" .. ต่อจากนั้นก็เข้าที่ภาวนาเป็นเวลานานชั่วโมงกว่า ๆ ก็ไม่ได้เรื่องอะไร
ก็เลยล้มตัวนอน ประมาณสักเที่ยงคืนกระมัง เพราะสวดมนต์ไหว้พระอยู่ก็นาน
ตั้งสัจอธิษฐานอยู่ก็นานพอสมควร ยังภาวนาอีก
พอหลับไปเท่านั้นปรากฏว่า ได้เหาะลอยขึ้นบนอากาศอย่างคล่องแคล่วว่องไว
เหาะรอบนครหลวง นครหลวงนั้นไม่ใช่นครหลวงกรุงเทพนะ
เป็นนครแห่งความฝันอย่างว่านั่นแหละ เป็นนครหลวงที่สง่างามที่สุด
ตึกรามบ้านช่องนั้นไม่ได้สำเร็จด้วยไม้ด้วยหินด้วยปูนด้วยทราย
เครื่องมุงอย่างนี้ไม่เป็นสังกะสี กระเบื้อง เหมือนอย่างเมืองหลวงในกรุงเทพเราเลย
กลายเป็นทองคำธรรมชาติเหลืองอร่ามไปหมดทั้งเมืองนั้นเลย
เราเหาะอยู่บนอากาศมองลงมาจนเกิดความอัศจรรย์
โอ้โฮ เมืองอะไรทำไมถึงอัศจรรย์ขนาดนี้ มองดูที่ไหนมีแต่ความสง่างาม
แพรวพราวไปด้วย..ไม่ทราบแสงเพชรแสงพลอยแสงอะไรก็ไม่ทราบ
เป็นสิ่งที่อัศจรรย์จนติดหูติดตาอยู่จนกระทั่งทุกวันนี้
เหาะรอบพระนครถึงสามรอบนะ พระนครนี้ก็กว้างมากจริง ๆ สุดสายหูสายตา
แต่คำฝันมันก็รวดเร็ว เหาะรอบไปอย่างรวดเร็วได้สามรอบ
พอจบสามรอบแล้วก็เหาะลงมา พอลงมาถึงที่ก็สะดุ้งตื่นขึ้นพอดี
โอ้โห เกิดความกระหยิ่มยิ้มย่องไม่มีอะไรที่จะเท่า
เหมือนกับหัวใจนี้มันพองเท่าภูเขา อย่างไรเราต้องสำเร็จแน่ ๆ ไม่สงสัย
นี่ความแน่ใจนะ การออกเราจะต้องได้ออกแน่ ๆ
แล้วจะต้องสำเร็จดังความมุ่งหมายในจุดสุดท้ายที่เราต้องการอย่างยิ่งทีเดียว
ความฝันอย่างนี้เราไม่เคยมี ตั้งแต่ชีวิตของเราเกิดมาจนกระทั่งป่านนี้
และสมกับที่เราตั้งสัจอธิษฐานให้เห็นของอัศจรรย์
เมืองหลวงเมืองนี้เป็นเมืองอัศจรรย์อย่างยิ่งแล้ว เหลืองอร่ามไปด้วยเพชรด้วยพลอย
ไม่มีเครื่องทัพสัมภาระแบบสร้างด้วยไม้ด้วยหินด้วยปูนด้วยทรายนี้ไม่ปรากฏเลยนั่นซิ
ไม่ว่าจะหลังเล็กหลังใหญ่หลังขนาดไหน มันเหมือนกับหอปราสาททั้งนั้น
เต็มไปด้วยเพชรด้วยพลอยด้วยทองคำธรรมชาติ .."
หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้http://www.luangta.com/thamma/thamma_talk_text.php?ID=834&CatID=3
คำสัตย์อธิษฐาน (หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน)
" .. ต่อจากนั้นก็เข้าที่ภาวนาเป็นเวลานานชั่วโมงกว่า ๆ ก็ไม่ได้เรื่องอะไร
ก็เลยล้มตัวนอน ประมาณสักเที่ยงคืนกระมัง เพราะสวดมนต์ไหว้พระอยู่ก็นาน
ตั้งสัจอธิษฐานอยู่ก็นานพอสมควร ยังภาวนาอีก
พอหลับไปเท่านั้นปรากฏว่า ได้เหาะลอยขึ้นบนอากาศอย่างคล่องแคล่วว่องไว
เหาะรอบนครหลวง นครหลวงนั้นไม่ใช่นครหลวงกรุงเทพนะ
เป็นนครแห่งความฝันอย่างว่านั่นแหละ เป็นนครหลวงที่สง่างามที่สุด
ตึกรามบ้านช่องนั้นไม่ได้สำเร็จด้วยไม้ด้วยหินด้วยปูนด้วยทราย
เครื่องมุงอย่างนี้ไม่เป็นสังกะสี กระเบื้อง เหมือนอย่างเมืองหลวงในกรุงเทพเราเลย
กลายเป็นทองคำธรรมชาติเหลืองอร่ามไปหมดทั้งเมืองนั้นเลย
เราเหาะอยู่บนอากาศมองลงมาจนเกิดความอัศจรรย์
โอ้โฮ เมืองอะไรทำไมถึงอัศจรรย์ขนาดนี้ มองดูที่ไหนมีแต่ความสง่างาม
แพรวพราวไปด้วย..ไม่ทราบแสงเพชรแสงพลอยแสงอะไรก็ไม่ทราบ
เป็นสิ่งที่อัศจรรย์จนติดหูติดตาอยู่จนกระทั่งทุกวันนี้
เหาะรอบพระนครถึงสามรอบนะ พระนครนี้ก็กว้างมากจริง ๆ สุดสายหูสายตา
แต่คำฝันมันก็รวดเร็ว เหาะรอบไปอย่างรวดเร็วได้สามรอบ
พอจบสามรอบแล้วก็เหาะลงมา พอลงมาถึงที่ก็สะดุ้งตื่นขึ้นพอดี
โอ้โห เกิดความกระหยิ่มยิ้มย่องไม่มีอะไรที่จะเท่า
เหมือนกับหัวใจนี้มันพองเท่าภูเขา อย่างไรเราต้องสำเร็จแน่ ๆ ไม่สงสัย
นี่ความแน่ใจนะ การออกเราจะต้องได้ออกแน่ ๆ
แล้วจะต้องสำเร็จดังความมุ่งหมายในจุดสุดท้ายที่เราต้องการอย่างยิ่งทีเดียว
ความฝันอย่างนี้เราไม่เคยมี ตั้งแต่ชีวิตของเราเกิดมาจนกระทั่งป่านนี้
และสมกับที่เราตั้งสัจอธิษฐานให้เห็นของอัศจรรย์
เมืองหลวงเมืองนี้เป็นเมืองอัศจรรย์อย่างยิ่งแล้ว เหลืองอร่ามไปด้วยเพชรด้วยพลอย
ไม่มีเครื่องทัพสัมภาระแบบสร้างด้วยไม้ด้วยหินด้วยปูนด้วยทรายนี้ไม่ปรากฏเลยนั่นซิ
ไม่ว่าจะหลังเล็กหลังใหญ่หลังขนาดไหน มันเหมือนกับหอปราสาททั้งนั้น
เต็มไปด้วยเพชรด้วยพลอยด้วยทองคำธรรมชาติ .."
หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้