คือว่าตอนนี้ จขกท.เริ่มจิตตกค่ะ เรื่องมีอยู่ว่า...
จขกท.ได้เรียนและจบมาทำงานในละแวกเดียวกันกับมหาวิทยาลัย สมัยเรียนก็ชอบไปปริ้นงาน ถ่ายเอกสาร ที่ร้านหนึ่ง ที่ชอบไปร้านนั้นเพราะความเห็นส่วนตัว คือ กระดาษดี พิมพ์ชัด ราคาถูก มีเน็ต มีแอร์ และเปิดแทบจะตลอดเวลา ฟินมากกกกโดยเฉพาะช่วงทำโปรเจ็ก^^
ซึ่งร้านนี้มีเจ้าของร้านอยู่แค่คนเดียว เป็นชายร่างใหญ่ อ้วนมากกกกกก ไม่มีแฟน ไม่เคยแม้แต่จะติ๊ดชึ่งกับผู้หญิง เพื่อนมีน้อยมากกกก คิดว่าไม่มีเพื่อนสนิท เพราะมีเพื่อนที่คุยจริงจังและเยอะสุดแค่คนเดียว ซึ่งไม่เคยเจอกันเลย เจอกันก็ต่อเมื่อเพื่อนพี่แกมีเรื่องเดือดร้อนเท่านั้น ในความเห็นจขกท.แล้วคิดว่า พี่แกเป็นคนที่เหงามากกกก วันๆอยู่แต่ร้านไม่ได้ไปเจอใครที่ไหนความคิดในด้านอะไรๆอาจจะแคบๆ เพราะตั้งแต่พี่แกเรียนจบมาก็เปิดร้านเลย ไม่เคยได้ทำงานที่ไหน ไม่เคยได้เรียนรู้ชีวิตการอยู่ร่วมกัน ซึ่งข้อมูลทั้งหมดที่จขกท.รู้มานั้น เพราะไปปริ้นงานร้านพี่แก ละพี่แกชอบบ่นๆให้เราฟัง เราก็ไม่รู้ทำไงก็บอกแค่ว่าอย่าคิดมาก หาไรทำไป ประมาณนี้ ขอสรุปเป็นช่วงนะคะ
ครั้งที่1:
พี่แก : พี่นะเบื่อพวกเอ็งจังการบ้านมีไม่รู้จักทำ มาทำกันวันใกล้ส่ง และพี่อยู่ร้านคนเดียวเอาไม่ไหวอยู่ละ เนี่ยพี่เคยจ้างเด็กมาช่วยนะ มันก็มาบ่อยๆเหมือนน้องนี่แหละ(จขกท.) มันอยากลองช่วยพี่ก็ให้มันช่วย ให้ตังมันด้วย แถมกินข้าวฟรี เงินในกระปุกก็หยิบไปซื้ออะไรได้เลย(เด็กที่ว่ามีแต่นศ.สาวๆ ที่เราคิดว่าคงหลอกเอาเงินพี่แก) มาทำแค่วันสองวันหาย เจอกันข้างนอกทักกันสักหน่อยก็ไม่มี เพื่อนพี่ก็ไม่มี
เรา: อ่อค่ะ อย่าคิดมากค่ะ
***ขอย้ำนะคะว่า จขกท. พูดแค่ประโยคเดียวและครั้งเดียวจริงๆ แล้วหลังจากนั้นเวลาไปร้านนี้อีก พี่แกก็เม้าตลอดๆ คือนึกออกป่ะว่าไม่คุยด้วยก็ยังไงอยู่ บอกตรงๆค่ะ ว่าจขกท.คิดแค่ว่าคุยเป็นเพื่อนพี่แกไปเวลามาปริ้นงาน เหมือนทักแม่ค้าขายข้าวแกงร้านประจำ เพราะจขกท.มีแฟนแล้ว แต่ไม่ได้อยู่ใกล้กัน
แน่นอนค่ะว่าหลังๆที่เราไปร้านพี่แกคุย เม้ามอยมากขึ้น เหมือนจะจีบๆเรา
ครั้งที่2: เราเลยหักดิบเลยค่ะ
เรา: พี่คะ เข้าเน็ตปริ้นงานหน่อยค่ะ
พี่แก: จ้าาา ปริ้นเลย ปริ้นอะไร
เรา:จะจองตั๋วเครื่องบินอ่ะค่ะ (ลงทุนปริ้นไปจ่ายเค้าเตอร์ทั้งๆที่ก็มีบัตร)
พี่แก: อ้าวไปไหนเหรอ
เรา: ไปหาแฟนที่กรุงเทพค่ะ
พี่แกเหวอไปทีนึง...แล้วพูดว่า อ่าววววว ทำไมแฟนไม่จองให้หล่ะ??? ในใจ จขกท.คิดค่ะว่าไม้นี้ใช้ไม่ได้ผลกับจขกท.หรอก รักกันจะตาย กิกิ
เรา: อ่อ ปกติเฮียเค้า(แฟนเราเอง)จองให้ค่ะ แต่ตอนนี้หนูทำงานแล้วเลยไม่อยากรบกวนเฮียค่ะ
หลังจากนั้นนางก็ไม่ค่อยพูดอะไรกับเรา เราก็ปริ้นงานปกติ สบายใจ แต่นางยังไม่หยุด
ครั้งที่3:
พี่แก: (หลังจากที่นั่งเงียบกันมานาน) เอิ่มมมม แฟนน้องอยู่กทม.เหรอ เค้าเป็นคนที่นั่นเลย หรือว่าเค้าไปทำงาน
ในใจจขกท.คิดละค่ะว่า กะจะถามใช่ป่ะว่าเจอกันบ่อยแค่ไหน?? แต่ไม่ค่ะ เราไม่อยากเข้าข้างตัวเอง พี่แกคงไม่ได้อยากได้เราขนาดนั้นหรอก แต่ก็กันๆไว้
เรา: เค้าทำงานค่ะ (ความจริงคือเกิดที่นั่นโตที่นั่นทำงานที่นั่น ไม่ได้โกหกนะบอกไม่หมดกิกิ)
พี่แก: อืมมมม ก็ดีไปนะที่เค้าก็ไม่ทิ้งน้องให้เหงา แต่น้องจะเชื่อใจ ไว้ใจเค้าได้เหรอ??
บร๊ะ ว่าแล้ววว ถ้าตอบว่าอยู่ที่นั่น พี่แกคงเริ่มจีบเราใหม่เพราะมีความหวังว่าต้องได้เราสักวัน แหมมมยังจะมาพูดอีก ว่าไว้ใจได้กา?? เราก็ตอบไปตามจริงตามใจเราคิดค่ะ เพราะเรามั่นใจว่าเราซื่อสัตย์พอ
เรา: ไม่รู้ค่ะ ไม่เคยคิดเรื่องนั้น ปล่อยมันตามธรรมชาติ เราทำตัวเราให้ดีที่สุดพอ ไว้ใจเค้าพอค่ะ เค้าจะเป็นยังไง จะทำอะไรก็เรื่องของเค้า ทำดีที่สุดแล้วเค้ายังไม่เอาก็เรื่องของเค้าค่ะ
จอบอ
ครั้งที่4: มีอยู่ช่วงนึงที่จะไปสัมภาษงานไม่รู้บริษัทอยู่ตรงไหน เลยแวะเปิดmap กับถ่ายเอกสารสมัครงาน ปรากฏว่า เป็นบริษัทที่เพื่อนพี่แกเคยทำงานอยู่ พี่แกเลยช่วยหาให้ สุดท้ายเราก็เจอด้วยตัวเราเองและใกล้เวลานัดแล้ว เราเลยรีบออกไป พร้อมบอกพี่แกว่า ไม่ต้องหาละค่ะ พอรู้ละว่าอยู่ไหน ขอบคุณนะคะ
พอสัมภาษณ์+คุยกับคุณแฟนเสร็จ ก็ดูมือถือ มีคนแอดมา มีข้อความด้วย อ่านแล้วแต่ไม่รู้จักว่าใครเลยปิดไปซะ ที่แท้คือเฟสพี่แกบอกทางเรา (เราไม่รู้ว่าเป็นเฟสพี่แก ไม่รู้จักชื่อพี่แก และพี่แกไม่ได้ใช้รูปตัวเอง) ที่รู้ว่าเฟสพี่แกเพราะ พอผ่านมา2-3วันเราไปร้านพี่แก พี่แกบอกว่าวันนั้นแอดเฟสไปว่าจะบอกทางไปบริษัท เราก็งงๆ ว่าเอาเฟสเรามาจากไหน เราก็ไม่ได้ล็อกอินค้างไว้ พี่แกบอกว่า กู้คืนดูจากคอมเครื่องที่เราใช้ เราก็เอิ่มมม ไฟว์มาก ก็เลย ขอบคุณค่ะ ไปถูกแล้ว ไปถึงก็สัมภาษเลย เพิ่งมาดูตอนจะกลับบ้านแล้ว พี่แกก็บอกว่างั้นพี่ลบคำขอเป็นเพื่อนละนะ ตอนนั้นในใจเราก็ดีใจนะคะ ไม่ต้องมานั่งลำบากใจไม่รับแอด แต่ก็แอบสงสารนางเหมือนกัน
ครั้งที่5: แล้วหลังจากนั้นพี่แกก็ยังคุยด้วยปกติ เล่าเรื่องส่วนตัวให้เราฟังมากขึ้น และแกก็เหมือนมีความหวังว่าเราจะไม่หายไป เหมือนเด็กคนอื่นๆ จนมีอยู่วันนึงที่แกพูดเรื่องความรักขึ้นมาแล้วพูดกับเราว่า
"ถ้าผู้หญิงคนอื่นมันคิดได้เหมือนน้องก็ดีสิ ที่ว่าคบกันสบายๆไม่ซีเรียส ทำตัวดีๆแบบนี้ พี่ว่าน่ารักดี อย่างนี้ไม่ต้องกลัวว่าจะโสดหรอก ครั้งแรกที่พี่เจอน้องพี่ว่าน้องน่ารักดี พี่ยอมรับว่าครั้งแรกพี่อยากได้น้อง แต่น้องมีแฟนแล้ว"
คือว่า...เรากลัวมากกว่าค่ะ

เพราะตอนนั้นพี่แกเริ่มเปิดเผยตัวตนกับเรา จนเราได้รู้ว่า ว่างๆพี่แกจะขับรถไปรับพ่อ แล้วพาพ่อไปเที่ยวอาบอบนวดกัน2คน จริงๆแล้วเรารับได้นะคะ มันเรื่องปกติค่ะที่จะไปบ้าง แฟนเราก่อนคบกันเค้าก็เคยค่ะ แต่เเดี๋ยวนี้เลิกทุกอย่างแล้ว บอกว่าเบื่อ มันไม่มีความรู้สึกกับพวกนั้นเลย พี่แกไปบ่อยมากแทบทุกวัน อาทิตย์นึงไปมากกว่า3วัน เราก็เงียบๆค่ะ ไม่พูดอะไร แล้วนานๆๆๆๆๆๆที จะไปร้านพี่แก พี่แกก็ดีขึ้นนะคะ ทักเราว่าหายไปนานนึกว่าแต่งงานไปแล้ว เราก็บอกว่ายังค่ะ เร็วไปๆ
ครั้งที่6: ล่าสุด เราไปที่ร้านพี่แกเพราะว่ามีสัมภาษงานที่กทม. เลิกงานจึงไปเตรียมเอกสาร(ตอนนั้นกะว่าจะไม่ไปร้านพี่แกอีกแล้ว) นึกว่าพี่แกคงไม่คิดอะไรละ แต่ปรากฏว่า พี่แกเริ่มมาจับเนื้อต้องตัวเรามากขึ้นค่ะ แบบว่าเรานั่งอยู่ก็มาจับไหล่ จับเอวเรา แค่นั้นแหละค่ะ เราสัญญาและสาบานกับตัวเองเลยว่าจะไม่มาอีก แล้วพอรู้ว่าเราจะไปทำงานกทม. ก็ลีลาไม่ยอมสแกนเอกสารให้เรา ทำแบบชุ่ยๆลวกๆ แล้วทำเป็นบ่นว่างานเยอะเบลอๆ แล้วพูดเสียงดังว่าไม่ต้องไปสมัครแล้ว ทำอยู่ที่นี่แหละ เรายิ่งสาบานหนักค่ะว่าจะไม่มาอีก จนกระทั่งเราเช็คเอกสารปรากฏว่านางทำให้ผิดจริงๆด้วยๆ ประกอบกับตอนแรกที่เราไปเราลืมกระเป๋าตัง เลยติดไว้ก่อน ก็เลยว่าจะไปเย็นนี้แล้วรวดไปสนามบิน
อนิจจังค่ะ งานเราเยอะมากกกกกก ออกofficeมาหกโมงกว่า จำไม่ได้รู้ว่ามืดแล้ว บินไฟล์2ทุ่ม45จ้าาาาา บรรลัยเกิด เลยตัดสินใจเข้าแชทแล้วแอดพี่แก เพราะว่าพี่แกรู้อยู่แล้วว่าเราจะใช้อะไรยังไงบ้าง แต่ไม่ตอบเราเลยได้ไปร้านอื่นแทนรอนานมากกกกกกก
แน่นอนค่ะนางก็ทักแชทเราไม่หยุด เราไม่อยากคุยแล้ว เพราะที่ผ่านมาก็แสดงชัดเจนแล้วนะ ต้องการอะไรอีก คือเรารำคาญก็รำคาญอ่ะค่ะ เกรงใจก็เกรงใจ จะบล็อกไปก็คงดูไม่ดี เราไม่อยากเป็นเด็กที่มาบล็อก มาเสียมารยาทใส่ผู้ใหญ่อ่ะค่ะ จิทำไงดี???
คิดจะแยกเราจากกันงั้นเหรอ?? หืมมมม รับมือยังไงต่อดี
จขกท.ได้เรียนและจบมาทำงานในละแวกเดียวกันกับมหาวิทยาลัย สมัยเรียนก็ชอบไปปริ้นงาน ถ่ายเอกสาร ที่ร้านหนึ่ง ที่ชอบไปร้านนั้นเพราะความเห็นส่วนตัว คือ กระดาษดี พิมพ์ชัด ราคาถูก มีเน็ต มีแอร์ และเปิดแทบจะตลอดเวลา ฟินมากกกกโดยเฉพาะช่วงทำโปรเจ็ก^^
ซึ่งร้านนี้มีเจ้าของร้านอยู่แค่คนเดียว เป็นชายร่างใหญ่ อ้วนมากกกกกก ไม่มีแฟน ไม่เคยแม้แต่จะติ๊ดชึ่งกับผู้หญิง เพื่อนมีน้อยมากกกก คิดว่าไม่มีเพื่อนสนิท เพราะมีเพื่อนที่คุยจริงจังและเยอะสุดแค่คนเดียว ซึ่งไม่เคยเจอกันเลย เจอกันก็ต่อเมื่อเพื่อนพี่แกมีเรื่องเดือดร้อนเท่านั้น ในความเห็นจขกท.แล้วคิดว่า พี่แกเป็นคนที่เหงามากกกก วันๆอยู่แต่ร้านไม่ได้ไปเจอใครที่ไหนความคิดในด้านอะไรๆอาจจะแคบๆ เพราะตั้งแต่พี่แกเรียนจบมาก็เปิดร้านเลย ไม่เคยได้ทำงานที่ไหน ไม่เคยได้เรียนรู้ชีวิตการอยู่ร่วมกัน ซึ่งข้อมูลทั้งหมดที่จขกท.รู้มานั้น เพราะไปปริ้นงานร้านพี่แก ละพี่แกชอบบ่นๆให้เราฟัง เราก็ไม่รู้ทำไงก็บอกแค่ว่าอย่าคิดมาก หาไรทำไป ประมาณนี้ ขอสรุปเป็นช่วงนะคะ
ครั้งที่1:
พี่แก : พี่นะเบื่อพวกเอ็งจังการบ้านมีไม่รู้จักทำ มาทำกันวันใกล้ส่ง และพี่อยู่ร้านคนเดียวเอาไม่ไหวอยู่ละ เนี่ยพี่เคยจ้างเด็กมาช่วยนะ มันก็มาบ่อยๆเหมือนน้องนี่แหละ(จขกท.) มันอยากลองช่วยพี่ก็ให้มันช่วย ให้ตังมันด้วย แถมกินข้าวฟรี เงินในกระปุกก็หยิบไปซื้ออะไรได้เลย(เด็กที่ว่ามีแต่นศ.สาวๆ ที่เราคิดว่าคงหลอกเอาเงินพี่แก) มาทำแค่วันสองวันหาย เจอกันข้างนอกทักกันสักหน่อยก็ไม่มี เพื่อนพี่ก็ไม่มี
เรา: อ่อค่ะ อย่าคิดมากค่ะ
***ขอย้ำนะคะว่า จขกท. พูดแค่ประโยคเดียวและครั้งเดียวจริงๆ แล้วหลังจากนั้นเวลาไปร้านนี้อีก พี่แกก็เม้าตลอดๆ คือนึกออกป่ะว่าไม่คุยด้วยก็ยังไงอยู่ บอกตรงๆค่ะ ว่าจขกท.คิดแค่ว่าคุยเป็นเพื่อนพี่แกไปเวลามาปริ้นงาน เหมือนทักแม่ค้าขายข้าวแกงร้านประจำ เพราะจขกท.มีแฟนแล้ว แต่ไม่ได้อยู่ใกล้กัน
แน่นอนค่ะว่าหลังๆที่เราไปร้านพี่แกคุย เม้ามอยมากขึ้น เหมือนจะจีบๆเรา
ครั้งที่2: เราเลยหักดิบเลยค่ะ
เรา: พี่คะ เข้าเน็ตปริ้นงานหน่อยค่ะ
พี่แก: จ้าาา ปริ้นเลย ปริ้นอะไร
เรา:จะจองตั๋วเครื่องบินอ่ะค่ะ (ลงทุนปริ้นไปจ่ายเค้าเตอร์ทั้งๆที่ก็มีบัตร)
พี่แก: อ้าวไปไหนเหรอ
เรา: ไปหาแฟนที่กรุงเทพค่ะ
พี่แกเหวอไปทีนึง...แล้วพูดว่า อ่าววววว ทำไมแฟนไม่จองให้หล่ะ??? ในใจ จขกท.คิดค่ะว่าไม้นี้ใช้ไม่ได้ผลกับจขกท.หรอก รักกันจะตาย กิกิ
เรา: อ่อ ปกติเฮียเค้า(แฟนเราเอง)จองให้ค่ะ แต่ตอนนี้หนูทำงานแล้วเลยไม่อยากรบกวนเฮียค่ะ
หลังจากนั้นนางก็ไม่ค่อยพูดอะไรกับเรา เราก็ปริ้นงานปกติ สบายใจ แต่นางยังไม่หยุด
ครั้งที่3:
พี่แก: (หลังจากที่นั่งเงียบกันมานาน) เอิ่มมมม แฟนน้องอยู่กทม.เหรอ เค้าเป็นคนที่นั่นเลย หรือว่าเค้าไปทำงาน
ในใจจขกท.คิดละค่ะว่า กะจะถามใช่ป่ะว่าเจอกันบ่อยแค่ไหน?? แต่ไม่ค่ะ เราไม่อยากเข้าข้างตัวเอง พี่แกคงไม่ได้อยากได้เราขนาดนั้นหรอก แต่ก็กันๆไว้
เรา: เค้าทำงานค่ะ (ความจริงคือเกิดที่นั่นโตที่นั่นทำงานที่นั่น ไม่ได้โกหกนะบอกไม่หมดกิกิ)
พี่แก: อืมมมม ก็ดีไปนะที่เค้าก็ไม่ทิ้งน้องให้เหงา แต่น้องจะเชื่อใจ ไว้ใจเค้าได้เหรอ??
บร๊ะ ว่าแล้ววว ถ้าตอบว่าอยู่ที่นั่น พี่แกคงเริ่มจีบเราใหม่เพราะมีความหวังว่าต้องได้เราสักวัน แหมมมยังจะมาพูดอีก ว่าไว้ใจได้กา?? เราก็ตอบไปตามจริงตามใจเราคิดค่ะ เพราะเรามั่นใจว่าเราซื่อสัตย์พอ
เรา: ไม่รู้ค่ะ ไม่เคยคิดเรื่องนั้น ปล่อยมันตามธรรมชาติ เราทำตัวเราให้ดีที่สุดพอ ไว้ใจเค้าพอค่ะ เค้าจะเป็นยังไง จะทำอะไรก็เรื่องของเค้า ทำดีที่สุดแล้วเค้ายังไม่เอาก็เรื่องของเค้าค่ะ
จอบอ
ครั้งที่4: มีอยู่ช่วงนึงที่จะไปสัมภาษงานไม่รู้บริษัทอยู่ตรงไหน เลยแวะเปิดmap กับถ่ายเอกสารสมัครงาน ปรากฏว่า เป็นบริษัทที่เพื่อนพี่แกเคยทำงานอยู่ พี่แกเลยช่วยหาให้ สุดท้ายเราก็เจอด้วยตัวเราเองและใกล้เวลานัดแล้ว เราเลยรีบออกไป พร้อมบอกพี่แกว่า ไม่ต้องหาละค่ะ พอรู้ละว่าอยู่ไหน ขอบคุณนะคะ
พอสัมภาษณ์+คุยกับคุณแฟนเสร็จ ก็ดูมือถือ มีคนแอดมา มีข้อความด้วย อ่านแล้วแต่ไม่รู้จักว่าใครเลยปิดไปซะ ที่แท้คือเฟสพี่แกบอกทางเรา (เราไม่รู้ว่าเป็นเฟสพี่แก ไม่รู้จักชื่อพี่แก และพี่แกไม่ได้ใช้รูปตัวเอง) ที่รู้ว่าเฟสพี่แกเพราะ พอผ่านมา2-3วันเราไปร้านพี่แก พี่แกบอกว่าวันนั้นแอดเฟสไปว่าจะบอกทางไปบริษัท เราก็งงๆ ว่าเอาเฟสเรามาจากไหน เราก็ไม่ได้ล็อกอินค้างไว้ พี่แกบอกว่า กู้คืนดูจากคอมเครื่องที่เราใช้ เราก็เอิ่มมม ไฟว์มาก ก็เลย ขอบคุณค่ะ ไปถูกแล้ว ไปถึงก็สัมภาษเลย เพิ่งมาดูตอนจะกลับบ้านแล้ว พี่แกก็บอกว่างั้นพี่ลบคำขอเป็นเพื่อนละนะ ตอนนั้นในใจเราก็ดีใจนะคะ ไม่ต้องมานั่งลำบากใจไม่รับแอด แต่ก็แอบสงสารนางเหมือนกัน
ครั้งที่5: แล้วหลังจากนั้นพี่แกก็ยังคุยด้วยปกติ เล่าเรื่องส่วนตัวให้เราฟังมากขึ้น และแกก็เหมือนมีความหวังว่าเราจะไม่หายไป เหมือนเด็กคนอื่นๆ จนมีอยู่วันนึงที่แกพูดเรื่องความรักขึ้นมาแล้วพูดกับเราว่า
"ถ้าผู้หญิงคนอื่นมันคิดได้เหมือนน้องก็ดีสิ ที่ว่าคบกันสบายๆไม่ซีเรียส ทำตัวดีๆแบบนี้ พี่ว่าน่ารักดี อย่างนี้ไม่ต้องกลัวว่าจะโสดหรอก ครั้งแรกที่พี่เจอน้องพี่ว่าน้องน่ารักดี พี่ยอมรับว่าครั้งแรกพี่อยากได้น้อง แต่น้องมีแฟนแล้ว"
คือว่า...เรากลัวมากกว่าค่ะ
ครั้งที่6: ล่าสุด เราไปที่ร้านพี่แกเพราะว่ามีสัมภาษงานที่กทม. เลิกงานจึงไปเตรียมเอกสาร(ตอนนั้นกะว่าจะไม่ไปร้านพี่แกอีกแล้ว) นึกว่าพี่แกคงไม่คิดอะไรละ แต่ปรากฏว่า พี่แกเริ่มมาจับเนื้อต้องตัวเรามากขึ้นค่ะ แบบว่าเรานั่งอยู่ก็มาจับไหล่ จับเอวเรา แค่นั้นแหละค่ะ เราสัญญาและสาบานกับตัวเองเลยว่าจะไม่มาอีก แล้วพอรู้ว่าเราจะไปทำงานกทม. ก็ลีลาไม่ยอมสแกนเอกสารให้เรา ทำแบบชุ่ยๆลวกๆ แล้วทำเป็นบ่นว่างานเยอะเบลอๆ แล้วพูดเสียงดังว่าไม่ต้องไปสมัครแล้ว ทำอยู่ที่นี่แหละ เรายิ่งสาบานหนักค่ะว่าจะไม่มาอีก จนกระทั่งเราเช็คเอกสารปรากฏว่านางทำให้ผิดจริงๆด้วยๆ ประกอบกับตอนแรกที่เราไปเราลืมกระเป๋าตัง เลยติดไว้ก่อน ก็เลยว่าจะไปเย็นนี้แล้วรวดไปสนามบิน
อนิจจังค่ะ งานเราเยอะมากกกกกก ออกofficeมาหกโมงกว่า จำไม่ได้รู้ว่ามืดแล้ว บินไฟล์2ทุ่ม45จ้าาาาา บรรลัยเกิด เลยตัดสินใจเข้าแชทแล้วแอดพี่แก เพราะว่าพี่แกรู้อยู่แล้วว่าเราจะใช้อะไรยังไงบ้าง แต่ไม่ตอบเราเลยได้ไปร้านอื่นแทนรอนานมากกกกกกก
แน่นอนค่ะนางก็ทักแชทเราไม่หยุด เราไม่อยากคุยแล้ว เพราะที่ผ่านมาก็แสดงชัดเจนแล้วนะ ต้องการอะไรอีก คือเรารำคาญก็รำคาญอ่ะค่ะ เกรงใจก็เกรงใจ จะบล็อกไปก็คงดูไม่ดี เราไม่อยากเป็นเด็กที่มาบล็อก มาเสียมารยาทใส่ผู้ใหญ่อ่ะค่ะ จิทำไงดี???