เมื่อผมยอมลดเงินเดือนตัวเองลง10% เพื่อจะได้มาทำงานที่เชียงใหม่ เพราะอยากใช้ชีวิตแบบSlow life กับมอไซค์คู่ใจ

จริงๆบ้านเกิดผมก็อยู่เชียงใหม่ หลังจากเรียนจบ ก็ทำงานแถวๆบ้านอยู่พักหนึ่ง
ทำงานไปสักพัก ก็อยากมีรายได้ที่สูงขึ้น จึงต้องจากบ้านมาทำงานในเมืองกรุง
ซึ่งรายได้ก็ดีจริง แต่ไม่ค่อยถูกจริตกับ Life style ของตัวเองสักเท่าไหร่
เพราะเป็นคนชอบขี่มอไซค์ขึ้นป่าขึ้นเขาสัมผัสธรรมชาติในวันหยุด

ก็มาทำงานที่แถวเขตใกล้ๆเมืองหลวงได้ประมาณเจ็ดปี ก็รู้สึกเริ่มเบื่อชีวิตแบบนี้
จึงเริ่มมองหางานใหม่ ตั้งใจอยากจะกลับไปทำงานแถวๆบ้าน แล้วก็เหมือนโชคชะตาจะเข้าข้าง
เริ่มหางานในเว็บงานต่างๆวันแรกก็เจองานที่เค้ารับคนที่มีคุณสมบัติตรงกับผมเลย
แล้วก็ถูกใจผมด้วย เพราะที่ทำงานใกล้บ้านมาก ห่างแค่ 8 กม. ขับรถหรือขี่รถไปแค่สิบนาทีก็ถึง

ไม่รอช้า ส่ง Resume ไปทันที ไม่ทันข้ามวัน บริษัทติดต่อให้ไปสัมภาษณ์ทันที
ก็ได้สัมภาษณ์โดยตรงกับประธานบริษัทและกรรมการบริษัทที่เป็นคนญี่ปุ่น
การสัมภาษณ์ก็ผ่านไปด้วยดี ไม่มีอะไรติดขัด ติดอยู่เรื่องเดียว และเป็นเรื่องสำคัญมาก
นั่นก็คือเรื่องเงินเดือนของผม ประธานเค้าก็พูดตรงๆว่า เงินเดือนที่ผมได้อยู่ในบริษัทปัจจุบัน
มันสูงเกินกว่าโครงสร้างที่บริษัทเค้าจะให้ได้ แถมยังมาพูดกดดันผมอีกว่า คุณรู้ไม๊
ที่บริษัทผมในตอนนี้ ไม่มีคนไทยคนไหนได้เงินเดือนเท่านี้มาก่อน คุณต้องเข้าใจนะ
ว่าที่นี่เป็นต่างจังหวัด ไม่ใช่เมืองหลวง

ผมก็ตอบไปตามตรง ว่าข้อนี้ผมเข้าใจดี ผมยอมลดเงินเดือนลง 10% จากที่ได้อยู่ในปัจจุบัน
(เพราะผมคำนวณก่อนไปสัมภาษณ์แล้วว่า ถึงเงินเดือนจะลดลง 10% แต่การที่กลับไปอยู่บ้าน
ก็ทำให้ค่าใช้จ่ายต่างๆลดลงเยอะ เช่น ค่าเช่าอพาร์ตเมนต์, ค่าตั๋วเครื่องบินกลับบ้านเดือนละครั้ง,
ค่าน้ำมัน,ค่าอาหาร เพราะอยู่บ้านแม่ทำให้กิน ฯลฯ) รวมๆแล้ว รายได้ที่ลด ก็พอๆกับค่าใช้จ่ายที่ลดลงไป
ทำให้เงินที่เหลือในแต่ละเดือนก็เท่าๆเดิม

ประธานก็ทำท่าคิดหนัก ยังมาพูดกดดันต่ออีกว่า ถึงลดลง 10% ก็ยังสูงกว่าโครงสร้างเราอยู่ดี
เค้าก็พูดดีนะว่า ไม่ใช่ว่าเราให้คุณไม่ได้นะ แต่ก็ต้องนึกถึงคนอื่นๆที่เค้าอยู่มาก่อนคุณ
มันค่อนข้างจะกระทบโครงสร้างของบริษัทเราพอสมควร ผมก็เลยพูดตรงๆไปอีกว่า
ผมลดลงได้แค่นี้ล่ะครับ โปรดพิจารณาด้วย เค้าก็เลยบอกว่าขอคิดดูก่อน แล้วจะให้คำตอบ
ภายในหนึ่งสัปดาห์  

หลังจากนั้นแค่สองวัน ทางบริษัทก็ติดต่อกลับมาว่า ผมจะเริ่มงานได้เมื่อไหร่?
ผมจึงเริ่มกลับมาวางแผนการใช้ชีวิตกับการกลับมาทำงานที่บ้านเกิดอีกครั้ง


อย่างแรกเลยคือการทำตามความฝัน ที่อยากจะขี่มอไซค์ท่องเที่ยวแบบธรรมชาติช่วงวันหยุด
จริงๆก็เคยขี่มาหลายแนว ทั้งแบบช็อปเปอร์ (Yamaha Viraco 400cc) แบบ Naked bike (SF400,XJR400)
แบบ Classic (SR400) , แบบ Racing (Honda VFR400) มาครั้งนี้เลยต้องมานั่งคิดดูว่า
จะเอารถอะไรดี โดยตั้งโจทย์ว่า เหมาะแก่การลุยๆ ขึ้นป่าขึ้นเขา, แรงดี, ประหยัดน้ำมัน,ความเร็วพอได้,
ดูแลรักษาง่าย หลังจากหาข้อมูลมาพอสมควร สุดท้ายก็ได้ข้อสรุปว่าจะเอารุ่นนี้


เนื่องจากผมรู้นิสัยตัวเองดีว่า วันข้างหน้า อาจจะเปลี่ยนแนวไปเป็นรถแบบ Adventure อีก ครั้งนี้
เลยมองหาแค่รถมือสองสภาพดีๆสักคัน เพราะนอกจากจะประหยัดเงินไปเกือบครึ่งแสนแล้ว
ก็ไม่ต้องมารอรันอิน, รอทะเบียนอีก ว่าแล้วก็จัดคันนี้มา
ได้รถปุ๊บ พาไปลองที่บ้านแม่กำปองก่อนเลย


หลังจากกลับมาทำงานที่บ้านได้หนึ่งประมาณหนึ่งเดือน ผมก็พาเจ้าหนูแดงตระเวนเที่ยวไปยังที่ต่างๆที่ยังไม่เคยไป

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่