ตอนนี้เราอายุ 30
เราเกิดมากับสภาพครอบครัวที่ไม่สมบูรณ์แบบ พ่อกับแม่แยกทางกันตอนเราอายุ 8 ขวบ เรามีพี่ชาย1คน แก่กว่าเรา 1 ปี สาเหตุที่พ่อเลิกกับแม่ เพราะแม่ติดการพนัน พ่อไปทำงานที่เมืองนอก และส่งเงินกลับไทยมาให้แม่สร้างบ้านและเลี้ยงดูลูก สมัยนั้นสามีใครได้ไปทำงานเมืองนอกถือว่าครอบครัวนั้นมีฐานะพอสมควร พอพ่อส่งเงินมา แม่กลับเอาไปเล่นการพนันจนหมด บ้านที่กำลังสร้างก็ไม่เป็นรูปเป็นร่าง
เมื่อย่าของเราเห็นท่าไม่ค่อยดี ก็เลยเขียนจดหมายไปบอกพ่อเราว่า "เมียเอาเงินไปเล่นไพ่หมดแล้วนะ บ้านคงสร้างไม่เสร็จหรอก" เมื่อพ่อเรารู้ข่าว พ่อเลยกลับมาจากเมืองนอก ทะเลาะกันกับแม่รุนแรง จนเลิกราจากกัน ตอนแรกพ่อจะเอาพี่ชายเราไปเลี้ยง แล้วให้เราอยู่กับแม่ แต่แม่เราไม่ยอม เรากับพี่ชายเลยได้อยู่กับแม่
เมื่อแม่เลิกกับพ่อ พ่อก็ไม่ได้ส่งเสียเลี้ยงดูเรากับพี่ชายเลย เพราะพ่อก็แต่งงานมีครอบครัวใหม่ แม่เราเลยเลิกเล่นไพ่แล้วไปทำงานที่ใต้หวัน แม่ทำงานที่นั่นเก็บเงินได้พอสมควร และส่งเงินกลับมาต่อเติมบ้านที่ค้างอยู่จนเสร็จ และเมื่อหมดสัญญาการทำงาน แม่ก็กลับเมืองไทย เพื่อนฝูงมารุมล้อม และชวนกันไปเล่นไพ่อีก แม่อดใจไม่ได้.... แล้วแม่ก็กลับไปวังวนนั้นอีกครั้ง!!!
ตลอดเวลาที่แม่ไปเล่นไพ่ ไม่กลับบ้านกลับช่อง ด้วยความที่เรากำลังโตเป็นสาว อายุก็ 11-12 ป้าเราเห็นท่าไม่ค่อยดีที่จะให้เราอยู่บ้านกับพี่ชายตามลำพัง 2 คน ป้าจึงให้เราไปนอนที่บ้านแก วันไหนที่แม่กลับบ้าน เราค่อยกลับมานอนบ้านกับแม่
แม่เล่นไพ่เริ่มหนักขึ้น จนเป็นหนี้เป็นสินเยอะแยะ และเอาบ้านกับที่ดินไปจำนองกับคนมีตังค์ในหมู่บ้าน ดอกเบี้ยโหดมาก แต่แม่เราต้องการเงินมาต่อทุน และนับวันยิ่งเลวร้ายลงทุกวัน จนป้าและยายเราขอร้องให้แม่เลิกเถอะ และไปทำงานกับญาติที่กรุงเทพซะ แม่โอเค ตกลงไปทำงานที่กรุงเทพ และให้เราอาศัยอยู่กับป้า ช่วยป้าขายของ(ป้าขายอาหาร)
แม่ไปทำงานในโรงงาน ซิ่งน้าๆเราทำอยู่ที่นั่นก่อนแล้ว แม่ทำงานอยุ่ที่นั่นตั้งแต่เราอยู่ ม.1-ม.6 ซึ่งไร้จากการยุ่งเกี่ยวกับการพนัน แต่เปลี่ยนแนวเป็นการเล่นแชร์ แล้วมรสุมก็กลับมาอีกครั้ง เมื่อแม่เป็นท้าวแชร์ แล้วลูกแชร์เปียแล้วหนี แม่เล่นหลายมือมาก จนชักหน้าไม่ถึงหลัง
ตลอดระยะเวลาที่เราอยู่กับป้า เราได้มีโอกาสทำงานหาเงินเองตอนอายุ15 ด้วยความที่เราเป็นคนชอบร้องเพลง เสียงก็ถือว่าโอเค เลยมีคนจ้างไปร้องตามงานแต่ง งานบวช หรืองานมหรสพทั่วไป ได้งานละ300บาท กลางวันเรียนหนังสือ กลางคืนถ้ามีงานก็ออกไปร้องเพลง ร้องตั้งแต่ ม.3 จนถึง ม.6 มีเงินเก็บ20,000
เมื่อถึงเวลาสอบเข้ามหาลัย หรือเอ็นทรานซ์นั่นเอง เราสอบติดมนุษย์ศาสตร์ มหาลัยขอนแก่น ตอนนั้นเราทำเรื่องกู้ยืมเงินเพื่อการศึกษา แต่ไม่ผ่านเพราะหลักฐานไม่พอ เราเลยบอกแม่ให้โทรไปหาพ่อให้หน่อยว่าสามารถส่งเราเรียนได้มั้ย ทางฝั่งน้าๆป้าๆเราสามารถส่งเราได้ครึ่งนึง แต่อยากขอให้พ่อช่วยด้วยครึ่งนึง แต่พ่อตอบมาว่า "พ่อก็ลำบากเพราะมีครอบครัวและลูกๆทางนี้ต้องดูแลเช่นกัน พ่อคงช่วยไม่ได้"
สรุปคือ "เราอดเรียนต่อมหาลัย" T_T
เมื่อไม่ได้เรียนต่อ แม่เลยให้เราขึ้นกรุงเทพเพื่อไปทำงานที่โรงงานด้วยกัน เราก็เลยเป็นสาวโรงงานเต็มตัว แต่เงินเดือนเราแม่เก็บหมด เราก็ไม่ได้แย้งอะไร เพราะเราก็ไม่ได้จำเป็นต้องใช้เงิน เลยให้แม่เอาเงินไปใช้หนี้ซะ เท่าที่เราจะช่วยได้
พอถึงวันปีใหม่ โรงงานจัดงานเลี้ยง เราอยากได้ชุดสวยๆมาใส่ในงานเลี้ยง ก็เลยจะเอาเงินเก็บจากการร้องเพลงที่เรามี 20,000 นั่นและ เอาไปซื้อเสื้อผ้าและของขวัญมาจับสลาก แต่........แต่ๆๆๆๆๆ "เงินหายค่ะ"
สืบไปสืบมา "แม่เราเองที่ขโมย"
หลังจากที่เราทำงานในโรงงานได้ 2 ปี เงินเดือนเราแม่ก็เอาไปเคลียร์หนี้แชร์จนเป็นไทย และดูว่าอะไรๆมันเริ่มจะดีขึ้น มีคนมาชักชวนเราไปออดิชั่นร้องเพลงในร้านอาหารและผับ เพราะเค้าเห็นเราร้องเพลงในงานปีใหม่โรงงาน
เราไปลองออดิชั่นดู ได้งานมาร้านนึง ก็เลยทำงานโรงงานกลางวัน และกลางคืนออกไปร้องเพลง แต่อย่างที่ทุกคนรู้ ว่ากรุงเทพรถติดแค่ไหน งานร้องเพลงเราเริ่มทุ่มนึง เราต้องออกจากบ้านบ่าย2 นั่งรถเมล์จากบางแคไปพัฒนาการ และเราต้องลางานที่โรงงานช่วงบ่ายทุกวันเพื่อเตรียมตัวไปร้องเพลง จนหัวหน้างานเริ่มจะไม่ไหวกับเราละ เลยให้เราออกจากงาน
พอเราได้ออกจากโรงงาน เราก็เหลือแค่งานร้องเพลงงานเดียว ได้ค่าตัว 270 ร้องชั่วโมงครึ่ง เราคิดว่าเงินแค่นี้ไม่พอในการดำรงชีวิตแน่ กลางวันเราเลยไปรับจ้างล้างจานในร้านข้าวแกง กลางคืนก็หาออดิชั่นตามร้านอื่นเพิ่มเติม
ร้องเพลงอยู่นานจนกระทั่งมีเงินเก็บและออกรถเก๋งคันนึง และในช่วงเวลาที่ร้องเพลงก็ส่งเงินให้แม่ทุกเดือนเพื่อให้แกเอาไปจ่ายดอกเบี้ยที่เอาบ้านไปจำนอง แม่ยังทำงานที่โรงงานในบางแค แต่เราย้ายมาอยู่บางนาคนเดียว เพราะใกล้ร้านที่เราร้องเพลงอยู่
อยู่มาวันนึง เรารู้สึกคิดถึงแม่ขึ้นมาแบบอยากไปหาเดี๋ยวนั้น พอเราร้องเพลงเสร็จตี2 เราก็ขับรถไปหาแกที่บางแค โดยที่ไม่ได้โทรไปบอกแกก่อน เพราะคิดว่าแกคงหลับอยู่ แต่พอไปถึง... แม่ไปไหน??? ทำไมแม่ไม่ได้อยู่ในห้อง???
เลยโทรหาเพื่อนที่รู้จักตอนทำงานโรงงาน เพราะเค้าพักใกล้ๆกับตึกที่แม่พัก เพื่อนเลยบอกเราว่า"แม่ไปเล่นไพ่ทุกวัน ที่บ้านคนนี้... ตรงนี้..."
เราโมโหมาก ตรงดิ่งไปที่บ้านคนนั้น พอแม่เห็นเรา แกก็ตกใจ และเราก็เคลียร์กัน แม่บอกว่าจะเลิกเล่นถ้าไถ่บ้านที่จำนองไว้ออกมาได้ ที่เล่นเพราะอยากได้ตังค์มาไถ่บ้าน เราก็เลยตัดสินใจเอาเงินเก็บทั้งหมดที่เรามีและขอยืมเงินจากร้านที่ร้องเพลงเพื่อที่จะส่งให้ป้าไปไถ่บ้านออกมาให้
และหลังจากนั้น แม่ไม่มีหนี้อะไรแล้ว แต่.....แต่ๆๆๆๆๆๆ เวลาผ่านไปไม่นาน เราได้ยินข่าวอีกแล้ว น้าเราโทรมาบอกว่า"แม่ยังไม่เลิกเล่นไพ่นะ ยังออกไปเล่นทุกวัน"
เราปรี๊ดดดดดดดด ขึ้นมาอีกที โทรไปหาแม่ บอกว่าถ้าไม่เลิกเล่น หนูจะหายไปจากชีวิตแม่ จะไม่ติดต่อแม่อีก!!!
เรา2คนไม่ได้ติดต่อกันนานหลายเดือน จนเรามีโอกาสมีแฟนเป็นฝรั่ง(เพราะร้องเพลงในข้าวสารและสุขุมวิท) แฟนเราทำวีซ่าให้เราไปเที่ยวบ้านเค้า3เดือน เราเลยตัดสินใจโทรไปหาแม่ กะจะบอกข่าวดีว่าหนูจะได้ไปเที่ยวเมืองนอกครั้งแรกในชีวิตนะแม่ แต่แม่กลับนำเรื่องมาให้เราทุกข์ใจอีกแล้ว แม่บอกว่า แม่เป็นหนี้ที่โรงงานเยอะมากเลย เพราะยืมเงินเค้าไปเล่นไพ่ ตอนนี้แม่อยู่ที่บางแคไม่ได้แล้ว แม่อยากหนี!!!!!
เราเลยไปรับแกหนีมาอยู่ที่ห้องเราที่บางนา แล้วเราก็ไปเมืองนอก ในระยะเวลาที่เราอยู่เมืองนอก เราก็ขอเงินแฟนส่งเงินให้แม่ทุกเดือนเพื่อให้แม่ไปจ่ายค่างวดรถให้เรา และให้แกเอาไปจับจ่ายใช้สอยและแกบอกว่าอยากใช้หนี้เพื่อนสนิทของแกชื่อ พี่ตุ้ย
เมื่อเข้าเดือนสุดท้ายที่เราอยู่เมืองนอก เราคิดถึงแม่อีกแล้ว เลยโทรทางไกลเข้าเบอร์ห้องเราที่เมืองไทย แต่ไม่มีคนรับ!!!! (สมัยนั้นยังไม่มี video call เหมือนทุกวันนี้) ก็เลยโทรหาพี่ตุ้ย ว่าหนี้เหลือเท่าไหร่ เราจะขอเงินแฟนเอาไปโปะให้ เพราะเราจะกลับไทยแล้ว
แต่พี่ตุ้ยตอบมาว่า... "แม่ยังไม่เคยส่งเงินมาใช้หนี้ให้พี่เลย"
อึ้ง!!!!!!! เราอึ้ง!!!!!! แม่โกหกเราอีกแล้วใช่มั้ย?????
เราไม่รอช้า โทรเข้ามือถือแม่ ทั้งต่อว่า ทั้งร้องไห้......
แกยอมรับผิดทุกอย่างว่าไปเล่นไพ่อีกแล้ว!!!!!
แกเพิ่งไปอยู่หอเราไม่ทันไร แกรู้ได้ไงว่าที่ไหนมีบ่อน จมูกของผีพนันนี่แรงจริงๆ
สรุปคือค่างวดรถเราก็ไม่ได้ผ่อนให้เรา 3 เดือนแล้ว
พอเรากลับมาถึงเมืองไทย แม่ดูซูบผอมลงไปมาก คงจะคิดมากว่าจะเอายังไงกับชีวิตดี เราย้ายหอในวันนั้นเลยเจ้าหนี้ในหอพอรู้ว่าเรากลับจากเมืองนอกก็มายืนรอ ทั้งหัวหงอก หัวดำ ที่เค้าให้ยืม เพราะแม่ไปป่าวประกาศว่าลูกฉันได้ผัวฝรั่ง เดี๋ยวมันกลับมามันก้จะมาใช้หนี้ให้
เราเคลียร์หนี้ในหอให้แม่เสร็จ เราย้ายถิ่นฐานไปร้องเพลงที่ภูเก็ต และนครศรีธรรมราช แม่ก็ไปกับเรา อยู่ที่ใต้แม่ไม่ได้เล่นการพนันเลย เพราะหอที่เราอยู่ มีแต่พนักงานในร้านที่เราทำงาน กลางคืนเค้าออกไปทำงานกันหมด กลางวันเค้าก็นอน
ช่วงนั้นที่บ้านเราที่ต่างจังหวัดเป้นช่วงเลือกตั้ง แม่บอกว่าอยากกลับไปเลือกตั้ง เราก็เลยให้แกกลับ
พอแกกลับบ้านไป แกก็ไม่กลับมาหาเราที่ใต้อีกเลย แกบอกว่าแกอยู่กับเราแกเบื่อๆ เหงาๆ ไม่มีอะไรทำ สู้อยู่บ้านก้ไมได้มีเพื่อนเยอะแยะ แล้วสิ่งที่เราคิดไว้ก็เกิดขึ้นอีก "แม่เล่นไพ่อีกแล้ว" คราวนี้แม่ใช้เวลาในการสร้างหนี้ในครั้งนี้ไม่ถึงปี แม่เป็นหนี้ที่บ้านจากการเล่นไพ่ครั้งนี้ แปดแสนกว่าบาท!!!! เรานี่แทบทรุด
ทั้งหนี้นอกระบบ และเอาบ้านไปจำนองอีกแล้ว!!!!!
แล้วแกบอกคำพูดเดิมว่า เจ้าหนี้มาทวงหนี้ทุกวัน แม่อยู่บ้านไม่ได้แล้ว แม่อยากหนี.....
เราก็ต้องให้แกกลับมาอยู่กับเราที่ใต้อีกครั้ง คราวนี้เราร้องเพลงที่หาดใหญ่ เราไม่อยากให้แกอยู่ห้องเฉยๆแล้วฟุ้งซ่าน ก็เลยหางานให้แกทำแก้เบื่อ แกทำงานในครัวที่ร้านเราร้องเพลงนั่นแหละ
ช่วงเวลากลางวันเราหลับยาว แกไปไหนมั่งเราก็ไม่รู้ มารู้ตัวอีกที มีป้าที่ทำงานในร้านเดียวกับเราเค้ามาทวงหนี้ บอกว่าแม่เราเป็นหนี้เค้า เราก็บอกว่าเป็นได้ไง ป้าคนนั้นบอกว่า "เล่นไพ"
อีกแล้วเหรอ?????
แต่ว่าก่อนที่เราจะเอาแม่มาอยู่ที่หาดใหญ่ด้วย เราได้ป่าวประกาสให้ทุกคนรู้แล้วว่า "ถ้าแม่ของหนูยืมเงินใคร หนูไม่รับผิดชอบนะคะ" เพราะเรามีบทเรียนจากหลายๆครั้งแล้วว่า ถ้าแกไปอยู่ไหนแกจะหาเรื่องเป็นหนี้ตลอด
คราวนี้เราปล่อยแม่เลย แกอยากเล่นก็เล่นไปเลย เพราะเราไม่รู้จะทำยังไงแล้ว เราไม่คุยกับแกตั้งแต่วันนั้นมา เราย้ายออกไปอยู่ที่อื่น เจอกันเฉพาะที่ทำงาน เจอกันเราก็ไม่ทักไม่คุย
แล้วแฟนเราก็มาขอเราแต่งงาน เราจัดงานหมั้นที่ไทย หมั้นไปกับเงินจำนวนนึง แล้วไปแต่งที่เมืองนอก อยู่ที่นั่นอีก3เดือน กะว่ากลับมาค่อยจัดงานแต่งที่ไทย แต่หลังจากเราแต่งงานที่เมืองนอกไปเดือนนึง เราก็ท้อง เราก็เลยคุยกับแฟนว่า เราจะไม่จัดงานแต่งที่ไทยแล้วล่ะ เอาเงินมาเลี้ยงลูกให้โตดีกว่า
เรากับแฟนพอกลับถึงไทยก็ย้ายมาตั้งรกรากครอบครัวเล็กๆที่เชียงใหม่ เราอยู่ที่นี่จนคลอด จนตอนนี้ลูกจะขวบละ แม่เราไม่เคยมาเยี่ยมเรากับหลานเลย แม้เราโทรหาแกบอกว่ามาเยี่ยมหลานมั้ย แกก็บอกว่า ปวดเมื่อยเนื้อตัวมั่ง นั่งรถนานไม่ได้ ถ้าจะให้นั่งเครื่องก็กลัวเครื่องบิน คือแกไม่ได้มีทีท่าว่าดีใจที่ได้หลาน ไม่มีท่าทีว่าอยากมาเยี่ยมหาหลาน
ตอนนี้แกหนีจากหาดใหญ่ละ ไปอยู่ไหนขอไม่บอก เพราะเกรงว่าแกจะไม่ปลอดภัย แต่ได้ข่าวว่าหนี้ที่หาดใหญ่ก็บานปลายมาก เพราะแกตั้งบ่อนขึ้นมาเองเลย ทุกวันนี้ทุกครั้งที่แกโทรหาเรา แกไม่เคยถามไถ่เลยว่าเรากับหลานสบายดีมั้ย แต่แกจะมุ่งประเด็นโทรมาขอตังค์ใช้หนี้อย่างเดียวเลย เราก็ไม่ได้ทำงานเพราะลูกยังเล็กต้องดูลูกก่อน แฟนทำงานคนเดียว ขอตังค์แฟนใช้หนี้ให้แม่จนเราอายที่จะขอ ใช้ให้เท่าไหร่ก็ไม่เคยพอ เรากับแฟนไม่เคยทะเละกันเลยเรื่องชีวิตคู่ แต่แม่เรากำลังจะทำให้ครอบครัวเราแตกแยก แฟนเราเริ่มบ่นแล้ว ถึงขั้นว่า ถ้าแม่คุณจะมาอยู่กับเรา ผมไม่เอานะ และที่ผมทำงานหนักทุกวันนี้เพราะอยากให้ครอบครัวเราสบาย ผมไม่ได้มีหน้าที่มาตามใช้หนี้ให้แม่คุณไปตลอดชีวิต
เราไม่อยากทะเลาะกับแฟนเพราะเรื่องนี้อีกแล้ว แม่เรายุให้เราเลิก แกบอกว่าถ้าลูกเขยไม่ชอบแม่ยายแกก็ไม่ปลื้ม แต่แฟนเราไม่ได้ผิดอะไรเลยนะ ทำไมเราต้องเลิก และที่ผ่านมาไม่ใช่เค้าไม่ช่วย เค้าช่วยจนเค้าเอือมระอาแล้ว เค้าทำหน้าที่พ่อและสามีไม่เคยบกพร่องเลย ทุกอย่างแม่เราเป็นคนเริ่มต้นหมด เราไม่อยากให้ลูกเราเป็นเด็กกำพร้าเหมือนเรา
ล่าสุดเมื่อ 2 อาทิตย์ที่แล้ว เพิ่งโอนไปให้ครึ่งแสน บอกว่าเจ้าหนี้นอกระบบเค้าจะมาฆ่าเอา โทรมาร้องไห้สะอึกสะอื้น และเนี่ยเมื่อวานกับวันนี้โทรมายิกๆเรายังทำใจไม่ได้ที่จะรับโทรศัพท์ เราหดหู่มากจริงๆค่ะ ใครก็ได้ช่วยเราหาทางออกที....
เมื่อไหร่แม่จะเลิกเป็นหนี้จากอบายมุขซะที จนจะทำให้ครอบครัวลูกแตกแยกกันอยู่แล้ว ท้อแท้และหดหู่เหลือเกิน
เราเกิดมากับสภาพครอบครัวที่ไม่สมบูรณ์แบบ พ่อกับแม่แยกทางกันตอนเราอายุ 8 ขวบ เรามีพี่ชาย1คน แก่กว่าเรา 1 ปี สาเหตุที่พ่อเลิกกับแม่ เพราะแม่ติดการพนัน พ่อไปทำงานที่เมืองนอก และส่งเงินกลับไทยมาให้แม่สร้างบ้านและเลี้ยงดูลูก สมัยนั้นสามีใครได้ไปทำงานเมืองนอกถือว่าครอบครัวนั้นมีฐานะพอสมควร พอพ่อส่งเงินมา แม่กลับเอาไปเล่นการพนันจนหมด บ้านที่กำลังสร้างก็ไม่เป็นรูปเป็นร่าง
เมื่อย่าของเราเห็นท่าไม่ค่อยดี ก็เลยเขียนจดหมายไปบอกพ่อเราว่า "เมียเอาเงินไปเล่นไพ่หมดแล้วนะ บ้านคงสร้างไม่เสร็จหรอก" เมื่อพ่อเรารู้ข่าว พ่อเลยกลับมาจากเมืองนอก ทะเลาะกันกับแม่รุนแรง จนเลิกราจากกัน ตอนแรกพ่อจะเอาพี่ชายเราไปเลี้ยง แล้วให้เราอยู่กับแม่ แต่แม่เราไม่ยอม เรากับพี่ชายเลยได้อยู่กับแม่
เมื่อแม่เลิกกับพ่อ พ่อก็ไม่ได้ส่งเสียเลี้ยงดูเรากับพี่ชายเลย เพราะพ่อก็แต่งงานมีครอบครัวใหม่ แม่เราเลยเลิกเล่นไพ่แล้วไปทำงานที่ใต้หวัน แม่ทำงานที่นั่นเก็บเงินได้พอสมควร และส่งเงินกลับมาต่อเติมบ้านที่ค้างอยู่จนเสร็จ และเมื่อหมดสัญญาการทำงาน แม่ก็กลับเมืองไทย เพื่อนฝูงมารุมล้อม และชวนกันไปเล่นไพ่อีก แม่อดใจไม่ได้.... แล้วแม่ก็กลับไปวังวนนั้นอีกครั้ง!!!
ตลอดเวลาที่แม่ไปเล่นไพ่ ไม่กลับบ้านกลับช่อง ด้วยความที่เรากำลังโตเป็นสาว อายุก็ 11-12 ป้าเราเห็นท่าไม่ค่อยดีที่จะให้เราอยู่บ้านกับพี่ชายตามลำพัง 2 คน ป้าจึงให้เราไปนอนที่บ้านแก วันไหนที่แม่กลับบ้าน เราค่อยกลับมานอนบ้านกับแม่
แม่เล่นไพ่เริ่มหนักขึ้น จนเป็นหนี้เป็นสินเยอะแยะ และเอาบ้านกับที่ดินไปจำนองกับคนมีตังค์ในหมู่บ้าน ดอกเบี้ยโหดมาก แต่แม่เราต้องการเงินมาต่อทุน และนับวันยิ่งเลวร้ายลงทุกวัน จนป้าและยายเราขอร้องให้แม่เลิกเถอะ และไปทำงานกับญาติที่กรุงเทพซะ แม่โอเค ตกลงไปทำงานที่กรุงเทพ และให้เราอาศัยอยู่กับป้า ช่วยป้าขายของ(ป้าขายอาหาร)
แม่ไปทำงานในโรงงาน ซิ่งน้าๆเราทำอยู่ที่นั่นก่อนแล้ว แม่ทำงานอยุ่ที่นั่นตั้งแต่เราอยู่ ม.1-ม.6 ซึ่งไร้จากการยุ่งเกี่ยวกับการพนัน แต่เปลี่ยนแนวเป็นการเล่นแชร์ แล้วมรสุมก็กลับมาอีกครั้ง เมื่อแม่เป็นท้าวแชร์ แล้วลูกแชร์เปียแล้วหนี แม่เล่นหลายมือมาก จนชักหน้าไม่ถึงหลัง
ตลอดระยะเวลาที่เราอยู่กับป้า เราได้มีโอกาสทำงานหาเงินเองตอนอายุ15 ด้วยความที่เราเป็นคนชอบร้องเพลง เสียงก็ถือว่าโอเค เลยมีคนจ้างไปร้องตามงานแต่ง งานบวช หรืองานมหรสพทั่วไป ได้งานละ300บาท กลางวันเรียนหนังสือ กลางคืนถ้ามีงานก็ออกไปร้องเพลง ร้องตั้งแต่ ม.3 จนถึง ม.6 มีเงินเก็บ20,000
เมื่อถึงเวลาสอบเข้ามหาลัย หรือเอ็นทรานซ์นั่นเอง เราสอบติดมนุษย์ศาสตร์ มหาลัยขอนแก่น ตอนนั้นเราทำเรื่องกู้ยืมเงินเพื่อการศึกษา แต่ไม่ผ่านเพราะหลักฐานไม่พอ เราเลยบอกแม่ให้โทรไปหาพ่อให้หน่อยว่าสามารถส่งเราเรียนได้มั้ย ทางฝั่งน้าๆป้าๆเราสามารถส่งเราได้ครึ่งนึง แต่อยากขอให้พ่อช่วยด้วยครึ่งนึง แต่พ่อตอบมาว่า "พ่อก็ลำบากเพราะมีครอบครัวและลูกๆทางนี้ต้องดูแลเช่นกัน พ่อคงช่วยไม่ได้"
สรุปคือ "เราอดเรียนต่อมหาลัย" T_T
เมื่อไม่ได้เรียนต่อ แม่เลยให้เราขึ้นกรุงเทพเพื่อไปทำงานที่โรงงานด้วยกัน เราก็เลยเป็นสาวโรงงานเต็มตัว แต่เงินเดือนเราแม่เก็บหมด เราก็ไม่ได้แย้งอะไร เพราะเราก็ไม่ได้จำเป็นต้องใช้เงิน เลยให้แม่เอาเงินไปใช้หนี้ซะ เท่าที่เราจะช่วยได้
พอถึงวันปีใหม่ โรงงานจัดงานเลี้ยง เราอยากได้ชุดสวยๆมาใส่ในงานเลี้ยง ก็เลยจะเอาเงินเก็บจากการร้องเพลงที่เรามี 20,000 นั่นและ เอาไปซื้อเสื้อผ้าและของขวัญมาจับสลาก แต่........แต่ๆๆๆๆๆ "เงินหายค่ะ"
สืบไปสืบมา "แม่เราเองที่ขโมย"
หลังจากที่เราทำงานในโรงงานได้ 2 ปี เงินเดือนเราแม่ก็เอาไปเคลียร์หนี้แชร์จนเป็นไทย และดูว่าอะไรๆมันเริ่มจะดีขึ้น มีคนมาชักชวนเราไปออดิชั่นร้องเพลงในร้านอาหารและผับ เพราะเค้าเห็นเราร้องเพลงในงานปีใหม่โรงงาน
เราไปลองออดิชั่นดู ได้งานมาร้านนึง ก็เลยทำงานโรงงานกลางวัน และกลางคืนออกไปร้องเพลง แต่อย่างที่ทุกคนรู้ ว่ากรุงเทพรถติดแค่ไหน งานร้องเพลงเราเริ่มทุ่มนึง เราต้องออกจากบ้านบ่าย2 นั่งรถเมล์จากบางแคไปพัฒนาการ และเราต้องลางานที่โรงงานช่วงบ่ายทุกวันเพื่อเตรียมตัวไปร้องเพลง จนหัวหน้างานเริ่มจะไม่ไหวกับเราละ เลยให้เราออกจากงาน
พอเราได้ออกจากโรงงาน เราก็เหลือแค่งานร้องเพลงงานเดียว ได้ค่าตัว 270 ร้องชั่วโมงครึ่ง เราคิดว่าเงินแค่นี้ไม่พอในการดำรงชีวิตแน่ กลางวันเราเลยไปรับจ้างล้างจานในร้านข้าวแกง กลางคืนก็หาออดิชั่นตามร้านอื่นเพิ่มเติม
ร้องเพลงอยู่นานจนกระทั่งมีเงินเก็บและออกรถเก๋งคันนึง และในช่วงเวลาที่ร้องเพลงก็ส่งเงินให้แม่ทุกเดือนเพื่อให้แกเอาไปจ่ายดอกเบี้ยที่เอาบ้านไปจำนอง แม่ยังทำงานที่โรงงานในบางแค แต่เราย้ายมาอยู่บางนาคนเดียว เพราะใกล้ร้านที่เราร้องเพลงอยู่
อยู่มาวันนึง เรารู้สึกคิดถึงแม่ขึ้นมาแบบอยากไปหาเดี๋ยวนั้น พอเราร้องเพลงเสร็จตี2 เราก็ขับรถไปหาแกที่บางแค โดยที่ไม่ได้โทรไปบอกแกก่อน เพราะคิดว่าแกคงหลับอยู่ แต่พอไปถึง... แม่ไปไหน??? ทำไมแม่ไม่ได้อยู่ในห้อง???
เลยโทรหาเพื่อนที่รู้จักตอนทำงานโรงงาน เพราะเค้าพักใกล้ๆกับตึกที่แม่พัก เพื่อนเลยบอกเราว่า"แม่ไปเล่นไพ่ทุกวัน ที่บ้านคนนี้... ตรงนี้..."
เราโมโหมาก ตรงดิ่งไปที่บ้านคนนั้น พอแม่เห็นเรา แกก็ตกใจ และเราก็เคลียร์กัน แม่บอกว่าจะเลิกเล่นถ้าไถ่บ้านที่จำนองไว้ออกมาได้ ที่เล่นเพราะอยากได้ตังค์มาไถ่บ้าน เราก็เลยตัดสินใจเอาเงินเก็บทั้งหมดที่เรามีและขอยืมเงินจากร้านที่ร้องเพลงเพื่อที่จะส่งให้ป้าไปไถ่บ้านออกมาให้
และหลังจากนั้น แม่ไม่มีหนี้อะไรแล้ว แต่.....แต่ๆๆๆๆๆๆ เวลาผ่านไปไม่นาน เราได้ยินข่าวอีกแล้ว น้าเราโทรมาบอกว่า"แม่ยังไม่เลิกเล่นไพ่นะ ยังออกไปเล่นทุกวัน"
เราปรี๊ดดดดดดดด ขึ้นมาอีกที โทรไปหาแม่ บอกว่าถ้าไม่เลิกเล่น หนูจะหายไปจากชีวิตแม่ จะไม่ติดต่อแม่อีก!!!
เรา2คนไม่ได้ติดต่อกันนานหลายเดือน จนเรามีโอกาสมีแฟนเป็นฝรั่ง(เพราะร้องเพลงในข้าวสารและสุขุมวิท) แฟนเราทำวีซ่าให้เราไปเที่ยวบ้านเค้า3เดือน เราเลยตัดสินใจโทรไปหาแม่ กะจะบอกข่าวดีว่าหนูจะได้ไปเที่ยวเมืองนอกครั้งแรกในชีวิตนะแม่ แต่แม่กลับนำเรื่องมาให้เราทุกข์ใจอีกแล้ว แม่บอกว่า แม่เป็นหนี้ที่โรงงานเยอะมากเลย เพราะยืมเงินเค้าไปเล่นไพ่ ตอนนี้แม่อยู่ที่บางแคไม่ได้แล้ว แม่อยากหนี!!!!!
เราเลยไปรับแกหนีมาอยู่ที่ห้องเราที่บางนา แล้วเราก็ไปเมืองนอก ในระยะเวลาที่เราอยู่เมืองนอก เราก็ขอเงินแฟนส่งเงินให้แม่ทุกเดือนเพื่อให้แม่ไปจ่ายค่างวดรถให้เรา และให้แกเอาไปจับจ่ายใช้สอยและแกบอกว่าอยากใช้หนี้เพื่อนสนิทของแกชื่อ พี่ตุ้ย
เมื่อเข้าเดือนสุดท้ายที่เราอยู่เมืองนอก เราคิดถึงแม่อีกแล้ว เลยโทรทางไกลเข้าเบอร์ห้องเราที่เมืองไทย แต่ไม่มีคนรับ!!!! (สมัยนั้นยังไม่มี video call เหมือนทุกวันนี้) ก็เลยโทรหาพี่ตุ้ย ว่าหนี้เหลือเท่าไหร่ เราจะขอเงินแฟนเอาไปโปะให้ เพราะเราจะกลับไทยแล้ว
แต่พี่ตุ้ยตอบมาว่า... "แม่ยังไม่เคยส่งเงินมาใช้หนี้ให้พี่เลย"
อึ้ง!!!!!!! เราอึ้ง!!!!!! แม่โกหกเราอีกแล้วใช่มั้ย?????
เราไม่รอช้า โทรเข้ามือถือแม่ ทั้งต่อว่า ทั้งร้องไห้......
แกยอมรับผิดทุกอย่างว่าไปเล่นไพ่อีกแล้ว!!!!!
แกเพิ่งไปอยู่หอเราไม่ทันไร แกรู้ได้ไงว่าที่ไหนมีบ่อน จมูกของผีพนันนี่แรงจริงๆ
สรุปคือค่างวดรถเราก็ไม่ได้ผ่อนให้เรา 3 เดือนแล้ว
พอเรากลับมาถึงเมืองไทย แม่ดูซูบผอมลงไปมาก คงจะคิดมากว่าจะเอายังไงกับชีวิตดี เราย้ายหอในวันนั้นเลยเจ้าหนี้ในหอพอรู้ว่าเรากลับจากเมืองนอกก็มายืนรอ ทั้งหัวหงอก หัวดำ ที่เค้าให้ยืม เพราะแม่ไปป่าวประกาศว่าลูกฉันได้ผัวฝรั่ง เดี๋ยวมันกลับมามันก้จะมาใช้หนี้ให้
เราเคลียร์หนี้ในหอให้แม่เสร็จ เราย้ายถิ่นฐานไปร้องเพลงที่ภูเก็ต และนครศรีธรรมราช แม่ก็ไปกับเรา อยู่ที่ใต้แม่ไม่ได้เล่นการพนันเลย เพราะหอที่เราอยู่ มีแต่พนักงานในร้านที่เราทำงาน กลางคืนเค้าออกไปทำงานกันหมด กลางวันเค้าก็นอน
ช่วงนั้นที่บ้านเราที่ต่างจังหวัดเป้นช่วงเลือกตั้ง แม่บอกว่าอยากกลับไปเลือกตั้ง เราก็เลยให้แกกลับ
พอแกกลับบ้านไป แกก็ไม่กลับมาหาเราที่ใต้อีกเลย แกบอกว่าแกอยู่กับเราแกเบื่อๆ เหงาๆ ไม่มีอะไรทำ สู้อยู่บ้านก้ไมได้มีเพื่อนเยอะแยะ แล้วสิ่งที่เราคิดไว้ก็เกิดขึ้นอีก "แม่เล่นไพ่อีกแล้ว" คราวนี้แม่ใช้เวลาในการสร้างหนี้ในครั้งนี้ไม่ถึงปี แม่เป็นหนี้ที่บ้านจากการเล่นไพ่ครั้งนี้ แปดแสนกว่าบาท!!!! เรานี่แทบทรุด
ทั้งหนี้นอกระบบ และเอาบ้านไปจำนองอีกแล้ว!!!!!
แล้วแกบอกคำพูดเดิมว่า เจ้าหนี้มาทวงหนี้ทุกวัน แม่อยู่บ้านไม่ได้แล้ว แม่อยากหนี.....
เราก็ต้องให้แกกลับมาอยู่กับเราที่ใต้อีกครั้ง คราวนี้เราร้องเพลงที่หาดใหญ่ เราไม่อยากให้แกอยู่ห้องเฉยๆแล้วฟุ้งซ่าน ก็เลยหางานให้แกทำแก้เบื่อ แกทำงานในครัวที่ร้านเราร้องเพลงนั่นแหละ
ช่วงเวลากลางวันเราหลับยาว แกไปไหนมั่งเราก็ไม่รู้ มารู้ตัวอีกที มีป้าที่ทำงานในร้านเดียวกับเราเค้ามาทวงหนี้ บอกว่าแม่เราเป็นหนี้เค้า เราก็บอกว่าเป็นได้ไง ป้าคนนั้นบอกว่า "เล่นไพ"
อีกแล้วเหรอ?????
แต่ว่าก่อนที่เราจะเอาแม่มาอยู่ที่หาดใหญ่ด้วย เราได้ป่าวประกาสให้ทุกคนรู้แล้วว่า "ถ้าแม่ของหนูยืมเงินใคร หนูไม่รับผิดชอบนะคะ" เพราะเรามีบทเรียนจากหลายๆครั้งแล้วว่า ถ้าแกไปอยู่ไหนแกจะหาเรื่องเป็นหนี้ตลอด
คราวนี้เราปล่อยแม่เลย แกอยากเล่นก็เล่นไปเลย เพราะเราไม่รู้จะทำยังไงแล้ว เราไม่คุยกับแกตั้งแต่วันนั้นมา เราย้ายออกไปอยู่ที่อื่น เจอกันเฉพาะที่ทำงาน เจอกันเราก็ไม่ทักไม่คุย
แล้วแฟนเราก็มาขอเราแต่งงาน เราจัดงานหมั้นที่ไทย หมั้นไปกับเงินจำนวนนึง แล้วไปแต่งที่เมืองนอก อยู่ที่นั่นอีก3เดือน กะว่ากลับมาค่อยจัดงานแต่งที่ไทย แต่หลังจากเราแต่งงานที่เมืองนอกไปเดือนนึง เราก็ท้อง เราก็เลยคุยกับแฟนว่า เราจะไม่จัดงานแต่งที่ไทยแล้วล่ะ เอาเงินมาเลี้ยงลูกให้โตดีกว่า
เรากับแฟนพอกลับถึงไทยก็ย้ายมาตั้งรกรากครอบครัวเล็กๆที่เชียงใหม่ เราอยู่ที่นี่จนคลอด จนตอนนี้ลูกจะขวบละ แม่เราไม่เคยมาเยี่ยมเรากับหลานเลย แม้เราโทรหาแกบอกว่ามาเยี่ยมหลานมั้ย แกก็บอกว่า ปวดเมื่อยเนื้อตัวมั่ง นั่งรถนานไม่ได้ ถ้าจะให้นั่งเครื่องก็กลัวเครื่องบิน คือแกไม่ได้มีทีท่าว่าดีใจที่ได้หลาน ไม่มีท่าทีว่าอยากมาเยี่ยมหาหลาน
ตอนนี้แกหนีจากหาดใหญ่ละ ไปอยู่ไหนขอไม่บอก เพราะเกรงว่าแกจะไม่ปลอดภัย แต่ได้ข่าวว่าหนี้ที่หาดใหญ่ก็บานปลายมาก เพราะแกตั้งบ่อนขึ้นมาเองเลย ทุกวันนี้ทุกครั้งที่แกโทรหาเรา แกไม่เคยถามไถ่เลยว่าเรากับหลานสบายดีมั้ย แต่แกจะมุ่งประเด็นโทรมาขอตังค์ใช้หนี้อย่างเดียวเลย เราก็ไม่ได้ทำงานเพราะลูกยังเล็กต้องดูลูกก่อน แฟนทำงานคนเดียว ขอตังค์แฟนใช้หนี้ให้แม่จนเราอายที่จะขอ ใช้ให้เท่าไหร่ก็ไม่เคยพอ เรากับแฟนไม่เคยทะเละกันเลยเรื่องชีวิตคู่ แต่แม่เรากำลังจะทำให้ครอบครัวเราแตกแยก แฟนเราเริ่มบ่นแล้ว ถึงขั้นว่า ถ้าแม่คุณจะมาอยู่กับเรา ผมไม่เอานะ และที่ผมทำงานหนักทุกวันนี้เพราะอยากให้ครอบครัวเราสบาย ผมไม่ได้มีหน้าที่มาตามใช้หนี้ให้แม่คุณไปตลอดชีวิต
เราไม่อยากทะเลาะกับแฟนเพราะเรื่องนี้อีกแล้ว แม่เรายุให้เราเลิก แกบอกว่าถ้าลูกเขยไม่ชอบแม่ยายแกก็ไม่ปลื้ม แต่แฟนเราไม่ได้ผิดอะไรเลยนะ ทำไมเราต้องเลิก และที่ผ่านมาไม่ใช่เค้าไม่ช่วย เค้าช่วยจนเค้าเอือมระอาแล้ว เค้าทำหน้าที่พ่อและสามีไม่เคยบกพร่องเลย ทุกอย่างแม่เราเป็นคนเริ่มต้นหมด เราไม่อยากให้ลูกเราเป็นเด็กกำพร้าเหมือนเรา
ล่าสุดเมื่อ 2 อาทิตย์ที่แล้ว เพิ่งโอนไปให้ครึ่งแสน บอกว่าเจ้าหนี้นอกระบบเค้าจะมาฆ่าเอา โทรมาร้องไห้สะอึกสะอื้น และเนี่ยเมื่อวานกับวันนี้โทรมายิกๆเรายังทำใจไม่ได้ที่จะรับโทรศัพท์ เราหดหู่มากจริงๆค่ะ ใครก็ได้ช่วยเราหาทางออกที....