หน้าแรก
คอมมูนิตี้
ห้อง
แท็ก
คลับ
ห้อง
แก้ไขปักหมุด
ดูทั้งหมด
เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ลองใหม่
แท็ก
แก้ไขปักหมุด
ดูเพิ่มเติม
เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ลองใหม่
{room_name}
{name}
{description}
กิจกรรม
แลกพอยต์
อื่นๆ
ตั้งกระทู้
เข้าสู่ระบบ / สมัครสมาชิก
เว็บไซต์ในเครือ
Bloggang
Pantown
PantipMarket
Maggang
ติดตามพันทิป
ดาวน์โหลดได้แล้ววันนี้
เกี่ยวกับเรา
กฎ กติกา และมารยาท
คำแนะนำการโพสต์แสดงความเห็น
นโยบายเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล
สิทธิ์การใช้งานของสมาชิก
ติดต่อทีมงาน Pantip
ติดต่อลงโฆษณา
ร่วมงานกับ Pantip
Download App Pantip
Pantip Certified Developer
เป้5ใบ บุก2อุทยานแห่งชาติ 4วัน3คืน (กรุงเทพ-สุราษฎร์ธานี) 2000บาท เที่ยวได้ไม่มีช๊อต
กระทู้สนทนา
บันทึกนักเดินทาง
เดินป่า
เที่ยวภูเขา
Backpack
จังหวัดสุราษฎร์ธานี
ก่อนอื่นต้องสวัสดีเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ชาวพันทิปทุกคนค่ะ
วันนี้จะมาแบ่งปันประสบการณ์จากการที่ได้ไปเที่ยวสุราษฎร์ธานีมาเมื่อช่วงวันที่ 23-26 กันยายนที่ผ่านนะคะ
ทริปนี้เป็นทริปที่ดูยากลำบากที่สุดในชีวิตเลยค่ะ เพราะได้โจทย์มาว่า Low price high experience เป็นอะไรที่พีคมากคือตกลงปลงใจกับเพื่อนๆช่วงสัปดาห์สอบพอดีเลย คือสอบเสร็จออกเดินทางกลับมาพัก1วันแล้วไปสอบต่อ กล้ามาก เราไปเริ่มกันเลยดีกว่าค่ะ
(มีรายละเอียดค่าใช้จ่ายอย่างละเอียดด้านล่างค่ะ+แผนการเดินทาง)
วันที่ 23 กันยายน 2558
หลังจากสอบเสร็จก็ออกเดินทางจากมหาวิทยาลัยไปสู่สถานีรถไฟหัวลำโพงสู่สถานีรถไฟนาสาร......ด้วยขบวนรถที่ 167 ออก 18.30 น. ถึง นาสาร 07.05 น.
พวกเราเลือกนั่งรถไฟชั้น3 เสียไปคนละ 222 บาท เราก็มาถึงนาสารเรียบร้อยแถมอากาศและวิวดีๆระหว่างทาง
วันที่ 24 กันยายน 2558
พวกเรา5คนก็มาถึงนาสารเป็นที่เรียบร้อย ด้วยเวลา 07.30 น. เลทไปทั้งหมด 25 นาที พอลงจากรถไฟเราก็ไปจัดการภารกิจส่วนตัวแล้วก็ไปขึ้นรถประจำทาง สายสุราษฎร์ธานี-นาสาร ไปลงหน้าปากทางเข้าถ้ำขมิ้น อุทยานแห่งชาติใต้ร่มเย็น ค่าคนจะคนละ 20 บาท
แล้วต้องเดินเท้าต่อเข้าไปอีก 1 กม. จะถึงที่ทำการถ้ำขมิ้น ตอนขาไปมีพี่ใจดีท่านหนึ่งผ่านมาเราก็โบก เค้าย้อนไปส่งพวกเราที่ปากทางขึ้นถ้ำ
ปรากฏว่าเรามาถึงเร็วไปนิดนึงเลยมีโอกาสชมวิวกันเล็กน้อย พอ 9โมงเจ้าหน้าที่ประจำก็มาถึงพวกเราไปจ่ายค่าเข้าอุทยานคนละ 20 บาท จากปกติ40 บาท (โปรโมชั่นวันธรรมดาลด 50%)
จากนั้นเราก็ต้องมีไกด์พาเข้าชม (ค่าไกด์แล้วแต่จะให้ เนื่องจากพี่เค้าอธิบายดี เราเลยให้กันคนละ50 บาท รวมเป็น250 บาท)ระยะทางในถ้ำไปกลับ 1250 เมตร และบันไดทางขึ้นไปปากถ้ำอีก 207 ขั้น.....หนูนี่ปาดเหงี่อเลย555
ไปเริ่มกันเลยค่ะ ที่ปากทางขึ้นจะมีศาลปู่เจ้าสมิงพราย ที่คอยปกปักษ์รักษาถ้ำแห่งนี้ (ศาลใหม่) แล้วเราจะไปถึงจุดชมวิวแรก มองไปไกลๆจะเห็นภูเขาหินปูนอยู่ลิบๆ ท่ามกลางป่ายางพารา
เดินไปอีกพักเดียวก็ถึงปากถ้ำกันแล้ว......พี่ไกด์ของเรายังเดินสบายๆอยู่เลย แนะนำก่อนพี่แกชื่อพี่นัย ตำแหน่งนายช่าง มาจากวิทยาลัยเพาะช่าง(รู้สึกดีใจมาที่ไกด์ไม่พูดใต้ใส่ หนูฟังไม่ทัน สกิลค่อนข้างต่ำ) และเนื่องด้วยวันนี้เป็นวันธรรมดาทางอุทยานจะไม่เปิดไฟในถ้ำให้ เราต้องส่องไฟฉายกันเอง ใครสนใจจะมาแนะนำให้มาวันเสาร์อาทิตย์นะคะ แต่เราก็ได้เห็นความสวยงามอีกแบบในนี้
เนื่องจากถ้ำขมิ้นนี้เป็นถ้ำที่ใหญ่ที่สุดอันดับ 2 ของภาคใต้ และ 1ใน4ของโลก จึงมีความกว้างมาก ไม่อึดอัด (แต่กลิ่นมูลค้างคาวนี่สมชื่อ ถ้ำเหม็นมากๆค่ะ)
ภายในถ้ำก็จะหินงอกหินย้อยรูปทรงต่างๆ เป็นศิลปะบริสุทธิ์จากธรรมชาติ แม้จะไม่ได้เห็นแบบเปิดไฟทั้งถ้ำแบบเสาร์อาทิตย์ แต่สิ่งที่เห็นก็เป็นความสวยงามอีกแบบค่ะ (ภาพถ่ายจากโทรศัพท์ล้วนๆเลยนะคะ ขออภัยในความไม่สวยTT)
เราใช้เวลาประมาณ 2 ชม.ภายในถ้ำนะคะ เค้าจะออกแนวแบ่งเป็นห้องๆ แล้วพี่นัยก็บอกว่า ถ้ำนี้ยังสำรวจไม่หมดเลย ถ้าหมดถ้ำนี้อาจจะใหญ่ที่สุดก็เป็นได้
หลังจากเยี่ยมชมถ้ำเสร็จก็ออกเดินทางเข้าไปในอำเภอเมืองเพื่อต่อรถไปเขาสก (อยู่อำเภอพนม) พวกเราทั้ง5 คน เดินออกมารอรถสายเดิม (นาสาร-สุราษฎร์ธานี) ค่ารถไปถึงตลาดเกษตรคือ 40 บาท
ที่ตลาดเกษตรจะเป็นตลาดที่ขายผ้าและเป็นจุดบริการขนส่งขนาดย่อยๆในสุราษฎร์ธานี ที่นี่จะมีรถหลากหลายชนิดที่รอบริการ ตัวจขกท.เองก็แอบงงเล็กน้อยจะไปยังไงดี TT แต่คนเราไปไหนให้รู้จักถามค่ะ เราก็ไปถามแม่ค้าขายผลไม้บ้าง ร้านข้าว ร้านอาหารบ้าง จนเราทราบจุดที่รถสาย สุราษฎร์ธานี-ตะกั่วป่า จอดคืออยู่ที่ท่ารถตลาดเกษตร2 (ฝั่งตรงกันข้าม) เดินเข้าไปสักพัก เราก็เห็นท่ารถจ้าสอบถามราคากันดิบดี 150 บาท ก็ตกลงเรียบร้อย มารู้ที่หลังว่าท่ารถจริงคือด้านหลังในสุดตรงตัวตลาดเลย (สรุปพวกเราโดนหลอกไป คนละ50 บาท) แต่ก็ไม่คิดมาก เพราะเราก็ต่างถิ่นกันด้วย แต่ก็คือจำขึ้นใจ (อาฆาตเล็กน้อย) เราก็แวะทานข้าวกันด้วย (ก๋วยเตี๋ยว 35 บาท อร่อยด้วย)
รถจะออกตรงเวลาพอสมควรเลยนะคะที่นี่ เราใช้เวลาเกือบ 3 ชั่วโมง ระยะทาง 100 กว่ากิโล (ทริปนั่งรถนาน555+) แต่วิวระหว่างทางนี่ใช้ได้เลยค่ะ พอถึงปากทางเข้า (เราก็โทรบอกเจ้าหน้าที่ เค้าบอกให้เรานั่งรถเข้ามาอีก 3 กม.)
แต่เราก็ได้พี่คนขับรถใจดีขับพาเข้าไปส่ง แถมพี่แกก็ให้เบอร์เราบอกว่าจะกลับให้โทรไปบอกจะขึ้นมารับ ไม่คิดเงินจาก (พี่เค้าชื่อพี่บ่าว)
ประมาณ 6 โมงเราก็ถึงที่พักกันเรียบร้อยพร้อมกับฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก (หมดกันแผนเล่นน้ำ) เราก็แยกย้ายเก็บของเข้าบ้านพักแล้วอาบน้ำ บ้านพักในอุทยานจะตกที่คืนละ 600 บาท นอนได้ 6 คน (ตกคนละ 150 บาท/คืน) แต่วันธรรมดาจะลด 30% พวกเราเลยได้ที่พักคืนละ 86 บาท/คน (รวมค่าธรรมเนียมที่ธนาคาร)
ที่พักที่อุทยานก็ดีนะคะจะเป็นค่ายเยาวชน แต่เป็นห้องน้ำรวมค่ะ โดยรวมนี่สะอาดกว่าโรงแรมบางแห่งอีกค่ะ (ลองไปพักกันดูนะคะ แนะนำเลย สะอาดประหยัดปลอดภัย)
น้ำเชี่ยวมากเลย
พออาบน้ำเสร็จเราก็ทานมื้อเย็นกันค่ะ อาหารก็ง่ายๆเป็นมาม่ากับขนมปังนูเทอร่า (จขกท.แอบพกนูเทอร่ากับกาน้ำร้อนมาจากบ้าน) อยากออกไปทานอาหารที่ร้านด้านนอกแต่ฝนก็เทไม่หยุดจริงๆค่ะ
วันที่ 25 กันยายน 2558
จนเช้าประมาณ 6โมงจากแพลนที่จะไปเดินป่าชมน้ำตกก็ต้องเลื่อนออกไปเพราะว่าฝนยังตกไม่หยุด จนประมาณ 9 โมงพวกเราก็คุยกันว่าไปเถอะจะได้ไม่เสียเวลามาถึงนี่ 9.30 น. เราก็เดินขึ้นเขาสก (ค่าธรรมเนียมคนละ 20 บาท ปกติจะ40 บาท) ระยะทางจะประมาณ 3 กม. ไปกลับก็ 6 กม.พอดีค่ะ
ดูจากชุดนี่แบบ...5555
ตลอดการเดินเราก็จะพบลักษณะของป่าแบบเมดิเตอร์เรเนี่ยนผสมกับป่าดิบชื้นนะคะ เป็นป่าที่อุดมสมบูรณ์มาก เราเดินมาสักระยะ ก็จะมาถึงจุดชมวิวที่ชมแม่น้ำที่ไหลมาจากน้ำตกที่เราจะไปกัน
เดินต่อมาไม่นาน จขกท.ก็พบกับสิ่งมีชีวิตที่น่ารัก มาขอแบ่งปันเลือด ปลิงกับทาก นั่นเองค่ะ (ตัวทากอิ่มท้องเป็นที่เรียบร้อย แต่ปลิงคือเพิ่งจะเริ่มเกาะ ) แต่สิ่งมีชีวิตเหล่านี้ก็มักจะเป็นตัวบ่งบอกความอุดมสมบูรณ์ของป่า
แต่ไกด์ที่นำชาวต่างชาติขึ้นมา บอกกับพวกเราว่าตัวที่ดูดเลือดอิ่มแล้วต้องฆ่าทิ้งเพราะว่ามันจะไปออกลูกออกหลานเพิ่มมากขึ้น (จุดไฟเผาเลย น่าสงสารTT)
เดินมาอีกประมาณ 1 กม. เราก็ถึงจุดหมายแรกคือน้ำตกวิ่งหินค่ะ ลักษณะคือจะมีหินให้เราเดินไต่ๆไป แล้วเลยไปอีก 500 เมตรจะเป็นจุดน้ำลึก เอาไว้เล่นน้ำ แต่พอดีตอนนั้นฝนตกน้ำจึงเชี่ยวและขุ่น เพื่อความปลอดภัยพวกเราจึงงดเล่นน้ำและเดินต่อไปยังน้ำตกบางหัวแรด
พอถึงเท่านั้นแหละค่ะ 3 กม.คุ้มหายเหนื่อยเลยยยย น้ำใสและเย็นมาก บางหัวแรดจะเป็นน้ำตกเล็กที่ สามารถเล่นน้ำได้ (เย่ๆ)
เราก็เล่นกันพักนึงแล้วก็เดินกลับลงไปเก็บของออกจากที่พักแล้วเดินทางกลับอำเภอพุนพิน ไปปากน้ำตาปีกัน
ค่ารถจากเขาสกไปปากน้ำตาปีคนละ 170 บาท (ถ้าไปแค่ตลาดเกษตรจะ 130 บาทเท่านั้นค่ะ)
เราก็แอบคิดกันว่าปาคนที่แอบโกงค่ารถเรานี่เข้าใจทำมาหากินนะคะ (ค่าเขาคิดคือรถทัวร์150 จาก100 รถตู้ 200 จาก 130 บาท โอโห้555+++)
ต่อในคอมเมนต์นะคะ
▼
กำลังโหลดข้อมูล...
▼
แสดงความคิดเห็น
กระทู้ที่คุณอาจสนใจ
🌿 “มีป่า มีเขา มีเรา มีตะคริว” – บันทึกการเดินทางของใจที่อุทยานแห่งชาติขุนขาน
ดีจ้า~ เช้าวันหนึ่งในฤดูฝนที่อากาศเย็นสบาย ผมตัดสินใจออกเดินทางแบบเปลี่ยนบรรยากาศนิดหน่อย...ไม่ใช่รถยนต์ ไม่ใช่รถตู้ แต่เป็น ZoomerX คันโปรด ที่อยู่คู่กันมานาน คันเดียวก็เที่ยวได้ คันเดียวก็ใจฟูได้เหม
บะหมี่เกี๊ยวเที่ยวเก่ง
เที่ยวทุ่งดอกกระเจียว ชัยภูมิ หนึ่งปีมีครั้งเดียว
พาเที่ยวทุ่งดอกกระเจียวกลางสายหมอก งบประหยัด คนละ 1,700 ทริป 2 วัน 1 คืนค่ะ อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม อารมณ์เหมือนมาเที่ยวงานดอกไม้ มีร้านค้าคึกคัก นั่งรถรางชมได้ 4 จุด ไม่ต้องเดินเยอะ ยกเว้นลานหินง
หมีเป็ด
ราชบุรี เพชรบุรี ประจวบ ชุมพร ตะลอนไปเรื่อยเหนื่อยก็พัก 🚗✌️🏍️👌🚲
สวัสดีค่ะทุกคนวันนี้ขอมาตั้งกระทู้รีวิวทริปท่องเที่ยวเมื่อช่วงปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาเพื่อไม่ให้เสียเวลาเพราะทริปนี้ไปกันหลายที่มาก ขึ้นรถมาค่ะ รถจะออกแล้ว บรื้นนนนน......🚗🚗🚗 ออกจากชลบุรี แวะเติมพลั
MASORA66
“สื่อเขมร” หลอน ปั่นข่าวทหารไทย ใช้หนังสติ๊กยักษ์ยิง กรมอุทยานแจงเป็นกิจกรรมปลูกป่าที่โคราช
https://www.facebook.com/share/p/19YpkyKKq1/?mibextid=wwXIfr เพจ “กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช” ชี้แจงหลังโลกออนไลน์แชร์ภาพบุคคลสวมชุดลายพราง กำลังยิงหนังสติ๊กยักษ์ แท้จริงแ
สมาชิกหมายเลข 2933266
รีวิวงานแห่เทียนพรรษาอุบลฯ แบบจริงใจฯ (10-13 กรกฎาคม 2568) 2/2
ต่อจาก 1/2 ที่ลิงก์นี้จ้า https://pantip.com/topic/43630704 +++ จากวัดหนองป่าพง มุ่งหน้าไป อ.โขงเจียม ระหว่างทางมีฝนตกเย็นชื่นใจ แต่ถนนบางส่วนอยู่ระหว่างซ่อมแซมก็เลยต้องค่อยๆ ขับ เมื่อเดินทางถึง อ.
นกอีก๋อยปากเป็ด
🚨🚨🚨กรมอุทยานฯ ประกาศแจ้งปรับเปลี่ยนเวลาอนุญาตให้นักท่องเที่ยวขึ้น-ลงเขาในเขตอุทยานแห่งชาติภูกระดึง [15/07/2568]
🚨🚨🚨 กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช แจ้งปรับเปลี่ยนเวลาอนุญาตให้นักท่องเที่ยวขึ้น - ลงเขา ในเขตอุทยานแห่งชาติภูกระดึง เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกและรักษาความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวขณะขึ้น - ลงเ
Lost in the World
"ถ้ำธารลอดน้อย"@อช.เฉลิมรัตนโกสินทร์ จ.กาญจนบุรี | 🛵Road Trip 4วัน3คืน กาญจนบุรี/กำแพงเพชร/อุทัยธานี ด้วยงบ 2,000 บาท😊
การเดินทางในครั้งนี้เป็นการเดินทางคนเดียวแบบ 🛵 Road Trip 4วัน3คืนกาญจนบุรี>กำแพงเพชร>อุทัยธานี ด้วยงบ 2,000 บาท 😊 เราออกเดินทางจากบ้านที่กรุงเทพฯ ไปกางเต็นท์นอนค้างคืนที่ อช.เฉลิมรัตนโกสินทร์
บางเวลา_BangWayLar
สอบถามแพลนเที่ยวครับ ไปชัยภูมิ อุทยานแห่งชาติต่าง ๆ แพลนไป 9-11 ส.ค. 2568
สวัสดีครับ มีแพลนไปเที่ยวอุทยานแห่งชาติทั้งหมด 4 แห่งของจังหวัดชัยภูมิ ได้แก่ ป่าหินงาม, ไทรทอง, ภูแลนคาและตาดโตนครับ ทริป 3วัน 2คืน (9-11 ส.ค.นี้ครับ) ออกเดินทางวันที่ 9 สิงหาคม 2568 ประมาณ 16:00น
แมวไข่ต้ม
ทริปนี้มีเรื่องเล่า #ตอนที่ 9 >เที่ยว 2 วัน 1 คืน "เขาหลวงสุโขทัย" อุทยานแห่งชาติรามคำแห่ง จ.สุโขทัย
ทริปนี้มีเรื่องเล่า #ตอนที่ 9 >พาเพื่อนใหม่หนีเที่ยว 2 วัน 1 คืน พิชิต "เขาหลวงสุโขทัย" อุทยานแห่งชาติรามคำแห่ง จ.สุโขทัย >> เราก็กลับมาสู่ทริปเดินป่าปีนเขากันอีกแล้วนะครับ ทริปนี้
หยุดแล้วเที่ยวได้
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ
บันทึกนักเดินทาง
เดินป่า
เที่ยวภูเขา
Backpack
จังหวัดสุราษฎร์ธานี
บนสุด
ล่างสุด
อ่านเฉพาะข้อความเจ้าของกระทู้
หน้า:
หน้า
จาก
แชร์ : 52
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน
อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่
ยอมรับ
เป้5ใบ บุก2อุทยานแห่งชาติ 4วัน3คืน (กรุงเทพ-สุราษฎร์ธานี) 2000บาท เที่ยวได้ไม่มีช๊อต
วันนี้จะมาแบ่งปันประสบการณ์จากการที่ได้ไปเที่ยวสุราษฎร์ธานีมาเมื่อช่วงวันที่ 23-26 กันยายนที่ผ่านนะคะ
ทริปนี้เป็นทริปที่ดูยากลำบากที่สุดในชีวิตเลยค่ะ เพราะได้โจทย์มาว่า Low price high experience เป็นอะไรที่พีคมากคือตกลงปลงใจกับเพื่อนๆช่วงสัปดาห์สอบพอดีเลย คือสอบเสร็จออกเดินทางกลับมาพัก1วันแล้วไปสอบต่อ กล้ามาก เราไปเริ่มกันเลยดีกว่าค่ะ
(มีรายละเอียดค่าใช้จ่ายอย่างละเอียดด้านล่างค่ะ+แผนการเดินทาง)
วันที่ 23 กันยายน 2558
หลังจากสอบเสร็จก็ออกเดินทางจากมหาวิทยาลัยไปสู่สถานีรถไฟหัวลำโพงสู่สถานีรถไฟนาสาร......ด้วยขบวนรถที่ 167 ออก 18.30 น. ถึง นาสาร 07.05 น.
พวกเราเลือกนั่งรถไฟชั้น3 เสียไปคนละ 222 บาท เราก็มาถึงนาสารเรียบร้อยแถมอากาศและวิวดีๆระหว่างทาง
วันที่ 24 กันยายน 2558
พวกเรา5คนก็มาถึงนาสารเป็นที่เรียบร้อย ด้วยเวลา 07.30 น. เลทไปทั้งหมด 25 นาที พอลงจากรถไฟเราก็ไปจัดการภารกิจส่วนตัวแล้วก็ไปขึ้นรถประจำทาง สายสุราษฎร์ธานี-นาสาร ไปลงหน้าปากทางเข้าถ้ำขมิ้น อุทยานแห่งชาติใต้ร่มเย็น ค่าคนจะคนละ 20 บาท
แล้วต้องเดินเท้าต่อเข้าไปอีก 1 กม. จะถึงที่ทำการถ้ำขมิ้น ตอนขาไปมีพี่ใจดีท่านหนึ่งผ่านมาเราก็โบก เค้าย้อนไปส่งพวกเราที่ปากทางขึ้นถ้ำ
ปรากฏว่าเรามาถึงเร็วไปนิดนึงเลยมีโอกาสชมวิวกันเล็กน้อย พอ 9โมงเจ้าหน้าที่ประจำก็มาถึงพวกเราไปจ่ายค่าเข้าอุทยานคนละ 20 บาท จากปกติ40 บาท (โปรโมชั่นวันธรรมดาลด 50%)
จากนั้นเราก็ต้องมีไกด์พาเข้าชม (ค่าไกด์แล้วแต่จะให้ เนื่องจากพี่เค้าอธิบายดี เราเลยให้กันคนละ50 บาท รวมเป็น250 บาท)ระยะทางในถ้ำไปกลับ 1250 เมตร และบันไดทางขึ้นไปปากถ้ำอีก 207 ขั้น.....หนูนี่ปาดเหงี่อเลย555
ไปเริ่มกันเลยค่ะ ที่ปากทางขึ้นจะมีศาลปู่เจ้าสมิงพราย ที่คอยปกปักษ์รักษาถ้ำแห่งนี้ (ศาลใหม่) แล้วเราจะไปถึงจุดชมวิวแรก มองไปไกลๆจะเห็นภูเขาหินปูนอยู่ลิบๆ ท่ามกลางป่ายางพารา
เดินไปอีกพักเดียวก็ถึงปากถ้ำกันแล้ว......พี่ไกด์ของเรายังเดินสบายๆอยู่เลย แนะนำก่อนพี่แกชื่อพี่นัย ตำแหน่งนายช่าง มาจากวิทยาลัยเพาะช่าง(รู้สึกดีใจมาที่ไกด์ไม่พูดใต้ใส่ หนูฟังไม่ทัน สกิลค่อนข้างต่ำ) และเนื่องด้วยวันนี้เป็นวันธรรมดาทางอุทยานจะไม่เปิดไฟในถ้ำให้ เราต้องส่องไฟฉายกันเอง ใครสนใจจะมาแนะนำให้มาวันเสาร์อาทิตย์นะคะ แต่เราก็ได้เห็นความสวยงามอีกแบบในนี้
เนื่องจากถ้ำขมิ้นนี้เป็นถ้ำที่ใหญ่ที่สุดอันดับ 2 ของภาคใต้ และ 1ใน4ของโลก จึงมีความกว้างมาก ไม่อึดอัด (แต่กลิ่นมูลค้างคาวนี่สมชื่อ ถ้ำเหม็นมากๆค่ะ)
ภายในถ้ำก็จะหินงอกหินย้อยรูปทรงต่างๆ เป็นศิลปะบริสุทธิ์จากธรรมชาติ แม้จะไม่ได้เห็นแบบเปิดไฟทั้งถ้ำแบบเสาร์อาทิตย์ แต่สิ่งที่เห็นก็เป็นความสวยงามอีกแบบค่ะ (ภาพถ่ายจากโทรศัพท์ล้วนๆเลยนะคะ ขออภัยในความไม่สวยTT)
เราใช้เวลาประมาณ 2 ชม.ภายในถ้ำนะคะ เค้าจะออกแนวแบ่งเป็นห้องๆ แล้วพี่นัยก็บอกว่า ถ้ำนี้ยังสำรวจไม่หมดเลย ถ้าหมดถ้ำนี้อาจจะใหญ่ที่สุดก็เป็นได้
หลังจากเยี่ยมชมถ้ำเสร็จก็ออกเดินทางเข้าไปในอำเภอเมืองเพื่อต่อรถไปเขาสก (อยู่อำเภอพนม) พวกเราทั้ง5 คน เดินออกมารอรถสายเดิม (นาสาร-สุราษฎร์ธานี) ค่ารถไปถึงตลาดเกษตรคือ 40 บาท
ที่ตลาดเกษตรจะเป็นตลาดที่ขายผ้าและเป็นจุดบริการขนส่งขนาดย่อยๆในสุราษฎร์ธานี ที่นี่จะมีรถหลากหลายชนิดที่รอบริการ ตัวจขกท.เองก็แอบงงเล็กน้อยจะไปยังไงดี TT แต่คนเราไปไหนให้รู้จักถามค่ะ เราก็ไปถามแม่ค้าขายผลไม้บ้าง ร้านข้าว ร้านอาหารบ้าง จนเราทราบจุดที่รถสาย สุราษฎร์ธานี-ตะกั่วป่า จอดคืออยู่ที่ท่ารถตลาดเกษตร2 (ฝั่งตรงกันข้าม) เดินเข้าไปสักพัก เราก็เห็นท่ารถจ้าสอบถามราคากันดิบดี 150 บาท ก็ตกลงเรียบร้อย มารู้ที่หลังว่าท่ารถจริงคือด้านหลังในสุดตรงตัวตลาดเลย (สรุปพวกเราโดนหลอกไป คนละ50 บาท) แต่ก็ไม่คิดมาก เพราะเราก็ต่างถิ่นกันด้วย แต่ก็คือจำขึ้นใจ (อาฆาตเล็กน้อย) เราก็แวะทานข้าวกันด้วย (ก๋วยเตี๋ยว 35 บาท อร่อยด้วย)
รถจะออกตรงเวลาพอสมควรเลยนะคะที่นี่ เราใช้เวลาเกือบ 3 ชั่วโมง ระยะทาง 100 กว่ากิโล (ทริปนั่งรถนาน555+) แต่วิวระหว่างทางนี่ใช้ได้เลยค่ะ พอถึงปากทางเข้า (เราก็โทรบอกเจ้าหน้าที่ เค้าบอกให้เรานั่งรถเข้ามาอีก 3 กม.)
แต่เราก็ได้พี่คนขับรถใจดีขับพาเข้าไปส่ง แถมพี่แกก็ให้เบอร์เราบอกว่าจะกลับให้โทรไปบอกจะขึ้นมารับ ไม่คิดเงินจาก (พี่เค้าชื่อพี่บ่าว)
ประมาณ 6 โมงเราก็ถึงที่พักกันเรียบร้อยพร้อมกับฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก (หมดกันแผนเล่นน้ำ) เราก็แยกย้ายเก็บของเข้าบ้านพักแล้วอาบน้ำ บ้านพักในอุทยานจะตกที่คืนละ 600 บาท นอนได้ 6 คน (ตกคนละ 150 บาท/คืน) แต่วันธรรมดาจะลด 30% พวกเราเลยได้ที่พักคืนละ 86 บาท/คน (รวมค่าธรรมเนียมที่ธนาคาร)
ที่พักที่อุทยานก็ดีนะคะจะเป็นค่ายเยาวชน แต่เป็นห้องน้ำรวมค่ะ โดยรวมนี่สะอาดกว่าโรงแรมบางแห่งอีกค่ะ (ลองไปพักกันดูนะคะ แนะนำเลย สะอาดประหยัดปลอดภัย)
น้ำเชี่ยวมากเลย
พออาบน้ำเสร็จเราก็ทานมื้อเย็นกันค่ะ อาหารก็ง่ายๆเป็นมาม่ากับขนมปังนูเทอร่า (จขกท.แอบพกนูเทอร่ากับกาน้ำร้อนมาจากบ้าน) อยากออกไปทานอาหารที่ร้านด้านนอกแต่ฝนก็เทไม่หยุดจริงๆค่ะ
วันที่ 25 กันยายน 2558
จนเช้าประมาณ 6โมงจากแพลนที่จะไปเดินป่าชมน้ำตกก็ต้องเลื่อนออกไปเพราะว่าฝนยังตกไม่หยุด จนประมาณ 9 โมงพวกเราก็คุยกันว่าไปเถอะจะได้ไม่เสียเวลามาถึงนี่ 9.30 น. เราก็เดินขึ้นเขาสก (ค่าธรรมเนียมคนละ 20 บาท ปกติจะ40 บาท) ระยะทางจะประมาณ 3 กม. ไปกลับก็ 6 กม.พอดีค่ะ
ดูจากชุดนี่แบบ...5555
ตลอดการเดินเราก็จะพบลักษณะของป่าแบบเมดิเตอร์เรเนี่ยนผสมกับป่าดิบชื้นนะคะ เป็นป่าที่อุดมสมบูรณ์มาก เราเดินมาสักระยะ ก็จะมาถึงจุดชมวิวที่ชมแม่น้ำที่ไหลมาจากน้ำตกที่เราจะไปกัน
เดินต่อมาไม่นาน จขกท.ก็พบกับสิ่งมีชีวิตที่น่ารัก มาขอแบ่งปันเลือด ปลิงกับทาก นั่นเองค่ะ (ตัวทากอิ่มท้องเป็นที่เรียบร้อย แต่ปลิงคือเพิ่งจะเริ่มเกาะ ) แต่สิ่งมีชีวิตเหล่านี้ก็มักจะเป็นตัวบ่งบอกความอุดมสมบูรณ์ของป่า
แต่ไกด์ที่นำชาวต่างชาติขึ้นมา บอกกับพวกเราว่าตัวที่ดูดเลือดอิ่มแล้วต้องฆ่าทิ้งเพราะว่ามันจะไปออกลูกออกหลานเพิ่มมากขึ้น (จุดไฟเผาเลย น่าสงสารTT)
เดินมาอีกประมาณ 1 กม. เราก็ถึงจุดหมายแรกคือน้ำตกวิ่งหินค่ะ ลักษณะคือจะมีหินให้เราเดินไต่ๆไป แล้วเลยไปอีก 500 เมตรจะเป็นจุดน้ำลึก เอาไว้เล่นน้ำ แต่พอดีตอนนั้นฝนตกน้ำจึงเชี่ยวและขุ่น เพื่อความปลอดภัยพวกเราจึงงดเล่นน้ำและเดินต่อไปยังน้ำตกบางหัวแรด
พอถึงเท่านั้นแหละค่ะ 3 กม.คุ้มหายเหนื่อยเลยยยย น้ำใสและเย็นมาก บางหัวแรดจะเป็นน้ำตกเล็กที่ สามารถเล่นน้ำได้ (เย่ๆ)
เราก็เล่นกันพักนึงแล้วก็เดินกลับลงไปเก็บของออกจากที่พักแล้วเดินทางกลับอำเภอพุนพิน ไปปากน้ำตาปีกัน
ค่ารถจากเขาสกไปปากน้ำตาปีคนละ 170 บาท (ถ้าไปแค่ตลาดเกษตรจะ 130 บาทเท่านั้นค่ะ)
เราก็แอบคิดกันว่าปาคนที่แอบโกงค่ารถเรานี่เข้าใจทำมาหากินนะคะ (ค่าเขาคิดคือรถทัวร์150 จาก100 รถตู้ 200 จาก 130 บาท โอโห้555+++)
ต่อในคอมเมนต์นะคะ