เฮ้อออ... ยิ่งนานวันยิ่งเห็นเด่นชัดขึ้นทุกวันครับ ว่าปัญหาบ้านเมืองนั้นมันแก้ไม่ได้ มันหาทางออกไม่เจอเพราะอะไร

บางครั้ง  เราก็มองว่าปัญหาบ้านเมืองนั้น  เกิดจากความขัดแย้ง
บางครั้ง  ก็มองว่าเกิดจากความสองมาตรฐาน
บางครั้ง  ก็มองว่าเกิดจากนักการเมือง

ฯลฯ

แต่นานวันไป  สิ่งที่ไม่เคยพิจารณา ไม่เคยคิดคิดว่านี่แหละคือ "ตัวปัญหา" ของแท้ ตัวจริง เสียงจริงของบ้านเมือง
คือ  "รากเหง้า"  ของปัญา

ก็เริ่มโผล่ออกมาให้เห็นเด่นชัดขึ้น ๆ ทุกวัน ๆ

นั่นคือ  ความไร้เหตุไร้ผล  ด้นตะแบงไปเรื่อย

นึกดูสิครับ   มองย้อนหลังไปสิครับ    ผมว่าไอ้ความไร้เหตุผล  ตะบิดตะแบงนี่แหละ   คือเจ้าตัวปัญหาของแท้

เวลาเกิดข้อขัดแย้ง  เห็นต่างกันทางสังคม   ไม่ว่าเรื่องอะไร  เล็กหรือใหญ่
แถกันได้ทุกเรื่อง   แหลกันได้ทุกอย่าง   ยากนัก  น้อยมาก  ที่จะเล่นกันอย่างตรงไปตรงมา ด้วยเหตุด้วยผล

กลายเป็นสังคมที่ใครแหลเก่งกว่า  แถเก่งกว่า   กลายเป็นความถูกต้อง
เมื่อมาบวกกับรากฐานสังคมศักดินา   ที่ยอมรับเกรงกลัวสถานะทางอำนาจ  ฐานะทางเศรษฐกิจ
เลยยิ่งเละเทะกันไปใหญ่



ไม่ต้องย้อนไปไกล   เอาสิ่งที่กำลังเป็นอยู่ในตอนนี้แหละครับ

ไม่ว่าเรื่อง  Single gateway     ไม่ว่าเรื่องระเบิดราชประสงค์     มีอะไรตรงไปตรงมา
เรื่องแค่นี้   ประเด็นสาธารณะใหญ่ขนาดนี้   ยังเล่นกระบิดกระบวนเบี่ยงซ้ายบ้ายขวากันแบบไม่มีสำนึกแห่งความถูกต้อง

เราเคยเห็นการแถกันอย่างมักง่ายมาแล้ว   อย่างเรื่องให้ไปอ่านรัฐธรรมนูญไทยฉบับภาษาอังกฤษ

เราได้เห็นการแถแบบมีชั้นเชิง   ฟังแล้วดุดีซะเหลือเกิน   อย่างเรื่องทดแทนคุณแผ่นดิน

ยิ่งนึก  ยิ่งคิด   ยิ่งพิจารณา    ยิ่งปวดตับ



อีกสารพัดสารพันเรื่องราวครับ

ประเทศไทยกลายเป็นสังคมบิดเบือน  แถ  แหล  เต็มไปด้วยตรรกะวิบัติ
กลายเป็นสังคมอ้างดี  ติดดี  แต่ไม่มีอะไรดีลึกเข้าไปทุกวัน

ความจริงแล้ว  ในมิติทางการเมืองนี่   เป็นแบบนี้มานานแล้ว   ใกล้ร้อยปีเข้าไปแล้ว
ไม่เชื่อ  มองเข้าไปในพรรคประชาธิปัตย์สิครับ   พรรคนี้อยู่มาได้นานเพราะอะไร

เพราะความซื่อตรงคงมั่น  หรือเพราะเรื่องแถ  แหล  โกหก  ใส่ร้ายได้เก่งกว่าคนอื่นพรรคอื่น

เช่น   31 มีนาคม 2548   นายชวน  หลีกภัย   ลุกขึ้นอภิปรายในสภาฯ ว่า  

"....ขอเถอะครับ ถ้าอยากสร้างความสามัคคีในชาติ สู้กันตรงไปตรงมา พูดกันตรงไปตรงมา อะไรถูกผิด พวกผมไม่ใช่นักการเมืองประเภทบิดเบือนครับ พูดความจริงถึงมาอยู่ได้ยาวนาน โกหกชาวบ้านเมื่อไหร่ เขาจับได้ หลอกเขาได้ครั้งเดียว หลอกสองครั้งไม่ได้ ผมขอร้องเรื่องนี้เพราะคนที่เขาไม่ควรจะเข้าใจผิด เขาเข้าใจผิดเพราะสื่อของรัฐเป็นตัวส่งเสริมเกิดความเข้าใจผิดเสียเอง..."

ไม่รู้จะเอาฮาไปถึงไหน
นี่แหละครับ  คือเรื่องปัญหาแท้ ๆ ของบ้านเมือง    หน้าซื่อตาใส  ตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จ



ทุกวันนี้   มีอะไรที่เป็นเรื่องตรงไปตรงมา

สังคมไทยติดการมอมเมากันมาตลอด   ไม่ว่าเรื่องประวัติศาสตร์  การเมือง  การศึกษา  ฯลฯ
เต็มไปด้วยมายาคติ   จนเกิดอาการคลั่งชาติ   เข่นฆ่ากันมาแล้วเมื่อ 6 ต.ค. 2519  

ถึงวันนี้   มายาคติกำลังหลอกหลอนสังคมไทยอีกครั้ง
ในระยะสิบปีมานี่   เราเข่นฆ่ากันไปเท่าไร  


ณ วันนี้  เรากำลังโดนมายาคติทางการเมืองครอบงำ
ประชาธิปไตยไม่ดีพอ    นักการเมืองเลว ชั่ว โกง    ต้องมีใครสักคนมาแก้ไข เปลี่ยนแปลง
สร้างมายาคติเรื่องวีรบุรุษ  เรื่องอัศวินม้าขาวไม่หยุดหย่อน  จนม้าขาวไม่เหลือแล้ว  มีแต่ม้าแกลบดำ ๆ ด่าง ๆ
คนบางกลุ่มเลวไปหมด    คนอีกกลุ่มดีไปหมด

มายาคติเต็มบ้านเต็มเมือง   แต่พูดมากไม่ได้    หายวับแน่

อยากสาธยายอีกหลายเรื่อง   แต่คงทำไม่ได้    พอหอมดากหอมก้นก็พอเนาะ



ว่าก็ว่าเหอะ   แม้กระทั่งพระ  ยังอาศัยมายาคติเป็นเจ้าเรือนเพื่อทำให้ได้ลาภ  ยศ  สรรเสริญ
(แล้วไอ้ที่ไม่ใช่พระ  แค่วิ่งไปซุกผ้าเหลืองชุบตัว  จะแค่ไหน)

แต่ก็ยังดี    มีพระรูปหนึ่ง   มาสร้างสีสันแบ่งปันความฮา
ด้วยการเรียกร้องให้รัฐบาลสหรัฐปลดเอ็นจีโอออกจากตำแหน่ง   ป่านนี้สหรัฐมันคงยังขำไม่หยุด

พระรูปนั้น  แกคงไม่รู้ว่า   เอ็นจีโอนั้น  คำเต็มคือ  Non Governmental Organizations
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้แถมที่สหรัฐนั้น  เขาไม่เรียกว่าเอ็นจีโอ   แต่เขาเรียกว่า   Public Voluntary Organizations (PVO)

เรื่องนี้เล่นเอาฮาจนลืมมายาคติในเรื่องมายาคติไปได้ชั่วครู่ครับ