กระทู้นี้เป็นกระทู้ริวิวภาพยนตร์ครั้งแรกของผมนะครับ และก็เป็นคนธรรมดาที่ชอบดูหนังแค่นั้น เพราะฉนั้นอะไรที่ผมเขียนมาก็ขอให้ถือว่าเป็นความคิดส่วนบุคคลทั้งหมด เพราะบอกก่อนว่าผมอาจจะไม่ได้มีความรู้เรื่องภาพยนตร์อะไรมากมายแต่คิดว่าส่วนตัวก็ดูหนังมามากพอสมควร อย่างแรกบอกก่อนเลยว่าคาดหวังพอสมควรทั้งในตัวของผู้กำกับคือ Denis Villeneuve และนักแสดงอย่าง
จอช โบรลิน หรือว่า
เอมิลี่ บลันท์ แต่จุดประสงค์เดียวจริงๆที่ลากผมมาดูเรื่องนี้คือความคาดหวังบทบาทในลักษณะนี้ของ
เบนิซิโอ เดลโตโร่ ซึ่งในขณะที่นักแสดงนำคนอื่นๆทำได้ในระดับมาตรฐานที่ดี แต่เหลือเชื่อจริงๆว่าสำหรับ เดลโตโร่ นั้นนี่คือหนึ่งในบทบาทที่ยอดเยี่ยมที่สุดในชีวิตของตัวเค้าเอง
เอมิลี่ บลันท์ นั้ันชัดเจนว่าดูจะมีเสน่ห์เพิ่มขึ้นเป็นพิเศษหากได้รับบทหญิงแกร่งในหมู่ตำรวจหรือกองทัพอะไรแบบนั้นเหมือนในเรื่อง Edge of Tomorrow .ใน sicario เอมิลี่ทำงานได้น่าชื่นชมในบทตำรวจหญิงที่ดูเหมือนจะแข็งแกร่งแต่เอาเข้าจริงแล้วยังมีความอ่อนแอแบบผู้หญิงทั่วไปหลุดให้เราเห็นอยู่เป็นระยะๆอยู่ที่ว่าสิ่งที่เข้ามานั้นจะ "จริง" และหนักสำหรับเธอแค่ไหนเท่านั้น สำหรับ จอช โบรลิน นั้นผมให้ไกล้เคียงกับมาตรฐานในระดับที่เค้าทำได้มาตลอด คือเรียบเฉยแต่สมจริง แม้โดยส่วนตัวนั้นผมเชื่อว่าเค้าอาจจะทำให้เราเชื่อได้มากกว่านี้อีกนิดนึง หรืออาจจะเป็นเพราะการที่ได้มาเบียดเสียดอยู่ในซีนเดียวกับ เดลโตโร่ ที่พีคสุดอยู่แทบจะตลอดเวลา เลยทำให้ โบรลิน ที่เมือมองจากมาตรฐานปรกติแล้วนั้นดูเหมือนจะธรรมดาไปนิด
สิ่งหนึ่งที่ถือว่าแข็งแกร่งมากนอกจากบทภาพยนตร์ สุดยอดการแคสนักแสดง และ ดนตรีประกอบของ sicario ที่ผมมองว่าสุดยอดจริงๆในระดับที่แทบจะสร้างมาตรฐานใหม่สำหรับภาพยนตร์แบบนี้ขึ้นมานั่นคือการเซ็ตฉาก ทั้งสภาพบ้านเมืองอันโหดร้ายของเม็กซิโก สภาพความเป็นอยู่ รถรา อาวุธ อุปกรณ์ หรือ องค์ประกอบทั่วไปทุกอย่างดูเรียลแทบไม่มีที่ติ อย่างหนึ่งในฉากพีคตอนต้นเรื่อง ที่แสดงการบุกเข้าไปรับตัวหัวหน้าแก็งคนหนึ่งชื่อว่า กิลเยร์โม ที่ถูกคุมตัวไว้แล้วนั้น มันแทบจะเหมือนกับว่าคุณกำลังเข้าไปนั่งขดตัวอยู่ในรถตำรวจแล้วมองดูลำดับการทำงานในระดับลับสุดยอดของหน่วยปราบปรามยาเสพย์ติด นั่งเฝ้ามองดูเหตุการณ์ต่างๆผ่านไปราวกับมันเกิดขึ้นในเหตุการณ์จริง ...
... หรือแม้แต่องค์ประกอบทั่วไป กระทั่งคอสตูม ชุดที่ตัวละครเลือกใส่ ลักษณะท่าทางการเดิน การพูดจา หรือบทสนทนา โดยเฉพาะ เดลโตโร่ ที่ปรกติแล้วเป็นคนตัวใหญ่อยู่แล้ว กับการที่เลือกใส่สูทสีครีมให้ดูสุภาพแบบขอไปที ภาพชายลึกลับวัยกลางคนนั่งมองดูการประชุมทีมของหน่วยรบด้วยแววตาที่เรียบเฉย หรือว่า ท่าทางที่เดินถือถังน้ำไปในห้องกักตัวผู้ต้องหาสำหรับการเค้นเอาข้อมูลลับแบบไร้มนุษยธรรมอะไรแบบนั้น แววตาที่เย็นเฉียบของเมื่อนำมาบวกกับหนวดเคราบนใบหน้ายิ่งทำให้ดูว่าเจนโลกแบบสุดๆ รายละเอียดปลีกย่อยต่างๆเหล่านี้ถูกทำให้สมจริงอย่างที่แทบจะไม่เคยมีใครทำมาก่อน...
... แต่สิ่งสุดท้ายนอกจากความสมจริงของรายละเอียดปลีกย่อย และ ทีมนักแสดงที่ดีมากๆแล้ว สิ่งที่ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้เข้าขั้นยอดเยี่ยมคือ ความสมจริงในแง่ของการดำเนินเรื่องไม่ว่าจะเป็นการประชุม แนวทางการสืบสวนสวบสวน การจับกุม สำหรับผมมันคือภาพยนตร์สืบสวนสอบสวนที่สมจริงมากๆ เจ๋งจนเรียกว่าถ้าไม่ยัดตัวละครบางตัวเข้ามา มันดูเรียลจนแทบจะเกือบๆจะเป็นการถ่ายทำสารคดีด้วยซ้ำ ทุกคนคือมืออาชีพ ในชีวิตจริงองค์กรณ์จะทำทุกอย่างให้มันง่ายที่สุดและสนใจแต่ประสิทธิภาพ เพราะในชีวิตจริงไม่มีใครต้องการคนที่เป็นอัจฉริยะ หรือมานั่งฟังนักวิเคราะห์ที่ฉลาดเป็นกรดมานั่งวิเคราะห์มาแก้ปัญหาให้คุณ พวกเค้าไม่ต้องการการคาดหวังหรือปาฎิหารย์ แทบจะทุกอย่างจะถูกแก้ปัญหาจากประสบการณ์ และ ความผิดพลาดในระดับนี้ที่จะต้องไม่มีทางเกิดขึ้น
ยกตัวอย่างเช่น ทุกภารกิจในภาพยนตร์นั้นฝ่ายตำรวจที่แม้จะมีความพร้อมกว่ามาก และ ผ่านการฝึกในระดับสูงมาก่อนก็จริง แต่ในชีวิตจริงพวกเค้าจะเลือกลงมือก็ต่ออยู่ในสถาณการณ์เมื่อพวกเค้าเป็นฝ่ายได้เปรียบ และโอกาศที่จะพลาดคือ ศูนย์ เท่านั้น ไม่มีการนำตัวเองหรือทีมงานเข้าไปเสี่ยงทุกกรณี ... ฉากที่ กิลเยร์โม พี่ชายของ ดิอาซ ถูกจับมาไว้ในเซฟเฮาส์ไว้ให้เรียบร้อยก่อนรอชุดปฎิบัติการณ์มารับไป ฉากนี้แสดงวิธีการทำงานแบบ ปปส. หรือ หน่วยปฎิบัติการณ์ลับในชีวิตจริง คือต้องแน่ใจว่าทุกอย่างจะเรียบร้อย และ สามารถควบคุมได้ ถึงค่อยลงมือ เพราะในชีวิตไม่อยากจะมีใครเอาชีวิตตัวเอง หรือ ลูกน้องไปเสี่ยงในภารกิจที่คาดการณ์ไม่ได้... ทุกอย่างจะถูกจัดเตรียมใว้ และหน้าที่ของพวกเค้าคือแค่ทำตามแผน ไม่ทำมันพลาด และ จบงานตามที่คุยกันไว้แค่นั้น ... ผู้กำกับ Denis Villeneuve นั้นต้องการให้ทุกรายละเอียดในหนังถูกสร้างขึ้นในแนวทางเดียวกันที่มันจะเกิดขึ้นจริง ในกรณีถ้ามีปัญหาอะไรแบบนี้ เราสามารถคาดหวังได้ว่าแนวทางการจัดการจะต้องมาในรูปแบบนี้หรือไกล้เคียง ซึ่งแน่นอนว่าหลายอย่างๆที่นำเสนอในภาพยนตร์นี้ เชื่อได้ว่าน่าจะเกิดขึ้นหรือมีเค้าโครงที่ไกล้เคียงเรื่องจริง หรือในลักษณะการแก้ปัญหายาเสพย์ติดแบบมหาภาคอย่างในเรื่อง ...
... สุดท้าย ส่วนนี้นั้นจะขอแยกออกมาพูดถึงเฉพาะส่วนที่เป็น เดลโตโร่ ก่อนอื่นสำหรับส่วนตัวผมเองนั้นถือว่า เดลโตโร่ นั้นคือสุดยอดฝีมือ และหลังจากดูเรื่องนี้จบผมกล้าบอกเลยว่านี่คือ มาสเตอร์พีซ ของเดลโตโร่ ... แน่นอน เดลโตโร่ใน the traffic หรือหนังอัตตะชีวะประวัติที่ชวนง่วงอย่าง Che ของ Steven Soderbergh นั้นอาจจะดูเข้าถึงคุณลักษณะของตัวละครได้ดีในแง่ของรายละเอียดการพยายามจะให้เป็นตัวละครนั้นๆ แต่ใน sicario นั้นต้องเข้าใจก่อนว่าตัวละคร อเลฮานโดร นั้นไม่ได้มีชีวิตอยู่จริง เพราะฉะนั้นความท้าทายของ เดลโตโร่ คือการต้องทำให้ตัวเค้าเองเป็น อเลฮานโดร ได้จริงๆ..
ดังนั้นสิ่งที่เราเห็นคือการทีมงานได้จำลองภาพลักษณ์ของมืออาชีพที่สมจริงสุดๆขึ้นมา ในแง่การถ่ายทอดอารมณ์ เบนิซิโอ เดลโตโร่ สร้างตัวตนของอดีตเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญในภารกิจเกี่ยวกับยาเสพย์ติด (ในเรื่องบอกว่าเคยสังกัดอยู่ในประเทศโคลอมเบีย และ เชี่ยวชาญปัญหายาเสพย์ติดในเม็กซิโก) ซึ่งแม้ว่าภายนอกจะเป็นเหมือนที่ปรึกษาแต่ภารกิจที่รับมานั้นไม่ต่างจากมือปืนรับจ้าง เมื่อรัฐบาล หรือ หน่วยงานภายในประเทศหมดหนทางในการแก้ปัญหาที่ร้ายแรงด้วยวิธีที่ "ถูกกฎหมาย" หรือเหมาะสม ตัวเค้าเองจะเป็นเหมือนทางเลือกหรือสิ่งสุดท้ายที่พวกเค้าจะเรียกใช้ในการจบปัญหา เรียกว่าภารกิจคือมาเพื่อ "เก็บงาน" โดยไม่เกี่ยงวิธีการ คือถ้ารัฐบาลไหนจะหา หรือ ใช้งานบุลคลากรที่คอยทำงานสกปรกแบบลับๆให้พวกเค้า นี่แหละคือบุคคลที่จะมีตัวตนจริงๆ
ซึ่ง เดลโตโร่ เองนั้นได้สร้างมาตรฐานใหม่ขึ้นมา สร้างบทบาทของเจ้าหน้าที่ปฎิบัติภารกิจลับในโลกของความเป็นจริงขึ้นมาซึ่งไม่เคยมีนักแสดงคนไหนทำได้สมจริงในระดับที่น่าตกใจขนาดนี้มาก่อน มีบางมุมมองที่เป็นปุถุชนคนธรรมดา เชี่ยวชาญเป็นพิเศษแค่ในบางเรื่อง หรือ เก่งในระดับที่จับต้องได้ ไม่ใช้สายลับสุดเพอร์เฟคในโลกภาพยนตร์ ที่ไม่มีทางมีอยู่จริง ... ขณะที่ในส่วนของบทบาทการแสดงก็เป็น เดลโตโร่ เองที่เก็บรายละเอียดได้หมดจดแทบไม่มีที่ติ ทั้งรูปลักษณ์ที่เหมาะสม คือเป็นเจ้าหน้าที่ปฎิบัติการณ์วัยกลางคน รูปร่างสมส่วน ทั้งท่าทางที่แสดงออกมา ลักษณะการพูดจา หรือแม้แต่ฉากการต่อสู้แบบประชิตตัว ความคล่องตัวในการใช้อาวุธปืน หรือ จังหวะการเคลื่อนที่ในการปฎิบัติภารกิจ ท่าทางของเค้านั้นดูเป็นธรรมชาติ และ สมจริง เหมือนกับสิบกว่าปีก่อนจากบทบาทเจ้าหน้าที่ระดับสุดยอดฝีมือใน The Hunted
ในความคิดผม Denis Villeneuve นั้นพยายามสร้างตัวตนของ อเลฮานโดร โดยที่เค้าให้ เดลโตโร่ ใช้ตัวเองเป็นแม่พิมพ์ อันที่จริงบทนี้ถ้าไม่ได้ เดลโตโร่ มาแสดง ส่วนตัวคิดว่าก็คงไม่มีใครอีกแล้วที่จะเหมาะสมกับบทมากกว่านี้ คือมันยากจริงๆนะ แต่สำหรับผมเอง หลังจาก เดลโตโร่ เล่นได้พีคแบบนี้แล้ว ผมไม่เห็นใครที่จะเล่นเป็นมือปืนหรือเป็นนักฆ่าในโลกแห่งความจริง มือปืนในสังคมที่เสื่อมโทรมจริงๆได้เรียลกว่านี้ ในอนาคตอาจไม่แน่ แต่นับลงไปเลย 10-20 ปีบทบาทเดียวกันนี้หรือไกล้เคียง ไม่มีใครจะเล่นได้สมจริง และ เฉียบได้ในระดับนี้อีก คนนึงที่พอนึกขึ้นได้(เอาที่แว็บเข้ามาในหัวตอนนี้)แบบลางๆคือ เอ็ดการ์ รามิเรซ ในบทสายลับที่ได้รับการฝึกแบบมืออาชีพใน The Bourne Ultimatum (ส่วนตัวผมคิดว่าการแสดงของ รามิเรซ ในเรื่องนี้ทำให้ผมเชื่อว่าเค้าเป็นสายลับที่มีตัวตนจริงๆ ได้มากกว่าตัวนำเรื่องอย่าง แม็ต เดมอน ด้วยซ้ำ) แต่สเกลของ เอ็ดการ์ นั้นเล็กกว่าเยอะมาก
ในขณะที่ความเรียลของฝีมือ เดลโตโร่เองนั้นก็ทำได้สุดจริงๆ มันไม่ได้แค่ทำให้เราเดินอึ้งซักพักหลังเดินออกจากโรง แต่สำหรับผมชัดเจนว่าอยู่ในลักษณะที่เรียกว่า
"รบกวนจิตใจ" และไม่ว่าเค้าจะมีชื่อเข้าชิงออสการ์หรือไม่ แต่เห็นได้ชัดว่านี่คือคุณภาพที่เกินขอบเขตการแสดงของนักแสดงระดับฮอลลีวู๊ดทั่วๆไป คือหาก โรเบิร์ต เดอนีโร ทำให้คุณเชื่อว่าเค้าเป็นมาเฟียจริงๆ เดลโตโร่ เองก็ได้สร้างตัวเองให้เป็นอดีตเจ้าหน้าที่ ที่เบื้องหลังคือมือปืนรับจ้าง คนที่ต้องระดับหัวหน้าแก๊งค์ค้ายา หรือ ตำรวจระดับสูงเท่านั้นที่จะเข้าถึงได้ เป็นทั้งสุดยอดฝีมือ และตัวอันตรายที่ในโลกแห่งความจริงที่ศักดิ์ศรีนั้นคือมือปืนรับจ้าง ไม่ใช่สายลับเหมือนในโลกภาพยนตร์ทั้วไป
สรุปคือพูดได้ว่าความสุดยอดของ sicario นั้นคือคุณภาพที่มาจากความสมจริงแบบสุดๆอย่างที่คุณไม่เคยเห็นในภาพยนตร์เรื่องไหนมาก่อน ทั้งสิ่งที่จับต้องได้อย่าง ฉากการไล่ล่าที่บีบคั้น การสืบสวนสอบสวน ลึกไปจนถึงแนวทางการจัดการกับปัญหายาเสพย์ติดในรูปแบบโลกของความจริงที่ไร้ซึ่งความดีงาม ผ่านตัวละครหลักที่มีมุมมองแตกต่างกันออกไป เช่นมุมมองคนธรรมดาทั่วไป ที่รับรู้ถึงความ ดี/เลว อย่างบทบาทเจ้าหน้าที่ตำรวจหญิงของ เอมิลี่ บลันท์ การตีแผ่เบื้องลึกของการจัดการปัญหาในระดับองค์กรณ์ของโลกแห่งความจริงที่ไม่ต้องการศีลธรรมมาเกี่ยวข้องของ จอช โบรลิน และตัวละครสีดำ ลึกลับดำมืดไร้คุณธรรมของ อเลฮานโดร ตัวสำคัญของเรื่องที่ถูกซ่อนไว้อย่างแยบยลโดยเริ่มมาจากการที่หนังบอกเราตอนต้นเรื่องว่าเป็นแค่สาย หรือ ที่ปรึกษา ให้หัวหน้าทีมอย่าง แม็ต ก่อนค่อยๆเริ่มเผยระดับฝีมือ ความเจนจัด การจัดการปัญหา ผ่านมุมมองการต่อสู้กับแก๊งค์ยาเสพย์ติดแบบไร้ความปราณี จนกระทั่งเผยให้เห็นถึงความเป็นมือสังหาร และการแก้แค้นส่วนตัวในฉากจบ พร้อมกับเฉลยว่าแท้ที่จริงแล้วตัวตนของ อเลฮานโดร นั้นเองต่างหากที่หมายถึง
"sicario" หรือ
"นักฆ่า" ที่แท้จริงตามชื่อเรื่องนั่นเอง
...
หนึ่งในฉากปฎิบัติการณ์ตอนต้นเรื่อง ...
เบื้องหลังบางส่วน
...
ปล. Edit เพิ่มหลังจากไปดูรอบสองมาแล้ว(พากย์ไทย)
Sicario "masterpiece ของ เบนิซิโอ เดลโตโร่" (สปอยโคตรๆ)
กระทู้นี้เป็นกระทู้ริวิวภาพยนตร์ครั้งแรกของผมนะครับ และก็เป็นคนธรรมดาที่ชอบดูหนังแค่นั้น เพราะฉนั้นอะไรที่ผมเขียนมาก็ขอให้ถือว่าเป็นความคิดส่วนบุคคลทั้งหมด เพราะบอกก่อนว่าผมอาจจะไม่ได้มีความรู้เรื่องภาพยนตร์อะไรมากมายแต่คิดว่าส่วนตัวก็ดูหนังมามากพอสมควร อย่างแรกบอกก่อนเลยว่าคาดหวังพอสมควรทั้งในตัวของผู้กำกับคือ Denis Villeneuve และนักแสดงอย่าง จอช โบรลิน หรือว่า เอมิลี่ บลันท์ แต่จุดประสงค์เดียวจริงๆที่ลากผมมาดูเรื่องนี้คือความคาดหวังบทบาทในลักษณะนี้ของ เบนิซิโอ เดลโตโร่ ซึ่งในขณะที่นักแสดงนำคนอื่นๆทำได้ในระดับมาตรฐานที่ดี แต่เหลือเชื่อจริงๆว่าสำหรับ เดลโตโร่ นั้นนี่คือหนึ่งในบทบาทที่ยอดเยี่ยมที่สุดในชีวิตของตัวเค้าเอง
เอมิลี่ บลันท์ นั้ันชัดเจนว่าดูจะมีเสน่ห์เพิ่มขึ้นเป็นพิเศษหากได้รับบทหญิงแกร่งในหมู่ตำรวจหรือกองทัพอะไรแบบนั้นเหมือนในเรื่อง Edge of Tomorrow .ใน sicario เอมิลี่ทำงานได้น่าชื่นชมในบทตำรวจหญิงที่ดูเหมือนจะแข็งแกร่งแต่เอาเข้าจริงแล้วยังมีความอ่อนแอแบบผู้หญิงทั่วไปหลุดให้เราเห็นอยู่เป็นระยะๆอยู่ที่ว่าสิ่งที่เข้ามานั้นจะ "จริง" และหนักสำหรับเธอแค่ไหนเท่านั้น สำหรับ จอช โบรลิน นั้นผมให้ไกล้เคียงกับมาตรฐานในระดับที่เค้าทำได้มาตลอด คือเรียบเฉยแต่สมจริง แม้โดยส่วนตัวนั้นผมเชื่อว่าเค้าอาจจะทำให้เราเชื่อได้มากกว่านี้อีกนิดนึง หรืออาจจะเป็นเพราะการที่ได้มาเบียดเสียดอยู่ในซีนเดียวกับ เดลโตโร่ ที่พีคสุดอยู่แทบจะตลอดเวลา เลยทำให้ โบรลิน ที่เมือมองจากมาตรฐานปรกติแล้วนั้นดูเหมือนจะธรรมดาไปนิด
สิ่งหนึ่งที่ถือว่าแข็งแกร่งมากนอกจากบทภาพยนตร์ สุดยอดการแคสนักแสดง และ ดนตรีประกอบของ sicario ที่ผมมองว่าสุดยอดจริงๆในระดับที่แทบจะสร้างมาตรฐานใหม่สำหรับภาพยนตร์แบบนี้ขึ้นมานั่นคือการเซ็ตฉาก ทั้งสภาพบ้านเมืองอันโหดร้ายของเม็กซิโก สภาพความเป็นอยู่ รถรา อาวุธ อุปกรณ์ หรือ องค์ประกอบทั่วไปทุกอย่างดูเรียลแทบไม่มีที่ติ อย่างหนึ่งในฉากพีคตอนต้นเรื่อง ที่แสดงการบุกเข้าไปรับตัวหัวหน้าแก็งคนหนึ่งชื่อว่า กิลเยร์โม ที่ถูกคุมตัวไว้แล้วนั้น มันแทบจะเหมือนกับว่าคุณกำลังเข้าไปนั่งขดตัวอยู่ในรถตำรวจแล้วมองดูลำดับการทำงานในระดับลับสุดยอดของหน่วยปราบปรามยาเสพย์ติด นั่งเฝ้ามองดูเหตุการณ์ต่างๆผ่านไปราวกับมันเกิดขึ้นในเหตุการณ์จริง ...
... หรือแม้แต่องค์ประกอบทั่วไป กระทั่งคอสตูม ชุดที่ตัวละครเลือกใส่ ลักษณะท่าทางการเดิน การพูดจา หรือบทสนทนา โดยเฉพาะ เดลโตโร่ ที่ปรกติแล้วเป็นคนตัวใหญ่อยู่แล้ว กับการที่เลือกใส่สูทสีครีมให้ดูสุภาพแบบขอไปที ภาพชายลึกลับวัยกลางคนนั่งมองดูการประชุมทีมของหน่วยรบด้วยแววตาที่เรียบเฉย หรือว่า ท่าทางที่เดินถือถังน้ำไปในห้องกักตัวผู้ต้องหาสำหรับการเค้นเอาข้อมูลลับแบบไร้มนุษยธรรมอะไรแบบนั้น แววตาที่เย็นเฉียบของเมื่อนำมาบวกกับหนวดเคราบนใบหน้ายิ่งทำให้ดูว่าเจนโลกแบบสุดๆ รายละเอียดปลีกย่อยต่างๆเหล่านี้ถูกทำให้สมจริงอย่างที่แทบจะไม่เคยมีใครทำมาก่อน...
... แต่สิ่งสุดท้ายนอกจากความสมจริงของรายละเอียดปลีกย่อย และ ทีมนักแสดงที่ดีมากๆแล้ว สิ่งที่ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้เข้าขั้นยอดเยี่ยมคือ ความสมจริงในแง่ของการดำเนินเรื่องไม่ว่าจะเป็นการประชุม แนวทางการสืบสวนสวบสวน การจับกุม สำหรับผมมันคือภาพยนตร์สืบสวนสอบสวนที่สมจริงมากๆ เจ๋งจนเรียกว่าถ้าไม่ยัดตัวละครบางตัวเข้ามา มันดูเรียลจนแทบจะเกือบๆจะเป็นการถ่ายทำสารคดีด้วยซ้ำ ทุกคนคือมืออาชีพ ในชีวิตจริงองค์กรณ์จะทำทุกอย่างให้มันง่ายที่สุดและสนใจแต่ประสิทธิภาพ เพราะในชีวิตจริงไม่มีใครต้องการคนที่เป็นอัจฉริยะ หรือมานั่งฟังนักวิเคราะห์ที่ฉลาดเป็นกรดมานั่งวิเคราะห์มาแก้ปัญหาให้คุณ พวกเค้าไม่ต้องการการคาดหวังหรือปาฎิหารย์ แทบจะทุกอย่างจะถูกแก้ปัญหาจากประสบการณ์ และ ความผิดพลาดในระดับนี้ที่จะต้องไม่มีทางเกิดขึ้น
ยกตัวอย่างเช่น ทุกภารกิจในภาพยนตร์นั้นฝ่ายตำรวจที่แม้จะมีความพร้อมกว่ามาก และ ผ่านการฝึกในระดับสูงมาก่อนก็จริง แต่ในชีวิตจริงพวกเค้าจะเลือกลงมือก็ต่ออยู่ในสถาณการณ์เมื่อพวกเค้าเป็นฝ่ายได้เปรียบ และโอกาศที่จะพลาดคือ ศูนย์ เท่านั้น ไม่มีการนำตัวเองหรือทีมงานเข้าไปเสี่ยงทุกกรณี ... ฉากที่ กิลเยร์โม พี่ชายของ ดิอาซ ถูกจับมาไว้ในเซฟเฮาส์ไว้ให้เรียบร้อยก่อนรอชุดปฎิบัติการณ์มารับไป ฉากนี้แสดงวิธีการทำงานแบบ ปปส. หรือ หน่วยปฎิบัติการณ์ลับในชีวิตจริง คือต้องแน่ใจว่าทุกอย่างจะเรียบร้อย และ สามารถควบคุมได้ ถึงค่อยลงมือ เพราะในชีวิตไม่อยากจะมีใครเอาชีวิตตัวเอง หรือ ลูกน้องไปเสี่ยงในภารกิจที่คาดการณ์ไม่ได้... ทุกอย่างจะถูกจัดเตรียมใว้ และหน้าที่ของพวกเค้าคือแค่ทำตามแผน ไม่ทำมันพลาด และ จบงานตามที่คุยกันไว้แค่นั้น ... ผู้กำกับ Denis Villeneuve นั้นต้องการให้ทุกรายละเอียดในหนังถูกสร้างขึ้นในแนวทางเดียวกันที่มันจะเกิดขึ้นจริง ในกรณีถ้ามีปัญหาอะไรแบบนี้ เราสามารถคาดหวังได้ว่าแนวทางการจัดการจะต้องมาในรูปแบบนี้หรือไกล้เคียง ซึ่งแน่นอนว่าหลายอย่างๆที่นำเสนอในภาพยนตร์นี้ เชื่อได้ว่าน่าจะเกิดขึ้นหรือมีเค้าโครงที่ไกล้เคียงเรื่องจริง หรือในลักษณะการแก้ปัญหายาเสพย์ติดแบบมหาภาคอย่างในเรื่อง ...
... สุดท้าย ส่วนนี้นั้นจะขอแยกออกมาพูดถึงเฉพาะส่วนที่เป็น เดลโตโร่ ก่อนอื่นสำหรับส่วนตัวผมเองนั้นถือว่า เดลโตโร่ นั้นคือสุดยอดฝีมือ และหลังจากดูเรื่องนี้จบผมกล้าบอกเลยว่านี่คือ มาสเตอร์พีซ ของเดลโตโร่ ... แน่นอน เดลโตโร่ใน the traffic หรือหนังอัตตะชีวะประวัติที่ชวนง่วงอย่าง Che ของ Steven Soderbergh นั้นอาจจะดูเข้าถึงคุณลักษณะของตัวละครได้ดีในแง่ของรายละเอียดการพยายามจะให้เป็นตัวละครนั้นๆ แต่ใน sicario นั้นต้องเข้าใจก่อนว่าตัวละคร อเลฮานโดร นั้นไม่ได้มีชีวิตอยู่จริง เพราะฉะนั้นความท้าทายของ เดลโตโร่ คือการต้องทำให้ตัวเค้าเองเป็น อเลฮานโดร ได้จริงๆ..
ดังนั้นสิ่งที่เราเห็นคือการทีมงานได้จำลองภาพลักษณ์ของมืออาชีพที่สมจริงสุดๆขึ้นมา ในแง่การถ่ายทอดอารมณ์ เบนิซิโอ เดลโตโร่ สร้างตัวตนของอดีตเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญในภารกิจเกี่ยวกับยาเสพย์ติด (ในเรื่องบอกว่าเคยสังกัดอยู่ในประเทศโคลอมเบีย และ เชี่ยวชาญปัญหายาเสพย์ติดในเม็กซิโก) ซึ่งแม้ว่าภายนอกจะเป็นเหมือนที่ปรึกษาแต่ภารกิจที่รับมานั้นไม่ต่างจากมือปืนรับจ้าง เมื่อรัฐบาล หรือ หน่วยงานภายในประเทศหมดหนทางในการแก้ปัญหาที่ร้ายแรงด้วยวิธีที่ "ถูกกฎหมาย" หรือเหมาะสม ตัวเค้าเองจะเป็นเหมือนทางเลือกหรือสิ่งสุดท้ายที่พวกเค้าจะเรียกใช้ในการจบปัญหา เรียกว่าภารกิจคือมาเพื่อ "เก็บงาน" โดยไม่เกี่ยงวิธีการ คือถ้ารัฐบาลไหนจะหา หรือ ใช้งานบุลคลากรที่คอยทำงานสกปรกแบบลับๆให้พวกเค้า นี่แหละคือบุคคลที่จะมีตัวตนจริงๆ
ซึ่ง เดลโตโร่ เองนั้นได้สร้างมาตรฐานใหม่ขึ้นมา สร้างบทบาทของเจ้าหน้าที่ปฎิบัติภารกิจลับในโลกของความเป็นจริงขึ้นมาซึ่งไม่เคยมีนักแสดงคนไหนทำได้สมจริงในระดับที่น่าตกใจขนาดนี้มาก่อน มีบางมุมมองที่เป็นปุถุชนคนธรรมดา เชี่ยวชาญเป็นพิเศษแค่ในบางเรื่อง หรือ เก่งในระดับที่จับต้องได้ ไม่ใช้สายลับสุดเพอร์เฟคในโลกภาพยนตร์ ที่ไม่มีทางมีอยู่จริง ... ขณะที่ในส่วนของบทบาทการแสดงก็เป็น เดลโตโร่ เองที่เก็บรายละเอียดได้หมดจดแทบไม่มีที่ติ ทั้งรูปลักษณ์ที่เหมาะสม คือเป็นเจ้าหน้าที่ปฎิบัติการณ์วัยกลางคน รูปร่างสมส่วน ทั้งท่าทางที่แสดงออกมา ลักษณะการพูดจา หรือแม้แต่ฉากการต่อสู้แบบประชิตตัว ความคล่องตัวในการใช้อาวุธปืน หรือ จังหวะการเคลื่อนที่ในการปฎิบัติภารกิจ ท่าทางของเค้านั้นดูเป็นธรรมชาติ และ สมจริง เหมือนกับสิบกว่าปีก่อนจากบทบาทเจ้าหน้าที่ระดับสุดยอดฝีมือใน The Hunted
ในความคิดผม Denis Villeneuve นั้นพยายามสร้างตัวตนของ อเลฮานโดร โดยที่เค้าให้ เดลโตโร่ ใช้ตัวเองเป็นแม่พิมพ์ อันที่จริงบทนี้ถ้าไม่ได้ เดลโตโร่ มาแสดง ส่วนตัวคิดว่าก็คงไม่มีใครอีกแล้วที่จะเหมาะสมกับบทมากกว่านี้ คือมันยากจริงๆนะ แต่สำหรับผมเอง หลังจาก เดลโตโร่ เล่นได้พีคแบบนี้แล้ว ผมไม่เห็นใครที่จะเล่นเป็นมือปืนหรือเป็นนักฆ่าในโลกแห่งความจริง มือปืนในสังคมที่เสื่อมโทรมจริงๆได้เรียลกว่านี้ ในอนาคตอาจไม่แน่ แต่นับลงไปเลย 10-20 ปีบทบาทเดียวกันนี้หรือไกล้เคียง ไม่มีใครจะเล่นได้สมจริง และ เฉียบได้ในระดับนี้อีก คนนึงที่พอนึกขึ้นได้(เอาที่แว็บเข้ามาในหัวตอนนี้)แบบลางๆคือ เอ็ดการ์ รามิเรซ ในบทสายลับที่ได้รับการฝึกแบบมืออาชีพใน The Bourne Ultimatum (ส่วนตัวผมคิดว่าการแสดงของ รามิเรซ ในเรื่องนี้ทำให้ผมเชื่อว่าเค้าเป็นสายลับที่มีตัวตนจริงๆ ได้มากกว่าตัวนำเรื่องอย่าง แม็ต เดมอน ด้วยซ้ำ) แต่สเกลของ เอ็ดการ์ นั้นเล็กกว่าเยอะมาก
ในขณะที่ความเรียลของฝีมือ เดลโตโร่เองนั้นก็ทำได้สุดจริงๆ มันไม่ได้แค่ทำให้เราเดินอึ้งซักพักหลังเดินออกจากโรง แต่สำหรับผมชัดเจนว่าอยู่ในลักษณะที่เรียกว่า "รบกวนจิตใจ" และไม่ว่าเค้าจะมีชื่อเข้าชิงออสการ์หรือไม่ แต่เห็นได้ชัดว่านี่คือคุณภาพที่เกินขอบเขตการแสดงของนักแสดงระดับฮอลลีวู๊ดทั่วๆไป คือหาก โรเบิร์ต เดอนีโร ทำให้คุณเชื่อว่าเค้าเป็นมาเฟียจริงๆ เดลโตโร่ เองก็ได้สร้างตัวเองให้เป็นอดีตเจ้าหน้าที่ ที่เบื้องหลังคือมือปืนรับจ้าง คนที่ต้องระดับหัวหน้าแก๊งค์ค้ายา หรือ ตำรวจระดับสูงเท่านั้นที่จะเข้าถึงได้ เป็นทั้งสุดยอดฝีมือ และตัวอันตรายที่ในโลกแห่งความจริงที่ศักดิ์ศรีนั้นคือมือปืนรับจ้าง ไม่ใช่สายลับเหมือนในโลกภาพยนตร์ทั้วไป
สรุปคือพูดได้ว่าความสุดยอดของ sicario นั้นคือคุณภาพที่มาจากความสมจริงแบบสุดๆอย่างที่คุณไม่เคยเห็นในภาพยนตร์เรื่องไหนมาก่อน ทั้งสิ่งที่จับต้องได้อย่าง ฉากการไล่ล่าที่บีบคั้น การสืบสวนสอบสวน ลึกไปจนถึงแนวทางการจัดการกับปัญหายาเสพย์ติดในรูปแบบโลกของความจริงที่ไร้ซึ่งความดีงาม ผ่านตัวละครหลักที่มีมุมมองแตกต่างกันออกไป เช่นมุมมองคนธรรมดาทั่วไป ที่รับรู้ถึงความ ดี/เลว อย่างบทบาทเจ้าหน้าที่ตำรวจหญิงของ เอมิลี่ บลันท์ การตีแผ่เบื้องลึกของการจัดการปัญหาในระดับองค์กรณ์ของโลกแห่งความจริงที่ไม่ต้องการศีลธรรมมาเกี่ยวข้องของ จอช โบรลิน และตัวละครสีดำ ลึกลับดำมืดไร้คุณธรรมของ อเลฮานโดร ตัวสำคัญของเรื่องที่ถูกซ่อนไว้อย่างแยบยลโดยเริ่มมาจากการที่หนังบอกเราตอนต้นเรื่องว่าเป็นแค่สาย หรือ ที่ปรึกษา ให้หัวหน้าทีมอย่าง แม็ต ก่อนค่อยๆเริ่มเผยระดับฝีมือ ความเจนจัด การจัดการปัญหา ผ่านมุมมองการต่อสู้กับแก๊งค์ยาเสพย์ติดแบบไร้ความปราณี จนกระทั่งเผยให้เห็นถึงความเป็นมือสังหาร และการแก้แค้นส่วนตัวในฉากจบ พร้อมกับเฉลยว่าแท้ที่จริงแล้วตัวตนของ อเลฮานโดร นั้นเองต่างหากที่หมายถึง "sicario" หรือ "นักฆ่า" ที่แท้จริงตามชื่อเรื่องนั่นเอง
...
หนึ่งในฉากปฎิบัติการณ์ตอนต้นเรื่อง ...
เบื้องหลังบางส่วน
...
ปล. Edit เพิ่มหลังจากไปดูรอบสองมาแล้ว(พากย์ไทย)