ทีโอที สู้ไม่ถอย ฮึดทวง 'เสา-ลูกค้า' จาก 'เอไอเอส' 20 ล้านราย


          แม้สัมปทานมือถือระหว่าง ทีโอทีและบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส หรือเอไอเอส จะสิ้นสุดลงแล้วเมื่อวันที่ 30 ก.ย. 2558 แต่ยังมีงานที่ยังต้องสะสางกันอีกหลายยก

          มนต์ชัย หนูสง รักษาการกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทีโอที ระบุว่า เอไอเอสจะต้องเริ่มส่งมอบทรัพย์สินทุกอย่างให้ทีโอทีและจากไปตัวเปล่าตามรูปแบบสัญญาสัมปทาน Build-Transfer-Operate หรือ BTO จากนั้นทีโอทีจะนำทรัพย์สินที่รับส่งมอบไปให้บริการต่อ

          "ทรัพย์สินที่ต้องส่งมอบคืนมีมูลค่า 1.9 หมื่นล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นสถานีฐานกว่า 1 หมื่นแห่งและอุปกรณ์ต่างๆ อาทิ อุปกรณ์ชุมสาย เสา สายอากาศ และอุปกรณ์จ่ายไฟ ซึ่งทีโอทีได้ตั้งคณะกรรมการตรวจรับทรัพย์สินกว่า 7 แสนรายการ โดยจะเข้าไปตรวจสอบว่ายังครบถ้วนหรือไม่ คาดว่าสิ้นเดือน ต.ค.นี้จะชัดเจน" มนต์ชัย กล่าว

          แต่ทว่าเพียงเริ่มขั้นตอนส่งมอบทรัพย์สินก็เกิดปัญหาแล้ว ยกเลิกสถานีฐานบางแห่งโดยไม่แจ้งให้ทีโอทีทราบ บางแห่งก็อ้างว่าเช่าจากบริษัทลูกรวมทั้งเรื่องอุปกรณ์ ซึ่งเดิมรองรับการใช้งานของคลื่น 900 MHz แต่หลังจากมีคู่สัญญาชนะการประมูล 3จี บนคลื่น 2100 MHz อุปกรณ์ในสถานีฐานบางส่วนถูกเปลี่ยนให้ใช้งานได้แบบ Dual Band ส่งผลให้โครงข่ายคลื่น 900 และคลื่น 2100 MHz กลายเป็นแฝดสยามที่แยกกันไม่ได้

          "พอหมดสัมปทานก็เกิดคำถามว่าอุปกรณ์ที่ใช้งานทั้งคลื่น 900 และ 2100 MHz เข้าข่ายทรัพย์สินที่ต้องส่งมอบตามสัญญาสัมปทานหรือไม่ ซึ่งคู่สัญญาก็รู้อยู่แล้วว่าเมื่อหมดสัมปทานก็ต้องส่งมอบ และเล็งเห็นผลอยู่แล้วว่าจะเกิดอะไรตามมา เรื่องนี้จึงจะต้องเกิดข้อพิพาทกันอีก" มนต์ชัย กล่าว

          นอกจากนี้ ทรัพย์สินที่เป็นเสามือถือซึ่งคู่สัญญาจะก่อสร้างและได้ส่งมอบให้ทีโอทีเป็นเวลา 23 ปี แต่เมื่อปี 2556 คู่สัญญาส่งหนังสือบอกทีโอทีว่าเสามือถือที่ส่งมอบตั้งแต่ปี 2553-2556 จริงๆ แล้วคู่สัญญาไม่ต้องส่งมอบ เพราะเป็นส่วนหนึ่งของอาคารตาม พ.ร.บ.อาคาร ไม่ใช่อุปกรณ์โทรคมนาคม ซึ่งกรณีนี้ได้นำเรื่องเข้าสู่กระบวนการอนุญาโตตุลาการอยู่

          "ก็มีคนใช้มุขว่าเสาที่ตั้งบนอาคารเข้าด้วย พ.ร.บ.อาคาร ถ้าพูดแบบนี้ถังน้ำก็เป็นส่วนหนึ่งของอาคารด้วย" มนต์ชัย กล่าวเมื่อการคืนเสามือถือกลายเป็นข้อพิพาท คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) สั่งการให้ทีโอทีเจรจาข้อพิพาท โดยเสนอโมเดลตั้งบริษัทร่วมทุนที่ถือหุ้นโดยคู่สัญญา 51% และทีโอทีถือ 49% แล้วเอาเสามาไว้ในบริษัทร่วมทุน หวังจะให้วินวินทั้งคู่

          "ทีโอทีไม่เห็นด้วยและบอกเสาเป็นทรัพย์สินของทีโอทีอยู่แล้ว แต่ก็ยังไม่สรุปจนถึงวันนี้" มนต์ชัย ระบุนอกจากนี้ มีประเด็นที่ทำให้มนต์ชัยหนักใจอีก นั่นคือก่อนสิ้นสุดอายุสัมปทานเลขหมายที่มีการใช้บริการอยู่บนโครงข่ายคลื่น 900 MHz ถูกโอนย้ายออกจากโครงข่ายสัมปทานไปอยู่โครงข่ายอื่นแบบผิดธรรมชาติ 19 ล้านเลขหมาย

          "สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ส่งหนังสือแจ้งมา ทีโอทีก็สอบถามข้อมูลไปที่ กสทช. แต่ก็ไม่ได้คำตอบ แต่สุดท้าย กสทช.ก็ยอมรับว่ามีการโอนย้ายเลขหมายออกไปอย่างไม่ถูกต้องจริงๆ ลูกค้าประมาณ 20 ล้านราย ที่ต้องส่งมอบให้ทีโอทีถูกโอนย้ายไป ถ้าลูกค้ามีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยเลขหมายละ 200 บาท/เดือน ก็ตกเดือนละ 4,000 ล้านบาท หรือปีละ 4-5 หมื่นล้านบาท นี่คือความเสียหายที่เกิดจากการไม่กำกับดูแลของ กสทช." มนต์ชัย กล่าว

          เท่ากับว่าทีโอทียังมีเรื่องวุ่นๆ ให้ต้องสะสางอีกเพียบ ทั้งการทวงสิทธิในคลื่น 900 MHz และการที่ ครม.สั่งเรียกร้องเงินชดเชย 7.2 หมื่นล้านบาท จากเอไอเอส กรณีแก้ไขสัญญาสัมปทานมิชอบ

          โอนเลขหมายเสียหายเกือบหมื่นล้าน อนุชิต ธูปเหลือง ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ บริษัท ทีโอที (สรท.) เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ สรท.ได้ทำหนังสือร้องเรียนไปยังประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เรื่องหน่วยงานรัฐเอื้อประโยชน์โอนย้ายลูกค้าจากสัมปทานของรัฐให้เอกชน

          อนุชิต ให้ข้อมูลว่า การโอนย้ายเลขหมายออกจากโครงข่าย 900 MHz ซึ่งอยู่ในสัมปทานของทีโอทีไปยังโครงข่าย 3จี 2100 MHz ของบริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ตเวิร์ค (AWN) ซึ่งเป็นบริษัทลูกของคู่สัญญาสัมปทาน โดยอ้างว่าดำเนินการตามประกาศ กสทช. เรื่องการคงสิทธิเลขหมายนั้น ซึ่งเดิมมีเลขหมายบนโครงข่าย 900 MHz จำนวน 37.12 ล้านเลขหมาย แต่ในช่วงเดือน พ.ค. 2556เม.ย. 2558 มีการโอนย้ายเลขหมายไป 21.73 ล้านเลขหมาย ทำให้เหลือลูกค้าบนโครงข่ายเดิม 15.39 ล้านเลขหมาย แต่เอไอเอสแจ้ง ทีโอทีว่าเหลือลูกค้าบนโครงข่ายเพียง 3.28 ล้านเลขหมาย และจ่ายส่วนแบ่งสัมปทานเท่ากับจำนวนที่แจ้ง จึงมีคำถามว่าลูกค้าอีก 10 ล้านราย หายไปไหน

          นอกจากนี้ การโอนย้ายเลขหมายไปอยู่บนโครงข่าย 2100 MHz ของ AWN จำนวน 21.73 ล้านเลขหมาย ทีโอทีก็ตรวจสอบพบว่าเป็นการโอนย้ายผิดถึง 90% หรือ 19.41 ล้านเลขหมาย

          "การถ่ายโอนเลขหมาย ซึ่งจะต้องสมัครและมีบัตรประชาชนเป็นหลักฐาน แต่เราพบว่าข้อมูลเลขที่บัตรประชาชน ชื่อ นามสกุลของผู้โอนย้ายที่ส่งไปให้ Clearing House เป็นข้อมูลสมมติ (Dummy) ถึง 90% พอปี 2557 กสทช.ยอมรับว่าบริษัทคู่สัญญาถ่ายโอนเลขหมายผิดต้องถูกปรับ แต่ปรับแค่วันละ 8 หมื่นบาท เรามองว่าไม่ถูกต้อง มันเล็กน้อยมากถ้าเทียบกับรายได้ที่เกิดขึ้น" อนุชิต กล่าว

          ประธาน สรท. กล่าวอีกว่า การกระทำเช่นนี้ทำให้รัฐเสียหายมาก มูลค่าความเสียหายจากเลขหมายที่โอนไปผิดสูงถึง 9,163 ล้านบาท ซึ่งตัวเลขนี้ยังไม่รวมถึงมูลค่าความเสียหายที่คู่สัญญาแจ้งยอดลูกค้าที่เหลือบนโครงข่ายเดิมน้อยกว่าความเป็นจริง

ขอขอบคุณแหล่งข่าว
หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ ฉบับวันที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2558
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่