สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 8
โศกนาฎกรรมของชาวซีเรียตอนที่ 1 ***อาหรับสปริงหลุมพรางการล่มสลายของชาติ***
ผมจำได้ว่าผมเขียนเรื่องอาหรับสปริงไปเมื่อเกือบสองปีก่อน ตอนนั้นผมกำลังลุ้นม็อบลุงกำนันจะรอดปากเหยี่ยวปากกาหรือไม่จากต่างประเทศเพราะขณะนั้นผมไม่ได้อยู่เมืองไทย ผมได้เปรียบเทียบการนัดหมายของประชาชนด้วยสื่อทางโซเชียลมีเดีย ทางเฟสบุค และไลน์ เพื่อออกมาตามเวลาและเส้นทางนัดของลุงกำนัน ไม่ต่างกับที่ใช้สื่อโซเชียลในประท้วงรัฐบาลต่างๆ ในทุกประเทศที่ตะวันออกกลางในการประท้วงอาหรับสปริง แต่สิ่งที่ต่างกันคืออาหรับสปริงมันมี ฮิดเด้นอาเจนต้า ของชาติตะวันซ่อนเอาไว้อยู่โดยเริ่มขึ้นที่ ตูนีเซีย ที่ประชาชนใช้สื่อออนไลน์นัดหมายกันออกมาประท้วงรัฐบาลของตัวเองจนรัฐบาลโดนโค่นลงจากอำนาจ แล้วก็ลามไปเรื่อยๆ ไป ลิเบีย เยเมน อียิปต์ รัฐบาลตกเก้าอี้กันหมด และเกิดการกระตุ้นให้รัฐบาลต่างๆ ที่ยังไม่ตกเก้าอี้หันมาดูสวัสดิการประชาชนมากขึ้นทันทีที่เริ่มชุมนุมอาหรับสปริงในบ้านตัวเอง เช่น อัลจีเรีย คูเวต จอร์แดน โมร็อกโค ซูดาน ที่รัฐบาลหยุดความ
ได้ก่อนที่เรื่องจะบานทะโลกจนตัวเองต้องตกเก้าอี้ โอมาน และ ซาอุดิอาระเบีย ถึงกับเพิ่มเงินเดือนประชาชนและสวัสดิการล่วงหน้าจนม็อบที่กำลังจะก่อหวอดหดดัวเหลือนิดเดียว แต่สิ่งที่น่าสังเกตุคือทุกครั้งที่อาหรับสปริงเกิดขึ้นในประเทศใดนั้น ประชาชนจะได้รับการหนุนหลังจากองค์กรสิทธิ์ต่างๆ ของตะวันตกและ หน่วยงานย่อยทางสิทธิมนุษยชนต่างๆ ของสหประชาชาติโดยอ้างความชอบธรรมในการประท้วงเพื่อคุณภาพชีวิตของประชาชน
แต่ซีเรียไม่ได้โชคดีขนาดนั้น เพราะมีปัญหาเพิ่มขึ้นมาจากกลุ่มชาวเคิร์ดซีเรียที่มีการแตกกลุ่มย่อยมากมายตามพื้นที่ของประเทศซีเรียสวมรอยออกมาร่วมประท้วงรัฐบาลมาตั้งแต่สมัยเริ่มต้นอาหรับสปริง จนประธานาธิบดีบาชาร์ อัลอัสซาด ถึงกับเป๋ไปเป๋มาเพราะมันพัฒนาเป็นสงครามกลางเมืองย่อยๆ ตามจังหวัดต่างๆ เรื่องนี้เกิดมาห้าปีแล้ว ซึ่งตอนแรกชาวซีเรียโดยเฉพาะคนในเมืองหลวงก็ประท้วงโดยสงบ แต่พอมีกลุ่มชาวเคิร์ดซีเรียเข้ามาร่วมเท่านั้นความรุนแรงก็เกิดขึ้นทันที เพราะชาวซีเรียในเมืองใหญ่ต้องการเพียงสวัสดิการที่ดีจากรัฐบาลเท่านั้น แต่กลุ่มชาวเคิร์ดซีเรียตามเมืองเล็กชายแดนต้องการดินแดนและบ่อน้ำมันเป็นของตัวเอง ซึ่ง ปธน.อัสซาด ยอมไม่ได้ และประชาชนชาวซีเรียส่วนใหญ่ก็ยอมให้กลุ่มชาวเคิร์ดซีเรียสวมรอยไม่ได้เหมือนกัน ดังนั้นการประท้วงอาหรับสปริงในซีเรียจึงต้องหยุดลงทันที แล้วมีสงครามกับกลุ่มกบฎชาวเคิร์ดซีเรียและกลุ่มย่อยๆหลายกลุ่มเกิดขึ้นมาแทน
ชาวเคิร์ด มี 3 กลุ่มใหญ่คือชาวเคิร์ดตุรกี เคิร์ดซีเรีย และเคิร์ดอิรัก แต่ละกลุ่มก็แยกตัวเองเป็นกลุ่มย่อยอีกสาระพัดกลุ่ม ต่างก็แยกย้ายกันป่วนประเทศของตัวเองหวังที่จะได้พื้นที่แต่ละประเทศเป็นเขตแดนของตัวชาวเคิร์ดเอง ซึ่งอาวุธและกำลังเงินนั้นแน่นอนว่าได้มาจากไอ้โม่งที่ทุกคนรู้ว่าเป็นใครมาตลอดหลายปี เนื่องจากบางประเทศในอดีตถือว่าเคยทำตัวหัวแข็งต่อไอ้โม่งมาแล้วทั้งนั้น ตุรกีเป็นนาโต้กลุ่มกบฎไม่กล้าหือมากนั้ก แต่ ซีเรีย อิรัก ไม่ใช่ แม้จะสั้งสอนเชือดไก่ให้ลิงดูตั้งแต่สมัยสงครามอ่าวยุค ปธน.บุชผู้พ่อ และปธน.บุชผู้ลูก แล้วก็ตาม แต่รัฐบาลซีเรียก็ยังคุมเกมส์เป็นเด็กดื้อเอาไว้ได้ระดับหนึ่ง จนกระทั่งมีลูกน้องไอ้โม่งตัวใหม่ออกมาอีกหนึ่งตัวคือกลุ่มกองโจรไอซิสที่ออกไล่รบกินดินแดนของซีเรียมาสองปีแล้วด้วยอาวุธหนัก-เบา ที่ผลิตมาจากอเมริกาล้วนๆ ปืนใหญ่ จรวด รถถัง แม้กระทั่งเครื่องบินรบ เงินทุน ที่อ้างว่ายึดมาจากฐานทัพต่างๆ รายทาง แต่สำนักข่าวต่างๆ ในเวลานั้นต่างก็ตั้งข้อสังเกตุว่ามันใหม่เอี่ยมและทันสมัยอย่างไม่น่าเชื่อว่าเป็นอาวุธใช้แล้วที่ยึดมาได้จากคลังอาวุธของรัฐบาลรายทาง และยังแถมมีบ่อน้ำมันที่ยึดได้จากอิรักและซีเรียออกขายเป็นน้ำมันเถื่อนเอาเงินมาหล่อเลี้ยงกองทัพของตัวเองเสียอีก จนถึงทุกวันนี้ ไอซิสยึดพื้นที่ประเทศซีเรียไปมหาศาล จนกลุ่มกบฎเคิร์ดซีเรียต้องเปลี่ยนยุทธวิธีจากที่เคยรบแบบรุมตอดชิงพื้นที่กับรัฐบาล ปธน.อัสซาด ก็ต้องหันมารบกับไอซิสแทน เพราะกบฎเคิร์ดซีเรียต้องเสียพื้นที่ที่เคยเครมว่าเป็นของตัวเองไปเกือบทั้งหมด แถมยังโดยฆ่าตายประหารหมู่แบบทารุณออกคลิปไปทั่วโลกเสียอีกด้วย
จะบอกว่านายทุนใหญ่เปลี่ยนกลุ่มการลงทุนจากเคิร์ดเป็นไอซิสก็ว่าได้ เอาทั้งเงินและอาวุธไปสนับสนุนกลุ่มที่ทำงานทันใจน่าจะคุ้มทุนกว่า คราวนี้ ปธน.อัสซาด ถึงกับเข้าตาจนจะตกเก้าอี้เอาง่ายๆ แต่ยังมีกลุ่มมุสลิมที่ยังมีอำนาจแข็งแกร่งอย่างอิหร่าน และมหาอำนาจอีกปีกหนึ่งของโลกใบนี้คือรัสเซียเข้ามายุ่งด้วยโดยหนุนหลัง ปธน.อัสซาด และกบฎเคิร์ดซีเรียให้สู้กับไอซิส มาตลอดที่มีปัญหา
คราวนี้แหละครับ จากอาหรับสปริง เบาๆชิวๆ ของประชาชนที่นัดหมายกันทางสื่อโซเชียลมาประท้วงรัฐบาล ปธน.อัสซาด อย่างสงบได้พัฒนาไปในทางรุนแรงขึ้นโดยมือที่สามเป็นสงครามย่อยๆ ของกบฎเคิร์ดซีเรีย แล้วพัฒนาต่อไปไม่หยุดเป็นมือที่สี่โดย กลุ่มไอซิส ที่เกิดมาเร็วแล้วโตเร็วแบบไร้สาเหตุที่อธิบายได้ รบยึดพื้นที่จนซีเรียพังไปแล้วกว่าครึ่งประเทศ กบฎเคิร์ดซีเรียที่เคยดูโหดร้ายในสายตาของชาวซีเรีย กลายเป็นเด็กหน่อมแน้มโดนไอซิสจับไปฆ่ารายวันจนเกือบสูญพันธุ์ไปทุกพื้นที่ี่ ที่โดนไอซิสยึดได้
ประชาชนชาวซีเรียเสียใจไหม คำตอบคือเสียใจมาก ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ห้าปีคงไม่คิดจะออกมาสร้างความวุ่นวายเริ่มต้นจุดไฟในบ้านตัวเองของอาหรับสปริงในซีเรีย จนพัฒนาไปในทางเลวร้ายลงเรื่อยๆ จนตัวของประชาชนชาวซีเรียเองต้องเป็นฝ่ายวอดวายไปทุกเมืองหนีตายออกมานอกประเทศอย่างในทุกวันนี้ ไฟเล็กๆ ที่ประชาชนซีเรียจุดด้วยตัวเองกับมือลามกลายเป็นไปเผาเมืองเผาชาติตัวเองจนย่อยยับอย่างที่เห็นทุกวันนี้โดยแท้
วันพรุ่งนี้ต่อตอนสองครับ โศกนาฎกรรมของชาวซีเรียตอนที่ 2 *** ซีเรียกลายเป็นสนามรบของทุกชาติจนใกล้จะถึงวันสิ้นชาติ***
ผมจำได้ว่าผมเขียนเรื่องอาหรับสปริงไปเมื่อเกือบสองปีก่อน ตอนนั้นผมกำลังลุ้นม็อบลุงกำนันจะรอดปากเหยี่ยวปากกาหรือไม่จากต่างประเทศเพราะขณะนั้นผมไม่ได้อยู่เมืองไทย ผมได้เปรียบเทียบการนัดหมายของประชาชนด้วยสื่อทางโซเชียลมีเดีย ทางเฟสบุค และไลน์ เพื่อออกมาตามเวลาและเส้นทางนัดของลุงกำนัน ไม่ต่างกับที่ใช้สื่อโซเชียลในประท้วงรัฐบาลต่างๆ ในทุกประเทศที่ตะวันออกกลางในการประท้วงอาหรับสปริง แต่สิ่งที่ต่างกันคืออาหรับสปริงมันมี ฮิดเด้นอาเจนต้า ของชาติตะวันซ่อนเอาไว้อยู่โดยเริ่มขึ้นที่ ตูนีเซีย ที่ประชาชนใช้สื่อออนไลน์นัดหมายกันออกมาประท้วงรัฐบาลของตัวเองจนรัฐบาลโดนโค่นลงจากอำนาจ แล้วก็ลามไปเรื่อยๆ ไป ลิเบีย เยเมน อียิปต์ รัฐบาลตกเก้าอี้กันหมด และเกิดการกระตุ้นให้รัฐบาลต่างๆ ที่ยังไม่ตกเก้าอี้หันมาดูสวัสดิการประชาชนมากขึ้นทันทีที่เริ่มชุมนุมอาหรับสปริงในบ้านตัวเอง เช่น อัลจีเรีย คูเวต จอร์แดน โมร็อกโค ซูดาน ที่รัฐบาลหยุดความ

แต่ซีเรียไม่ได้โชคดีขนาดนั้น เพราะมีปัญหาเพิ่มขึ้นมาจากกลุ่มชาวเคิร์ดซีเรียที่มีการแตกกลุ่มย่อยมากมายตามพื้นที่ของประเทศซีเรียสวมรอยออกมาร่วมประท้วงรัฐบาลมาตั้งแต่สมัยเริ่มต้นอาหรับสปริง จนประธานาธิบดีบาชาร์ อัลอัสซาด ถึงกับเป๋ไปเป๋มาเพราะมันพัฒนาเป็นสงครามกลางเมืองย่อยๆ ตามจังหวัดต่างๆ เรื่องนี้เกิดมาห้าปีแล้ว ซึ่งตอนแรกชาวซีเรียโดยเฉพาะคนในเมืองหลวงก็ประท้วงโดยสงบ แต่พอมีกลุ่มชาวเคิร์ดซีเรียเข้ามาร่วมเท่านั้นความรุนแรงก็เกิดขึ้นทันที เพราะชาวซีเรียในเมืองใหญ่ต้องการเพียงสวัสดิการที่ดีจากรัฐบาลเท่านั้น แต่กลุ่มชาวเคิร์ดซีเรียตามเมืองเล็กชายแดนต้องการดินแดนและบ่อน้ำมันเป็นของตัวเอง ซึ่ง ปธน.อัสซาด ยอมไม่ได้ และประชาชนชาวซีเรียส่วนใหญ่ก็ยอมให้กลุ่มชาวเคิร์ดซีเรียสวมรอยไม่ได้เหมือนกัน ดังนั้นการประท้วงอาหรับสปริงในซีเรียจึงต้องหยุดลงทันที แล้วมีสงครามกับกลุ่มกบฎชาวเคิร์ดซีเรียและกลุ่มย่อยๆหลายกลุ่มเกิดขึ้นมาแทน
ชาวเคิร์ด มี 3 กลุ่มใหญ่คือชาวเคิร์ดตุรกี เคิร์ดซีเรีย และเคิร์ดอิรัก แต่ละกลุ่มก็แยกตัวเองเป็นกลุ่มย่อยอีกสาระพัดกลุ่ม ต่างก็แยกย้ายกันป่วนประเทศของตัวเองหวังที่จะได้พื้นที่แต่ละประเทศเป็นเขตแดนของตัวชาวเคิร์ดเอง ซึ่งอาวุธและกำลังเงินนั้นแน่นอนว่าได้มาจากไอ้โม่งที่ทุกคนรู้ว่าเป็นใครมาตลอดหลายปี เนื่องจากบางประเทศในอดีตถือว่าเคยทำตัวหัวแข็งต่อไอ้โม่งมาแล้วทั้งนั้น ตุรกีเป็นนาโต้กลุ่มกบฎไม่กล้าหือมากนั้ก แต่ ซีเรีย อิรัก ไม่ใช่ แม้จะสั้งสอนเชือดไก่ให้ลิงดูตั้งแต่สมัยสงครามอ่าวยุค ปธน.บุชผู้พ่อ และปธน.บุชผู้ลูก แล้วก็ตาม แต่รัฐบาลซีเรียก็ยังคุมเกมส์เป็นเด็กดื้อเอาไว้ได้ระดับหนึ่ง จนกระทั่งมีลูกน้องไอ้โม่งตัวใหม่ออกมาอีกหนึ่งตัวคือกลุ่มกองโจรไอซิสที่ออกไล่รบกินดินแดนของซีเรียมาสองปีแล้วด้วยอาวุธหนัก-เบา ที่ผลิตมาจากอเมริกาล้วนๆ ปืนใหญ่ จรวด รถถัง แม้กระทั่งเครื่องบินรบ เงินทุน ที่อ้างว่ายึดมาจากฐานทัพต่างๆ รายทาง แต่สำนักข่าวต่างๆ ในเวลานั้นต่างก็ตั้งข้อสังเกตุว่ามันใหม่เอี่ยมและทันสมัยอย่างไม่น่าเชื่อว่าเป็นอาวุธใช้แล้วที่ยึดมาได้จากคลังอาวุธของรัฐบาลรายทาง และยังแถมมีบ่อน้ำมันที่ยึดได้จากอิรักและซีเรียออกขายเป็นน้ำมันเถื่อนเอาเงินมาหล่อเลี้ยงกองทัพของตัวเองเสียอีก จนถึงทุกวันนี้ ไอซิสยึดพื้นที่ประเทศซีเรียไปมหาศาล จนกลุ่มกบฎเคิร์ดซีเรียต้องเปลี่ยนยุทธวิธีจากที่เคยรบแบบรุมตอดชิงพื้นที่กับรัฐบาล ปธน.อัสซาด ก็ต้องหันมารบกับไอซิสแทน เพราะกบฎเคิร์ดซีเรียต้องเสียพื้นที่ที่เคยเครมว่าเป็นของตัวเองไปเกือบทั้งหมด แถมยังโดยฆ่าตายประหารหมู่แบบทารุณออกคลิปไปทั่วโลกเสียอีกด้วย
จะบอกว่านายทุนใหญ่เปลี่ยนกลุ่มการลงทุนจากเคิร์ดเป็นไอซิสก็ว่าได้ เอาทั้งเงินและอาวุธไปสนับสนุนกลุ่มที่ทำงานทันใจน่าจะคุ้มทุนกว่า คราวนี้ ปธน.อัสซาด ถึงกับเข้าตาจนจะตกเก้าอี้เอาง่ายๆ แต่ยังมีกลุ่มมุสลิมที่ยังมีอำนาจแข็งแกร่งอย่างอิหร่าน และมหาอำนาจอีกปีกหนึ่งของโลกใบนี้คือรัสเซียเข้ามายุ่งด้วยโดยหนุนหลัง ปธน.อัสซาด และกบฎเคิร์ดซีเรียให้สู้กับไอซิส มาตลอดที่มีปัญหา
คราวนี้แหละครับ จากอาหรับสปริง เบาๆชิวๆ ของประชาชนที่นัดหมายกันทางสื่อโซเชียลมาประท้วงรัฐบาล ปธน.อัสซาด อย่างสงบได้พัฒนาไปในทางรุนแรงขึ้นโดยมือที่สามเป็นสงครามย่อยๆ ของกบฎเคิร์ดซีเรีย แล้วพัฒนาต่อไปไม่หยุดเป็นมือที่สี่โดย กลุ่มไอซิส ที่เกิดมาเร็วแล้วโตเร็วแบบไร้สาเหตุที่อธิบายได้ รบยึดพื้นที่จนซีเรียพังไปแล้วกว่าครึ่งประเทศ กบฎเคิร์ดซีเรียที่เคยดูโหดร้ายในสายตาของชาวซีเรีย กลายเป็นเด็กหน่อมแน้มโดนไอซิสจับไปฆ่ารายวันจนเกือบสูญพันธุ์ไปทุกพื้นที่ี่ ที่โดนไอซิสยึดได้
ประชาชนชาวซีเรียเสียใจไหม คำตอบคือเสียใจมาก ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ห้าปีคงไม่คิดจะออกมาสร้างความวุ่นวายเริ่มต้นจุดไฟในบ้านตัวเองของอาหรับสปริงในซีเรีย จนพัฒนาไปในทางเลวร้ายลงเรื่อยๆ จนตัวของประชาชนชาวซีเรียเองต้องเป็นฝ่ายวอดวายไปทุกเมืองหนีตายออกมานอกประเทศอย่างในทุกวันนี้ ไฟเล็กๆ ที่ประชาชนซีเรียจุดด้วยตัวเองกับมือลามกลายเป็นไปเผาเมืองเผาชาติตัวเองจนย่อยยับอย่างที่เห็นทุกวันนี้โดยแท้
วันพรุ่งนี้ต่อตอนสองครับ โศกนาฎกรรมของชาวซีเรียตอนที่ 2 *** ซีเรียกลายเป็นสนามรบของทุกชาติจนใกล้จะถึงวันสิ้นชาติ***
ความคิดเห็นที่ 3
ต่างกันตรงไม่มีใครว่าอัสซาดไงครับ
ถ้าอัสซาดทิ้งระเบิดเอง รุนแรงเท่าตอนนี้ แน่นอนแรงกดดันจากชาติยุโรป กับอเมริกา นั้นมหาศาล อัสซาดบารมีไม่มากพอที่จะรับแรงกดดันนี้ได้
แต่นี่รัสเซียบินเอง ทิ้งเอง ยุโรปกับอเมริกา ก็กดดันเหมือนกัน แต่ทำอะไรไม่ได้ เพราะปูตินไม่สน ปูตินแข็งกว่าอัสซาดเยอะ
ยุโรป กับ อเมริกา ตอนนี้จึงเป็นได้แค่หมาเห่าใบตองแห้ง
ถ้าอัสซาดทิ้งระเบิดเอง รุนแรงเท่าตอนนี้ แน่นอนแรงกดดันจากชาติยุโรป กับอเมริกา นั้นมหาศาล อัสซาดบารมีไม่มากพอที่จะรับแรงกดดันนี้ได้
แต่นี่รัสเซียบินเอง ทิ้งเอง ยุโรปกับอเมริกา ก็กดดันเหมือนกัน แต่ทำอะไรไม่ได้ เพราะปูตินไม่สน ปูตินแข็งกว่าอัสซาดเยอะ
ยุโรป กับ อเมริกา ตอนนี้จึงเป็นได้แค่หมาเห่าใบตองแห้ง
ความคิดเห็นที่ 9
โศกนาฎกรรมของชาวซีเรียตอนที่ 2 *** ซีเรียกลายเป็นสนามรบของทุกชาติจนใกล้จะถึงวันสิ้นชาติ***
เมื่อวานนี้ผมเขียนจบลงที่สงครามที่เผาประเทศซีเรียที่เกิดจากการจุดไม้ขีดไฟดวงเล็กของอาหรับสปริงจนกลายเป็นเพลิงกาฬที่คนทั้งประเทศต้องรับกรรมกับไฟที่ตัวเองเริ่มจุด เรื่องนี้ผมพอที่จะเปรียบเทียบได้ว่าจะเอาคุณภาพของคนซีเรียไปเปรียบเทียบกับคนของตูนิเซียต้นแบบของอาหรับปริงนั้นไม่ได้ เพราะการเกิดอาหรับสปริงครั้งแรกในตูนีเซียนั้นจบลงอย่างสวยงามเพราะตูนีเซียนั้นคืออาหรับที่แตกต่างกับอาหรับอื่นๆ ตรงที่ประชาชนตูนีเซียตอบโจทย์ที่เขาสร้างขึ้นมาได้ และอำนาจและสิทธิที่ได้มานั้นกลับไปสู่ประชาชนโดยแท้จริง เพราะคุณภาพคนของเขาพร้อมกว่า คนของเขาพัฒนามาขั้นหนึ่งแล้ว แต่ไม่ใช่กับคนของซีเรียที่ยังไม่พร้อมไปเสียทุกด้าน
และอีกเรื่องก็คือการเกิดสูญญากาศของมหาอำนาจในตะวันออกกลางที่อเมริกาเองเข้าไปแทรกแซงทางการทหารตั้งแต่ยุค 80-90's ในเรื่องของภูมิรัฐศาสตร์และพลังงาน เพราะสมัยนั้นใครกุมพลังงานตะวันออกกลางได้คือการคุมอนาคตของโลกทั้งใบ แต่ต่อมาในยุคหลังในช่วงสิบปีที่โลกใบนี้ไม่ต้องพึ่งพาพลังงานของกลุ่มโอเป็กตะวันออกกลางอีกต่อไปแล้ว ทั้งโลกนอกกลุ่มโอเป็กผลิตพลังงานมากกว่าตะวันออกกลางถึงสองเท่า อเมริกาเองก็ผลิตพลังงานจากหินน้ำมันได้จนกลายเป็นผู้ส่งออกพลังงานส่วนเกินแข่งกับโอเป็ก ดังนั้นนโยบายแรกของ ปธน.โอบาม่า คือลดรายจ่ายทางการทหารที่ผลตอบแทนไม่คุ้มค่าแล้วในตะวันออกกลางทิ้งไป การโค่นรัฐบาลอิรักของ ซัดดัม ฮุดเซ็น โดยอเมริกานั้นทำให้สมดุลในตะวันออกกลางเสียไปแบบกลับคืนมาไม่ได้ และต่อมาเมื่ออเมริกาต้องการที่จะเปลี่ยนนโยบายเรื่องของตะวันออกกลางและถอนทหารออกจากอิรัก รวมถึงตะวันออกกลางประเทศอื่นๆ นั้นยิ่งทำให้เกิดสูญญากาศในตะวันออกกลางมีมากขึ้น
เมื่ออเมริกาถอนตัวออกไปจากพื้นที่และไม่ให้ความสำคัญต่อตะวันออกกลางอีกต่อไป มวยคู่เฮวี่เวทอย่าง ซาอุดิอาราเบีย กับ อิหร่าน ก็เกิดปัญหาขึ้นมาทันที เพราะทั้งสองขั้วอำนาจนี้ไม่ยอมกันทั้งในเรื่องของศาสนาและแนวคิดทางการเมืองมาหลายสิบปี การสนับสนุนสงครามตัวแทนจึงเกิดขึ้นเหมือนดอกเห็ดหน้าฝน กองกำลังฮิซบุลลอฮ์ที่สนับสนุนโดยอิหร่าน และกองกำลังเคิร์ดรวมถึงกองกำลังอื่นๆ ที่สนับสนุนโดยตะวันตกก็เข้าก่อสงครามย่อยๆ ในสามประเทศทันที และยิ่งหนักขึ้นเมือการเมืองภายในของซาอุดิอาราเบียผันผวนจากการสืบทอดอำนาจที่ไม่นิ่งมาสองรอบ และอเมริกามีท่าทีเริ่มยอมรับอิหร่านได้ระดับหนึ่งจากการเจรจาเรื่องนิวเคลียร์จนเป็นผลสำเร็จ ทำให้ตอนนี้มันเหมือนการกลับขั้วของอำนาจเลยทีเดียว
เวลานี้รัฐบาล ปธน.อัสซาด ของซีเรียอยู่ได้ด้วยเงินทุนจากอิหร่าน สรรพาวุธที่ใช้สู้กับไอซิสจากรัสเซีย เวลานี้กองกำลังที่เคยเป็นหนามยอกอกเก่าของรัฐบาลซีเรียอย่างกบฎเคิร์ทที่หันกลับมารบกับไอซิสแทนกำลังทหารหลักของซีเรียก็โดนไอซิสเชือดคอนับพันคนจนเกือบหมดกำลังสู้แล้ว กองหน้าที่มารับหน้าที่ด่านหน้าแทนคือกองกำลังฮิซบุลลอฮ์ที่ส่งมาจากอิหร่าน ด้วยความโหดระดับเดียวกันกับไอซิส แต่เจนศึกมากกว่า ทำให้ฮิซบุลลอฮ์ชะลอเวลาให้ ปธน.อัสซาด ได้ระยะหนึ่ง แต่ก็ยังไม่เพียงพอ เพราะการสนับสนุนจากซาอุดิอาระเบียที่มีกับไอซิสในทางลับนั้นมีแบบไม่อั้น เส้นทางของอาวุธอเมริกาที่ไอซิสใช้มาตลอดก็ผันมาจากความช่วยเหลือของซาอุดิอาระเบียด้วย ซึ่งความซับซ้อนนั้นยิ่งกลายเป็นสิ่งที่คนทั้งโลกเข้าใจยากขึ้นไปทุกที
ที่ผมบอกว่าเป็นสิ่งที่คนทั้งโลกเข้าใจยากคือ หน้าฉากจะเห็นว่าอเมริกาและกลุ่มยุโรปรวมถึงกลุ่มประเทศพันธมิตรซาอุดิอาระเบียนั้นเข้าร่วมมือกันส่งเครื่องบินเข้าถล่มไอซิสในซีเรียมาหลายเดือนแล้ว แต่จากที่ผ่านมาสองปีไอซิสไม่เคยประกาศว่าจะแตะต้องหรือเข้าไปก่อความไม่สงบในกลุ่มประเทศที่เป็นพันธมิตรของซาอุดิอาระเบีย และดูเหมือนการถล่มทางอากาศของกลุ่มประเทศต่างๆ ไม่ทำให้ไอซิสเสียหายแบบหายนะวายวอดออกข่าวทางสื่อหลักเลยสักครั้ง แต่พอรัสเซียบอกว่าจะเข้าแทรกแซงทางการทหารถ้า ปธน.อัสซาด ต้องการเท่านั้นแหละชาติต่างๆ รวมทั้งอเมริกาเหมือนผึ้งแตกรังทันที เพราะรู้กันอยู่ว่ารัสเซียสนับสนุนทั้งอิหร่านและ ปธน.อัสซาด และถ้ารัสเซียจะสนับสนุนทางการทหารจริงๆ หมายความว่างานนี้ไม่มีมวยล้มต้มคนดูแน่นอน ตายคือตายจริง ถ้าจะประกาศว่าถล่มก็คือระเบิดลงกลางกบาลไอซิสจริงๆ และความจริงที่คนทั้งโลกนี้รู้กันคือ ถ้าอเมริการบกับไอซิสจริงๆ เมื่อไร ฐานะของ ปธน.อัสซาด ก็จะมั่นคงขึ้นซึ่งอเมริกาและซาอุดิอาระเบียไม่ต้องการให้เป็นเช่นนั้น เพราะว่าเท่ากับต้องเปิดศึกกับไอซิสวันนี้แล้วต้องเปิดศึกกับ ปธน.อัสซาด ในอนาคตอย่างแน่นอนเพราะ ปธน.อัสซาด คือตัวแทนของอิหร่านในฟากของประเทศฝั่งนี้นั่นเอง
แต่ ปธน.อัสซาด ก็ไม่ออกปากให้รัสเซียเข้ามายุ่งโดยตรง และรัสเซียเองก็ออกมาปฎิเสธว่าจะไม่ส่งทหารและเครื่องบินเข้าไปในซีเรีย แต่ในทางตรงข้ามกัน สื่อของตะวันตกต่างก็ประโคมข่าวเรื่องที่รัสเซียจะเข้าไปร่วมถล่มไอซิสตามที่เมื่อสามวันก่อนที่ผมตัดเอาข่าวที่ขัดแย้งกันเองของสำนักข่าวตะวันตกกับข่าวรัสเซียที่แถลงเองโดยโฆษกรัฐบาลออกสื่อรัสเซียว่ารัสเซียจะไม่เข้าแทรกแซง และอย่าไปเชื่อสื่อตะวันตกที่ประโคมข่าวปลอมเรื่องรัสเซียติดต่อกันทั้งเดือนที่ผ่านมา
เวลานี้ซีเรียทั้งประเทศกำลังจะกลายเป็นซากสงคราม ทั้งข่าวการระเบิดทำลายโบราณสถานที่มีอายุนับพันปีในพื้นที่ที่ไอซิสยึดได้ และฆ่าข่มขืนประชาชนไปทั่ว ผู้หญิงซีเรียถูกจับตัวไปขายเป็นทาสบำเรอกามทหารของไอซิส เรื่องนี้เกิดมาตั้งแต่ปลายปีที่แล้วจนถึงเวลานี้ เกือบปีหนึ่งแล้วที่ประเทศซีเรียกลายเป็นนรกบนดินของประชาชนซีเรียเอง ดังนั้นสิ่งที่เห็นในภาพข่าวทุกวันนี้คือคลื่นของประชาชนอพยพออกจากประเทศที่เป็นแผ่นดินแม่ของตัวเองเข้าสู่กรีซและเดินทางเข้ายุโรปนับแสนๆคน ซึ่งในตอนแรกนั้นกลุ่มประเทศในสหภาพยุโรปต่างก็กีดกันผู้อพยพกันแบบสุดกำลัง อิตาลีบอกว่าเข้ามาอีกจะใช้กำลังทหารเข้าควบคุมน่านน้ำของตัวเองแล้ว เวลานี้ทั้งฝรั่งเศส เยอรมัน อังกฤษ ต่างก็พยายามสุดกำลังที่จะผลักดันกลุ่มผู้อพยพออกจากความรับผิดชอบของตัวเอง
ถ้าจะประมวญเหตุการณ์ทั้งหมดแล้ว เรื่องที่เกิดมาทุกวันนี้คือผลจากการไปวุ่นวายทางการเมืองและการทหารในกลุ่มประเทศตะวันออกกลางอย่างต่อเนื่องมาหลายสิบปีของชาติตะวันตกเองทั้งนั้น จากความต้องการยึดเอาภูมิศาสตร์การเมืองช่วงสงครามเย็นกับโซเวียดจนถึงความหิวกระหายในพลังงานในยุค 70-80-90's จนถึงเวลาที่ตัวเองต้องถอยออกไปจากความไม่คุ้มค่าการลงทุนทางการทหารแล้วทิ้งปัญหาเอาไว้ในช่วง 05-10's จนเกิดสิ่งที่เห็นกันทุกวันนี้คือการล่มสลายของชาติต่างๆที่เคยเจริญรุ่งเรืองของตะวันออกกลางและถึงคิวของซีเรียในวันนี้
ภาพเด็กตายลอยติดฝั่งตุรกีที่สะเทือนใจคนทั้งโลกนั้นคือความผิดของใคร ผมคิดว่าถ้าอ่านสิ่งที่ผมเขียนมาสองตอนจนถึงตอนจบในบรรทัดนี้ ผมคงไม่ต้องตอบคำถามนี้แล้ว ทุกคนคงเห็นคำตอบนี้ได้ด้วยตัวเอง
เครดิต Page
Pat Hemasuk
เมื่อวานนี้ผมเขียนจบลงที่สงครามที่เผาประเทศซีเรียที่เกิดจากการจุดไม้ขีดไฟดวงเล็กของอาหรับสปริงจนกลายเป็นเพลิงกาฬที่คนทั้งประเทศต้องรับกรรมกับไฟที่ตัวเองเริ่มจุด เรื่องนี้ผมพอที่จะเปรียบเทียบได้ว่าจะเอาคุณภาพของคนซีเรียไปเปรียบเทียบกับคนของตูนิเซียต้นแบบของอาหรับปริงนั้นไม่ได้ เพราะการเกิดอาหรับสปริงครั้งแรกในตูนีเซียนั้นจบลงอย่างสวยงามเพราะตูนีเซียนั้นคืออาหรับที่แตกต่างกับอาหรับอื่นๆ ตรงที่ประชาชนตูนีเซียตอบโจทย์ที่เขาสร้างขึ้นมาได้ และอำนาจและสิทธิที่ได้มานั้นกลับไปสู่ประชาชนโดยแท้จริง เพราะคุณภาพคนของเขาพร้อมกว่า คนของเขาพัฒนามาขั้นหนึ่งแล้ว แต่ไม่ใช่กับคนของซีเรียที่ยังไม่พร้อมไปเสียทุกด้าน
และอีกเรื่องก็คือการเกิดสูญญากาศของมหาอำนาจในตะวันออกกลางที่อเมริกาเองเข้าไปแทรกแซงทางการทหารตั้งแต่ยุค 80-90's ในเรื่องของภูมิรัฐศาสตร์และพลังงาน เพราะสมัยนั้นใครกุมพลังงานตะวันออกกลางได้คือการคุมอนาคตของโลกทั้งใบ แต่ต่อมาในยุคหลังในช่วงสิบปีที่โลกใบนี้ไม่ต้องพึ่งพาพลังงานของกลุ่มโอเป็กตะวันออกกลางอีกต่อไปแล้ว ทั้งโลกนอกกลุ่มโอเป็กผลิตพลังงานมากกว่าตะวันออกกลางถึงสองเท่า อเมริกาเองก็ผลิตพลังงานจากหินน้ำมันได้จนกลายเป็นผู้ส่งออกพลังงานส่วนเกินแข่งกับโอเป็ก ดังนั้นนโยบายแรกของ ปธน.โอบาม่า คือลดรายจ่ายทางการทหารที่ผลตอบแทนไม่คุ้มค่าแล้วในตะวันออกกลางทิ้งไป การโค่นรัฐบาลอิรักของ ซัดดัม ฮุดเซ็น โดยอเมริกานั้นทำให้สมดุลในตะวันออกกลางเสียไปแบบกลับคืนมาไม่ได้ และต่อมาเมื่ออเมริกาต้องการที่จะเปลี่ยนนโยบายเรื่องของตะวันออกกลางและถอนทหารออกจากอิรัก รวมถึงตะวันออกกลางประเทศอื่นๆ นั้นยิ่งทำให้เกิดสูญญากาศในตะวันออกกลางมีมากขึ้น
เมื่ออเมริกาถอนตัวออกไปจากพื้นที่และไม่ให้ความสำคัญต่อตะวันออกกลางอีกต่อไป มวยคู่เฮวี่เวทอย่าง ซาอุดิอาราเบีย กับ อิหร่าน ก็เกิดปัญหาขึ้นมาทันที เพราะทั้งสองขั้วอำนาจนี้ไม่ยอมกันทั้งในเรื่องของศาสนาและแนวคิดทางการเมืองมาหลายสิบปี การสนับสนุนสงครามตัวแทนจึงเกิดขึ้นเหมือนดอกเห็ดหน้าฝน กองกำลังฮิซบุลลอฮ์ที่สนับสนุนโดยอิหร่าน และกองกำลังเคิร์ดรวมถึงกองกำลังอื่นๆ ที่สนับสนุนโดยตะวันตกก็เข้าก่อสงครามย่อยๆ ในสามประเทศทันที และยิ่งหนักขึ้นเมือการเมืองภายในของซาอุดิอาราเบียผันผวนจากการสืบทอดอำนาจที่ไม่นิ่งมาสองรอบ และอเมริกามีท่าทีเริ่มยอมรับอิหร่านได้ระดับหนึ่งจากการเจรจาเรื่องนิวเคลียร์จนเป็นผลสำเร็จ ทำให้ตอนนี้มันเหมือนการกลับขั้วของอำนาจเลยทีเดียว
เวลานี้รัฐบาล ปธน.อัสซาด ของซีเรียอยู่ได้ด้วยเงินทุนจากอิหร่าน สรรพาวุธที่ใช้สู้กับไอซิสจากรัสเซีย เวลานี้กองกำลังที่เคยเป็นหนามยอกอกเก่าของรัฐบาลซีเรียอย่างกบฎเคิร์ทที่หันกลับมารบกับไอซิสแทนกำลังทหารหลักของซีเรียก็โดนไอซิสเชือดคอนับพันคนจนเกือบหมดกำลังสู้แล้ว กองหน้าที่มารับหน้าที่ด่านหน้าแทนคือกองกำลังฮิซบุลลอฮ์ที่ส่งมาจากอิหร่าน ด้วยความโหดระดับเดียวกันกับไอซิส แต่เจนศึกมากกว่า ทำให้ฮิซบุลลอฮ์ชะลอเวลาให้ ปธน.อัสซาด ได้ระยะหนึ่ง แต่ก็ยังไม่เพียงพอ เพราะการสนับสนุนจากซาอุดิอาระเบียที่มีกับไอซิสในทางลับนั้นมีแบบไม่อั้น เส้นทางของอาวุธอเมริกาที่ไอซิสใช้มาตลอดก็ผันมาจากความช่วยเหลือของซาอุดิอาระเบียด้วย ซึ่งความซับซ้อนนั้นยิ่งกลายเป็นสิ่งที่คนทั้งโลกเข้าใจยากขึ้นไปทุกที
ที่ผมบอกว่าเป็นสิ่งที่คนทั้งโลกเข้าใจยากคือ หน้าฉากจะเห็นว่าอเมริกาและกลุ่มยุโรปรวมถึงกลุ่มประเทศพันธมิตรซาอุดิอาระเบียนั้นเข้าร่วมมือกันส่งเครื่องบินเข้าถล่มไอซิสในซีเรียมาหลายเดือนแล้ว แต่จากที่ผ่านมาสองปีไอซิสไม่เคยประกาศว่าจะแตะต้องหรือเข้าไปก่อความไม่สงบในกลุ่มประเทศที่เป็นพันธมิตรของซาอุดิอาระเบีย และดูเหมือนการถล่มทางอากาศของกลุ่มประเทศต่างๆ ไม่ทำให้ไอซิสเสียหายแบบหายนะวายวอดออกข่าวทางสื่อหลักเลยสักครั้ง แต่พอรัสเซียบอกว่าจะเข้าแทรกแซงทางการทหารถ้า ปธน.อัสซาด ต้องการเท่านั้นแหละชาติต่างๆ รวมทั้งอเมริกาเหมือนผึ้งแตกรังทันที เพราะรู้กันอยู่ว่ารัสเซียสนับสนุนทั้งอิหร่านและ ปธน.อัสซาด และถ้ารัสเซียจะสนับสนุนทางการทหารจริงๆ หมายความว่างานนี้ไม่มีมวยล้มต้มคนดูแน่นอน ตายคือตายจริง ถ้าจะประกาศว่าถล่มก็คือระเบิดลงกลางกบาลไอซิสจริงๆ และความจริงที่คนทั้งโลกนี้รู้กันคือ ถ้าอเมริการบกับไอซิสจริงๆ เมื่อไร ฐานะของ ปธน.อัสซาด ก็จะมั่นคงขึ้นซึ่งอเมริกาและซาอุดิอาระเบียไม่ต้องการให้เป็นเช่นนั้น เพราะว่าเท่ากับต้องเปิดศึกกับไอซิสวันนี้แล้วต้องเปิดศึกกับ ปธน.อัสซาด ในอนาคตอย่างแน่นอนเพราะ ปธน.อัสซาด คือตัวแทนของอิหร่านในฟากของประเทศฝั่งนี้นั่นเอง
แต่ ปธน.อัสซาด ก็ไม่ออกปากให้รัสเซียเข้ามายุ่งโดยตรง และรัสเซียเองก็ออกมาปฎิเสธว่าจะไม่ส่งทหารและเครื่องบินเข้าไปในซีเรีย แต่ในทางตรงข้ามกัน สื่อของตะวันตกต่างก็ประโคมข่าวเรื่องที่รัสเซียจะเข้าไปร่วมถล่มไอซิสตามที่เมื่อสามวันก่อนที่ผมตัดเอาข่าวที่ขัดแย้งกันเองของสำนักข่าวตะวันตกกับข่าวรัสเซียที่แถลงเองโดยโฆษกรัฐบาลออกสื่อรัสเซียว่ารัสเซียจะไม่เข้าแทรกแซง และอย่าไปเชื่อสื่อตะวันตกที่ประโคมข่าวปลอมเรื่องรัสเซียติดต่อกันทั้งเดือนที่ผ่านมา
เวลานี้ซีเรียทั้งประเทศกำลังจะกลายเป็นซากสงคราม ทั้งข่าวการระเบิดทำลายโบราณสถานที่มีอายุนับพันปีในพื้นที่ที่ไอซิสยึดได้ และฆ่าข่มขืนประชาชนไปทั่ว ผู้หญิงซีเรียถูกจับตัวไปขายเป็นทาสบำเรอกามทหารของไอซิส เรื่องนี้เกิดมาตั้งแต่ปลายปีที่แล้วจนถึงเวลานี้ เกือบปีหนึ่งแล้วที่ประเทศซีเรียกลายเป็นนรกบนดินของประชาชนซีเรียเอง ดังนั้นสิ่งที่เห็นในภาพข่าวทุกวันนี้คือคลื่นของประชาชนอพยพออกจากประเทศที่เป็นแผ่นดินแม่ของตัวเองเข้าสู่กรีซและเดินทางเข้ายุโรปนับแสนๆคน ซึ่งในตอนแรกนั้นกลุ่มประเทศในสหภาพยุโรปต่างก็กีดกันผู้อพยพกันแบบสุดกำลัง อิตาลีบอกว่าเข้ามาอีกจะใช้กำลังทหารเข้าควบคุมน่านน้ำของตัวเองแล้ว เวลานี้ทั้งฝรั่งเศส เยอรมัน อังกฤษ ต่างก็พยายามสุดกำลังที่จะผลักดันกลุ่มผู้อพยพออกจากความรับผิดชอบของตัวเอง
ถ้าจะประมวญเหตุการณ์ทั้งหมดแล้ว เรื่องที่เกิดมาทุกวันนี้คือผลจากการไปวุ่นวายทางการเมืองและการทหารในกลุ่มประเทศตะวันออกกลางอย่างต่อเนื่องมาหลายสิบปีของชาติตะวันตกเองทั้งนั้น จากความต้องการยึดเอาภูมิศาสตร์การเมืองช่วงสงครามเย็นกับโซเวียดจนถึงความหิวกระหายในพลังงานในยุค 70-80-90's จนถึงเวลาที่ตัวเองต้องถอยออกไปจากความไม่คุ้มค่าการลงทุนทางการทหารแล้วทิ้งปัญหาเอาไว้ในช่วง 05-10's จนเกิดสิ่งที่เห็นกันทุกวันนี้คือการล่มสลายของชาติต่างๆที่เคยเจริญรุ่งเรืองของตะวันออกกลางและถึงคิวของซีเรียในวันนี้
ภาพเด็กตายลอยติดฝั่งตุรกีที่สะเทือนใจคนทั้งโลกนั้นคือความผิดของใคร ผมคิดว่าถ้าอ่านสิ่งที่ผมเขียนมาสองตอนจนถึงตอนจบในบรรทัดนี้ ผมคงไม่ต้องตอบคำถามนี้แล้ว ทุกคนคงเห็นคำตอบนี้ได้ด้วยตัวเอง
เครดิต Page
Pat Hemasuk
แสดงความคิดเห็น
รัสเซียส่งเครื่องบินมาช่วยอัสซาด แล้วต่างจากที่กองทัพอากาศของอัสซาดทิ้งระเบิดเองตรงไหน