โอบามาสั่ง CIA ให้ฝึกกลุ่มนักรบ ISIS : เปิดเผยเอกสารที่ “ไม่ลับ”อีกต่อไป

เบื้องหลังสหรัฐหนุนหลังกลุ่มไอซิส“นักตัดคอโชว์ผ่านวิดีโอ”ทั้งฝึกอาวุธและให้อาวุธเพื่อโค่นรัฐบาลซีเรีย ทำให้เกิดสงครามกลางเมืองยาวนาน จนกระทั่งรัสเซียได้รับการร้องขอจากอัล-อัสซาดเข้าไปจัดการปัญหาในซีเรีย

เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2558 สำนักข่าวหลายแห่งได้เสนอข่าวว่าประธานาธิบดีบารัค โอบามา เป็นผู้สั่งการให้ซีไอเอฝึกนักรบกลุ่มไอซิส (ISIS =the Islamic State of Iraq and Syria) โดยเอกสารที่ถูกเปิดเผยนี้มาจากกลุ่มเฝ้ามองระบบยุติธรรมหรือ  Judicial Watch

การฝึกนักรบไอซิสที่ชอบนำวิดีโอตัดหัวคนออกมาเสนอต่อชาวโลกนั้นก็หวังว่ากลุ่มไอซิสจะช่วยโค่นรัฐบาลบาชาร์ อัล-อัสซาดแห่งซีเรียให้หมดไปจากอำนาจ

การฝึกดังกล่าวซีไอเอจะใช้หน่วยฝึก 2 หน่วยคือเจ้าหน้าที่ซีไอเอโดยตรงและอีกหน่วยหนึ่งเป็นครูฝึกรับจ้าง (contractors) ฝึกนักรบเหล่านี้โดยใช้พื้นที่ของประเทศจอร์แดนเป็นสนามฝึกเมื่อปี 2012

จากรายงานพบว่าเป้าหมายดั้งเดิมของสหรัฐเพื่อที่จะทำให้รัฐบาลซีเรียอ่อนกำลังลง สาเหตุเพราะสหรัฐมองว่ารัฐบาลอัล-อัสซาด ทำสงครามก่ออาชญากรรมกับประชาชนของตัวเอง

แต่ในความเป็นจริงแล้วเมื่อซีไอเอฝึกกลุ่มกบฎซีเรีย (Syrian rebels) กลุ่มเหล่านี้กลับเป็นสมาชิกของ ISIS ทั้งสิ้น

สำหรับเอกสารที่กลุ่ม Judicial Watch ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหากำไรได้มาเกิดจากการยื่นฟ้องรัฐบาลกลางและศาลสั่งให้เปิดเผยเอกสาร โดยเป้าหมายของกลุ่มคือการสอบสวนการคอร์รัปชั่นและการใช้อำนาจไปในทางที่ผิด (corruption and abuse) ของรัฐบาลสหรัฐ

เอกสารดังกล่าวมีมากกว่า 100 หน้าได้รับมาจากกระทรวงกลาโหมสหรัฐ (เพนตากอน)และกระทรวงการต่างประเทศ


เอกสารส่วนหนึ่งที่ออกมาจากสำนักงานข่าวกรองกลาโหม ( the Defense Intelligence Agency =DIA) ระบุว่าประธานาธิบดีบารัค โอบามาและกลุ่มมิตรประเทศของสหรัฐพิจารณาจัดตั้งกลุ่มซาลาฟิสท์(Salafist organization )ขึ้นทางตะวันออกของซีเรียเพื่อกระหน่ำให้รัฐบาลอัล-อัสซาด ถูกโค่นเร็วยิ่งขึ้น

“และนี่คือสิ่งที่กลุ่มต่อต้านรัฐบาลซีเรียต้องการ เพื่อทำให้รัฐบาลซีเรียถูกโดดเดี่ยวมากยิ่งขึ้น”รายงานของ  DIA ระบุ  

สำหรับกลุ่ม Salafists เป็นกลุ่มมุสลิมสุหนี่หัวรุนแรงและเป็นสาขาหนึ่งของกลุ่มวาห์ฮาบิ( Wahhabi)ในซาอุดิ อาระเบีย  

เอกสารเหล่านี้ยังถูกแจกจ่ายไปยังหน่วยงานต่างๆของสหรัฐอาทิเช่นสำนักงานบัญชาการรบกลาง (the U.S. Central Command =CENCOM), หน่วยข่าวกรองกลาง(CIA), สำนักงานสืบสวนกลาง (FBI), กระทรวงความมั่นคงภายในสหรัฐ (the Department of Homeland Security =DHS) ,กระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง

เจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองทหารยังได้ให้คำเตือนไว้ในเอกสารว่าหากสงครามกลางเมืองในซีเรียเสียหายมากเท่าใด จะต้องระวังผลกระทบที่จะไปเกิดขึ้นกับรัฐบาลอิรักอันเป็นประเทศเพื่อนบ้านที่ยังเปราะบาง

หากเกิดสถานการณ์เช่นนี้ขึ้นหน่วยข่าวกรองประเมินว่าจะทำให้กลุ่มอัล-กอห์อิดะในอิรัก ( al-Qaida in Iraq =AQII) กลับเข้าไปยึดครองเมืองโมซุลและเมืองรามาดิในอิรักได้  (ทั้งสองเป็นเมืองใหญ่ที่อัล-กอห์อิดะเคยยึดครองมาแล้ว)

DIA ยังประเมินว่ากลุ่มไอซิสคงจะประกาศเรื่องนี้ผ่านไปยังหัวหน้ากลุ่มศาสนาที่สัมพันธ์กับกลุ่มก่อการร้ายในอิรักและซีเรีย  รวมทั้งกลุ่มที่ฝ่ายบริหารโอบามาเรียกว่า “แกนหลักกอห์อิดะ” (core al-Qaida) ซึ่งหมายถึงกลุ่มอัล-กอห์อิดะในคาบสมุทรอาระเบียนทั้งมวล

เอกสารที่ถูกเปิดเผยขึ้นมาเป็นการยืนยันว่าสหรัฐ,กลุ่มสหภาพยุโรปและชาติอื่นๆมองเห็นว่ากลุ่มมุสลิมหัวรุนแรง ISIS ถือเป็น “ทรัพย์สินทางยุทธศาสตร์ที่จะให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้ในซีเรีย”

สำหรับผลที่ตามมาทำให้เกิดความโกลาหลขึ้นในบางส่วนของอิรัก นับตั้งแต่กลุ่มไอซิสก้าวข้ามพรมแดนของซีเรียออกมาตั้งแต่ต้นเดือนมิถุนายน 2014

การขนย้ายอาวุธให้ไอซิส

เอกสารที่กลุ่ม Judicial Watch ได้รับมาเปิดเผยว่าฝ่ายบริหารโอบามายังเป็นห่วงเรื่องการขนย้ายอาวุธ ทั้งนี้ได้ขนจากเมืองเบงกาซีในลิเบียไปให้กองกำลังฝ่ายกบฎ,สมาชิกกลุ่มไอซิส,กลุ่มแนวร่วมอัล-นุสรา (Al-Nusra Front) รวมทั้งกลุ่มก่อการร้ายมุสลิมอื่นๆในซีเรีย

เมื่อเดือนตุลาคม 2012 รายงานยืนยันว่า “อาวุธเหล่านี้เป็นของอดีตทหารลิเบียที่ถูกสะสมไว้ จากนั้นถูกส่งออกจากเมืองท่าเบงกาซีของลิเบียไปยังเมืองท่าบาเนียส์ (Port of Banias) และเมืองท่าบอร์ อิลสาม (Port of Borj Islam) ในประเทศซีเรีย

อาวุธที่ส่งออกปลายเดือนสิงหาคม 2012 ประกอบด้วยปืนยาวลอบสังหาร(Sniper rifles),จรวด RPG, ปืนใหญ่ขนาด 125 มม.และ 155 มม.”

สิ่งที่เกิดตามมาถึงกับช้อค เมื่อเจ้าหน้าที่ทูตสหรัฐ 4 คนถูกสังหารรวมทั้งเอกอัครราชทูตด้วยโดยฝีมือของนักรบจิฮาด ก็เกิดขึ้นหลายสัปดาห์หลังจากอาวุธเหล่านี้ถูกส่งออก    

เอกสารเปิดเผยด้วยว่าภายหลังจากรัฐบาลโมอัมมาร์ กัดดาฟี ถูกโค่นและกัดดาฟีเองถูกสังหารเมื่อเดือนตุลาคม 2011 จนกระทั่งเกือบ 1 ปีหรือตกเดือนกันยายน 2012 จึงนำอาวุธทางทหารของลิเบียมารวมกันในคลังอาวุธเมืองเบงกาซี ลิเบีย

จากนั้นอาวุธเหล่านี้ถูกส่งออกทางท่าเรือเมืองเบงกาซีไปยังเมืองท่าอื่นๆของซีเรีย เรือที่ลำเลียงอาวุธเป็นเรือขนาดกลางบรรจุตู้คอนเทนเนอร์ได้ประมาณ 10 ตู้หรือน้อยกว่านี้

ที่มาของข่าว
http://www.examiner.com/article/obama-ordered-cia-to-train-isis-jihadists-declassified-documents

ผลที่ตามมาจากสงครามกลางเมืองในซีเรียตั้งแต่ปี 2011 เป็นต้นมา

1.เมื่อผ่านการปฏิวัติโลกอาหรับ (Arab Springs 2011 ) ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลในหลายประเทศของโลกอาหรับ แต่ประเทศซีเรีย รัฐบาลอัล-อัสซาดยังอยู่ได้ไม่เปลี่ยนแปลง

ทำให้สหรัฐต้องการโค่นประธานาธิบดีอัล-อัสซาด จึงต้องสร้างกลุ่มต่อต้านขึ้นมาเท่าที่จะทำได้ ด้านหนึ่งรวบรวมกลุ่มประเทศตะวันออกกลางจัดตั้งกองกำลังผสมทางอากาศไปทิ้งระเบิดในซีเรียอ้างว่าปราบกลุ่มไอซิส

ด้านที่สองจัดตั้งกองกำลังกบฎในซีเรียเพื่อต่อต้านรัฐบาลอัล-อัสซาด ฝึกอาวุธและส่งมอบอาวุธให้ฆ่ากันในซีเรีย กลุ่มเหล่านี้รวมถึงกลุ่มไอซิสด้วย จึงกลายเป็นว่าสหรัฐกลับเป็นผู้จัดตั้งกลุ่มไอซิสด้วยตัวเอง  กลุ่มไอซิสชอบตัดศีรษะคนมาประจานผ่านวิดีโอ พูดภาษาอังกฤษด้วยสำเนียงอังกฤษ ไม่ใช่สำเนียงอาหรับพูดภาษาอังกฤษ

โปรดสังเกตุชุดของกลุ่มไอซิสที่ควบคุมชายสวมเสื้อสีส้มมาตัดศีรษะ การแต่งกายของไอซิสมีระเบียบเรียบร้อย สวมรองเท้าบู้ทอย่างดี

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ทหารนาวิกโยธินสหรัฐหรือทหารมารีนสวมชุดสีเดียวกับกลุ่มไอซิส รวมทั้งรองเท้าก็เหมือนกัน เป็นการยืนยันว่า CIA ไปฝึกอาวุธให้ไอซิสตามคำสั่งของประธานาธิบดีบารัค โอบามา

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
2.มีข่าวว่าคนหนุ่มสาวจากประเทศตะวันตกและประเทศมุสลิมเดินทางไปร่วมรบกับกลุ่มไอซิสจำนวนมาก  น่าจะตีความได้ว่าสหรัฐและประเทศพันธมิตรตะวันตกระดมบุคคลไปช่วยเหลือกลุ่มไอซิสเพื่อโค่นรัฐบาลอัล-อัสซาด

3.ประชาชนตายไปแล้ว 250,000 คน ต้องโยกย้ายถิ่นฐานไปอยู่ที่อื่น 10 ล้านคน อาทิเช่นในเขตประเทศเพื่อนบ้าน  ส่วนหนึ่งหนีสงครามเข้าสู่ยุโรปที่เป็นข่าวคึกโครมตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2015 เป็นต้นมา

4.รัฐบาลรัสเซียได้รับการร้องขอจากรัฐบาลอัล-อัสซาดให้เข้าไปจัดการกลุ่มไอซิส (แลกลุ่มกบฎที่จะโค่นอัล-อัสซาด) รัฐบาลรัสเซียต้องขออนุญาตผ่านรัฐสภาเพื่อจะได้เคลื่อนย้ายกองกำลังทหารออกมานอกประเทศได้อย่างถูกต้อง

เมื่อมีความชอบธรรมในการเข้าไปปักหลักที่ซีเรีย   รัฐบาลรัสเซียสามารถประกาศไปทั่วโลกว่าจะปฏิบัติการทางอากาศ จึงขอให้ประเทศอื่นๆที่ปฏิบัติการอยู่ก่อนหน้า“หลีกทาง”ให้

5.รัฐบาลสหรัฐตลอดจนพันธมิตรกลุ่มเนโต้และประเทศในตะวันออกกลางจะต้องคิดหนักเพราะสหรัฐเองก็อ่อนล้าในการทำสงครามปราบปรามการก่อการร้ายในอัฟกานิสถาน,การโค่นรัฐบาลซัดดามในอิรักเพื่อทำให้อิรักมีประชาธิปไตยแบบตะวันตก,การโค่นรัฐบาลกาดาฟีในลิเบีย

การประเมินความสูญเสียทางการเงินยังมีข้อถกเถียงกันอยู่ระหว่างปี 2003-2010 นั้นสหรัฐใช้เงินไประหว่าง 4-6 ล้านล้านดอลลาร์ เงินเหล่านี้มาจากภาษีอาการของประชาชนส่วนหนึ่งต้องกู้ยืมสถาบันการเงินในประเทศมาทำสงคราม
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่