ซิงเกิล เกตเวย์ (Single Gateway) กำลังเป็นประเด็นร้อนในแวดวงอินเตอร์เน็ต เมื่อมีการเผยแพร่คำสั่งของนายกรัฐมนตรีผ่านสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีว่า ให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารดำเนินการจัดตั้งซิงเกิล เกตเวย์ เพื่อควบคุมระบบอินเตอร์เน็ต โดยมีเหตุผลต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านความมั่นคง ด้านป้องกันอาชญากรรมอินเตอร์เน็ต หรือแม้แต่อ้างว่า เพื่อป้องกันไม่ให้เด็กติดเกม ซึ่งฝ่ายคัดค้านก็ออกมานำเสนอ ข้อเท็จจริง เป็นต้นว่า ซิงเกิล เกตเวย์ไม่ได้ช่วยด้านความมั่นคง แต่เป็นการละเมิดสิทธิเสรีภาพของประชาชนอย่างร้ายแรง และขัดต่อความเป็นกลางของอินเตอร์เน็ต (Net Neutrality) อันเป็นมาตรฐานสากล
ข้อมูลประการหนึ่งที่สื่อนำออกมาเสนอ เมื่อกล่าวถึงประเทศที่ใช้ซิงเกิล เกตเวย์ ก็จะอ้างถึงประเทศที่ปกครองด้วยระบอบสังคมนิยมคอมมิวนิสต์ ไม่ว่าจะเป็น สาธารณรัฐประชาชนจีน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี (เกาหลีเหนือ) หรือสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว อย่างไรก็ตาม ก็มีข้อโต้แย้งว่า หากลาวใช้ซิงเกิล เกตเวย์ แต่ทำไมคนลาวยังเล่นโซเชียลมีเดีย เข้าเว็บได้เป็นปกติ แบบนี้ซิงเกิล เกตเวย์ก็ไม่เห็นจะน่ากลัวอะไรมิใช่หรือ ซึ่งคำโต้แย้งนี้เมื่อสืบเสาะหาข้อมูลที่เป็นปัจจุบันแล้ว อาจไม่จริงอย่างที่คิดกัน
ซิงเกิล เกตเวย์ของ สปป.ลาว นั้น เดิมจัดตั้งขึ้นในปี 2009 โดยเป็นระบบ International Internet Gateway ของศูนย์อินเตอร์เน็ตแห่งชาติลาว (Lao National Internet Center : LANIC) ซึ่งจะให้ผู้บริการอินเตอร์เน็ต (Internet Service Provider : ISPs) ต่อเชื่อมเข้ากับศูนย์กลางนี้ก่อนจะเชื่อมต่อกับระบบภายนอก ซึ่งก็คือ กสทโทรคมนาคม (CAT) ของไทย
อย่างไรก็ตาม ระบบนี้จะทำงานได้ดีก็ต่อเมื่อมีการเชื่อมต่อน้อย ซึ่งในปี 2012 จำนวนประชากรที่เข้าถึงอินเตอร์เน็ตของลาวอยู่ที่ประมาณ 7 แสนคน หรือ 10.7% ของจำนวนประชากรทั้งหมด แต่ผู้ใช้บริการโทรศัพท์มือถือมีมากถึง 5.6 ล้านคน หรือ 83% ของประชากร และกำลังเปลี่ยนผ่านจากระบบ 2G ที่ใช้แค่เสียงมาเป็น 3G/4G ที่สามารถใช้ข้อมูลผ่านอินเตอร์เน็ต ทำให้การ ส่งข้อมูลเริ่มติดขัดและไม่เพียงพอ ทำให้ภาคเอกชน โดยบริษัทโทรคมนาคมต่างต้องหาช่องทางอื่นในการเชื่อมต่อ
ปัจจุบัน บริษัทให้บริการอินเตอร์เน็ต (ISPs) ในลาวมีทั้งหมด 6 ราย ซึ่งแบ่งเป็นผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ตตามบ้าน 3 ราย และผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ตผ่านโทรศัพท์มือถืออีก 4 ราย โดยผู้ให้บริการบางรายให้บริการทั้งอินเตอร์เน็ตบ้านและมือถือ ได้เปลี่ยนระบบเชื่อมต่อของตนเองจากซิงเกิล เกตเวย์ มาเป็นมัลติเพิลเกตเวย์ (Multiple Gateway) ตามมาตรฐานขององค์กรโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (ITU) ซึ่งในปี 2015 นี้ มีเกตเวย์เชื่อมต่อระหว่าง สปป. ลาวกับอินเตอร์เน็ตภายนอกทั้งหมด 5 เกตเวย์ ได้แก่ เกตเวย์ของ LANIC อันเป็นซิงเกิล เกตเวย์เดิมที่ใช้กับระบบของรัฐบาลและผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ตตามบ้านมาแต่เดิม เกตย์เวย์ของบริษัทลาวโทละคม (LTC) บริษัท ETL ซึ่งร่วมทุนกับจีน บริษัท VTL หรือ ยูนิเทล ซึ่งร่วมทุนกับ Viettel ของเวียดนาม และบริษัท STL ซึ่งร่วมทุนกับบริษัท Beeline ของรัสเซีย ทำให้ระบบอินเตอร์เน็ตของลาวมีความยืดหยุ่นมากขึ้น เชื่อมต่อกับทั้งสายเคเบิลอินเตอร์เน็ตของไทย เวียดนาม จีน และกัมพูชา สามารถรองรับผู้ใช้งาน และป้องกันการล่มของระบบเมื่อการเชื่อมต่อเสียหายได้ดีขึ้น
สปป. ลาว จึงไม่ใช่ประเทศที่ใช้ระบบซิงเกิลเกตเวย์อีกต่อไป และถึงแม้ว่า จะมีผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ตบางรายเชื่อมต่อกับเกตเวย์แห่งชาติ แต่เจ้าหน้าที่รัฐของลาว ก็ยังขาดเครื่องมือและความรู้ ในการจะดักจับและติดตามเก็บข้อมูล เพื่อคัดกรองหรือเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการใช้งานของผู้ใช้บริการ ตามรายงานของ Open Net Initiative (ONI) ที่ไม่พบการแทรกแซงข้อมูลในระบบอินเตอร์เน็ตจากเจ้าหน้าที่รัฐใน สปป.ลาวแต่อย่างใด
กระแสความเปิดกว้างมากขึ้นของสื่อสังคมและอินเตอร์เน็ตนั้นยากที่จะขวางกั้น แม้แต่ประเทศสังคมนิยมอย่างเวียดนามยังต้องปลดบล็อกเฟซบุ๊กหรือยูทูบ ส่วนลาวก็ต้องขยายเกตเวย์เพื่อรองรับการใช้งานและส่งเสริมเศรษฐกิจ การที่ประเทศไทยจะถอยหลังเข้าคลองไปใช้ซิงเกิล เกตเวย์สวนทางกับลาว จึงเป็นเรื่องไม่เข้าท่าอย่างที่สุด
ขอขอบคุณบทความจาก
หนังสือพิมพ์มติชน (กรอบบ่าย) ฉบับวันที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2558 (หน้า 18)
โดย : ธีรภัทร เจริญสุข คอลัมน์ เดือนหงายที่ริมโขง
คอลัมน์ เดือนหงายที่ชายโขง : ลาวใช้ซิงเกิลเกตเวย์จริงหรือ?
ซิงเกิล เกตเวย์ (Single Gateway) กำลังเป็นประเด็นร้อนในแวดวงอินเตอร์เน็ต เมื่อมีการเผยแพร่คำสั่งของนายกรัฐมนตรีผ่านสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีว่า ให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารดำเนินการจัดตั้งซิงเกิล เกตเวย์ เพื่อควบคุมระบบอินเตอร์เน็ต โดยมีเหตุผลต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านความมั่นคง ด้านป้องกันอาชญากรรมอินเตอร์เน็ต หรือแม้แต่อ้างว่า เพื่อป้องกันไม่ให้เด็กติดเกม ซึ่งฝ่ายคัดค้านก็ออกมานำเสนอ ข้อเท็จจริง เป็นต้นว่า ซิงเกิล เกตเวย์ไม่ได้ช่วยด้านความมั่นคง แต่เป็นการละเมิดสิทธิเสรีภาพของประชาชนอย่างร้ายแรง และขัดต่อความเป็นกลางของอินเตอร์เน็ต (Net Neutrality) อันเป็นมาตรฐานสากล
ข้อมูลประการหนึ่งที่สื่อนำออกมาเสนอ เมื่อกล่าวถึงประเทศที่ใช้ซิงเกิล เกตเวย์ ก็จะอ้างถึงประเทศที่ปกครองด้วยระบอบสังคมนิยมคอมมิวนิสต์ ไม่ว่าจะเป็น สาธารณรัฐประชาชนจีน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี (เกาหลีเหนือ) หรือสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว อย่างไรก็ตาม ก็มีข้อโต้แย้งว่า หากลาวใช้ซิงเกิล เกตเวย์ แต่ทำไมคนลาวยังเล่นโซเชียลมีเดีย เข้าเว็บได้เป็นปกติ แบบนี้ซิงเกิล เกตเวย์ก็ไม่เห็นจะน่ากลัวอะไรมิใช่หรือ ซึ่งคำโต้แย้งนี้เมื่อสืบเสาะหาข้อมูลที่เป็นปัจจุบันแล้ว อาจไม่จริงอย่างที่คิดกัน
ซิงเกิล เกตเวย์ของ สปป.ลาว นั้น เดิมจัดตั้งขึ้นในปี 2009 โดยเป็นระบบ International Internet Gateway ของศูนย์อินเตอร์เน็ตแห่งชาติลาว (Lao National Internet Center : LANIC) ซึ่งจะให้ผู้บริการอินเตอร์เน็ต (Internet Service Provider : ISPs) ต่อเชื่อมเข้ากับศูนย์กลางนี้ก่อนจะเชื่อมต่อกับระบบภายนอก ซึ่งก็คือ กสทโทรคมนาคม (CAT) ของไทย
อย่างไรก็ตาม ระบบนี้จะทำงานได้ดีก็ต่อเมื่อมีการเชื่อมต่อน้อย ซึ่งในปี 2012 จำนวนประชากรที่เข้าถึงอินเตอร์เน็ตของลาวอยู่ที่ประมาณ 7 แสนคน หรือ 10.7% ของจำนวนประชากรทั้งหมด แต่ผู้ใช้บริการโทรศัพท์มือถือมีมากถึง 5.6 ล้านคน หรือ 83% ของประชากร และกำลังเปลี่ยนผ่านจากระบบ 2G ที่ใช้แค่เสียงมาเป็น 3G/4G ที่สามารถใช้ข้อมูลผ่านอินเตอร์เน็ต ทำให้การ ส่งข้อมูลเริ่มติดขัดและไม่เพียงพอ ทำให้ภาคเอกชน โดยบริษัทโทรคมนาคมต่างต้องหาช่องทางอื่นในการเชื่อมต่อ
ปัจจุบัน บริษัทให้บริการอินเตอร์เน็ต (ISPs) ในลาวมีทั้งหมด 6 ราย ซึ่งแบ่งเป็นผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ตตามบ้าน 3 ราย และผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ตผ่านโทรศัพท์มือถืออีก 4 ราย โดยผู้ให้บริการบางรายให้บริการทั้งอินเตอร์เน็ตบ้านและมือถือ ได้เปลี่ยนระบบเชื่อมต่อของตนเองจากซิงเกิล เกตเวย์ มาเป็นมัลติเพิลเกตเวย์ (Multiple Gateway) ตามมาตรฐานขององค์กรโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (ITU) ซึ่งในปี 2015 นี้ มีเกตเวย์เชื่อมต่อระหว่าง สปป. ลาวกับอินเตอร์เน็ตภายนอกทั้งหมด 5 เกตเวย์ ได้แก่ เกตเวย์ของ LANIC อันเป็นซิงเกิล เกตเวย์เดิมที่ใช้กับระบบของรัฐบาลและผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ตตามบ้านมาแต่เดิม เกตย์เวย์ของบริษัทลาวโทละคม (LTC) บริษัท ETL ซึ่งร่วมทุนกับจีน บริษัท VTL หรือ ยูนิเทล ซึ่งร่วมทุนกับ Viettel ของเวียดนาม และบริษัท STL ซึ่งร่วมทุนกับบริษัท Beeline ของรัสเซีย ทำให้ระบบอินเตอร์เน็ตของลาวมีความยืดหยุ่นมากขึ้น เชื่อมต่อกับทั้งสายเคเบิลอินเตอร์เน็ตของไทย เวียดนาม จีน และกัมพูชา สามารถรองรับผู้ใช้งาน และป้องกันการล่มของระบบเมื่อการเชื่อมต่อเสียหายได้ดีขึ้น
สปป. ลาว จึงไม่ใช่ประเทศที่ใช้ระบบซิงเกิลเกตเวย์อีกต่อไป และถึงแม้ว่า จะมีผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ตบางรายเชื่อมต่อกับเกตเวย์แห่งชาติ แต่เจ้าหน้าที่รัฐของลาว ก็ยังขาดเครื่องมือและความรู้ ในการจะดักจับและติดตามเก็บข้อมูล เพื่อคัดกรองหรือเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการใช้งานของผู้ใช้บริการ ตามรายงานของ Open Net Initiative (ONI) ที่ไม่พบการแทรกแซงข้อมูลในระบบอินเตอร์เน็ตจากเจ้าหน้าที่รัฐใน สปป.ลาวแต่อย่างใด
กระแสความเปิดกว้างมากขึ้นของสื่อสังคมและอินเตอร์เน็ตนั้นยากที่จะขวางกั้น แม้แต่ประเทศสังคมนิยมอย่างเวียดนามยังต้องปลดบล็อกเฟซบุ๊กหรือยูทูบ ส่วนลาวก็ต้องขยายเกตเวย์เพื่อรองรับการใช้งานและส่งเสริมเศรษฐกิจ การที่ประเทศไทยจะถอยหลังเข้าคลองไปใช้ซิงเกิล เกตเวย์สวนทางกับลาว จึงเป็นเรื่องไม่เข้าท่าอย่างที่สุด
ขอขอบคุณบทความจาก
หนังสือพิมพ์มติชน (กรอบบ่าย) ฉบับวันที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2558 (หน้า 18)
โดย : ธีรภัทร เจริญสุข คอลัมน์ เดือนหงายที่ริมโขง