แค่อยากรู้จักครับ
เมื่อวันศุกร์ที่ ๒๕ กันยายน ๒๕๕๘ ที่ผ่านมา
ณ สนามบินเชียงใหม่
ผมกำลังจะนั่งเครื่องบินไปร่วมงานเลี้ยงศิษย์เก่า
ของสถาบันที่ผมสำเร็จการศึกษามา
ขณะที่ยืนรอเพื่อน ซึ่งนัดเจอกันที่สนามบิน
สายตาผมสะดุดกับผู้หญิงคนหนึ่ง
เธอแต่งชุดสูทสีดำ เสื้อเชิ้ตสีขาว กระโปรงสีดำประมาณเข่า
ดูเรียบร้อยน่ารัก ท่าทางตื่นเต้น ครุ่นคิด กังวล
เธอนั่งเก้าอี้ในสนามบินเหมือนรออะไรบางอย่าง
ใจจริงแล้วผมอยากเดินเข้าไปทักทาย ทำความรู้จัก
อยากชวนคุย อยากนั่งข้างๆ
อยากขอเบอร์โทรศัพท์ ขอไลน์
แต่บอกเลยครับ ไม่กล้าครับ ผมอาย - -'
ผมแอบมองเธออยู่พักใหญ่
พยายามรวบรวมความกล้า
ในที่สุด ผมก็กลับหลังหัน!!!
เดินไปเช็คอินที่เค้าเตอร์ของสายการบิน แหะแหะ (เอามือลูบหัวตัวเอง) T_T
พอผมเดินกลับมา เพื่อลองรวบรวมความกล้าอีกครั้ง
....เธอหายไปแล้ว
ผมมองนาฬิกา มองเวลาขึ้นเครื่องในตั๋วเครื่องบิน
"ยังพอมีเวลา" ผมบอกตัวเองในใจเสียงดัง
ตั้งใจว่า ถ้าเจอเธออีกครั้ง ผมจะลองใช้ความกล้าที่มีอันน้อยนิด
ขอทำความรู้จัก ขอเบอร์โทรศัพท์ หรือขอไลน์หรืออะไรก็ได้
ที่ผมจะได้มีโอกาสได้ลองมีความรักอีกครั้ง
ผมเดินวนในสนามบินอยู่นานพอสมควร กลับหาไม่เจอ T T
เฮ้อออ ผมมาอยู่จุดๆนี้ได้งัย จุดที่เดินหาความรัก ราวกับงมเข็มที่ไม่เคยตกลงไปในมหาสมุทร
แต่อีกใจนึง ในเมื่ออกหักมีจริง รักแท้ก็คงมีจริงแน่นอน
ผมเดินวนจนเหนื่อย จึงเดินไปร้านกาแฟในสนามบิน
สั่งมอคค่าเย็นๆหนึ่งแก้ว แล้วนั่งลงตรงที่โต๊ะว่างอย่างผิดหวัง
ท่านผู้อ่านครับ ช่วงที่ผมเดินไปสั่งกาแฟ
อาจมีเวทมนตร์ใดๆมาบดบังสายตา
แต่โต๊ะข้างๆ ที่ผมนั่งนั้น
ผู้หญิงที่นั่งหันมาตรงหน้าผม
...เธอนั่นเอง!?!
เธอกำลังนั่งคุยกับผู้ชายอีกคน (หมดกัน T T)
ผมไม่อยากเสียมารยาทฟังว่าทั้งสองคนคุยอะไรกัน
แต่ผมขอโทษไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ ผมแอบตั้งใจฟังจริงๆ
สายตาผมพลางชำเลืองมองความน่ารักนั้นไว้
เธอนั่งไม่พิงเก้าอี้ เพื่อให้เกียรติคู่สนทนา
นั่งลำตัวตรง ทั้งลำคอใบหน้าดูมีสง่าราศรี
แลดูเรียบร้อยมีมารยาทมากครับ
เธอมาสัมภาษณ์งาน!?! เย้ๆไม่ได้เป็นแฟนแน่นอน ฮ่าฮ่า
คุณผู้ชายคนนั้นใส่เสื้อสีส้มของสายการบินหนึ่ง
กำลังสัมภาษณ์เธอ ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ
ผมยิ้มเมื่อได้ยินภาษาอังกฤษ สำเนียงไทยๆของทั้งคู่
สำหรับผม มันคือความน่ารักเหมือนเวลาได้ยินฝรั่งพูดไทยไม่ชัด
ยิ่งมองยิ่งชอบ ยิ่งอยากรู้จัก ยิ่งอยากกล้าทักทายมากขึ้น
ตอนนี้ผมไม่ได้ฟังทั้งคู่ว่าคุยอะไรกัน
มีสิ่งอื่นที่ผมต้องกังวลมากกว่า
ทั้งสองคนคุยกันนานมาก
ผมมองเวลาอีกครั้ง
จวนจะได้เวลาขึ้นเครื่องแล้ว
ผมตั้งใจว่าถ้าเธอสัมภาษณ์จบ
ผมจะเดินเข้าไปขอเบอร์ทันที
ทำไมเวลามันเดินเร็วอย่างนี้นะ -*-
เป็นครั้งแรกในชีวิตครับ
ที่ผมภาวนาให้เครื่องบินล่าช้า
ให้เลื่อนเวลา ให้ฝนตกหนัก หรืออะไรก็ได้
เพื่อให้เธอสัมภาษณ์จบซะก่อน
ผมมองนาฬิกาซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ก็ยังสัมภาษณ์ไม่จบเลย
ผมมองนาฬิกาอีกครั้ง
และตัดสินใจลุกเดินออกจากร้านกาแฟไปด้วยความผิดหวัง
เพราะคนอื่นๆคงขึ้นเครื่องกันไปหมดแล้ว
ผมขึ้นบรรไดเลื่อนไปชั้นสอง แต่ผมยังมองเธอไม่วางตา
จนผมไปถึงทางออกขึ้นเครื่อง ผมตัดสินใจเดินกลับไปอีกครั้ง
เนื่องจากยังเห็นผู้โดยสารท่านอื่นเพิ่งตรวจบัตรโดยสาร
เอาว่ะ! ยังมี Final call อีก ยอมอายละคราวนี้
ผมกึ่งเดินกึ่งวิ่งลงไปที่ร้านเดิมอีกครั้ง
ผู้ชายคนสัมภาษณ์เสื้อส้มยังนั่งที่เดิม
กับเสาอาคารที่บังสายตาผมไว้ในช่วงที่ผมลงบรรไดเลื่อนมา
คราวนี้คงไม่มีเวทมนตร์ใดๆมาบดบังสายตาผมได้อีก
ผู้หญิงคนที่กำลังสัมภาษณ์เป็นคนอื่น
...ไม่ใช่คนเดิม
.....เธอหายไปอีกแล้ว!?!?!?!
ความรู้สึกเหมือนอะไรหล่นหาย
เหมือนต้นไม้ที่เคยปลูกไว้แล้วโดนใครตัดทิ้ง
เหมือนสวนดอกไม้ที่โดนเหยียบย่ำ
เหมือนของรักที่พังไปต่อหน้าต่อตา
เหมือนอะไรสักอย่างที่ไม่มีวันได้คืน
ราวกับลูกโป่งที่เคยหลุดจากมือครั้งเยาว์วัย
ผมมองซ้ายขวาอย่างรีบเร่ง เดินวนอีกครั้งเพื่อตามหา
ลูกโป่งคงลอยสูงเกินกว่าจะกระโดดเอื้อมคว้าไว้ได้อีกครั้ง
เสียงประกาศเรียกขึ้นเครื่องดังลั่นเป็นครั้งสุดท้าย
...........
.....
...
.
ถ้าคุณได้อ่านข้อความเหล่านี้
อยากบอกคุณมากครับว่า
ผมอยากรู้จักคุณมากๆ
อยากขอเบอร์โทรศัพท์
ผมเชื่อว่าผมเป็นผู้ฟังที่ดี
และมีเรื่องราวให้คุณได้ยิ้มและหัวเราะได้ทุกวัน
ถ้าเพียงให้ไลน์ไอดี หรือเฟสบุค
ผมเชื่อว่า ผมไม่ได้รักการอ่านฝ่ายเดียวโดยไม่ตอบ
และมีเวลาพิมพ์ตอบคุณทุกครั้งเหมือนอยู่ตรงหน้า
หากเพียงให้อีเมล
ผมเชื่อว่า ผมตอบเมลคุณได้สม่ำเสมอ
และคิดว่าตัวผมก็เป็นนักเลงคีย์บอร์ดที่ไม่ดราม่ามากมาย
หรือสุดท้าย ให้ที่อยู่ที่บ้านหรือที่ทำงาน
ผมจะไม่ตามไปรบกวนที่บ้านแน่นอน
แต่จะเขียนจดหมายไปหา เป็นความคลาสสิคอย่างลงตัว
ผมยินดีเขียนจดหมายเป็นร้อยฉบับ
หากเพียงคุณยอมเขียนตอบผมบ้างสักฉบับหนึ่ง
สุดท้ายนี้ ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คุณเคารพนับถือ
โปรดช่วยดลบันดาลให้คุณได้ผ่านการคัดเลือก
ตามที่คุณปรารถนาสมความตั้งใจ
...แค่อยากรู้จักครับ
--เด็กชายบ้านนอก--
แค่อยากรู้จักครับ ทำไงดี?
เมื่อวันศุกร์ที่ ๒๕ กันยายน ๒๕๕๘ ที่ผ่านมา
ณ สนามบินเชียงใหม่
ผมกำลังจะนั่งเครื่องบินไปร่วมงานเลี้ยงศิษย์เก่า
ของสถาบันที่ผมสำเร็จการศึกษามา
ขณะที่ยืนรอเพื่อน ซึ่งนัดเจอกันที่สนามบิน
สายตาผมสะดุดกับผู้หญิงคนหนึ่ง
เธอแต่งชุดสูทสีดำ เสื้อเชิ้ตสีขาว กระโปรงสีดำประมาณเข่า
ดูเรียบร้อยน่ารัก ท่าทางตื่นเต้น ครุ่นคิด กังวล
เธอนั่งเก้าอี้ในสนามบินเหมือนรออะไรบางอย่าง
ใจจริงแล้วผมอยากเดินเข้าไปทักทาย ทำความรู้จัก
อยากชวนคุย อยากนั่งข้างๆ
อยากขอเบอร์โทรศัพท์ ขอไลน์
แต่บอกเลยครับ ไม่กล้าครับ ผมอาย - -'
ผมแอบมองเธออยู่พักใหญ่
พยายามรวบรวมความกล้า
ในที่สุด ผมก็กลับหลังหัน!!!
เดินไปเช็คอินที่เค้าเตอร์ของสายการบิน แหะแหะ (เอามือลูบหัวตัวเอง) T_T
พอผมเดินกลับมา เพื่อลองรวบรวมความกล้าอีกครั้ง
....เธอหายไปแล้ว
ผมมองนาฬิกา มองเวลาขึ้นเครื่องในตั๋วเครื่องบิน
"ยังพอมีเวลา" ผมบอกตัวเองในใจเสียงดัง
ตั้งใจว่า ถ้าเจอเธออีกครั้ง ผมจะลองใช้ความกล้าที่มีอันน้อยนิด
ขอทำความรู้จัก ขอเบอร์โทรศัพท์ หรือขอไลน์หรืออะไรก็ได้
ที่ผมจะได้มีโอกาสได้ลองมีความรักอีกครั้ง
ผมเดินวนในสนามบินอยู่นานพอสมควร กลับหาไม่เจอ T T
เฮ้อออ ผมมาอยู่จุดๆนี้ได้งัย จุดที่เดินหาความรัก ราวกับงมเข็มที่ไม่เคยตกลงไปในมหาสมุทร
แต่อีกใจนึง ในเมื่ออกหักมีจริง รักแท้ก็คงมีจริงแน่นอน
ผมเดินวนจนเหนื่อย จึงเดินไปร้านกาแฟในสนามบิน
สั่งมอคค่าเย็นๆหนึ่งแก้ว แล้วนั่งลงตรงที่โต๊ะว่างอย่างผิดหวัง
ท่านผู้อ่านครับ ช่วงที่ผมเดินไปสั่งกาแฟ
อาจมีเวทมนตร์ใดๆมาบดบังสายตา
แต่โต๊ะข้างๆ ที่ผมนั่งนั้น
ผู้หญิงที่นั่งหันมาตรงหน้าผม
...เธอนั่นเอง!?!
เธอกำลังนั่งคุยกับผู้ชายอีกคน (หมดกัน T T)
ผมไม่อยากเสียมารยาทฟังว่าทั้งสองคนคุยอะไรกัน
แต่ผมขอโทษไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ ผมแอบตั้งใจฟังจริงๆ
สายตาผมพลางชำเลืองมองความน่ารักนั้นไว้
เธอนั่งไม่พิงเก้าอี้ เพื่อให้เกียรติคู่สนทนา
นั่งลำตัวตรง ทั้งลำคอใบหน้าดูมีสง่าราศรี
แลดูเรียบร้อยมีมารยาทมากครับ
เธอมาสัมภาษณ์งาน!?! เย้ๆไม่ได้เป็นแฟนแน่นอน ฮ่าฮ่า
คุณผู้ชายคนนั้นใส่เสื้อสีส้มของสายการบินหนึ่ง
กำลังสัมภาษณ์เธอ ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ
ผมยิ้มเมื่อได้ยินภาษาอังกฤษ สำเนียงไทยๆของทั้งคู่
สำหรับผม มันคือความน่ารักเหมือนเวลาได้ยินฝรั่งพูดไทยไม่ชัด
ยิ่งมองยิ่งชอบ ยิ่งอยากรู้จัก ยิ่งอยากกล้าทักทายมากขึ้น
ตอนนี้ผมไม่ได้ฟังทั้งคู่ว่าคุยอะไรกัน
มีสิ่งอื่นที่ผมต้องกังวลมากกว่า
ทั้งสองคนคุยกันนานมาก
ผมมองเวลาอีกครั้ง
จวนจะได้เวลาขึ้นเครื่องแล้ว
ผมตั้งใจว่าถ้าเธอสัมภาษณ์จบ
ผมจะเดินเข้าไปขอเบอร์ทันที
ทำไมเวลามันเดินเร็วอย่างนี้นะ -*-
เป็นครั้งแรกในชีวิตครับ
ที่ผมภาวนาให้เครื่องบินล่าช้า
ให้เลื่อนเวลา ให้ฝนตกหนัก หรืออะไรก็ได้
เพื่อให้เธอสัมภาษณ์จบซะก่อน
ผมมองนาฬิกาซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ก็ยังสัมภาษณ์ไม่จบเลย
ผมมองนาฬิกาอีกครั้ง
และตัดสินใจลุกเดินออกจากร้านกาแฟไปด้วยความผิดหวัง
เพราะคนอื่นๆคงขึ้นเครื่องกันไปหมดแล้ว
ผมขึ้นบรรไดเลื่อนไปชั้นสอง แต่ผมยังมองเธอไม่วางตา
จนผมไปถึงทางออกขึ้นเครื่อง ผมตัดสินใจเดินกลับไปอีกครั้ง
เนื่องจากยังเห็นผู้โดยสารท่านอื่นเพิ่งตรวจบัตรโดยสาร
เอาว่ะ! ยังมี Final call อีก ยอมอายละคราวนี้
ผมกึ่งเดินกึ่งวิ่งลงไปที่ร้านเดิมอีกครั้ง
ผู้ชายคนสัมภาษณ์เสื้อส้มยังนั่งที่เดิม
กับเสาอาคารที่บังสายตาผมไว้ในช่วงที่ผมลงบรรไดเลื่อนมา
คราวนี้คงไม่มีเวทมนตร์ใดๆมาบดบังสายตาผมได้อีก
ผู้หญิงคนที่กำลังสัมภาษณ์เป็นคนอื่น
...ไม่ใช่คนเดิม
.....เธอหายไปอีกแล้ว!?!?!?!
ความรู้สึกเหมือนอะไรหล่นหาย
เหมือนต้นไม้ที่เคยปลูกไว้แล้วโดนใครตัดทิ้ง
เหมือนสวนดอกไม้ที่โดนเหยียบย่ำ
เหมือนของรักที่พังไปต่อหน้าต่อตา
เหมือนอะไรสักอย่างที่ไม่มีวันได้คืน
ราวกับลูกโป่งที่เคยหลุดจากมือครั้งเยาว์วัย
ผมมองซ้ายขวาอย่างรีบเร่ง เดินวนอีกครั้งเพื่อตามหา
ลูกโป่งคงลอยสูงเกินกว่าจะกระโดดเอื้อมคว้าไว้ได้อีกครั้ง
เสียงประกาศเรียกขึ้นเครื่องดังลั่นเป็นครั้งสุดท้าย
...........
.....
...
.
ถ้าคุณได้อ่านข้อความเหล่านี้
อยากบอกคุณมากครับว่า
ผมอยากรู้จักคุณมากๆ
อยากขอเบอร์โทรศัพท์
ผมเชื่อว่าผมเป็นผู้ฟังที่ดี
และมีเรื่องราวให้คุณได้ยิ้มและหัวเราะได้ทุกวัน
ถ้าเพียงให้ไลน์ไอดี หรือเฟสบุค
ผมเชื่อว่า ผมไม่ได้รักการอ่านฝ่ายเดียวโดยไม่ตอบ
และมีเวลาพิมพ์ตอบคุณทุกครั้งเหมือนอยู่ตรงหน้า
หากเพียงให้อีเมล
ผมเชื่อว่า ผมตอบเมลคุณได้สม่ำเสมอ
และคิดว่าตัวผมก็เป็นนักเลงคีย์บอร์ดที่ไม่ดราม่ามากมาย
หรือสุดท้าย ให้ที่อยู่ที่บ้านหรือที่ทำงาน
ผมจะไม่ตามไปรบกวนที่บ้านแน่นอน
แต่จะเขียนจดหมายไปหา เป็นความคลาสสิคอย่างลงตัว
ผมยินดีเขียนจดหมายเป็นร้อยฉบับ
หากเพียงคุณยอมเขียนตอบผมบ้างสักฉบับหนึ่ง
สุดท้ายนี้ ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คุณเคารพนับถือ
โปรดช่วยดลบันดาลให้คุณได้ผ่านการคัดเลือก
ตามที่คุณปรารถนาสมความตั้งใจ
...แค่อยากรู้จักครับ
--เด็กชายบ้านนอก--