สามตอนสุดท้ายของ Love Sick The Series แล้ว มีอะไรให้พูดถึงบ้าง ไปดู
EP 34 : Reconcile Operation -- ปฏิบัติการง้อได้เริ่มขึ้นแล้ว
นับว่าทะยานขึ้นมาได้สวยหรูพอสมควรสำหรับ EP นี้หลังจากที่โดน EP อาทิตย์ก่อนๆ ฉุดลงเหวไปในระดับที่แก้ไขอะไรไม่ได้เลย สามตอนสุดท้ายเริ่มจาก EP นี้ ดูเผินๆ แม้จะเรียกศรัทธาอะไรจากคนดูที่เคยทิ้งไปมาไม่ได้มากนัก แต่ก็ยังดีที่ตัวมันเองยังกลับมาทำหน้าที่ที่ดีของซีรีส์วัยรุ่นอย่างที่ควรจะเป็น นั่นคือ “มอบความสนุก” และ “ความบันเทิง” อย่างที่ไม่ดูถูกคนดู
ที่ต้องพูดถึงก่อนเป็นอันดับแรกเลยคือ EP นี้เป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกว่าทุกๆ มินิสตอรี่ของตัวละครต่างๆ ในโรงเรียนฟรายเดย์นั้นมันไหลลื่นมารวมกันได้อย่างพอดิบพอดีในตอนนี้ โฟกัสไปที่คู่รองต่างๆ ที่ตอนนี้มีให้ดู ให้หายคิดถึงกันทุกคน ทุกคู่ หลังจากที่ผมเคยบ่นน้อยใจไปว่าบางคนนั้นเส้นเรื่องหายไปเลยหลังจากปิดเควสความสัมพัรธ์ตัวเองจบไปแล้ว
Friday presents ; ภารกิจง้อเคะของเมะแห่งฟรายเดย์
ประโยคที่อธิบายตีมของตอนนี้ได้ชัดเจนที่สุดคือ “ผัวง้อเมีย-เมียงอนผัว” อืมมมมมม อยากจะใช้คำนี้อ่ะนะแต่บางคู่มันก็ไม่ชัดเจนขนาดนั้น อย่างไรก็ตามแทบทุกคู่ในสัปดาห์นี้ก็มีแก่นเรื่องไปในลักษณะง้องอนคนของตัวเอง นำมาซึ่งการต้องมาปรับความเข้าใจกัน โดยเคลียร์เป็นคู่ๆ ด่านๆ ไป
โอม-มิก : รุ่นพี่ปากร้ายกับรุ่นน้องขี้น้อยใจ
บางทีผมก็สงสัยนะ กับบทของโอมที่จะดีมากถ้ามีการคอนโทรลบุคลิกของเจ้าตัวให้มันเชื่อมโยงและลงตัวกว่านี้ แม้บางครั้งโอมจะดูเป็นคนไบโพล่าทางความรู้สึกในความคิดผมไปบ้าง เดี๋ยวก็แอ๊บแมนม่อสาวบ้างแหล่ะ เดี๋ยวไปหึงมิกที่เป็นผู้ชายบ้างแหล่ะ สลับไปสลับมาจนกลายเป็นผู้ชายสองบุคลิกที่เข้าใจยาก แต่ก็เอาเถอะ ถือซะว่าผมเข้าใจในคาแรกเตอร์โอมที่ผู้สร้างต้องการสื่อ ซึ่งเอาจริงๆ ต้องบอกว่าบทของโอมในซีรีส์เป็นบทยากที่น่าสนใจทีเดียว ผู้ชายเกรียนๆ แต่ดันมาชอบผู้ชายแล้วยังต้องเลือกเปิด/ปิดความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเองอีก ถ้าผู้กำกับมีเวลาเล่าเรื่องให้ตัวละครลักษณะนี้มากพอมันจะทำให้คนดูรู้สึกอินและอยากทำความเข้าใจตัวละครสองบุคลิกแบบนี้ทันที แต่! ถ้าผู้กำกับใช้วิธีตัดบทตัดเรื่องไปมาอย่างไม่มีจังหวะจะโคน ตัวละครแบบโอมก็จะกลายเป็นตัวละคร Hot and Cold สุดกระโดดที่คนดูปรับอารมณ์ไม่ทันทันทีและสิ่งที่ตามมาคือผู้ชมจะรู้สึกแบบน้องมิกในซีรีส์ คือ “พี่เป็นอะไรวะ” อย่างไรก็ดีจากตอนล่าสุดดูเหมือนว่าภารกิจรู้ใจตัวเองของโอมเริ่มจะเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาอีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นจากความช่วยเหลือของครูอาร์มเอง (นี่ก็บทขึ้นๆ ลงๆ ไปๆ มาๆ เหมือนกัน) หรือจะเป็นเพราะตัวโอมเอง (หน้ากะล่อนๆ ขี้อ้อนแบบนะนู๊บมีประโยชน์กับบทโอมมากเลย) ทำให้โอกาสที่จะง้อน้องมิกสำเร็จนั้นเริ่มเห็นเป็นรูปร่างชัดเจน แม้ฝ่ายสาว เอ้ย! ฝ่ายน้องมิกจะเล่นตัวไปบ้างพอเป็นพิธี แต่เชื่อว่าคงเล่นตัวได้ไม่นาน และถ้าอีตาโอมเห็นน้องมิกสะบัดหน้าหนีไปแล้วแบบนั้นแต่ไม่ตามไปง้อต่อก็โดดน้ำตายไปเป็นอาหารปลาซะเถอะ แหม่
เอิ้น-พีท : สุดท้ายก็เพื่อนกัน
จากที่เคยเป็นคู่ตัวละครที่น่าติดตามมากที่สุดกลับกลายเป็นคู่ตัวละครที่น่ารำคาญที่สุดสำหรับผม เพราะอะไรน่ะเหรอ ไม่ใช่เพราะว่าบทสรุปของพีทต้องไปคู่กับยูริหรอก (ก็มีส่วนนะแต่นิดเดียว) แต่เป็นเพราะสุดท้ายแล้วไอ้สองคนนี้มันก็ยังง๊องแง๊งกันไปมาไม่จบไม่สิ้นซะทีแบบถ้าผมเป็นเพื่อนในกลุ่มผมคงจะบอกว่า “แล้วแต่พวกเลย กูไปก่อนนะ บายยยยยยย”
แน่นอนว่าตีมของความสัมพันธ์ของสองคนนี้ผู้สร้างคงพยายามจะให้ดำเนินไปในแนวทางเดิมของนิยายผสมกับการนำมาตีความใหม่ในแบบซีรีส์ คือ
“ต้องการให้เป็นคู่เพื่อนสนิทที่รู้ใจกันมากที่สุดโดยไม่จำเป็นต้องนำเอาเรื่องความสัมพันธ์แบบชาย-ชายมาคล้องคอ” เพราะถ้าเกิดเป็นแบบนี้จริงผมก็คิดว่าดีนะ เด็กฟรายเดย์ไม่จำเป็นต้องเป็นเกย์ทุกคน แต่! สิ่งที่ผู้สร้างดำเนินผิด คือการพยายามเน้นประเด็นเอิ้นพีทแต่ใส่ลักษณะอาการเชิงชู้สาวเข้ามามากเกินไป เกินกว่าตีมเพื่อนรักที่ต้องการจะสโคป ผลก็คือเมื่อซีรีส์ต้องการจะสรุปความสัมพันธ์ของสองคนนี้ให้จบที่คำว่าเพื่อน มันจึงไม่มีน้ำหนักมารองรับมากพอ และที่มีก็ไม่ใช่ลักษณะอาการของคำว่าเพื่อนเลย
อนึ่ง หากผู้สร้างอยากเล่นกับการคิดวิเคราะห์/ตีความสัญลักษณ์และการกระทำต่างๆ ของตัวละครสองคนแบบความสัมพันธ์ปลายเปิดแล้วนั้น ผู้สร้างก็ยังสอบตกตรงนี้อยู่นะครับ ลองไปดู (ขออ้างอิงหน่อยนะครับ) การสร้างตัวละครของผู้กำกับมะเดี่ยวครับ ในหนังอย่าง Home ความรัก ความสุข ความทรงจำ (ตอน 1) ที่มีประเด็นชาย-ชายแฝงอยู่ค่อนข้างที่จะแน่แล้วในตอนที่ 1 แต่ผู้กำกับก็ไม่ได้ทำให้คนดูต้องยอมรับหรือสรุปให้เองว่าสองคนนี้ใครกันแน่ที่รู้สึกยังไง ทุกคนที่ดูสามารถคิดและเอาไปตีความได้หลากหลายมาก นับเป็นเทคนิคและชั้นเชิงที่ดีสำหรับการสร้างตัวละครที่มีความสัมพันธ์กำกวมเช่นนี้ --- กลับมาที่ซีรีส์ Love Sick ผมแค่ต้องการจะบอกว่าเอาดีๆ ผู้กำกับก็สามารถสร้างเอิ้นกับพีทในลักษณะคู่จิ้นทีเล่นทีจริงได้นะครับ เพียงแต่ที่คุณทำมามันดันเป็น “ทีจริง” ที่เยอะไปหน่อยแต่ไม่มีชั้นเชิงอะไรให้ตีลังกาคิดเลยนอกจากการมโนไปวันๆ ของคนดูแบบผมเท่านั้นเอง
เป้อ-มาวิน-มาร์ค : รู้ฉันสู้เขาไม่ไหว
เรื่องราวของกลุ่มตัวละครนี้ทีแรกผมคิดว่าจะปิดเควสต์ไปซะแล้ว แต่นับว่ายังดีและดีมากด้วยที่ผู้สร้างยังมีเมตตาให้บทสามคนนี้อีกครั้งในตอนนี้ โดยหลังจากมาวินบอกชอบเป้อไปแล้ว – แม้ว่าเป้อจะให้มาวินแค่เพื่อน – แต่สำหรับผม ผมคิดเสมอว่าอะไรก็ยังสามารถเกิดขึ้นได้สำหรับคู่นี้ กอปรกับการมีมาร์คผู้ไม่ยอมแพ้มาเสริมทีมทำให้เรื่องราวทั้งหมดดูน่าสนใจและเหมาะอย่างยิ่งที่จะนำมาสู่การสร้าง spin-off เรื่องราวของใครก็ได้ซักคนในซีรีส์ Love Sick
เป้อ --- แม้ว่าเป้อจะชัดเจนไปแล้วกับมาวินว่าคิดได้แค่เพื่อน แต่นั่นก็เป็นแค่คำพูด ณ ขณะนั้น ไม่มีอะไรยืนยันว่าอนาคตล่ะจะคิดเหมือนเดิมมั๊ย ซึ่งผลลัพท์แรกได้เกิดขึ้นมาแล้วตอนเป้อดึงหูฟังมาวินมาฟัง + คลุมฮูดให้ จะเริ่มหวั่นไหวแล้วหรือเปล่า กลืนน้ำลายตัวเองมั๊ย แน่นอนก็ยังไม่มีใครรู้ อาจจะไม่ใช่ก็ได้ แต่ก็ยังมีโอกาสอยู่ ถ้าเทียบกับเอิ้นพีทเลยกลายเป็นว่าเป้อมาวินนี่แหล่ะลุ้นสนุกกว่าด้วยซ้ำ
มาร์ค --- แม้ตอนล่าสุดน้องจะดูหน้าทนมากกับการชัดเจนทางความรู้สึกของตัวเองกลางโรงเรียนชายล้วนแบบนั้น (โอเค สมัยนี้มันก็เปิดกว้างแล้วแหล่ะ กลายเป็นเรื่องปกติไม่ต้องอายแล้ว) แต่สำหรับผมมาร์คก็ยังน่าสงสารอยู่ ที่สุดท้ายก็ทำได้แค่ให้มาวิน “หันมองลงมาข้างล่าง” แค่นั้น แต่จะ Yes หรือ No ก็ยังไม่อาจรู้ได้ เพราะระหว่างมาร์คผู้ทุ่มเทกับเป้อผู้ผูกพัน ยังไงๆ ใจผมก็เทไปให้คนที่ผูกพันมากกว่าแหล่ะครับ (ถ้าผมเป็นมาวินนะ)
มาวิน --- หากจะให้มาวินหันมาเลือกมาร์คคงต้องบอกว่า “ยาก” ยากเลยแหล่ะ เพราะผมจะเอาตัวเองเป็นมาตรฐานนะ (เหอๆๆ) กล่าวคือต่อให้เป้อไม่ชอบผมแต่ยังอยู่ข้างๆ ดูแลผมดีแบบนั้น “ผมก็ขอแค่นั้นแหล่ะครับ” ถึงจะเจ็บที่ไม่รักแต่มาทำดีด้วยแต่นั่นก็คือความสุขของการที่ได้รักแล้ว ได้อยู่ข้างๆ ก็พอ อันนี้เป็นมุมของผมที่คิดแทนมาวินนะ เพราะสุดท้ายต่อให้ใครจะด่าผมว่าโง่ที่ไม่เลือกมาร์ค แต่อย่างน้อยผมก็ยังมีคนที่ชอบอยู่ใกล้ๆ และที่สำคัญ “อนาคตมันยังลุ้นเป็นมากกว่านั้นได้อยู่”
ปุณณ์-โน่ : เคะขาใหญ่กับคุณชายเอวเล็ก
จุดเริ่มต้นของการเข้าใจผิดเล็กๆ น้อยๆ เรื่องที่ต้องง้องอนกับระเบิดลูกใหญ่ลูกสุดท้ายสำหรับคู่ปุณณ์และโน่ที่นำไปสู่การเคลียร์ปมพ่อลูกในตอนสุดท้าย โน่ผู้ขี้หึง คิดเล็กคิดน้อย แต่นั่นก็ทำให้โน่มีเสน่ห์และเป็นตัวละครที่น่าติดตามมาจนถึงตอนนี้ ส่วนปุณณ์แม้ EP ล่าสุดจะไม่มีบทอะไรเท่าไรแต่ในการกระทำที่มีต่อแพมก็ชัดเจนว่าสมควรแล้วที่โน่จะร้อนรนแบบนั้น แม้คู่เอกของเราต่อจากนี้คงไม่มีอะไรโลดโผนไปจากนิยายแล้วแต่ก็ไม่ได้ทำให้เรื่องราวน่าติดตามน้อยลงเลย ตรงกันข้ามกับยิ่งสนุกด้วยซ้ำ
ในส่วนของเรื่องการเปิดเผยความสัมพันธ์ (ซะที) ต่อหน้าเพื่อนๆ โอเคว่าแม้จะทำได้ดี ทุกคนเล่นบทรับส่งได้อย่างสมูทเข้าขากันมากๆ แต่ปัญหาไทม์ไลน์และการกระทำของปุณณ์และโน่ต่อหน้าเพื่อนๆ ในตอนก่อนๆ มันก็ยังชวนให้สับสนว่า “ที่ผ่านมาพวกเอ็งดูกันไม่ออกเหรอ – ยังต้องถามอีกเหรอ” จะดีกว่านี้ถ้าเพื่อนๆ โน่ถามให้เคลียร์ซะตั้งแต่ตอนก่อนไปป่า ไม่ค้างประเด็นข้ามมาจนถึง EP นี้แล้วค่อยมาถาม มันดูไม่เมคเซนส์เท่าที่ควร
ส่วนเรื่องเก่งที่หลายๆ คนจิ้นกัน โดยส่วนตัวแล้วคิดว่าที่บทเก่งออกมาเยอะจนน่าสงสัยแบบนี้อาจเป็นเพราะเจ้าตัวต้องไปโผล่ในหนัง Water Boyy ด้วยหรือเปล่า เลยดันออกมาให้คนดูได้คุ้นหน้ากัน (แค่คิดเฉยๆ นะครับ) แต่โดยรวมแล้วก็โอเคครับ ให้เพื่อนพระเอกมีบทบ้าง เพราะเพื่อนพระเอกแต่ละคนก็คาแรกเตอร์สนุกสนาน เฮฮาดี โดยเฉพาะไมเคิล (ชอบน้องเขาอ่ะนะ 555)
สรุป
ดีครับ ประคองการเล่าเรื่องมาค่อนข้างดีแล้วแต่ตอนต่อไปต้องดีกว่านี้และจบให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ ส่วนกระแสเปรียบเทียบกับซีรีส์อีกเรื่องก็คงเป็นเรื่องที่เลี่ยงไม่ได้ คนดูรู้ว่าอะไรเป็นอะไร ทีมงานก็น่าจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร โฟกัสที่ตอนจบดีกว่า
[CR] [Review] Love Sick Season 2 Half Past 12 : A Step Forward
สามตอนสุดท้ายของ Love Sick The Series แล้ว มีอะไรให้พูดถึงบ้าง ไปดู
EP 34 : Reconcile Operation -- ปฏิบัติการง้อได้เริ่มขึ้นแล้ว
นับว่าทะยานขึ้นมาได้สวยหรูพอสมควรสำหรับ EP นี้หลังจากที่โดน EP อาทิตย์ก่อนๆ ฉุดลงเหวไปในระดับที่แก้ไขอะไรไม่ได้เลย สามตอนสุดท้ายเริ่มจาก EP นี้ ดูเผินๆ แม้จะเรียกศรัทธาอะไรจากคนดูที่เคยทิ้งไปมาไม่ได้มากนัก แต่ก็ยังดีที่ตัวมันเองยังกลับมาทำหน้าที่ที่ดีของซีรีส์วัยรุ่นอย่างที่ควรจะเป็น นั่นคือ “มอบความสนุก” และ “ความบันเทิง” อย่างที่ไม่ดูถูกคนดู
ที่ต้องพูดถึงก่อนเป็นอันดับแรกเลยคือ EP นี้เป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกว่าทุกๆ มินิสตอรี่ของตัวละครต่างๆ ในโรงเรียนฟรายเดย์นั้นมันไหลลื่นมารวมกันได้อย่างพอดิบพอดีในตอนนี้ โฟกัสไปที่คู่รองต่างๆ ที่ตอนนี้มีให้ดู ให้หายคิดถึงกันทุกคน ทุกคู่ หลังจากที่ผมเคยบ่นน้อยใจไปว่าบางคนนั้นเส้นเรื่องหายไปเลยหลังจากปิดเควสความสัมพัรธ์ตัวเองจบไปแล้ว
Friday presents ; ภารกิจง้อเคะของเมะแห่งฟรายเดย์
ประโยคที่อธิบายตีมของตอนนี้ได้ชัดเจนที่สุดคือ “ผัวง้อเมีย-เมียงอนผัว” อืมมมมมม อยากจะใช้คำนี้อ่ะนะแต่บางคู่มันก็ไม่ชัดเจนขนาดนั้น อย่างไรก็ตามแทบทุกคู่ในสัปดาห์นี้ก็มีแก่นเรื่องไปในลักษณะง้องอนคนของตัวเอง นำมาซึ่งการต้องมาปรับความเข้าใจกัน โดยเคลียร์เป็นคู่ๆ ด่านๆ ไป
โอม-มิก : รุ่นพี่ปากร้ายกับรุ่นน้องขี้น้อยใจ
บางทีผมก็สงสัยนะ กับบทของโอมที่จะดีมากถ้ามีการคอนโทรลบุคลิกของเจ้าตัวให้มันเชื่อมโยงและลงตัวกว่านี้ แม้บางครั้งโอมจะดูเป็นคนไบโพล่าทางความรู้สึกในความคิดผมไปบ้าง เดี๋ยวก็แอ๊บแมนม่อสาวบ้างแหล่ะ เดี๋ยวไปหึงมิกที่เป็นผู้ชายบ้างแหล่ะ สลับไปสลับมาจนกลายเป็นผู้ชายสองบุคลิกที่เข้าใจยาก แต่ก็เอาเถอะ ถือซะว่าผมเข้าใจในคาแรกเตอร์โอมที่ผู้สร้างต้องการสื่อ ซึ่งเอาจริงๆ ต้องบอกว่าบทของโอมในซีรีส์เป็นบทยากที่น่าสนใจทีเดียว ผู้ชายเกรียนๆ แต่ดันมาชอบผู้ชายแล้วยังต้องเลือกเปิด/ปิดความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเองอีก ถ้าผู้กำกับมีเวลาเล่าเรื่องให้ตัวละครลักษณะนี้มากพอมันจะทำให้คนดูรู้สึกอินและอยากทำความเข้าใจตัวละครสองบุคลิกแบบนี้ทันที แต่! ถ้าผู้กำกับใช้วิธีตัดบทตัดเรื่องไปมาอย่างไม่มีจังหวะจะโคน ตัวละครแบบโอมก็จะกลายเป็นตัวละคร Hot and Cold สุดกระโดดที่คนดูปรับอารมณ์ไม่ทันทันทีและสิ่งที่ตามมาคือผู้ชมจะรู้สึกแบบน้องมิกในซีรีส์ คือ “พี่เป็นอะไรวะ” อย่างไรก็ดีจากตอนล่าสุดดูเหมือนว่าภารกิจรู้ใจตัวเองของโอมเริ่มจะเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาอีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นจากความช่วยเหลือของครูอาร์มเอง (นี่ก็บทขึ้นๆ ลงๆ ไปๆ มาๆ เหมือนกัน) หรือจะเป็นเพราะตัวโอมเอง (หน้ากะล่อนๆ ขี้อ้อนแบบนะนู๊บมีประโยชน์กับบทโอมมากเลย) ทำให้โอกาสที่จะง้อน้องมิกสำเร็จนั้นเริ่มเห็นเป็นรูปร่างชัดเจน แม้ฝ่ายสาว เอ้ย! ฝ่ายน้องมิกจะเล่นตัวไปบ้างพอเป็นพิธี แต่เชื่อว่าคงเล่นตัวได้ไม่นาน และถ้าอีตาโอมเห็นน้องมิกสะบัดหน้าหนีไปแล้วแบบนั้นแต่ไม่ตามไปง้อต่อก็โดดน้ำตายไปเป็นอาหารปลาซะเถอะ แหม่
เอิ้น-พีท : สุดท้ายก็เพื่อนกัน
จากที่เคยเป็นคู่ตัวละครที่น่าติดตามมากที่สุดกลับกลายเป็นคู่ตัวละครที่น่ารำคาญที่สุดสำหรับผม เพราะอะไรน่ะเหรอ ไม่ใช่เพราะว่าบทสรุปของพีทต้องไปคู่กับยูริหรอก (ก็มีส่วนนะแต่นิดเดียว) แต่เป็นเพราะสุดท้ายแล้วไอ้สองคนนี้มันก็ยังง๊องแง๊งกันไปมาไม่จบไม่สิ้นซะทีแบบถ้าผมเป็นเพื่อนในกลุ่มผมคงจะบอกว่า “แล้วแต่พวกเลย กูไปก่อนนะ บายยยยยยย”
แน่นอนว่าตีมของความสัมพันธ์ของสองคนนี้ผู้สร้างคงพยายามจะให้ดำเนินไปในแนวทางเดิมของนิยายผสมกับการนำมาตีความใหม่ในแบบซีรีส์ คือ “ต้องการให้เป็นคู่เพื่อนสนิทที่รู้ใจกันมากที่สุดโดยไม่จำเป็นต้องนำเอาเรื่องความสัมพันธ์แบบชาย-ชายมาคล้องคอ” เพราะถ้าเกิดเป็นแบบนี้จริงผมก็คิดว่าดีนะ เด็กฟรายเดย์ไม่จำเป็นต้องเป็นเกย์ทุกคน แต่! สิ่งที่ผู้สร้างดำเนินผิด คือการพยายามเน้นประเด็นเอิ้นพีทแต่ใส่ลักษณะอาการเชิงชู้สาวเข้ามามากเกินไป เกินกว่าตีมเพื่อนรักที่ต้องการจะสโคป ผลก็คือเมื่อซีรีส์ต้องการจะสรุปความสัมพันธ์ของสองคนนี้ให้จบที่คำว่าเพื่อน มันจึงไม่มีน้ำหนักมารองรับมากพอ และที่มีก็ไม่ใช่ลักษณะอาการของคำว่าเพื่อนเลย
อนึ่ง หากผู้สร้างอยากเล่นกับการคิดวิเคราะห์/ตีความสัญลักษณ์และการกระทำต่างๆ ของตัวละครสองคนแบบความสัมพันธ์ปลายเปิดแล้วนั้น ผู้สร้างก็ยังสอบตกตรงนี้อยู่นะครับ ลองไปดู (ขออ้างอิงหน่อยนะครับ) การสร้างตัวละครของผู้กำกับมะเดี่ยวครับ ในหนังอย่าง Home ความรัก ความสุข ความทรงจำ (ตอน 1) ที่มีประเด็นชาย-ชายแฝงอยู่ค่อนข้างที่จะแน่แล้วในตอนที่ 1 แต่ผู้กำกับก็ไม่ได้ทำให้คนดูต้องยอมรับหรือสรุปให้เองว่าสองคนนี้ใครกันแน่ที่รู้สึกยังไง ทุกคนที่ดูสามารถคิดและเอาไปตีความได้หลากหลายมาก นับเป็นเทคนิคและชั้นเชิงที่ดีสำหรับการสร้างตัวละครที่มีความสัมพันธ์กำกวมเช่นนี้ --- กลับมาที่ซีรีส์ Love Sick ผมแค่ต้องการจะบอกว่าเอาดีๆ ผู้กำกับก็สามารถสร้างเอิ้นกับพีทในลักษณะคู่จิ้นทีเล่นทีจริงได้นะครับ เพียงแต่ที่คุณทำมามันดันเป็น “ทีจริง” ที่เยอะไปหน่อยแต่ไม่มีชั้นเชิงอะไรให้ตีลังกาคิดเลยนอกจากการมโนไปวันๆ ของคนดูแบบผมเท่านั้นเอง
เป้อ-มาวิน-มาร์ค : รู้ฉันสู้เขาไม่ไหว
เรื่องราวของกลุ่มตัวละครนี้ทีแรกผมคิดว่าจะปิดเควสต์ไปซะแล้ว แต่นับว่ายังดีและดีมากด้วยที่ผู้สร้างยังมีเมตตาให้บทสามคนนี้อีกครั้งในตอนนี้ โดยหลังจากมาวินบอกชอบเป้อไปแล้ว – แม้ว่าเป้อจะให้มาวินแค่เพื่อน – แต่สำหรับผม ผมคิดเสมอว่าอะไรก็ยังสามารถเกิดขึ้นได้สำหรับคู่นี้ กอปรกับการมีมาร์คผู้ไม่ยอมแพ้มาเสริมทีมทำให้เรื่องราวทั้งหมดดูน่าสนใจและเหมาะอย่างยิ่งที่จะนำมาสู่การสร้าง spin-off เรื่องราวของใครก็ได้ซักคนในซีรีส์ Love Sick
เป้อ --- แม้ว่าเป้อจะชัดเจนไปแล้วกับมาวินว่าคิดได้แค่เพื่อน แต่นั่นก็เป็นแค่คำพูด ณ ขณะนั้น ไม่มีอะไรยืนยันว่าอนาคตล่ะจะคิดเหมือนเดิมมั๊ย ซึ่งผลลัพท์แรกได้เกิดขึ้นมาแล้วตอนเป้อดึงหูฟังมาวินมาฟัง + คลุมฮูดให้ จะเริ่มหวั่นไหวแล้วหรือเปล่า กลืนน้ำลายตัวเองมั๊ย แน่นอนก็ยังไม่มีใครรู้ อาจจะไม่ใช่ก็ได้ แต่ก็ยังมีโอกาสอยู่ ถ้าเทียบกับเอิ้นพีทเลยกลายเป็นว่าเป้อมาวินนี่แหล่ะลุ้นสนุกกว่าด้วยซ้ำ
มาร์ค --- แม้ตอนล่าสุดน้องจะดูหน้าทนมากกับการชัดเจนทางความรู้สึกของตัวเองกลางโรงเรียนชายล้วนแบบนั้น (โอเค สมัยนี้มันก็เปิดกว้างแล้วแหล่ะ กลายเป็นเรื่องปกติไม่ต้องอายแล้ว) แต่สำหรับผมมาร์คก็ยังน่าสงสารอยู่ ที่สุดท้ายก็ทำได้แค่ให้มาวิน “หันมองลงมาข้างล่าง” แค่นั้น แต่จะ Yes หรือ No ก็ยังไม่อาจรู้ได้ เพราะระหว่างมาร์คผู้ทุ่มเทกับเป้อผู้ผูกพัน ยังไงๆ ใจผมก็เทไปให้คนที่ผูกพันมากกว่าแหล่ะครับ (ถ้าผมเป็นมาวินนะ)
มาวิน --- หากจะให้มาวินหันมาเลือกมาร์คคงต้องบอกว่า “ยาก” ยากเลยแหล่ะ เพราะผมจะเอาตัวเองเป็นมาตรฐานนะ (เหอๆๆ) กล่าวคือต่อให้เป้อไม่ชอบผมแต่ยังอยู่ข้างๆ ดูแลผมดีแบบนั้น “ผมก็ขอแค่นั้นแหล่ะครับ” ถึงจะเจ็บที่ไม่รักแต่มาทำดีด้วยแต่นั่นก็คือความสุขของการที่ได้รักแล้ว ได้อยู่ข้างๆ ก็พอ อันนี้เป็นมุมของผมที่คิดแทนมาวินนะ เพราะสุดท้ายต่อให้ใครจะด่าผมว่าโง่ที่ไม่เลือกมาร์ค แต่อย่างน้อยผมก็ยังมีคนที่ชอบอยู่ใกล้ๆ และที่สำคัญ “อนาคตมันยังลุ้นเป็นมากกว่านั้นได้อยู่”
ปุณณ์-โน่ : เคะขาใหญ่กับคุณชายเอวเล็ก
จุดเริ่มต้นของการเข้าใจผิดเล็กๆ น้อยๆ เรื่องที่ต้องง้องอนกับระเบิดลูกใหญ่ลูกสุดท้ายสำหรับคู่ปุณณ์และโน่ที่นำไปสู่การเคลียร์ปมพ่อลูกในตอนสุดท้าย โน่ผู้ขี้หึง คิดเล็กคิดน้อย แต่นั่นก็ทำให้โน่มีเสน่ห์และเป็นตัวละครที่น่าติดตามมาจนถึงตอนนี้ ส่วนปุณณ์แม้ EP ล่าสุดจะไม่มีบทอะไรเท่าไรแต่ในการกระทำที่มีต่อแพมก็ชัดเจนว่าสมควรแล้วที่โน่จะร้อนรนแบบนั้น แม้คู่เอกของเราต่อจากนี้คงไม่มีอะไรโลดโผนไปจากนิยายแล้วแต่ก็ไม่ได้ทำให้เรื่องราวน่าติดตามน้อยลงเลย ตรงกันข้ามกับยิ่งสนุกด้วยซ้ำ
ในส่วนของเรื่องการเปิดเผยความสัมพันธ์ (ซะที) ต่อหน้าเพื่อนๆ โอเคว่าแม้จะทำได้ดี ทุกคนเล่นบทรับส่งได้อย่างสมูทเข้าขากันมากๆ แต่ปัญหาไทม์ไลน์และการกระทำของปุณณ์และโน่ต่อหน้าเพื่อนๆ ในตอนก่อนๆ มันก็ยังชวนให้สับสนว่า “ที่ผ่านมาพวกเอ็งดูกันไม่ออกเหรอ – ยังต้องถามอีกเหรอ” จะดีกว่านี้ถ้าเพื่อนๆ โน่ถามให้เคลียร์ซะตั้งแต่ตอนก่อนไปป่า ไม่ค้างประเด็นข้ามมาจนถึง EP นี้แล้วค่อยมาถาม มันดูไม่เมคเซนส์เท่าที่ควร
ส่วนเรื่องเก่งที่หลายๆ คนจิ้นกัน โดยส่วนตัวแล้วคิดว่าที่บทเก่งออกมาเยอะจนน่าสงสัยแบบนี้อาจเป็นเพราะเจ้าตัวต้องไปโผล่ในหนัง Water Boyy ด้วยหรือเปล่า เลยดันออกมาให้คนดูได้คุ้นหน้ากัน (แค่คิดเฉยๆ นะครับ) แต่โดยรวมแล้วก็โอเคครับ ให้เพื่อนพระเอกมีบทบ้าง เพราะเพื่อนพระเอกแต่ละคนก็คาแรกเตอร์สนุกสนาน เฮฮาดี โดยเฉพาะไมเคิล (ชอบน้องเขาอ่ะนะ 555)
สรุป
ดีครับ ประคองการเล่าเรื่องมาค่อนข้างดีแล้วแต่ตอนต่อไปต้องดีกว่านี้และจบให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ ส่วนกระแสเปรียบเทียบกับซีรีส์อีกเรื่องก็คงเป็นเรื่องที่เลี่ยงไม่ได้ คนดูรู้ว่าอะไรเป็นอะไร ทีมงานก็น่าจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร โฟกัสที่ตอนจบดีกว่า