นรถโดยเด็ดขาด!!!!
                                            
          อ้าวววว! เกิดอะไรขึ้น? ป้าถามว่าต้องรอนานมั้ย ....ทหารหญิงตอบว่า 1 นาที!!! อะจึ๋ย!!!! แค่ 1 นาทีเนี่ยนะ… ประกาศซะตกใจ....บนรถแอร์พอร์ตลิ้งค์ นั่งมองทัศนียภาพ 2 ข้างทางตลอดสาย จากสุวรรณภูมิ ถึงพญาไท มีความเป็นไทยอยู่ที่เดียวคือ ที่วัดอุทัยทาราม!!!! และสภาพแวดล้อมของกทม. มีลักษณะคล้ายๆ กับคุนหมิงของจีน ที่ดูเหมือนว่าเพิ่งเริ่มปลูกต้นไม้....เราเพิ่งกลับจากประเทศที่เขาพัฒนาไปไกลกว่าเรา ได้เห็นสภาพบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความร่มรื่น สะอาด และสีเขียว…….
                                            
         ยกเว้นที่กรุงปราก และกรุงเบอร์ลิน เช้าวันหยุดที่ ความสะอาดหายไป ส่วนที่สโลวเกีย และโรมาเนีย ความสะอาด และความเขียว ยังหลุดมาตรฐานอยู่....ส่วนกรุงเทพมหานครของเรา ถ้าอยากเทียบเท่าเขาต้องเพิ่ม ความสะอาด และความเขียว แล้วความร่มรื่นก็น่าจะตามเอง....ลาก่อนยุโรป และตะวันออกกลาง......สวัสดีบางกอก ไทยแลนด์
          การเดินทางด้วยเวลา 64 วัน ไม่นับประเทศไทยรวม 32 ประเทศ 75 เมือง ระยะทาง 54,938 กิโลเมตร เวลาเดินทาง 781 ชั่วโมง ค่าดำเนินการและค่าธรรมเนียมวีซ่า 9,300 บาท ค่าประกันการเดินทางและค่าสมัครสมาชิกบ้านเยาวชน 7,700 บาท ค่าตั๋วเครื่องบิน 5 ไฟลท์ 101,584 บาท ค่าตั๋วอียูเรลพาส 84,000 บาท ค่าอื่นๆ 3,660 บาท ค่าพาหนะอื่นๆ ได้แก่ ค่าจองที่นั่งรถไฟ ค่าแท็กซี่ รถเมล์ รถใต้ดิน ค่ารถท่องเที่ยวพิเศษ และค่าเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยว 91,143 บาท ค่าที่พักไม่รวมบ้านพี่โจ้และบ้านเช่าของดอร่า และห้องพักของโซฟีสาวอินโดนีเซีย 52,577 บาท ค่าอาหาร 21,429 บาท (ไม่รวมอาหารฟรีที่บ้านพี่โจ้ที่ทั้งหรู อร่อยและประทับใจที่สุดในทริป) ค่าใช้จ่ายรวม 2 คน 371,560 บาท
          สิ่งที่อยากเขียนเพิ่มเติม คือ คนไทยจำนวนไม่น้อย ที่คิดว่าอาคารทันสมัยและเทคโนโลยีที่ล้ำหน้าในยุโรป บอกความเป็นอารยะ แต่เท่าที่เห็น ประเทศในยุโรปที่พัฒนาทางด้านวัตถุและเทคโนโลยีเต็มที่แล้ว เขาจะหันกลับมาให้ความสำคัญกับธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม วัฒนธรรม จริยธรรม ความเป็นอยู่ของประชาชน สุนทรียศาสตร์ การอยู่ร่วมกันอย่างพึ่งพาอาศัย ความเป็นสากลในการดูแลองค์รวมของโลกมนุษย์ เขาจึงมีกฎหมายควบคุมการใช้ที่ดินในการปลูกสร้างอาคาร การกระทำใดๆ ที่จะส่งผลกระทบระยะยาวต่อสังคมโดยรวม โดยตัดความเป็นตัวตน คงไว้แต่ความเป็นสากล ทุกที่จึงเต็มไปด้วยสีเขียวของต้นไม้ ใครๆ ก็ปลูกต้นไม้ได้ แต่ต้องขออนุญาตตัดเมื่อมันมีอายุสมควรที่จะตัด และการบำบัดของเสียก่อนที่จะปล่อยให้เป็นมลพิษก็มีการเข้มงวด เช่นกัน
          ในขณะที่ชาวนาและเกษตรกรในยุโรป มีเทคโนโลยีทันสมัยในการทุ่นแรง พวกเขายังคงมีการทำปุ๋ยคอกและปุ๋ยหมักไว้ใช้เอง มีโรงเก็บผลผลิต โรงเรือนหรือคอกปศุสัตว์และเครื่องมือเครื่องใช้ที่ได้มาตรฐาน มีรถส่วนตัวใช้เอง และมีรถบ้านไว้ใช้เวลาที่เดินทางไปเที่ยวต่างเมือง....คนมีเงินที่อยู่บนอาคารสูงหรือบ้านในเมือง ที่ไม่มีบริเวณ ออกไปเช่าพื้นที่ของบ้านเกษตรกรที่ปลูกสวน ทั้งไม้ดอก และไม้ผล ตั้งบ้านหลังเล็กเพื่อการพักผ่อนในฤดูร้อน เพื่อจะได้สูดอากาศบริสุทธิ์ ในบรรยากาศที่แวดล้อมด้วยธรรมชาติได้เต็มปอด แทนการอยู่แต่ในอาคารปิดเพื่อความอบอุ่นใน 3 ฤดูของปี ที่มีแต่ความหนาวเย็น
          นักท่องเที่ยวอย่างเราเห็นว่า ค่าครองชีพในยุโรปสูงเกือบทุกประเทศ โดยเฉพาะสวิสฯ กับ อิตาลี ส่วนประเทศในแถบสแกนดิเนเวียและฟินแลนด์จัดไว้ในกลุ่มค่าครองชีพสูงที่สุดในยุโรปอยู่แล้วโดยเฉพาะที่สต็อคโฮล์ม สวีเดน แม้แต่ค่าโดยสารรถบริการสาธารณะก็สูงมาก ประเทศในยุโรปที่เราไปมา ค่าครองชีพไม่สูง เห็นมีแต่ โรมาเนีย เอสโตเนีย ลัตเวีย และ ลิธัวเนีย เท่านั้น ส่วนในฮังการี และโปแลนด์ น่าจะจัดอยู่ในกลุ่มที่ค่าครองชีพอยู่ในระดับปานกลาง
          ประชาชนที่อยู่อาศัยในแต่ละพื้นที่ของยุโรป มีวิธีการรับมือกับการใช้จ่ายประจำวัน พวกเขารู้ว่า ควรจะจับจ่ายซื้อของแต่ละประเภทที่ไหนบ้าง เช่น ในเยอรมนี แม่บ้านที่จับจ่ายอย่างระมัดระวัง ก็จะไปซื้อของที่ Aldi, Lidl หรือ Penny  เช่นเดียวกับที่ ฮังการี เชค และ ออสเตรีย ส่วนในประเทศที่มี Co-op พวกแม่บ้านนิยมไปจับจ่ายที่นั่น สำหรับโปแลนด์ เอสโตเนีย ลัตเวียร์ และ ลิธัวเนีย เขานิยมไปจับจ่ายที่ Maxima ตลาดนัดท้องถิ่น ที่ผู้ผลิตนำมาจำหน่ายเอง ก็เป็นที่นิยมในทุกประเทศ
          น้ำดื่มสาธารณะในยุโรป ส่วนใหญ่สะอาดได้มาตรฐานความปลอดภัย ทั้งโรงแรมที่พัก สวนสาธารณะ สถานีรถไฟ สถานีรถบัส บนรถไฟ บนรถบัส นักท่องเที่ยวแบ็คแพ็คส่วนใหญ่ จะพกขวดน้ำหรือกระติกน้ำ ดื่มหมดแล้วก็กรอกใหม่ได้ ถ้าเป็นที่จีน ตามสถานีรถไฟ สถานีรถบัส จะมีน้ำร้อนสำหรับชงบะหมี่ด้วย
          อีกสิ่งหนึ่งที่น่าคิด คือ หลังจากที่ออกจากเบลเยี่ยมแล้ว ดูเหมือนว่าจำนวนคนผิวสีลดลงเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงเฮลซิงกิเราก็ไม่พบคนผิวสีอีกเลย และในรัสเซีย เอสโตเนีย ลัตเวีย ลิธัวเนีย กับ เชค ไม่มีคนผิวสีเลย เมื่อมาถึงเยอรมนีก็มีประปราย ดูเหมือนว่าประเทศเหล่านี้ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับการค้าทาสหรืออย่างไร ส่วนพฤติกรรมการอ่านหนังสือ พบว่าเกือบทุกประเทศในยุโรป ผู้คนรักการอ่านเป็นชีวิตจิตใจ ยกเว้นรัสเซียและโปแลนด์ที่คนไม่นิยมอ่านหนังสือ
                                            
          การพาสุนัขขึ้นรถบริการสาธารณะ มีทั่วยุโรป มีมากที่สุดในอิตาลี ไม่ค่อยมีในแถบยุโรปตะวันออก รัสเซีย เอสโตเนีย ลัตเวีย และลิธัวเนีย ส่วนจักรยานคู่ชีพที่ต้องพาขึ้นรถบริการสาธารณะ มีทุกประเทศ และได้รับการจัดพื้นที่พิเศษให้ด้วย รวมทั้งรถเข็นเด็กเล็ก และคนพิการก็มีพื้นที่พิเศษให้เช่นกัน
          ปัญหาของการจัดการการท่องเที่ยว เรื่องห้องน้ำนับว่าเป็นปัญหาใหญ่ ปัญหาหนึ่ง ความจริงถ้าจัดให้มีห้องสุขาสาธารณะ มีสายชำระที่ใช้การได้ดี น้ำดี ชักโครกดี กระดาษชำระถ้ามี ก็ควรมีถังให้ จะดีกว่าไม่มีห้องสุขา หรือหวงใช้ โดยเก็บค่าใช้แพงลิ่ว ทำให้ทั้งคนท้องถิ่นและนักท่องเที่ยวแอบขับถ่ายตามซอกมุมต่างๆ ส่งกลิ่นคละคลุ้งแทบทุกเมือง  ปัญหาอีกอย่างหนึ่งที่พบ คือ แผนที่ไม่ละเอียด ไม่บอกชื่อสถานี หรือจุดจอดรถบริการสาธารณะ ที่เป็นสถานีสำหรับการท่องเที่ยว ไม่มีป้ายบอกทาง หรือ มีก็ไม่ชัดเจน
          ถ้าทุกประเทศมีเจ้าของบ้านที่เอาใจใส่นักท่องเที่ยว แบบลูเซิร์น กับซูริคในสวิสเซอร์แลนด์ และเบอร์ลิน ในเยอรมนีจะทำให้คนไปแล้วอยากไปอีก เพราะตัวอย่างในการดูแลนักท่องเที่ยวได้รับการส่งต่อ แบบรุ่นต่อรุ่น แค่เห็นนักท่องเที่ยวเก้ๆกังๆ ก็จะเดินเข้าไปถามว่า มีอะไรให้ช่วยมั้ย และมีทักษะในการอ่านแผนที่ หรือ วาดภาพ ลากเส้น เส้นทางในการท่องเที่ยว ด้วยความกระตือรือร้น เป็นสัมผัสแห่งความอบอุ่นที่ใครๆ ก็ต้องการ
                                            
ชื่อสินค้า:   ยุโรป
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่