วันนี้จะมารีริวผลการเรียนอ่านไม่ผิดหรอกค่ะ คิดมานานแล้วจะเขียนกระทู้นี้ดีไหม เพราะเราเป็นคนคิดมากกลัวคนอื่นหาว่าตั้งกระทู้อวดตัวเอง จริงๆแล้ว การตั้งกระทู้ครั้งนี้เราไม่ได้มีเจตนายกย่องเชิดชูป่าวประกาศให้โลกรู้ว่าเราเก่ง คือ เรามักจะเห็นเพื่อนๆน้องๆอัพเฟสบุ๊คบ่นเรื่อยเปื่อย ประมาณว่า ‘ไว้อาลัยให้แก่ข้อสอบครั้งนี้’ ‘ ไอ้ที่อ่านไม่ออก แต่ไอ้ที่ออกเผือกไม่ได้อ่าน’ ‘ สอบครั้งนี้เทอย่างเดียว ยังไม่พร้อม ’ ‘ เกรดเทอมนี้หวังว่าแม่จะเข้าใจ ’ ฯลฯ จุดประสงค์หลักของเราอยากให้ทุกคนได้เกรดเยอะๆซึ่งเราเชื่อว่าทุกคนทำได้
เมื่อก่อนตอนเรียนม.ปลาย เราเกรดเกรดน้อยมากๆ พอเข้ามาเรียนมหาวิทยาลัยจึงใช้เทคนิคนิดๆน้อยๆเพื่อพัฒนาผลการเรียนของตัวเองจนในที่สุดเราก็ทำได้
เริ่มแรกขอรีวิวเกรดก่อนนะคะ ตั้งแต่ ปี1เทอม1- ปี 4 เทอม 1 (ตอนนี้เรียนจบแล้วใช้เวลาเรียนสามปีครึ่งค่ะ)
(GPA รายเทอมไม่ใช่เกรดเฉลี่ยรวม)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
หมายเหตุ 1: ขอไม่ระบุชื่อมหาวิทยาลัยกับชื่อคณะหรือสาขานะคะ เพราะถ้าบอกไปเพื่อนๆหลายคนที่ไม่ชอบเราจะรู้ว่าเป็นเรา ปัญหาต่างๆจะตามมา เราไม่อยากหาเรื่องใส่ตัวเองอีก ขอให้ทุกท่านที่เข้าใจด้วยค่ะ
หมายเหตุ 2 : เทคนิคเหล่านี้จะได้ผล 100% สำหรับคนที่ทำต่อเนื่องอย่างสม่ำเสมอ มุ่งมั่นขยันและอดทน ไม่แนะนำสำหรับคนผัดวัน
ประกันพรุ่ง
เทคนิคเน้นๆสำหรับการเรียน
เทคนิคนี้ใช้ได้กับการเรียนทุกระดับชั้นค่ะ
เริ่มที่ด้านแรกก่อนเลยนะคะ
ด้านจิตใจ ขั้นตอนแรกสำหรับการเรียน หลายคนสอบเข้าคณะในฝันได้ แต่ปรากฏว่าเรียนไม่ได้ ปัญหาเหล่านี้จะหมดไป คุณจะไม่ได้เป็นเด็กซิ่วถ้าคุณสำรวจจิตใจของคุณ
1. ถามตัวเองว่าชอบ / เกลียดวิชาอะไร เมื่อรู้แล้วว่าชอบอะไรให้ลงคณะหรือลงเอกเลือก (ตัวฟรีที่ชอบ) เช่น คนชอบดนตรีให้ลงเรียนวิชาที่เกี่ยวเนื่องกับดนตรี , คนที่เป็นปรปักษ์กับตัวเลข การคำนวณ ควรหลีกเลี่ยงวิชาที่เกี่ยวกับสถิติเสีย หลายคนยกมือขึ้นทันทีก็เป็นวิชาบังคับน่ะสิถึงได้ลง ถ้าเป็นอย่างนั้นข้ามไปอ่านข้อ 2 เลยค่ะ
2. การสะกดจิต ข้อนี้ใช้สำหรับวิชาที่เกลียดโดยเฉพาะ โดยการใช้วิธีสะกดจิตของตัวเองทุกวัน เช่น สมมติว่าเกลียดภาษาอังกฤษมาก แต่จำเป็นต้องเรียน ใครกำลังประสบปัญหานี้อยู่ เริ่มด้วยการสะกดจิตตัวเองค่ะ ตื่นเช้ามาอาบน้ำแต่งตัวให้เรียบร้อย ก่อนออกจากห้องยิ้มหวานให้กระจก แล้วกำหมัดขึ้นพูดกับตัวเองในกระจกทุกวันว่า “ ฉันรักภาษาอังกฤษ รักการพูดภาษาอังกฤษ ฉันต้องเก่งภาษาอังกฤษให้ได้ สู้ๆ(ใส่ชื่อตัวเอง) ต้องทำได้!! ” (เราไม่ค่อยอังกฤษเท่าไหร่ T_T )
3. การคิดบวก ข้อนี้คล้ายกับข้อ 2 ค่ะ ต้องคิดบวกกับวิชาที่เกลียด ห้ามไปแยกเขี้ยวใส่มันเด็ดขาด ยิ่งเราหยิ่งเรานี้แหละจะเป็นคนสร้างกำแพงขึ้นมาเพื่อต่อต้านวิชาเหล่านั้น เช่น ถ้าคุณไม่ชอบอังกฤษ ให้คิดเสียว่า “ ภาษาอังกฤษง่ายจะตาย คนทั้งโลกยังพูดได้ทำไมเราจะพูดไม่ได้ อิอิ ” เมื่อคุณคิดอย่างนี้ทุกครั้งที่คุณนึกถึงภาษาอังกฤษ คุณจะหลงรักและทำลายกำแพงเหล่านั้นทิ้งในทันที
4. เมื่อไหร่ก็ตามที่เริ่มท้อแท้กับวิชาที่เรียน ** ห้ามด่าตัวเอง ** โดยเฉพาะคำว่าโง่ ห้ามพูดเด็ดขาด ให้ถือเป็นคำหยาบคายไปเลย
5. เตือนสติตัวเองอยู่เสมอ เช่น นี่ๆตัวฉันขี้เกียจเกินไปแล้วนะ!! หรือ วันนี้เธอ(คือตัวเรา)ยังไม่อ่านหนังสือ ยังไม่ทำการบ้านเลย!! ถ้าเตือนไม่ได้ผลก็จิกหัวตัวเองเลยค่ะ เช่น วางโทรศัพท์แล้วทำการบ้านเดี๋ยวนี้เลยยัยบ้า!!!! (ให้เพื่อนคอยเตือนก็ได้ค่ะ)
ด้านสังคม/ สิ่งแวดล้อม ด้านนี้สำคัญมากค่ะ
1. การเลือกคบเพื่อน จำไว้ให้ขึ้นใจเลยค่ะ คบคนพาลพาลพาไปหาผิด คบบัณฑิตพาไปหาผล
2. สาวๆหนุ่มๆทั้งหลายที่หลงใหลในเสียงดนตรี กาปฏิทินไว้เลยค่ะว่า วันศุกร์ตอนเย็นกับวันเสาร์เท่านั้นสำหรับการออกไปลั้ลลาหาความสุข วันอาทิตย์ให้พักผ่อน/อ่านหนังสือ/ ทำการบ้าน/ทำรายงาน ฯลฯ
3. ไม่แนะนำให้ไปติวหนังสือที่ร้านกาแฟหรือร้านฟาสต์ฟู้ดค่ะ เหตุผล : สภาพแวดล้อมรอบข้างไม่เอื้ออำนวย สิ่งล่อตาล่อใจเยอะ ไม่มีสมาธิ ขออิงประสบการณ์ตรงค่ะ ทุกครั้งที่นัดเพื่อนไปติวหนังสือร้านกาแฟล่มทุกครั้งค่ะ นอกจากไม่มีสมาธิแล้วน้ำหนักยังขึ้นอีก T_T
(รีวิวผลการเรียน) พร้อมเทคนิคเน้นๆ
เมื่อก่อนตอนเรียนม.ปลาย เราเกรดเกรดน้อยมากๆ พอเข้ามาเรียนมหาวิทยาลัยจึงใช้เทคนิคนิดๆน้อยๆเพื่อพัฒนาผลการเรียนของตัวเองจนในที่สุดเราก็ทำได้
เริ่มแรกขอรีวิวเกรดก่อนนะคะ ตั้งแต่ ปี1เทอม1- ปี 4 เทอม 1 (ตอนนี้เรียนจบแล้วใช้เวลาเรียนสามปีครึ่งค่ะ)
(GPA รายเทอมไม่ใช่เกรดเฉลี่ยรวม)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
หมายเหตุ 1: ขอไม่ระบุชื่อมหาวิทยาลัยกับชื่อคณะหรือสาขานะคะ เพราะถ้าบอกไปเพื่อนๆหลายคนที่ไม่ชอบเราจะรู้ว่าเป็นเรา ปัญหาต่างๆจะตามมา เราไม่อยากหาเรื่องใส่ตัวเองอีก ขอให้ทุกท่านที่เข้าใจด้วยค่ะ
หมายเหตุ 2 : เทคนิคเหล่านี้จะได้ผล 100% สำหรับคนที่ทำต่อเนื่องอย่างสม่ำเสมอ มุ่งมั่นขยันและอดทน ไม่แนะนำสำหรับคนผัดวัน
ประกันพรุ่ง
เทคนิคเน้นๆสำหรับการเรียน
เทคนิคนี้ใช้ได้กับการเรียนทุกระดับชั้นค่ะ
เริ่มที่ด้านแรกก่อนเลยนะคะ
ด้านจิตใจ ขั้นตอนแรกสำหรับการเรียน หลายคนสอบเข้าคณะในฝันได้ แต่ปรากฏว่าเรียนไม่ได้ ปัญหาเหล่านี้จะหมดไป คุณจะไม่ได้เป็นเด็กซิ่วถ้าคุณสำรวจจิตใจของคุณ
1. ถามตัวเองว่าชอบ / เกลียดวิชาอะไร เมื่อรู้แล้วว่าชอบอะไรให้ลงคณะหรือลงเอกเลือก (ตัวฟรีที่ชอบ) เช่น คนชอบดนตรีให้ลงเรียนวิชาที่เกี่ยวเนื่องกับดนตรี , คนที่เป็นปรปักษ์กับตัวเลข การคำนวณ ควรหลีกเลี่ยงวิชาที่เกี่ยวกับสถิติเสีย หลายคนยกมือขึ้นทันทีก็เป็นวิชาบังคับน่ะสิถึงได้ลง ถ้าเป็นอย่างนั้นข้ามไปอ่านข้อ 2 เลยค่ะ
2. การสะกดจิต ข้อนี้ใช้สำหรับวิชาที่เกลียดโดยเฉพาะ โดยการใช้วิธีสะกดจิตของตัวเองทุกวัน เช่น สมมติว่าเกลียดภาษาอังกฤษมาก แต่จำเป็นต้องเรียน ใครกำลังประสบปัญหานี้อยู่ เริ่มด้วยการสะกดจิตตัวเองค่ะ ตื่นเช้ามาอาบน้ำแต่งตัวให้เรียบร้อย ก่อนออกจากห้องยิ้มหวานให้กระจก แล้วกำหมัดขึ้นพูดกับตัวเองในกระจกทุกวันว่า “ ฉันรักภาษาอังกฤษ รักการพูดภาษาอังกฤษ ฉันต้องเก่งภาษาอังกฤษให้ได้ สู้ๆ(ใส่ชื่อตัวเอง) ต้องทำได้!! ” (เราไม่ค่อยอังกฤษเท่าไหร่ T_T )
3. การคิดบวก ข้อนี้คล้ายกับข้อ 2 ค่ะ ต้องคิดบวกกับวิชาที่เกลียด ห้ามไปแยกเขี้ยวใส่มันเด็ดขาด ยิ่งเราหยิ่งเรานี้แหละจะเป็นคนสร้างกำแพงขึ้นมาเพื่อต่อต้านวิชาเหล่านั้น เช่น ถ้าคุณไม่ชอบอังกฤษ ให้คิดเสียว่า “ ภาษาอังกฤษง่ายจะตาย คนทั้งโลกยังพูดได้ทำไมเราจะพูดไม่ได้ อิอิ ” เมื่อคุณคิดอย่างนี้ทุกครั้งที่คุณนึกถึงภาษาอังกฤษ คุณจะหลงรักและทำลายกำแพงเหล่านั้นทิ้งในทันที
4. เมื่อไหร่ก็ตามที่เริ่มท้อแท้กับวิชาที่เรียน ** ห้ามด่าตัวเอง ** โดยเฉพาะคำว่าโง่ ห้ามพูดเด็ดขาด ให้ถือเป็นคำหยาบคายไปเลย
5. เตือนสติตัวเองอยู่เสมอ เช่น นี่ๆตัวฉันขี้เกียจเกินไปแล้วนะ!! หรือ วันนี้เธอ(คือตัวเรา)ยังไม่อ่านหนังสือ ยังไม่ทำการบ้านเลย!! ถ้าเตือนไม่ได้ผลก็จิกหัวตัวเองเลยค่ะ เช่น วางโทรศัพท์แล้วทำการบ้านเดี๋ยวนี้เลยยัยบ้า!!!! (ให้เพื่อนคอยเตือนก็ได้ค่ะ)
ด้านสังคม/ สิ่งแวดล้อม ด้านนี้สำคัญมากค่ะ
1. การเลือกคบเพื่อน จำไว้ให้ขึ้นใจเลยค่ะ คบคนพาลพาลพาไปหาผิด คบบัณฑิตพาไปหาผล
2. สาวๆหนุ่มๆทั้งหลายที่หลงใหลในเสียงดนตรี กาปฏิทินไว้เลยค่ะว่า วันศุกร์ตอนเย็นกับวันเสาร์เท่านั้นสำหรับการออกไปลั้ลลาหาความสุข วันอาทิตย์ให้พักผ่อน/อ่านหนังสือ/ ทำการบ้าน/ทำรายงาน ฯลฯ
3. ไม่แนะนำให้ไปติวหนังสือที่ร้านกาแฟหรือร้านฟาสต์ฟู้ดค่ะ เหตุผล : สภาพแวดล้อมรอบข้างไม่เอื้ออำนวย สิ่งล่อตาล่อใจเยอะ ไม่มีสมาธิ ขออิงประสบการณ์ตรงค่ะ ทุกครั้งที่นัดเพื่อนไปติวหนังสือร้านกาแฟล่มทุกครั้งค่ะ นอกจากไม่มีสมาธิแล้วน้ำหนักยังขึ้นอีก T_T