กราบเรียนพี่ๆ สมาชิก
รบกวนขอคำแนะนำว่า ผมควรทำอย่างไรเกี่ยวกับนโยบายช่วยเหลือ SME ของรัฐบาล สำหรับโครงการซอฟท์โลน 4 % แต่โดนแบงค์เรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษอีก 3 % ด้วยครับ
ข้อเท็จจริงคือ ผมเป็นลูกค้ารายย่อยของธนาคารกสิกรไทย สาขารัชดา ท่าพระ อยู่แล้ว โดยเมื่อได้รับทราบเกี่ยวกับ นโยบายของรัฐบาลสำหรับโครงการซอฟท์โลน ดอกเบี้ย 4% จึงมีความสนใจเพื่อนำมาใช้เป็นวงเงินหมุนเวียนในธุรกิจ และได้ยื่นความประสงค์ใช้วงเงินดังกล่าว โดยขึ้นอยู่กับหลักเกณฑ์การพิจารณาของธนาคารฯ ต่อไป
ประเด็นสำคัญคือ เจ้าหน้าที่แบงค์แจ้งเมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2558 ว่า นโยบายของธนาคารกสิกรไทย (ได้รับมาจากผู้จัดการภาค และระดับผู้บริหาร ) คือ แจ้งให้ลูกค้า ทราบก่อนว่า หากสนใจเข้าร่วมวงเงินดังกล่าว จะต้องเสียค่าจัดหาวงเงิน (Front End Fee ) มูลค่า 3% สำหรับยอดวงเงินกู้ หากไม่สะดวก ก็ให้เปลี่ยนเป็นการทำประกันภัยในวงเงินใกล้เคียงกัน โดยให้เหตุผลว่าที่ต้องมีค่าธรรมเนียมสูงเพราะ ลูกค้าได้รับประโยชน์สูงมากจากโครงการนี้ (ธนาคารจึงคิดว่า ตัวเองควรต้องได้รับผลประโยชน์จากโครงการนี้สูงเช่นกันมั๊งครับ ) ดังนั้น หากลูกค้าไม่ตกลงกับเงื่อนไขดังกล่าว ก็จะไม่ดำเนินการพิจารณาความประสงค์ใดๆ ต่อไป
โดยความเข้าใจของผม ลูกค้ารายย่อยของธนาคารฯ โดยทั่วไป โดนเรียกเก็บค่าธรรมเนียมแฝงอยู่แล้วในทุกกรณี แต่ในกรณีนี้ ผมคิดว่า เงินภายใต้โครงการดังกล่าว เป็นเงินของภาครัฐ ผ่านธนาคารออมสิน การจะมาเรียกเก็บยิบย่อย น่าจะเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง พร้อมกับการหากำไรที่ไม่สมควร จากนโยบายของรัฐบาล สร้างภาระเพิ่มขึ้นให้กับ SME เพราะแบงก์ก็ได้กำไรเกือบเต็มก้อนอยู่แล้ว แต่มาขอกำไรเพิ่มขึ้นอีก 3% ผมคิดว่าเอาเปรียบมากๆ และน่าจะขัดกับนโยบายของรัฐบาลมากๆ
จึงเรียนสอบถามพี่สมาชิก ว่า ผมควรทำอย่างไร หรือ ก้มหน้าก้มตารับชะตากรรมที่ควรจะเป็นต่อไปครับ
เรื่องที่สอง คือ เมื่อผมสอบถาม โครงการดังกล่าวนี้ กับธนาคารออมสิน เมื่อเช้าวันที่ 5 ตุลาคม 2558 ผ่านทาง call center ปรากฎว่า ธนาคารออมสิน แจ้งว่า ยังไม่มีการพิจารณา หรือรับคำขอสินเชื่อจากลูกค้า ได้เลยจนถึงปัจจุบัน ทั่งๆ ที่เป็นธนาคารต้นทางของวงเงิน ผมคิดว่า เป็นปัญหาของภาคปฏิบัติเป็นอย่างมาก เนื่องจาก นโยบายไม่ชัดเจน ทางปฏิบัติก็ดูจะมีปัญหา รวมทั้งการควบคุมดูแลธนาคารในกลุ่มปล่อยสินเชื่อ แต่ในขณะเดียวกัน นสพ.กรุงเทพธุรกิจ และโพสท์ทูเดย์ กลับรายงานว่า ธนาคารไทยพาณิชย์ ปล่อยสินเชื่อไปแล้วมากกกว่า 6,000 ล้านบาท ซึ่งแตกต่างจากปัญหาที่ผมพบเจอเป็นอย่างมาก
พี่ๆ สมาชิก คิดว่า ผมควรจะทำอย่างไรครับ
ขอบคุณครับ
รีดเลือดปู จาก โครงการซอฟท์โลน SME 4% ของแบงค์สีเขียว
รบกวนขอคำแนะนำว่า ผมควรทำอย่างไรเกี่ยวกับนโยบายช่วยเหลือ SME ของรัฐบาล สำหรับโครงการซอฟท์โลน 4 % แต่โดนแบงค์เรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษอีก 3 % ด้วยครับ
ข้อเท็จจริงคือ ผมเป็นลูกค้ารายย่อยของธนาคารกสิกรไทย สาขารัชดา ท่าพระ อยู่แล้ว โดยเมื่อได้รับทราบเกี่ยวกับ นโยบายของรัฐบาลสำหรับโครงการซอฟท์โลน ดอกเบี้ย 4% จึงมีความสนใจเพื่อนำมาใช้เป็นวงเงินหมุนเวียนในธุรกิจ และได้ยื่นความประสงค์ใช้วงเงินดังกล่าว โดยขึ้นอยู่กับหลักเกณฑ์การพิจารณาของธนาคารฯ ต่อไป
ประเด็นสำคัญคือ เจ้าหน้าที่แบงค์แจ้งเมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2558 ว่า นโยบายของธนาคารกสิกรไทย (ได้รับมาจากผู้จัดการภาค และระดับผู้บริหาร ) คือ แจ้งให้ลูกค้า ทราบก่อนว่า หากสนใจเข้าร่วมวงเงินดังกล่าว จะต้องเสียค่าจัดหาวงเงิน (Front End Fee ) มูลค่า 3% สำหรับยอดวงเงินกู้ หากไม่สะดวก ก็ให้เปลี่ยนเป็นการทำประกันภัยในวงเงินใกล้เคียงกัน โดยให้เหตุผลว่าที่ต้องมีค่าธรรมเนียมสูงเพราะ ลูกค้าได้รับประโยชน์สูงมากจากโครงการนี้ (ธนาคารจึงคิดว่า ตัวเองควรต้องได้รับผลประโยชน์จากโครงการนี้สูงเช่นกันมั๊งครับ ) ดังนั้น หากลูกค้าไม่ตกลงกับเงื่อนไขดังกล่าว ก็จะไม่ดำเนินการพิจารณาความประสงค์ใดๆ ต่อไป
โดยความเข้าใจของผม ลูกค้ารายย่อยของธนาคารฯ โดยทั่วไป โดนเรียกเก็บค่าธรรมเนียมแฝงอยู่แล้วในทุกกรณี แต่ในกรณีนี้ ผมคิดว่า เงินภายใต้โครงการดังกล่าว เป็นเงินของภาครัฐ ผ่านธนาคารออมสิน การจะมาเรียกเก็บยิบย่อย น่าจะเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง พร้อมกับการหากำไรที่ไม่สมควร จากนโยบายของรัฐบาล สร้างภาระเพิ่มขึ้นให้กับ SME เพราะแบงก์ก็ได้กำไรเกือบเต็มก้อนอยู่แล้ว แต่มาขอกำไรเพิ่มขึ้นอีก 3% ผมคิดว่าเอาเปรียบมากๆ และน่าจะขัดกับนโยบายของรัฐบาลมากๆ
จึงเรียนสอบถามพี่สมาชิก ว่า ผมควรทำอย่างไร หรือ ก้มหน้าก้มตารับชะตากรรมที่ควรจะเป็นต่อไปครับ
เรื่องที่สอง คือ เมื่อผมสอบถาม โครงการดังกล่าวนี้ กับธนาคารออมสิน เมื่อเช้าวันที่ 5 ตุลาคม 2558 ผ่านทาง call center ปรากฎว่า ธนาคารออมสิน แจ้งว่า ยังไม่มีการพิจารณา หรือรับคำขอสินเชื่อจากลูกค้า ได้เลยจนถึงปัจจุบัน ทั่งๆ ที่เป็นธนาคารต้นทางของวงเงิน ผมคิดว่า เป็นปัญหาของภาคปฏิบัติเป็นอย่างมาก เนื่องจาก นโยบายไม่ชัดเจน ทางปฏิบัติก็ดูจะมีปัญหา รวมทั้งการควบคุมดูแลธนาคารในกลุ่มปล่อยสินเชื่อ แต่ในขณะเดียวกัน นสพ.กรุงเทพธุรกิจ และโพสท์ทูเดย์ กลับรายงานว่า ธนาคารไทยพาณิชย์ ปล่อยสินเชื่อไปแล้วมากกกว่า 6,000 ล้านบาท ซึ่งแตกต่างจากปัญหาที่ผมพบเจอเป็นอย่างมาก
พี่ๆ สมาชิก คิดว่า ผมควรจะทำอย่างไรครับ
ขอบคุณครับ