ในความคิดผมนะ...ไม่ได้ลบหลู่ แต่คือไม่เชื่อ เต็ม เต็ม เลย
ผมคิดว่าคนพวกนี้คงมีความผิดปกติของเคมีในสมองในระดับหนึ่ง สารสื่อประสาทอาจทำงานไม่เหมือนคนปกติ
พวกเขาเลยมีการรับสัมผัสที่ผิดเพี้ยนไป แต่พวกเขาไม่รู้ตัวหรอกครับว่าพวกเขาเพี้ยน
เพราะทุกอย่างมันเกิดขึ้นในหัวพวกเขา การรับรู้ที่เกิดจากระบบประสาท(ที่ผิดพาด)มันจึงรู้สึกว่าจริง ยิ่งกว่าจริงสำหรับพวกเขา
ดังนั้นเราจึงได้เห็นพวกนี้บางคนแสดงออกอย่างจริงจังว่าพวกเขามี(ความวิเศษ)จริง   ทั้งการพูดที่จริงจัง การเล่าดีเทลที่ละเอียดยิบ และย้ำหนักแน่ว่าพวกเขารับรู้มันได้จริง
ทั้งที่บางคนมีการศึกษาสูง(ดร.)  เรียนเมืองนอก หรือ พระ (เกจิ) อาจารย์ดัง. พวกนี้ถ้าออกมาพูดก็จะมีคน(ที่พร้อมจะ)เชื่อมากมาย

ยกตัวอย่าง(สมมุตินะครับ)
พระเกจิท่านหนึ่ง ท่านว่ามีณานสมาธิสูง (อภิญญาณ..รึอะไรสักอย่างเกี่ยวกับณานนี่แหละ...ที่เป็นณานเลเวลสูงระดับถอดจิตคุยกับเทวดาได้)
ท่านว่า คุยกับเทวดา ไล่ผี มองทะลุเห็นกรรมเราได้ ปลุกเสกของได้ รึบางตำนานก็ว่าท่านวาร์ปไปไหนมาไหนได้
จะมีใครกล้าไปถามท่านไหม? ว่าท่านศักดิ์สิทธิ์จริงเหรอ ลวงโลกรึเปล่า
คำตอบก็คงเป็นว่า...คนธรรมดาสมาธิไม่เข้าขั้น ใจไม่สะอาด ศีลไม่สูงพอ จะไปเห็นแบบท่านได้ไง
...ท่านสอนทำดี ละทำชั่ว เวรกรรมมีจริง อย่าทำบาป นี่คือ จุดประสงค์หลัก.

อีกเคสนึง...
เกี่ยวกับ ดร.ที่คุยกับเอเลี่ยนได้ เรียกUFOได้
รูปแบบเรื่องราวก็ทำนองเดียวกับตัวอย่างข้างบน
  
ความเหมือนในความต่าง
เหมือน =  ที่ทั้ง2เรื่อง เป็นเรื่องจริง เพราะ(คิดไปเอง)ว่าจริง
ต่าง =  ที่คนแรกเป็นพระ เพี้ยนขึ้นมาก็เลยเดินสายพระ.....คนที่สอง สายวิทย์ เรียนสูง...เพี้ยนขึ้นมา ก็เลยไปซะไกลเลย...นอกโลก