มาต่อกันเลยดีกว่า เมื่อมาถึงสนามบิน Tan Son Nhat Airport แล้ว การจะเดินทางเข้าไปยังเมืองโฮจิมินห์แบบประหยัดนั้นก็คือนั่งรถบัส
152 หาไม่ยาก เดินออกจากตัวอาคารมองไปทางขวาก็จะเห็นรถจอดรอรับผู้โดยสารอยู่ครับ รถจะออกทุกๆ15นาที หน้าตารถเป็นแบบนี้ครับ
ราคาค่าโดยสาร
5.000 ดอง/คน ถ้ามีกระเป๋าจะเสียเพิ่มอีกคนละ
5.000 ดอง ครับ
อากาศที่นี่ไม่แตกต่างจากกรุงเทพบ้านเราสักเท่าไหร่ ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ
30นาที ขึ้นอยู่กับสภาพการจราจรของวันนั้นๆ ให้สังเกตวงเวียนของ
ตลาดบินถั่น (Ben Thanh Market) ก็เตรียมลงรถได้เลย รถจะไปจอดที่ท่ารถบัส
เมื่อลงรถแล้วเราก็ต้องมากางแผนที่ดูว่าโรงแรมที่เราจองนั้น เดินไปทางไหนต่อจากจุดนี้ ทริปนี้ที่นี่เราเลือกพักที่
Hong Hac Hotel จากจุดลงรถ ก็เดินไกลพอสมควร ท้องร้องขึ้นมาทันที ระหว่างทางเดินไปเจอร้านอาหารเวียดนามร้านหนึ่งซึ่งมีสัญลักษณ์ตราฮาลาล
(حلال) ขอแนะนำร้านนี้
Saigon Green House มีให้เลือกทั้งอาหารมาเลและเวียดนาม
เรามาเวียดนามทั้งที ก็ต้องสั่งอาหารท้องถิ่นสิครับ เราเลือกที่จะสั่ง
เฝอ (Pho)
และ
ป่อเปี๊ยะทอด หน้าตาน่าทานแถมอร่อยมากด้วยครับ สำหรับใครที่เป็นชาวมุสลิม ที่นี่ก็มีร้านอาหารฮาลาลคอยต้อนรับนักท่องเที่ยวหลายร้านกันเลยทีเดียวครับ
หลังจากที่ทานอิ่มท้องกันแล้ว ก็เดินทางไปหาโรงแรมกันต่อครับ ระหว่างทางเราสังเกตว่าที่นี่เค้าปลูกต้นไม้ริมสองข้างทางได้ร่มรื่น บางต้นน่าจะมีอายุหลายปีครับ
เดินไปเดินมา หลงบ้างไม่หลงบ้าง อย่างน้อยเราก็มาถึงที่พักของเราคืนนี้ครับ
Hong Hac Hotel เป็นโรงแรมไม่ใหญ่ แต่ตกแต่งได้อย่างสวยงามที่สำคัญคือสะอาดดีครับ เราจองได้มาราคา
คืนละ 987บาท รวมอาหารเช้า
Lobby ตกแต่งได้หรูหรา
สภาพภายในห้องไม่ใหญ่มากครับ
ห้องน้ำ
อาหารเช้าของที่นี่ก็จะมีอาหารหลากหลาย เช่น เฝอ ข้าวผัด แกงต่างๆ ขนมปังทาเนย ของหวาน ผลไม้เป็นต้น แต่เราเลือกทานแต่ของง่ายๆ อันนี้ของโปรดผมเลยครับ หมั่นโถวทอดราดนมข้นหวาน
ไข่ดาว
พอถึงโรงแรม หนังท้องตึง หนังตาเริ่มหย่อน บวกกับเดินทางมาเหนื่อย เราจึงพักผ่อนเอาแรงกันสักนิด ก่อนจะออกเดินทางเท้าไปเที่ยวรอบเมืองโฮจิมินห์กันต่อครับ นี่เป็นแผนที่สถานที่ท่องเที่ยวโฮจิมินห์ครับ
สถานที่แรกที่เราจะไปคือ
Notre Dame Cathedral เป็นโบสถ์คาทอลิคที่ใหญ่ที่สุดในเวียดนามที่เมืองโฮจิมินห์ ก่อสร้างตั้งแต่ปี พ.ศ.2420 ใช้ระยะเวลาในการสร้าง 6ปี
เมื่อชักภาพโบสถ์นอร์ธเธอดามกันจุใจแล้ว ก็ได้เวลาไปสถานที่ต่อไปคือ
อาคารไปรษณีย์ โฮจิมินห์ (Post Office) อยู่เยื้องไปทางขวามือของโบสถ์นอร์ธเธอดาม ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางนครโฮจิมินห์ มีการออกแบบและก่อสร้างในแบบอาคารของฝรั่งเศส นับเป็นอาคารไปรษณีย์ที่ใหญ่ที่สุดในเวียดนาม
ภายในเป็นห้องโถงใหญ่ มีการประดับภาพแผนที่ทางทะเลโบราณ และรูปของท่านประธานาธิบดีโฮจิมินห์ ตัวอาคารประดับไปด้วยกระจกสี
ระหว่างทางเดินไปสถานที่ต่อไป
คือ
ศาลากลางนครโฮจิมินห์ ตั้งอยู่ใจกลางเมืองโฮจิมินห์ โดยมีอนุสาวรีย์ท่านประธานาธิบดีโฮจิมินห์ตั้งอยู่ทางด้านหน้า เป็นศูนย์กลางของเมืองที่มีถนนตัดผ่านทางด้านหน้า ทำให้เห็นเมืองของนครโฮจิมินห์ได้เป็นอย่างดี
ถ่ายรูปกับท่านโฮจิมินห์เสร็จ เราก็มุ่งหน้าต่อไปที่
โรงละครโอเปร่า (Opera House) ปัจจุบันใช้ในการแสดงต่างๆ ในแต่ละสัปดาห์จะมีการแสดงแตกต่างกันไป
หลังจากที่เดินรอบเมือง ถ่ายรูปกับสถานที่ห้ามพลาดสำคัญๆของนครโฮจิมินห์กันแล้ว เราก็เดินเล่นชมเมืองตามประสาคนต่างด้าว ฮ่าๆ จะว่าไปเมืองนี้ก็ไม่ค่อยมีอะไรให้เที่ยวสักเท่าไหร่ แต่ก็ได้ประสบการณ์การเดินทางแปลกๆหลายอย่าง เช่น รถมอเตอร์ไซที่นี่นิยมขับกันมาก บีบแตรกันสนั่นหวั่นไหว และการข้ามถนนที่นี่เราต้องตัดสินใจเดินข้ามไปเลย เดี๋ยวรถมอไซจะจอดให้เราเอง ถ้ามัวแต่รอก็คงไม่ได้ข้ามกันพอดีเพราะรถที่นี่จะไม่มีทางหยุดให้เราข้าม
นี่คือบรรยากาศยามค่ำคืนและความจอแจของรถในนครโฮจิมินห์ครับ
จริงๆที่นี่มีสถานที่เที่ยวอีกมากมาย เช่น ตลาดกลางคืนเดินช้อปปิ้งของก็อป ของฝากที่ระลึก ถนนฟามงูเหลาซึ่งเป็นถนนคล้ายๆกับถนนข้าวสารบ้านเราที่เป็นศูนย์รวมนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ แต่เราไม่ได้เก็บรูปและรายละเอียดนั้นมา รีวิวนี้เน้นเล่าถึงรายละเอียดการเดินทางท่องเที่ยวด้วยตัวเองแบบง่ายๆ สำหรับคนที่ต้องการเก็บข้อมูลเที่ยวครั้งแรกครับ
หมดเวลาสนุกแล้วสิ ได้เวลากลับไปสู่ความเป็นจริงละ ขากลับเราเลือกที่จะเดินทางไปสนามบินโดย
Taxi มารับเราที่หน้าโรงแรม ในราคา
150.000 ดอง ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ
20นาที ก็ถึงสนามบินแล้วครับ
ใครสนใจจะเดินทางไปท่องเที่ยวโฮจิมินห์เวียดนามตอนนี้ได้ข่าวว่าสายการบินนกแอร์ได้เปิดเส้นทางใหม่ บินจากดอนเมืองไปโฮจิมินห์แล้วนะครับ เอามาฝากเผื่อใครสนใจ
ขอจบรีวิวไว้เพียงเท่านี้ ไว้มีทริปต่อไปจะมาอัพเดทประสบการณ์การเดินทางกันอีกนะครับ ^^ ขอบคุณทุกคนที่สนใจและเข้ามาอ่านรีวิวนี้นะครับ คงจะได้ข้อมูลจากรีวิวนี้ไม่มากก็น้อย...
[CR] HoChiMinh-DaLat on 22-24 SEP 2015 (Cont)
ราคาค่าโดยสาร 5.000 ดอง/คน ถ้ามีกระเป๋าจะเสียเพิ่มอีกคนละ 5.000 ดอง ครับ
อากาศที่นี่ไม่แตกต่างจากกรุงเทพบ้านเราสักเท่าไหร่ ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 30นาที ขึ้นอยู่กับสภาพการจราจรของวันนั้นๆ ให้สังเกตวงเวียนของตลาดบินถั่น (Ben Thanh Market) ก็เตรียมลงรถได้เลย รถจะไปจอดที่ท่ารถบัส
เมื่อลงรถแล้วเราก็ต้องมากางแผนที่ดูว่าโรงแรมที่เราจองนั้น เดินไปทางไหนต่อจากจุดนี้ ทริปนี้ที่นี่เราเลือกพักที่ Hong Hac Hotel จากจุดลงรถ ก็เดินไกลพอสมควร ท้องร้องขึ้นมาทันที ระหว่างทางเดินไปเจอร้านอาหารเวียดนามร้านหนึ่งซึ่งมีสัญลักษณ์ตราฮาลาล (حلال) ขอแนะนำร้านนี้ Saigon Green House มีให้เลือกทั้งอาหารมาเลและเวียดนาม
เรามาเวียดนามทั้งที ก็ต้องสั่งอาหารท้องถิ่นสิครับ เราเลือกที่จะสั่ง เฝอ (Pho)
และ ป่อเปี๊ยะทอด หน้าตาน่าทานแถมอร่อยมากด้วยครับ สำหรับใครที่เป็นชาวมุสลิม ที่นี่ก็มีร้านอาหารฮาลาลคอยต้อนรับนักท่องเที่ยวหลายร้านกันเลยทีเดียวครับ
หลังจากที่ทานอิ่มท้องกันแล้ว ก็เดินทางไปหาโรงแรมกันต่อครับ ระหว่างทางเราสังเกตว่าที่นี่เค้าปลูกต้นไม้ริมสองข้างทางได้ร่มรื่น บางต้นน่าจะมีอายุหลายปีครับ
เดินไปเดินมา หลงบ้างไม่หลงบ้าง อย่างน้อยเราก็มาถึงที่พักของเราคืนนี้ครับ Hong Hac Hotel เป็นโรงแรมไม่ใหญ่ แต่ตกแต่งได้อย่างสวยงามที่สำคัญคือสะอาดดีครับ เราจองได้มาราคาคืนละ 987บาท รวมอาหารเช้า
Lobby ตกแต่งได้หรูหรา
สภาพภายในห้องไม่ใหญ่มากครับ
ห้องน้ำ
อาหารเช้าของที่นี่ก็จะมีอาหารหลากหลาย เช่น เฝอ ข้าวผัด แกงต่างๆ ขนมปังทาเนย ของหวาน ผลไม้เป็นต้น แต่เราเลือกทานแต่ของง่ายๆ อันนี้ของโปรดผมเลยครับ หมั่นโถวทอดราดนมข้นหวาน
ไข่ดาว
พอถึงโรงแรม หนังท้องตึง หนังตาเริ่มหย่อน บวกกับเดินทางมาเหนื่อย เราจึงพักผ่อนเอาแรงกันสักนิด ก่อนจะออกเดินทางเท้าไปเที่ยวรอบเมืองโฮจิมินห์กันต่อครับ นี่เป็นแผนที่สถานที่ท่องเที่ยวโฮจิมินห์ครับ
สถานที่แรกที่เราจะไปคือ Notre Dame Cathedral เป็นโบสถ์คาทอลิคที่ใหญ่ที่สุดในเวียดนามที่เมืองโฮจิมินห์ ก่อสร้างตั้งแต่ปี พ.ศ.2420 ใช้ระยะเวลาในการสร้าง 6ปี
เมื่อชักภาพโบสถ์นอร์ธเธอดามกันจุใจแล้ว ก็ได้เวลาไปสถานที่ต่อไปคือ อาคารไปรษณีย์ โฮจิมินห์ (Post Office) อยู่เยื้องไปทางขวามือของโบสถ์นอร์ธเธอดาม ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางนครโฮจิมินห์ มีการออกแบบและก่อสร้างในแบบอาคารของฝรั่งเศส นับเป็นอาคารไปรษณีย์ที่ใหญ่ที่สุดในเวียดนาม
ภายในเป็นห้องโถงใหญ่ มีการประดับภาพแผนที่ทางทะเลโบราณ และรูปของท่านประธานาธิบดีโฮจิมินห์ ตัวอาคารประดับไปด้วยกระจกสี
ระหว่างทางเดินไปสถานที่ต่อไป
คือ ศาลากลางนครโฮจิมินห์ ตั้งอยู่ใจกลางเมืองโฮจิมินห์ โดยมีอนุสาวรีย์ท่านประธานาธิบดีโฮจิมินห์ตั้งอยู่ทางด้านหน้า เป็นศูนย์กลางของเมืองที่มีถนนตัดผ่านทางด้านหน้า ทำให้เห็นเมืองของนครโฮจิมินห์ได้เป็นอย่างดี
ถ่ายรูปกับท่านโฮจิมินห์เสร็จ เราก็มุ่งหน้าต่อไปที่โรงละครโอเปร่า (Opera House) ปัจจุบันใช้ในการแสดงต่างๆ ในแต่ละสัปดาห์จะมีการแสดงแตกต่างกันไป
หลังจากที่เดินรอบเมือง ถ่ายรูปกับสถานที่ห้ามพลาดสำคัญๆของนครโฮจิมินห์กันแล้ว เราก็เดินเล่นชมเมืองตามประสาคนต่างด้าว ฮ่าๆ จะว่าไปเมืองนี้ก็ไม่ค่อยมีอะไรให้เที่ยวสักเท่าไหร่ แต่ก็ได้ประสบการณ์การเดินทางแปลกๆหลายอย่าง เช่น รถมอเตอร์ไซที่นี่นิยมขับกันมาก บีบแตรกันสนั่นหวั่นไหว และการข้ามถนนที่นี่เราต้องตัดสินใจเดินข้ามไปเลย เดี๋ยวรถมอไซจะจอดให้เราเอง ถ้ามัวแต่รอก็คงไม่ได้ข้ามกันพอดีเพราะรถที่นี่จะไม่มีทางหยุดให้เราข้าม
นี่คือบรรยากาศยามค่ำคืนและความจอแจของรถในนครโฮจิมินห์ครับ
จริงๆที่นี่มีสถานที่เที่ยวอีกมากมาย เช่น ตลาดกลางคืนเดินช้อปปิ้งของก็อป ของฝากที่ระลึก ถนนฟามงูเหลาซึ่งเป็นถนนคล้ายๆกับถนนข้าวสารบ้านเราที่เป็นศูนย์รวมนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ แต่เราไม่ได้เก็บรูปและรายละเอียดนั้นมา รีวิวนี้เน้นเล่าถึงรายละเอียดการเดินทางท่องเที่ยวด้วยตัวเองแบบง่ายๆ สำหรับคนที่ต้องการเก็บข้อมูลเที่ยวครั้งแรกครับ
หมดเวลาสนุกแล้วสิ ได้เวลากลับไปสู่ความเป็นจริงละ ขากลับเราเลือกที่จะเดินทางไปสนามบินโดย Taxi มารับเราที่หน้าโรงแรม ในราคา 150.000 ดอง ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ20นาที ก็ถึงสนามบินแล้วครับ
ใครสนใจจะเดินทางไปท่องเที่ยวโฮจิมินห์เวียดนามตอนนี้ได้ข่าวว่าสายการบินนกแอร์ได้เปิดเส้นทางใหม่ บินจากดอนเมืองไปโฮจิมินห์แล้วนะครับ เอามาฝากเผื่อใครสนใจ
ขอจบรีวิวไว้เพียงเท่านี้ ไว้มีทริปต่อไปจะมาอัพเดทประสบการณ์การเดินทางกันอีกนะครับ ^^ ขอบคุณทุกคนที่สนใจและเข้ามาอ่านรีวิวนี้นะครับ คงจะได้ข้อมูลจากรีวิวนี้ไม่มากก็น้อย...
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น