ความเดิมตอนที่แล้ว
[CR] Keep calm and go to Beijing ไม่รู้ภาษาจีนก็เที่ยวปักกิ่งได้นะ (ตอนที่ 1)
http://pantip.com/topic/34269036
CheeZ Factory
---------------------------------------
Contact:
https://www.facebook.com/cheezfact
https://instagram.com/cheez_factory
---------------------------------------
Keep calm and go to Beijing ไม่รู้ภาษาจีนก็เที่ยวปักกิ่งได้นะ (ตอนที่ 2)
29 กันยายน
คืนก่อนพยากรณ์อากาศบอกว่าฝนจะตกวันรุ่งขึ้นก็ตกจริงตามคาด ตื่นมาพร้อมเสียงฟ้าร้อง แต่บางครั้งมาเที่ยวแบบนี้ก็ต้องทำใจ ประเภทจองตั๋วไว้หมดแล้ว ลางานก็ลาแล้ว แต่พายุดันมาเข้าพอดี... คิดซะว่าคนอื่นมาได้ถ่ายรูปท้องฟ้าสดใส เราถ่ายรูปมีแต่ร่มบ้างก็น่าสนใจไปอีกแบบ ดีซะอีก คน (น่าจะ) น้อยด้วย? ว่าแล้วก็ถือร่มหิ้วกล้องเดินทางไปพระราชวังต้องห้ามดีกว่า
สำหรับเพื่อนๆที่จะมาพระราชวังต้องห้ามควรมาตอนเช้าเพราะนอกจากเราจะเที่ยวแล้วคนจีนก็เที่ยวเหมือนกันซึ่งบางทีอาจเต็มโค้วต้าในแต่ละวันได้
ปล.พระราชวังต้องห้ามปิดวันจันทร์นะ
พระราชวังต้องห้าม / สถานี Qianmen (Line 2) หรือ สถานี Tiananmen West หรือ Tiananmen East (Line 1)
วิธีไปที่ง่ายที่สุดคือรถไฟใต้ดิน อย่างที่เคยบอกว่าเดินทางในปักกิ่งนั้นง่ายมาก ซึ่งถ้าใครไม่รีบจะลง Qianmen แล้วเดินผ่านจตุรัสเทียนอันเหมินไปพระราชวังต้องห้ามก็ได้ (จขกท.เลือกสถานีนี้) ข้อเสียคือเดินไกลหน่อย ส่วนถ้าเลือกลงสถานีเทียนอันเหมินเลยก็ใกล้มากกก แทบจะเรียกได้ว่าส่งเกือบถึงทางเข้าวังกันเลยทีเดียว
วิวหน้าพิพิธภัณฑ์แห่งชาติจีนในวันฝนพรำ มีแต่ร่มกับฝน
สำหรับคนที่เดินข้ามจากจตุรัสเทียนอันเหมินหรือจุดอื่นๆสิ่งที่จะเจอเหมือนกันคือต้องผ่านด่านตรวจความปลอดภัย ซึ่งเป็นปกติของประเทศจีนคือตรวจจริงจังประเภทต้องเอากระเป๋าเข้าเครื่องสแกนทุกครั้งไม่เว้นแม้แต่เวลาเข้ารถไฟใต้ดิน
หลังจากลุยน้ำและผ่านด่านตรวจ จขกท.ก็มาถึงหน้าพระราชวังต้องห้าม ดูยิ่งใหญ่ดี แต่แว๊บแรกที่รู้สึกคือเล็กกว่าที่เคยคิดไว้นะ ^^"
ภาพท่านประธานเหมาดูเด่นเป็นสง่าหน้าทางเข้าพระราชวังแสดงถึงยุคของฮ่องเต้ได้ผ่านไปแล้ว ทุกคนเท่าเทียมและมีสิทธิที่จะเข้าไปในพระราชวังที่ครั้งหนึ่งคือ "เมืองต้องห้าม"...ซึ่งจริงๆแล้วก่อนภาพเหมาเจ๋อตุงจะอยู่ตรงนี้ ภาพของ"เจียงไคเช็ค"ในฐานะของหัวหน้าพรรคก๊กมินตั๋งได้เคยถูกนำมาประดับไว้ก่อนแล้วแต่ภายหลังที่พ่ายแพ้แก่กองทัพคอมมิวนิสต์ภาพเหมาเจ๋อตุงจึงถูกนำมาประดับไว้แทนจนถึงปัจจุบัน
จขกท.ไม่ได้จองตั๋วล่วงหน้า Walk-in เข้าไปเลยพร้อมกับนักท่องเที่ยวคนอื่นๆ จะบอกว่าคิวยาวมากกก+ ฝนก็ตกหนักขึ้นเรื่อยๆ สังเกตลุงที่ต่อคิวอยู่ข้างๆ ลุงแกมาคนเดียวกำลังดูหนังสือท่องเที่ยวอยู่ แกเห็นเรามองก็พูดทักมาเป็นภาษาจีน จขกท.ก็ได้แต่ยิ้มให้ ถึงหน้าจะได้แต่พูดไม่เป็นเน้อ ...ถึงคิวจะยาวมากแต่เจ้าหน้าที่ทำงานเร็ว ประมาณ 15 นาทีก็ได้ซื้อตั๋ว ซึ่งที่พระราชวังต้องห้ามนี่แปลกอย่างนึงคือคนซื้อต้องแสดง Passport เวลาซื้อตั๋วด้วย ค่าตั๋วประมาณ 60 หยวน ไม่รวมส่วนของค่าเข้าชมกำแพงเก้ามังกร อีก 10 หยวน (อันหลังนี่ไปซื้อเอาข้างหน้าตรงทางเข้าส่วนของกำแพงได้ถ้าจะเข้า) ตามความเห็นจขกท.กำแพงเก้ามังกรสวยมากแต่มีแค่นั้น ส่วนจัดแสดงอื่นๆค่อนข้างธรรมดา
**ข้อสังเกตคือถ้าไปพระราชวังต้องห้ามสิ่งที่จะได้เห็นคือความอลังการของสถานที่ "แต่ทรัพย์สมบัติที่เคยอยู่ในวังโดนขนย้ายออกไปหมดแล้ว" ถ้าเพื่อนๆห้องบลูฯท่านใดอยากเห็นข้าวของเครื่องใช้หรือของจำพวกเครื่องประดับสามารถไปชมได้ที่กู้กง (จำลอง) หรือชื่อเป็นทางการว่า "National Palace Museum" ชานกรุงไทเป @ไต้หวัน จขกท.เองได้มีโอกาสไปมาแล้วเมื่อช่วงปีใหม่ สมบัติล้ำค่าทางประวัติศาสตร์มากมายถูกจัดแสดงอย่างเป็นระเบียบเต็มอาคารขนาด 4ชั้น สามารถเดินชมได้เป็นวันเลย ซึ่ง Highlight ของที่นั่นคือ "หยกหมูสามชั้น (เหมือนจริงๆ)" กับ "หยกผักกาด"
พระราชวังต้องห้าม...จากตอนแรกที่ค่อนขอดว่าเล็กกว่าที่คิด แต่พอได้ผ่านป้อมด้านหน้าพระราชวังเข้าไปเท่านั่นล่ะ
"ขุ่นพระ!!" ใหญ่โตมากๆ
ในส่วนของวังหลักๆ วังด้านหน้าจนถึงใจกลางของพระราชวังต้องห้ามทางรัฐบาลจีนบูรณะไว้ดีมาก ดูยิ่งใหญ่จริงๆ โดยเฉพาะพระที่นั่งไท่เหอเตี้ยน ...แต่ส่วนของพระที่นั่งถัดๆไป (จงเหอเตี้ยน - เป่าเหอเตี้ยน) ดูออกเลยว่าไม่ได้รับการดูแลดีเท่าพระที่นั่งแรก ตัวโครงสร้างยังสมบูรณ์เพียงแต่ลวดลายหรือภาพวาดตามตัวอาคารนั้นซีดจางไปแล้ว
นอกจากนี้รอบๆยังมีตำหนักใหญ่-น้อยมากมายจนดูกันไม่ทั่วเลย บางแห่งก็ปิดไว้บางแห่งก็เปิด แต่ค่อนข้างทรุดโทรมไปบ้างตามกาลเวลา ไม่รู้สิ จขกท.เดินๆไปก็ลองนึกย้อนไปสมัยรุ่งเรืองคงสวยงามมากแน่ๆ
รูปนี้ "จีนมุง!" ข้างในคือบัลลังก์ฮ่องเต้ครับ
อาการ (และไม้) Selfie เห็นได้ทั่วไปในปักกิ่งเช่นเดียวกับทุกที่ทั่วโลก
จขกท.จากที่เริ่มเดินตั้งแต่ฝนตกจนฝนหยุด จนกลับมาตกใหม่อีกรอบก็เดินไม่ทั่วเลย ใหญ่มากกก+ ใครจะมาเผื่อเวลาไว้วันนึงน่าจะกำลังดี
สิ่งที่พบเห็นได้ทั่วไปตามสถาปัตยกรรมจีนโบราณคือหัวมังกรระบายน้ำซึ่งทุกวันนี้ยังใช้งานได้ดีอยู่
ด้านข้างของพระราชวังจะมีตรอกที่เป็นแนวกำแพงสีแดงดูคลาสิกมาก ในวันวานข้าราชบริพารคงเดินกันวุ่นวายไปหมดแน่ๆ
จขกท.เดินตั้งแต่สิบโมงเช้าจนถึงสี่โมงเย็นยังเดินไม่ทั่วเลย แต่หลักๆก็เก็บหมดแล้วเลยเดินทะลุออกจากวังทางด้านหลัง เป้าหมายอยู่ที่ "สระบัวและวัดหย่งอัน" ที่ตั้งอยู่ในสวนเป่ยไห่ (Beihai Park) หรืออุทยานเป่ยไห่ ซึ่งจากด้านหลังพระราชวังนี่เดินไกลใช้ได้เลย สมัยก่อนคงมีคนแบกเกี้ยวไปส่งไม่งั้นฮ่องเต้คงขาล่ำแน่นอน ^^
การเดินทางสามารถใช้รถโดยสารหรือใช้วิธีเดินไปก็ได้ ถ้าหากจะเดินสามารถเดินทะลุจากอีกสวนนึงชื่อสวนจินซาน (Jingshan Park) ที่อยู่ด้านหลังของพระราชวังต้องห้าม โดยที่ข้อมูล (จากหนังสือท่องเที่ยว) บอกว่า ในอดีตสวนทั้งสองคือสวนเดียวกันแต่พอตัดถนนผ่ากลางเลยกลายเป็น 2 สวนแยกจากกันอย่างทุกวันนี้
บอกตามตรงว่าจขกท.เดินเที่ยวพระราชวังต้องห้ามจนหมดแรงแล้วเลยได้แต่ไหว้พระจากหน้าวัดและถ่ายสระบัว (ซึ่งไม่มีบัว) ในวันฝนตกก่อนลากลับที่พักไปแบบเหนื่อยๆ จากประสบการณ์จขกท.ขอแนะนำว่าถ้าคิดจะมาสวนทั้งสองควรศึกษาเส้นทางรถโดยสารไว้บ้างก็ดีนะ กรณีนี้ใช้รถไฟใต้ดินอย่างเดียวอาจจะต้องเดินเยอะนิดนึงกว่าจะถึงสวน (และจากสวนกว่าจะถึงสถานีอีก) โดยเฉพาะฝนตก+เหนื่อยด้วยจะไม่สนุกเอา
ขอลาวันที่สี่ในปักกิ่งด้วยภาพชีวิตประจำวันของคนที่นั่นรอบๆพระราชวังต้องห้าม ...ซึ่งถ้ามากับทัวร์คงไม่มีโอกาสได้เห็น ^^
[CR] Keep calm and go to Beijing ไม่รู้ภาษาจีนก็เที่ยวปักกิ่งได้นะ (ตอนที่ 2)
[CR] Keep calm and go to Beijing ไม่รู้ภาษาจีนก็เที่ยวปักกิ่งได้นะ (ตอนที่ 1)
http://pantip.com/topic/34269036
CheeZ Factory
---------------------------------------
Contact:
https://www.facebook.com/cheezfact
https://instagram.com/cheez_factory
---------------------------------------
Keep calm and go to Beijing ไม่รู้ภาษาจีนก็เที่ยวปักกิ่งได้นะ (ตอนที่ 2)
29 กันยายน
คืนก่อนพยากรณ์อากาศบอกว่าฝนจะตกวันรุ่งขึ้นก็ตกจริงตามคาด ตื่นมาพร้อมเสียงฟ้าร้อง แต่บางครั้งมาเที่ยวแบบนี้ก็ต้องทำใจ ประเภทจองตั๋วไว้หมดแล้ว ลางานก็ลาแล้ว แต่พายุดันมาเข้าพอดี... คิดซะว่าคนอื่นมาได้ถ่ายรูปท้องฟ้าสดใส เราถ่ายรูปมีแต่ร่มบ้างก็น่าสนใจไปอีกแบบ ดีซะอีก คน (น่าจะ) น้อยด้วย? ว่าแล้วก็ถือร่มหิ้วกล้องเดินทางไปพระราชวังต้องห้ามดีกว่า
สำหรับเพื่อนๆที่จะมาพระราชวังต้องห้ามควรมาตอนเช้าเพราะนอกจากเราจะเที่ยวแล้วคนจีนก็เที่ยวเหมือนกันซึ่งบางทีอาจเต็มโค้วต้าในแต่ละวันได้
ปล.พระราชวังต้องห้ามปิดวันจันทร์นะ
พระราชวังต้องห้าม / สถานี Qianmen (Line 2) หรือ สถานี Tiananmen West หรือ Tiananmen East (Line 1)
วิธีไปที่ง่ายที่สุดคือรถไฟใต้ดิน อย่างที่เคยบอกว่าเดินทางในปักกิ่งนั้นง่ายมาก ซึ่งถ้าใครไม่รีบจะลง Qianmen แล้วเดินผ่านจตุรัสเทียนอันเหมินไปพระราชวังต้องห้ามก็ได้ (จขกท.เลือกสถานีนี้) ข้อเสียคือเดินไกลหน่อย ส่วนถ้าเลือกลงสถานีเทียนอันเหมินเลยก็ใกล้มากกก แทบจะเรียกได้ว่าส่งเกือบถึงทางเข้าวังกันเลยทีเดียว
วิวหน้าพิพิธภัณฑ์แห่งชาติจีนในวันฝนพรำ มีแต่ร่มกับฝน
สำหรับคนที่เดินข้ามจากจตุรัสเทียนอันเหมินหรือจุดอื่นๆสิ่งที่จะเจอเหมือนกันคือต้องผ่านด่านตรวจความปลอดภัย ซึ่งเป็นปกติของประเทศจีนคือตรวจจริงจังประเภทต้องเอากระเป๋าเข้าเครื่องสแกนทุกครั้งไม่เว้นแม้แต่เวลาเข้ารถไฟใต้ดิน
หลังจากลุยน้ำและผ่านด่านตรวจ จขกท.ก็มาถึงหน้าพระราชวังต้องห้าม ดูยิ่งใหญ่ดี แต่แว๊บแรกที่รู้สึกคือเล็กกว่าที่เคยคิดไว้นะ ^^"
ภาพท่านประธานเหมาดูเด่นเป็นสง่าหน้าทางเข้าพระราชวังแสดงถึงยุคของฮ่องเต้ได้ผ่านไปแล้ว ทุกคนเท่าเทียมและมีสิทธิที่จะเข้าไปในพระราชวังที่ครั้งหนึ่งคือ "เมืองต้องห้าม"...ซึ่งจริงๆแล้วก่อนภาพเหมาเจ๋อตุงจะอยู่ตรงนี้ ภาพของ"เจียงไคเช็ค"ในฐานะของหัวหน้าพรรคก๊กมินตั๋งได้เคยถูกนำมาประดับไว้ก่อนแล้วแต่ภายหลังที่พ่ายแพ้แก่กองทัพคอมมิวนิสต์ภาพเหมาเจ๋อตุงจึงถูกนำมาประดับไว้แทนจนถึงปัจจุบัน
จขกท.ไม่ได้จองตั๋วล่วงหน้า Walk-in เข้าไปเลยพร้อมกับนักท่องเที่ยวคนอื่นๆ จะบอกว่าคิวยาวมากกก+ ฝนก็ตกหนักขึ้นเรื่อยๆ สังเกตลุงที่ต่อคิวอยู่ข้างๆ ลุงแกมาคนเดียวกำลังดูหนังสือท่องเที่ยวอยู่ แกเห็นเรามองก็พูดทักมาเป็นภาษาจีน จขกท.ก็ได้แต่ยิ้มให้ ถึงหน้าจะได้แต่พูดไม่เป็นเน้อ ...ถึงคิวจะยาวมากแต่เจ้าหน้าที่ทำงานเร็ว ประมาณ 15 นาทีก็ได้ซื้อตั๋ว ซึ่งที่พระราชวังต้องห้ามนี่แปลกอย่างนึงคือคนซื้อต้องแสดง Passport เวลาซื้อตั๋วด้วย ค่าตั๋วประมาณ 60 หยวน ไม่รวมส่วนของค่าเข้าชมกำแพงเก้ามังกร อีก 10 หยวน (อันหลังนี่ไปซื้อเอาข้างหน้าตรงทางเข้าส่วนของกำแพงได้ถ้าจะเข้า) ตามความเห็นจขกท.กำแพงเก้ามังกรสวยมากแต่มีแค่นั้น ส่วนจัดแสดงอื่นๆค่อนข้างธรรมดา
**ข้อสังเกตคือถ้าไปพระราชวังต้องห้ามสิ่งที่จะได้เห็นคือความอลังการของสถานที่ "แต่ทรัพย์สมบัติที่เคยอยู่ในวังโดนขนย้ายออกไปหมดแล้ว" ถ้าเพื่อนๆห้องบลูฯท่านใดอยากเห็นข้าวของเครื่องใช้หรือของจำพวกเครื่องประดับสามารถไปชมได้ที่กู้กง (จำลอง) หรือชื่อเป็นทางการว่า "National Palace Museum" ชานกรุงไทเป @ไต้หวัน จขกท.เองได้มีโอกาสไปมาแล้วเมื่อช่วงปีใหม่ สมบัติล้ำค่าทางประวัติศาสตร์มากมายถูกจัดแสดงอย่างเป็นระเบียบเต็มอาคารขนาด 4ชั้น สามารถเดินชมได้เป็นวันเลย ซึ่ง Highlight ของที่นั่นคือ "หยกหมูสามชั้น (เหมือนจริงๆ)" กับ "หยกผักกาด"
พระราชวังต้องห้าม...จากตอนแรกที่ค่อนขอดว่าเล็กกว่าที่คิด แต่พอได้ผ่านป้อมด้านหน้าพระราชวังเข้าไปเท่านั่นล่ะ "ขุ่นพระ!!" ใหญ่โตมากๆ
ในส่วนของวังหลักๆ วังด้านหน้าจนถึงใจกลางของพระราชวังต้องห้ามทางรัฐบาลจีนบูรณะไว้ดีมาก ดูยิ่งใหญ่จริงๆ โดยเฉพาะพระที่นั่งไท่เหอเตี้ยน ...แต่ส่วนของพระที่นั่งถัดๆไป (จงเหอเตี้ยน - เป่าเหอเตี้ยน) ดูออกเลยว่าไม่ได้รับการดูแลดีเท่าพระที่นั่งแรก ตัวโครงสร้างยังสมบูรณ์เพียงแต่ลวดลายหรือภาพวาดตามตัวอาคารนั้นซีดจางไปแล้ว
นอกจากนี้รอบๆยังมีตำหนักใหญ่-น้อยมากมายจนดูกันไม่ทั่วเลย บางแห่งก็ปิดไว้บางแห่งก็เปิด แต่ค่อนข้างทรุดโทรมไปบ้างตามกาลเวลา ไม่รู้สิ จขกท.เดินๆไปก็ลองนึกย้อนไปสมัยรุ่งเรืองคงสวยงามมากแน่ๆ
รูปนี้ "จีนมุง!" ข้างในคือบัลลังก์ฮ่องเต้ครับ
อาการ (และไม้) Selfie เห็นได้ทั่วไปในปักกิ่งเช่นเดียวกับทุกที่ทั่วโลก
จขกท.จากที่เริ่มเดินตั้งแต่ฝนตกจนฝนหยุด จนกลับมาตกใหม่อีกรอบก็เดินไม่ทั่วเลย ใหญ่มากกก+ ใครจะมาเผื่อเวลาไว้วันนึงน่าจะกำลังดี
สิ่งที่พบเห็นได้ทั่วไปตามสถาปัตยกรรมจีนโบราณคือหัวมังกรระบายน้ำซึ่งทุกวันนี้ยังใช้งานได้ดีอยู่
ด้านข้างของพระราชวังจะมีตรอกที่เป็นแนวกำแพงสีแดงดูคลาสิกมาก ในวันวานข้าราชบริพารคงเดินกันวุ่นวายไปหมดแน่ๆ
จขกท.เดินตั้งแต่สิบโมงเช้าจนถึงสี่โมงเย็นยังเดินไม่ทั่วเลย แต่หลักๆก็เก็บหมดแล้วเลยเดินทะลุออกจากวังทางด้านหลัง เป้าหมายอยู่ที่ "สระบัวและวัดหย่งอัน" ที่ตั้งอยู่ในสวนเป่ยไห่ (Beihai Park) หรืออุทยานเป่ยไห่ ซึ่งจากด้านหลังพระราชวังนี่เดินไกลใช้ได้เลย สมัยก่อนคงมีคนแบกเกี้ยวไปส่งไม่งั้นฮ่องเต้คงขาล่ำแน่นอน ^^
การเดินทางสามารถใช้รถโดยสารหรือใช้วิธีเดินไปก็ได้ ถ้าหากจะเดินสามารถเดินทะลุจากอีกสวนนึงชื่อสวนจินซาน (Jingshan Park) ที่อยู่ด้านหลังของพระราชวังต้องห้าม โดยที่ข้อมูล (จากหนังสือท่องเที่ยว) บอกว่า ในอดีตสวนทั้งสองคือสวนเดียวกันแต่พอตัดถนนผ่ากลางเลยกลายเป็น 2 สวนแยกจากกันอย่างทุกวันนี้
บอกตามตรงว่าจขกท.เดินเที่ยวพระราชวังต้องห้ามจนหมดแรงแล้วเลยได้แต่ไหว้พระจากหน้าวัดและถ่ายสระบัว (ซึ่งไม่มีบัว) ในวันฝนตกก่อนลากลับที่พักไปแบบเหนื่อยๆ จากประสบการณ์จขกท.ขอแนะนำว่าถ้าคิดจะมาสวนทั้งสองควรศึกษาเส้นทางรถโดยสารไว้บ้างก็ดีนะ กรณีนี้ใช้รถไฟใต้ดินอย่างเดียวอาจจะต้องเดินเยอะนิดนึงกว่าจะถึงสวน (และจากสวนกว่าจะถึงสถานีอีก) โดยเฉพาะฝนตก+เหนื่อยด้วยจะไม่สนุกเอา
ขอลาวันที่สี่ในปักกิ่งด้วยภาพชีวิตประจำวันของคนที่นั่นรอบๆพระราชวังต้องห้าม ...ซึ่งถ้ามากับทัวร์คงไม่มีโอกาสได้เห็น ^^