ยสะ ... ลูกชายของมหาเศรษฐีที่พ่อแม่เลี้ยงดูอย่างตามอกตามใจ ใช้ชีวิตสุขสำราญ ได้รับการบำรุงบำเรอด้วยสตรีมากมายในแบบของคนหนุ่มทั่วไป ตื่นขึ้นมาในยามดึกของคืนหนึ่ง เห็นบริวารนอนเรียงรายระเกะระกะ ยสะ รู้สึกสังเวชในใจกับภาพที่เห็น และรำพึงรำพันออกมาว่า “ที่นี่วุ่นวายหนอ ที่นี่ขัดข้องหนอ” จึงในรุ่งสางวันเดียวกันนั้น ยสะได้ออกจากบ้านไปอย่างขาดสติ ทางที่เดินมุ่งหน้าไปยังป่าอิสิปตนมฤคทายวัน
ซึ่งขณะนั้นพุทธะและปัญจวัคคีย์ทั้ง 5 กำลังทำสมาธิอยู่ ยสะเดินไปถึงที่นั่น แต่ไม่มีสติสังเกตเห็นผู้ใดไม่
ได้แต่ฟูมฟาย รำพึงว่า ชีวิตคือสิ่งที่น่าชังที่สุด และมีท่าทีเหมือนคนกำลังจะฆ่าตัวตาย
พุทธะจึงคว้าตัวยสะไว้
ยสะรำพึงว่า ไม่มีใครมีสิทธิห้ามข้า ข้าเท่านั้นที่มีสิทธิ
ความจริงที่ 1 จากพุทธะในตอนนี้
“พ่อกับแม่ต่างหากที่มีสิทธิในตัวเราเพราะเขาเป็นคนให้กำเนิดและเลี้ยงดูเรามา ทุกสิ่งทุกอย่างมีสิทธิในตัวเราเพราะทุกสิ่งนั้นทำให้เรามีวันนี้”
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเนื่องจาก ยสะ รู้สึกกลวงในหัวใจ เขารำพึงว่า เขาสนองตัวเองได้ เขามีทุกอย่าง แต่ทุกอย่างไม่จีรัง ทุกครั้งที่เขามองตัวเอง มักพบแต่ความเจ็บปวด มืดมนไร้ทาง พบแต่ความโดดเดี่ยว รู้สึกไม่อยากมีชีวิต
ความจริงที่ 2 จากพุทธะในตอนนี้
“เมื่อความปรารถนาได้ตื่นขึ้น เราจะรู้สึกพอใจเมื่อตอบสนองมันได้ เมื่อตอบสนองความต้องการได้แล้ว หัวใจเราจะรู้สึกโดดเดี่ยวอีกครั้ง ... เมื่อเราปรารถนาบางสิ่งมันคือความฝัน เมื่อสมปรารถนา หัวใจจะเข้าใจว่ามันเป็นความฝัน เราเก็บมันไว้ไม่ได้ แล้วมันจะหลุดลอยไป ...หนทางสู่ความจีรังยั่งยืนคือ จงไม่พอใจกับความต้องการความสุขจากโลกภายนอก และหากกลัวชีวิตแล้ววิ่งหนีมัน เราจะไม่ได้อะไรเลย เราต้องเรียกสติกลับคืนมา … มนุษย์สามารถเห็นโลกได้ตามที่ใจต้องการ”
พระพุทธเจ้า เชิญชวนให้ยสะมองดูรอบบริเวณนั้นที่ยืนอยู่
มันช่างสวยงามเหลือเกิน … ยสะรำพัน
ความจริงที่ 3 จากพุทธะในตอนนี้
“ธรรมชาติไม่ได้เปลี่ยน มันยังเหมือนเดิม สายตาเราต่างหากที่เปลี่ยน เมื่อตอนไม่มีสติ เราจะไม่เห็นความงามของสิ่งใด เพราะใจไม่พร้อมที่จะเห็น แต่เมื่อสงบแล้ว เมื่อควบคุมใจได้ จึงได้เห็น ... อะไรที่มากเกินไป มันจะมีแต่เพิ่มความทุกข์ เพราะฉะนั้นจงเดินทางสายกลาง แล้วจะเห็นอย่างที่เป็น แล้วจะพบความสงบภายใน”
และยสะ จึงขอเป็นศิษฐ์กับพระพุทธเจ้า
ความจริงที่ 4 จากพุทธะในตอนนี้
“ทุกคนที่เกิดมาบนโลกนี้ มีสิทธิได้รับความรู้ทุกคน เพียงแค่ต้องออกเดินก้าวแรก ... และจงละทิ้งศักดิ์ศรี และยกตัวตนให้กับอาจารย์”
ขอบคุณพระพุทธเจ้า
ขอบคุณพระนางปชาบดี
ขอบคุณพระนางยโสธรา
ขอบคุณ Dr.B.K. Modi ผู้มีศรัทธาอันแรงกล้าในพระพุทธศาสนา
ที่เป็นต้นกำเนิด ซีรี่ เรื่อง พระพุทธเจ้า มหาศาสดาโลก
ขอบคุณ สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล และช่อง 1 เวิร์คพอยส์ ที่นำเสนอเพื่อคนไทยทุกคน
ขอบคุณภาพ และ เนื้อหา (ตอนที่ 35) ... จากบุคคลดังกล่าวข้างต้น
ขอบคุณทุกสรรพสิ่ง
บนโลกอันงดงามนี้ วาจาอันงดงามของพุทธะจะปลุกทุกคนที่เชื่อมโยงกับศาสนาให้ตื่นขึ้น
ธรรมะของพุทธะเป็นอกาลิโก
[CR] ยสกุลบุตรออกบวช (ชีวิตไม่มีความหมาย ขอตายดีกว่า)
ซึ่งขณะนั้นพุทธะและปัญจวัคคีย์ทั้ง 5 กำลังทำสมาธิอยู่ ยสะเดินไปถึงที่นั่น แต่ไม่มีสติสังเกตเห็นผู้ใดไม่
ได้แต่ฟูมฟาย รำพึงว่า ชีวิตคือสิ่งที่น่าชังที่สุด และมีท่าทีเหมือนคนกำลังจะฆ่าตัวตาย
พุทธะจึงคว้าตัวยสะไว้
ยสะรำพึงว่า ไม่มีใครมีสิทธิห้ามข้า ข้าเท่านั้นที่มีสิทธิ
ความจริงที่ 1 จากพุทธะในตอนนี้
“พ่อกับแม่ต่างหากที่มีสิทธิในตัวเราเพราะเขาเป็นคนให้กำเนิดและเลี้ยงดูเรามา ทุกสิ่งทุกอย่างมีสิทธิในตัวเราเพราะทุกสิ่งนั้นทำให้เรามีวันนี้”
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเนื่องจาก ยสะ รู้สึกกลวงในหัวใจ เขารำพึงว่า เขาสนองตัวเองได้ เขามีทุกอย่าง แต่ทุกอย่างไม่จีรัง ทุกครั้งที่เขามองตัวเอง มักพบแต่ความเจ็บปวด มืดมนไร้ทาง พบแต่ความโดดเดี่ยว รู้สึกไม่อยากมีชีวิต
ความจริงที่ 2 จากพุทธะในตอนนี้
“เมื่อความปรารถนาได้ตื่นขึ้น เราจะรู้สึกพอใจเมื่อตอบสนองมันได้ เมื่อตอบสนองความต้องการได้แล้ว หัวใจเราจะรู้สึกโดดเดี่ยวอีกครั้ง ... เมื่อเราปรารถนาบางสิ่งมันคือความฝัน เมื่อสมปรารถนา หัวใจจะเข้าใจว่ามันเป็นความฝัน เราเก็บมันไว้ไม่ได้ แล้วมันจะหลุดลอยไป ...หนทางสู่ความจีรังยั่งยืนคือ จงไม่พอใจกับความต้องการความสุขจากโลกภายนอก และหากกลัวชีวิตแล้ววิ่งหนีมัน เราจะไม่ได้อะไรเลย เราต้องเรียกสติกลับคืนมา … มนุษย์สามารถเห็นโลกได้ตามที่ใจต้องการ”
พระพุทธเจ้า เชิญชวนให้ยสะมองดูรอบบริเวณนั้นที่ยืนอยู่
มันช่างสวยงามเหลือเกิน … ยสะรำพัน
ความจริงที่ 3 จากพุทธะในตอนนี้
“ธรรมชาติไม่ได้เปลี่ยน มันยังเหมือนเดิม สายตาเราต่างหากที่เปลี่ยน เมื่อตอนไม่มีสติ เราจะไม่เห็นความงามของสิ่งใด เพราะใจไม่พร้อมที่จะเห็น แต่เมื่อสงบแล้ว เมื่อควบคุมใจได้ จึงได้เห็น ... อะไรที่มากเกินไป มันจะมีแต่เพิ่มความทุกข์ เพราะฉะนั้นจงเดินทางสายกลาง แล้วจะเห็นอย่างที่เป็น แล้วจะพบความสงบภายใน”
และยสะ จึงขอเป็นศิษฐ์กับพระพุทธเจ้า
ความจริงที่ 4 จากพุทธะในตอนนี้
“ทุกคนที่เกิดมาบนโลกนี้ มีสิทธิได้รับความรู้ทุกคน เพียงแค่ต้องออกเดินก้าวแรก ... และจงละทิ้งศักดิ์ศรี และยกตัวตนให้กับอาจารย์”
ขอบคุณพระพุทธเจ้า
ขอบคุณพระนางปชาบดี
ขอบคุณพระนางยโสธรา
ขอบคุณ Dr.B.K. Modi ผู้มีศรัทธาอันแรงกล้าในพระพุทธศาสนา
ที่เป็นต้นกำเนิด ซีรี่ เรื่อง พระพุทธเจ้า มหาศาสดาโลก
ขอบคุณ สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล และช่อง 1 เวิร์คพอยส์ ที่นำเสนอเพื่อคนไทยทุกคน
ขอบคุณภาพ และ เนื้อหา (ตอนที่ 35) ... จากบุคคลดังกล่าวข้างต้น
ขอบคุณทุกสรรพสิ่ง
บนโลกอันงดงามนี้ วาจาอันงดงามของพุทธะจะปลุกทุกคนที่เชื่อมโยงกับศาสนาให้ตื่นขึ้น
ธรรมะของพุทธะเป็นอกาลิโก