คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 1
1
ชีวิตฉันนี้มันดีจริงๆ สวย รวย มีเสน่ห์ เป็นลูกคุณหนู แถมมีคนเข้ามาขายขนมจีบเยอะแยะ มีแต่คนอยากเข้ามารู้จัก อยากเป็นเพื่อน ชีวิตอย่างฉันนี้และที่ทุกคนไขว้คว้าหาและอยากจะเป็นแต่ใครจะรู้ล่ะว่าชีวิตฉันจะเป็นอย่างไร ต้องแบกรับอะไรไว้บาง ฉันเป็นแค่เด็กที่อายุ 17 เอง เห้อ!!!!ยัยแพรพลอยเอ้ย
วันนี้ฉันต้องมาถ่ายแบบขึ้นปกหนังสือชื่อดัง และมีการสัมภาษณ์ฉันเล็กน้อย แต่พอฉันถ่ายเสร็จฉันก็ว่าจะไปทานข้าวซะหน่อย เพราะฉันจะต้องมีถ่ายละครต่อ แต่แล้วอยู่ๆเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ฉันนี้หงุดหงิดเลยใครกันโทรมาตอนนี้ แต่พอฉันมองเบอร์ที่โทรก็รู้เลยว่าต้องมีปัญหาแน่ๆ
แพรพลอย : ฮัลโหล
ต้น : คุณหนูครับ ที่บริษัทมีปัญหาครับ คุณหนูรีบมาดูเถอะครับ
แพรพลอย : ได้เดี๋ยวฉันจะรีบไป
อะไรกันย่ะปัญหาอะไรอีก ฉันนี้ต้องรีบเก็บของทุกอย่างแล้วลาทุกคน และรีบขับรถไปให้ถึงบริษัทเร็วที่สุด พอเมื่อมาถึงที่บริษัทมือขวาคนสนิทของฉันก็มายืนรออยู่ข้างหน้า ดีคะนางรู้หน้าที่ดี พอฉันลงจากรถนางก็รีบมาอันเชิญฉันเข้าห้องประชุมโดยด่วน แต่ตลอดทางที่เดินมา ต้นก็เล่าทุกอย่างให้ฉันฟังแล้วว่าพี่ทิมมี่ลูกพี่ลูกน้องของฉันเรียกประชุมเกี่ยวกับงานแถลงข่าวและงานเลี้ยงตอนเย็นที่นางจะเอาคนของนางเข้ามาทำแทนฉัน เพื่อที่จะกันฉันออกแล้วนางจะเสนอตัวเป็นรองประธานแทนฉันได้
พอฉันเข้าไปในห้องก็เห็นทุกคนนั่งกันพร้อมแล้วฉันจึงบอกให้เริ่มการประชุมได้ พี่ทิมมี่จึงพูดขึ้นมาเกี่ยวกับงานแถลงข่าวและงานเลี้ยงว่าควรให้บี น้องสาวของเขาเป็นคนทำเพราะว่าบีเรียนจบด้านนี้มาโดยเฉพาะ แล้วอีกอย่างก็คือท่านรองประธานของเราก็ยังเด็กและอายุยังน้อยประสบการณ์ก็ยังมีไม่มากนัก
หึหึ อายุน้อยแล้วไงย่ะ อายุ 17 แล้วย่ะโตแล้ว และฉันคือรองประธานเข้าใจไหมย่ะ ฉันได้แต่เถียงอยู่ในใจเท่านั้น แต่อยู่ๆก็มีคนเปิดประตูเข้ามาจนทุกคนต้องหันกลับไปมอง ทุกคนต้องตะลึงในความหล่ออ่อร่า ทั้งสาวเล็กสาวใหญ่ แทบจะกรี๊ดออกมาดังๆอย่างกับเจอดาราเกาหลี ฉันยอมรับเลยว่า ผช คนนี้หล่อมากถ้าเป็นฉันคงจะจีบนางแล้วและถ้านางไม่ใช่พี่ชายฉัน!!! พอนางเข้ามาถึงนางก็บอกว่าอายุก็เป็นเพียงตัวเลขไม่สำคัญอะไรเท่ากับผลงานหรอก และนางก็บอกต่อว่ามิสเตอร์ฟิวลิฟ ยอมเซ็นสัญญากับเราแล้วและต้องยกความดีความชอบให้กับคุณแพรพลอย (ก็คือฉันเอง) ที่ทำให้เราได้ร่วมทุนกับมิสเตอร์ฟิวลิฟ
เป็นไงล่ะจ้าฉันเก่งใช่ไหมล่ะ เอาล่ะสิทุกคนต่างเห็นด้วยแต่มีอยู่คนเดียวที่อยากจะเอามีดมากรีดหน้าฉัน ก็จะใครล่ะพี่ทิมมี่ไงล่ะ ลูกพี่ลูกน้องของฉันที่อยากจะขึ้นมาแทนตำแหน่งฉัน คอยที่เลื่อนขาเก้าอี้ของฉันตลอดเว แต่เสียใจด้วยย่ะขาเก้าอี้ฉันแข็งแรงมาก พอฉันเห็นทุกคนไม่มีปัญหาอะไรเกี่ยวกับเรื่องงานเลี้ยง ฉันจึงตัดบทโดยการปิดประชุมทันที คนทุกคนต่างเดินออกจากห้องประชุมด้วยอาการปกติยกเว้นก็แต่พี่ทิมมี่นี่และที่ทำหน้าไม่พอใจและแสดงอาการออกมาอย่างชัดเจน แต่ฉันก็ไม่แคร์หลอกเพราะวันนี้ฉัน คือ ผู้ชนะ The winner
เพอ : พลอย!
แพรพลอย : ห๊ะๆๆ
เพอ : พี่ไปก่อนนะเด๋วพี่จะไปทานข้าวกับแพรว
เป็นไงล่ะพี่ชายฉันทิ้งน้องแล้วไปกับแฟนดีไหมล่ะจ้า แม่นาง! (ฉันนี้แบ้ปากอย่างแรง) หมั่นใส้ที่สุด อิจฉามากๆๆ อารมณ์แบบอยากมีใครสักคนอยู่ข้างๆ
ฉันก็ยังคงทำหน้าที่ในการถ่ายละครของฉันต่อไปถึงแม้จะเหนื่อยแต่ฉันก็สู้ สวยๆอย่างฉันต้องทึกและอึดย่ะ พอฉันถ่ายละครเสร็จฉันก็รีบกลับบ้านเพราะฉันคิดถึงที่นอนมากตาจะปิดและ พอกลับมาถึงบ้าน ฉันก็ต้องพบกับความเงียบที่แสนจะคุ้นเคยและเคยชินกับมันแล้ว บ้านหลังใหญ่อย่างกับพระราชวังกับความเงียบ และการอยู่คนเดียว มันก็ไม่ได้เชิงอยู่คนเดียวหลอกนะบ้านฉันยังมีพ่อและแม่แต่ตอนนี้ท่านย้ายไปอยู่เมืองนอกนานๆจะกลับเพราะพวกท่านต้องดูแลบริษัทที่นั้น แต่ฉันยังมีพี่ชายอีก 2 คน ที่ไม่ค่อยจะกลับมานอนบ้านเพราะคนแรก คือ พี่เพอริโด้ นางเรียนจบและทำงานแล้วและนางต้องเดินทางไปดูบริษัทที่กำลังจะเปิดใหม่ที่ญี่ปุ่น ส่วนพี่ชายคนกลางของฉัน พี่เพชรนางก็ทำงานนะแต่นางก็ยังเรียนมหาลัยอยู่ส่วนใหญ่นางเลยจะอยู่หอมากกว่าบ้าน แต่บ้านฉันยังมีอีกคนที่อยู่กับฉัน นั้นก็คือ แม่นม แม่นมคือคนที่เลี้ยงฉันมาตั้งแต่เด็กเอาง่ายๆ ก็คือเลี้ยงเราทั้งสามคนนั้นและ แต่ฉันจะสนิทกับแม่นมมากกว่าทุกคน
แต่ทำไมวันนี้ฉันรู้สึกเหนื่อยจังเหนื่อยกว่าทุกวันที่ผ่านมา ตอนนี้ฉันนั่งอยู่คนเดียวกลางห้องนั่งเล่น เพราะห้องนี้จะเป็นห้องที่คนในครอบครัวของฉันจะชอบเข้ามานั่งเล่นหลังเสร็จจากงานหรือการทานข้าว ฉันนั่งนึกย้อนไปถึงวันเก่าๆที่เคยผ่านมาย้อนมองถึงความสุขในอดีต ฉันก็นั่งคิดอยู่คนเดียว จนแม่นมเดินเข้ามาหาฉันแล้วมานั่งข้างๆ ฉันจึงกอดแม่นมแต่อยู่ดีดีฉันก็อยากที่จะร้องไห้ ไม่รู้สินะว่าทำไมแต่ตอนนั้นฉันรู้สึกหวิวๆ อ้างว้าง หว่าเหว เหมือนอยู่ตัวคนเดียวบนโลก ฉันเหนื่อยกับการทำงานมาทั้งวัน ฉันหวังแค่ว่าฉันจะกลับบ้านมาแล้วพบกับพ่อแม่และพี่พี่ของฉัน หวังว่ากลับมาแล้วฉันจะได้มาทานข้าวพร้อมหน้าพร้อมตาเมื่อแต่ก่อน ฉันอยากเป็นเหมือนคนอื่นที่เขากลับบ้านมาเหนื่อยๆแล้วเจอกับความสุขที่รออยู่ตรงหน้า ตั้งแต่เล็กจนโตฉันไม่เคยได้อยู่กับพ่อและแม่จริงๆ สักทีเวลาฉันไปโรงเรียนฉันจะเห็นพ่อแม่คนอื่นเขามาส่งลูกที่โรงเรียนเขาดูมีความสุขกันมากได้หัวเราะและหอมแก้มกันพวกเขาไม่ต้องมีชีวิตที่หรูหราเริ่ดเล่อแต่ขอเพียงให้มีกันและกันเพื่อนหลายคนอิจฉาฉันที่บ้านฉันรวยเพื่อนๆมักพูดเสมอว่าเธอโชคดีจังที่เกิดมาในครอบครับที่รวยได้นั่งรถราคาแพงๆมีคนขับรถขับมาให้เพื่อนต่างอิจฉาฉันแต่ฉันต่างหากที่กับอิจฉาเพื่อน อิจฉาที่เขามีทั้งพ่อและแม่มาส่ง ถึงพวกเขาจะไม่รวยแต่พวกเขากับมีความสุขกับสิ่งที่เป็นอยู่
เช้า.....
พอตื่นเช้ามาฉันก็จะลืมทุกสิ่งทุกอย่างแล้วเริ่มต้นกับวันใหม่ๆ ฉันก็ลุกออกไปอาบน้ำแต่งตัวสวยๆแบบกิ๊ฟเก้ยูเรดาพร้อมที่จะไปทำงาน วันนี้เป็นวันอาทิตย์เพื่อนทุกคนของฉันคงได้นอนตื่นสายๆพักผ่อนอยู่บ้านหรือไม่ก็ไปเรียนพิเศษกันแต่ฉันต้องออกมาทำงานถ่ายละครต่อเฮ้อ!!! ขอหยุดบางได้ไหมมมมมม
พอฉันมาถึงกองถ่าย ฉันก็เดินทักทายคนไปทั่วตั้งแต่ผู้กำกับยันคนล้างห้องน้ำ พร้อมกับเอาขนมที่ฉันซื้อมาไปแจกจ่ายและแบ่งกันกิน พอใกล้ถึงเวลาถ่ายละครฉันก็เข้าไปเปลี่ยนชุดแล้วอ่านบทเตรียมเข้าฉาก แต่ก็ไม่ได้อ่านเท่าไรหลอกส่วนใหญ่จะเม้ามอยหอยขมตามประสา ผญ เม้าคนนู้นคนนี้แต่เราไม่ได้เม้าว่าใครนะส่วนใหญพี่ช่างแต่งหน้าจะกัดกันเอง555 ก็สนุกกันไปเม้ามอยอย่างเดียวบทนี่ไม่สนใจและ พอถึงเวลาเข้าฉากฉันก็ไปเข้า แต่ฉันจะถ่ายเพียงแค่เทคเดียวผ่าน ไม่ค่อยผิดเท่าไรเพราะฉันทำการบ้านมาอย่างดี พอถ่ายฉากที่มีฉันจบฉันก็เข้ามาพัก แล้วเตรียมตัวถ่ายฉากต่อไป ฉันเหลือแค่อีก 2 ฉากเท่านั้น ฉันก็จะได้กลับบ้านแล้ว เย้ๆๆๆ ดีใจจัง อยู่ดีดีพี่เพอก็โทรมาหาฉันถามว่าฉันอยู่บ้านรึเปล่าอยู่ที่ไหนกลับบ้านกี่โมง แต่ฉันก็บอกนางไปนะ แล้วฉันก็ไปเข้าฉากต่อไป พอถ่ายเสร็จฉันก็กลับบ้านแต่ก็ไม่ได้ตะขิดตะขวงใจอะไรกับการที่พี่เพอโทรมาถามฉัน เพราะฉันคิดว่านางคงเป็นห่วงล่ะมั้ง
พอฉันกับมาถึงบ้านทุกอย่างก็ปกติดี ไม่มีอะไรผิดแปลกไป แต่อยู่ๆ พี่แหววคนใช้ที่สนิทกับฉันก็วิ่งมาตามฉันให้ไปที่สระว่ายน้ำ ฉันก็งง แต่ก็ยังไม่คิดไรก็เดินไป ฉันก็เลยนึกว่ามีใครเป็นอะไรรึเปล่าจึงรีบไปดู แต่สิ่งที่เห็นคือคนในครอบครัวที่ฉันคิดถึงเมื่อวานนี้ พวกเขามาอยู่ตรงหน้าฉันแล้ว ยืนอยู่ตรงนี้จริงๆ เพียงแค่นี้น้ำตาก็ไหลแล้วฉันก็วิ่งไปกอดป๊ะป๊ากับคุณแม่ กอดแน่นมาก แน่นที่สุดในชีวิต บางคนอ่านมองว่าฉันเว่อ แต่เปล่าเลยฉันคิดถึงท่านสองคนมากจริงๆเกือบครึ่งปีแล้วที่ฉันไม่ได้เจอคุณป๊าและคุณแม่ เพราะว่าท่านทั้งสองต่างทำงานอยู่ที่อเมริกา ท่านต้องดูแลบริษัทแม่ที่นั้นนานๆจึงจะกลับมา แต่บางครั้งที่ท่านกลับมาฉันก็แทบจะไม่ได้เจอเท่าไรเพราะงานท่านเยอะมาก บางทีฉันยังไม่รู้เลยว่าป๊ากับแม่ฉันกลับมา และครั้งนี้ฉันก็ไม่รู้ว่าท่านจะอยู่เมืองไทยนานเท่าไหน แต่ฉันภาวนาให้อยู่นานๆซัก 2 อาทิตย์ก็แล้วกัน
เพอ : พอแล้วพอแล้วจะกอดไรนักหนา (เกิดอาการอิจฉา)
เพชร : นั้นดิ ไปกินบาร์บีคิวกันดีกว่า
ฉันก็เลยเช็ดน้ำตาแล้วไปกินบาร์บีคิวของโปรด วันนี้มีแต่ของโปรดฉันทั้งนั้น ฉันทิ้งความทุกข์ทุกอย่างไว้ข้างหลังและตักตวงแต่ความสุขที่อยู่ตรงหน้าเท่านั้น ฉันจะตักตวงให้ได้มากที่สุดมากเท่าที่จะทำได้ พี่พี่ของฉันต่างมาพูดกับฉันว่าต่อไปจะกลับมานอนบ้านให้บ่อยขึ้น ถ้าเป็นไปได้จะกลับมานอนทุกวันเลย และจะไม่ทิ้งฉันให้อยู่คนเดียวอีก ป๊ากับแม่ฉันก็สัญญาว่าจะกลับมาให้บ่อยขึ้น ฉันเลยบอกป๊ากับแม่ไปว่าถ้ากลับมาไม่ได้ก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันจะเป็นคนไปหาเอง พอสัญญากันเสร็จเราก็ทานข้าวกัน คุยกัน หากิจกรรมมาทำ พวกเราสนุกกันมากแต่ก็แปลกเนาะความสุขมันอยู่กับเราไม่นานเลยทำไมเวลาเดินเร็วจัง ฉันต้องเข้าไปนอนแล้วไม่อยากนอนเลยฉันอยากอยู่กับคุณป๊าและคุณแม่ให้นานกว่านี้ ฉันก็เริ่มจะงอแงแล้วและ เหมือนเด็กที่กำลังจะโดนขัดใจหรือไม่ได้อะไรสักอย่าง แม่เลยมากล่อมฉันให้ฉันไปนอน
แม่ : ไปนอนเถอะลูก พรุ่งนี้หนูต้องไปโรงเรียนนะ
พลอย : แต่หนูยังอยากอยู่กับป๊ะป๊าและคุณแม่นี่คะ
ป๊ะป๊า : พรุ่งนี้พ่อกับแม่ก็ยังอยู่และเราสองคนก็จะไปส่งลูกที่โรงเรียนด้วย
แค่ป๊ากับแม่บอกจะไปส่งฉันที่โรงเรียนฉันก็เลยรีบขึ้นไปนอน วันนี้เป็นวันที่ฉันนอนหลับแบบมีความสุขที่สุดในโลกเลย แต่ฉันก็แอบหวั่นอยู่นะว่าฉันจะโดนป๊ากับแม่เบี้ยวรึเปล่า
พอตื่นมาฉันก็ทำกิจวัชรประจำวันแล้วก็ลงไปทานข้าว แต่ฉันกลัวว่าจะโดนเบี้ยว อย่าเป็นอย่างที่คิดเลยนะ สาธุๆ พอฉันลงมาก็ไม่เห็นใครเลย รู้ไหมใจฉันตกไปอยู่ที่ตาตุ้มแล้ว แต่พอหันกลับไป ฉันเจอทุกคนยืนอยู่ข้างหลัง
พลอย : แกล้งกันหรอ >_<
เพชร : โอ้ๆๆ นิดๆหน่อยๆ
ฉันนี้ไม่นิดหน่อยเลย โกรธมาก นอย งอลมากที่สุด ทำกับฉันแบบนี้ได้ยังไง ฉันนี่น้อยใจทุกคนเลย พอทานเสร็จเราห้าคนพ่อแม่ลูกก็ออกไปทำงานและไปส่งฉันที่โรงเรียนด้วยกัน บอกเลยมีความสุขมาก ฟินนนนนที่สุด พอถึงโรงเรียนฉันก็ไหว้ทุกคนแล้วลงจากรถ แต่ทุกคนดันมองมาที่ฉัน สายตาบางคนก็ยิ้มแบบเป็นมิตร แต่บางคนเอ่อแต่ฉันว่าทุกคนและมองฉันด้วยสายตาที่แบบอยากจะเดินมาตบฉันเลย อิจฉา หมั่นใส บอกเลยว่าฉันไม่แคร์ เพราะฉันสวยและรวยมาก (มันเกี่ยวไหม) ฉันก็เดินเข้าโรงเรียนตามปกติไม่ได้สนใจเสียงนกเสียงกา หรือเสียงนินทาใดๆ ถ้าเป็นคนอื่นเขาคงจะนอยแล้วก็อยู่ไม่ได้แล้วและ แต่เพราะเป็นฉันนี้และเป็นฉันที่ไม่สนใจใคร แต่ก็ใช่ว่าฉันไม่แคร์ใครนะ ฉันจะแคร์กับแค่คนในครอบครัวแล้วก็เพื่อนในกลุ่มฉันเท่านั้น ส่วนคนอื่นนะหรอไม่เคยอยู่ในสายตาฉันเลยและ
เมื่อมาถึงโต๊ะฉันกับเพื่อนก็เริ่มเม้ามอยกันอย่างสนุกสนานแกล้งคนนู้นบางคนนี้บาง เฮฮากันไปตามประสาเด็กมอปลาย ตอนฉันอยู่โรงเรียนฉันจะทำตัวเป็นเด็ก เป็นเหมือนเด็กคนอื่นทั่วไปที่เล่นสนุกไปวันวัน ตอนนี้เป็นตอนเดียวที่ฉันจะเป็นตัวของตัวเอง อยากทำอะไรก็ทำตามใจตัวเองโดยที่ไม่ต้องมีใครมาบังคับฉันให้ทำนู่นทำนี่ พอเสียงเพลงมาร์ชโรงเรียนดังขึ้นก็หมดเวลาสนุกแล้วสิ พวกเราก็เดินไปเข้าแถวแล้วก็ทำพิธีหน้าเสาธงไปตามปกติของทุกวัน หลังจากนั้นฉันก็ขึ้นเรียนตามปกติ
เที่ยง.....
โอ๊ยยยยยย หิวจัง หิวๆๆๆๆๆๆ เมื่อไรจะเลิกเนี่ยเที่ยงแล้วนะปล่อยช้าจังเกินเวลาตลอดเลย ฉันนี่เซงสุดๆ ตอนนี้ภาวนาอย่างเดียวว่าเลิกเถอะหิว สุดท้ายคำภาวนาของฉันก็เป็นจริงได้กินข้าวแล้ว พอหัวหน้าห้องบอกทำความเคารพฉันนี้ออกจากห้องคนแรกเลย รีบจัด ลงไปถึงฉันก็ทานข้าวซื้อขนมกินแล้วก็นั่งเล่นโทรศัพท์ เปิด IG ดูไปเรื่อยๆ แต่แล้วก็มีไลน์เด้งมา ฉันก็ต้องหยุดนิ่งไปเพราะคนที่ส่งไลน์ คือ แม่ฉันเอง ฉันเลยรีบเปิดดูอย่างเร็ว
แม่ : เด๋ววันนี้พวกเราจะไปรับลูกที่โรงเรียนนะ (โห้ยตอนแรกฉันนี้นึกว่าแม่จะส่งมาบอกว่าแม่กลับแล้ว ใจเต้นแรงเลย)
พลอย : ส่งสติกเกอร์แมวน่ารักๆ
เสียงกริ่งดังขึ้น.........
ต้องขึ้นไปเรียนอีกและอยากเลิกเรียนแล้วอ่ะ อยากเจอคุณป๊ากับแม่แล้ว ฮือๆๆๆ
ปลา : พลอยเดี๋ยวไปกอกน้ำก่อนขึ้นเรียนนะ
พลอย : อืมมมมม
ฉันก็ตอบเพื่อนฉันไป ปลาเป็นเพื่อนในกลุ่มของฉัน เธอเป็นคนน่ารัก ดัดฟันนิสัยดี แต่ค่อนข้างขี้งอลและขี
ชีวิตฉันนี้มันดีจริงๆ สวย รวย มีเสน่ห์ เป็นลูกคุณหนู แถมมีคนเข้ามาขายขนมจีบเยอะแยะ มีแต่คนอยากเข้ามารู้จัก อยากเป็นเพื่อน ชีวิตอย่างฉันนี้และที่ทุกคนไขว้คว้าหาและอยากจะเป็นแต่ใครจะรู้ล่ะว่าชีวิตฉันจะเป็นอย่างไร ต้องแบกรับอะไรไว้บาง ฉันเป็นแค่เด็กที่อายุ 17 เอง เห้อ!!!!ยัยแพรพลอยเอ้ย
วันนี้ฉันต้องมาถ่ายแบบขึ้นปกหนังสือชื่อดัง และมีการสัมภาษณ์ฉันเล็กน้อย แต่พอฉันถ่ายเสร็จฉันก็ว่าจะไปทานข้าวซะหน่อย เพราะฉันจะต้องมีถ่ายละครต่อ แต่แล้วอยู่ๆเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ฉันนี้หงุดหงิดเลยใครกันโทรมาตอนนี้ แต่พอฉันมองเบอร์ที่โทรก็รู้เลยว่าต้องมีปัญหาแน่ๆ
แพรพลอย : ฮัลโหล
ต้น : คุณหนูครับ ที่บริษัทมีปัญหาครับ คุณหนูรีบมาดูเถอะครับ
แพรพลอย : ได้เดี๋ยวฉันจะรีบไป
อะไรกันย่ะปัญหาอะไรอีก ฉันนี้ต้องรีบเก็บของทุกอย่างแล้วลาทุกคน และรีบขับรถไปให้ถึงบริษัทเร็วที่สุด พอเมื่อมาถึงที่บริษัทมือขวาคนสนิทของฉันก็มายืนรออยู่ข้างหน้า ดีคะนางรู้หน้าที่ดี พอฉันลงจากรถนางก็รีบมาอันเชิญฉันเข้าห้องประชุมโดยด่วน แต่ตลอดทางที่เดินมา ต้นก็เล่าทุกอย่างให้ฉันฟังแล้วว่าพี่ทิมมี่ลูกพี่ลูกน้องของฉันเรียกประชุมเกี่ยวกับงานแถลงข่าวและงานเลี้ยงตอนเย็นที่นางจะเอาคนของนางเข้ามาทำแทนฉัน เพื่อที่จะกันฉันออกแล้วนางจะเสนอตัวเป็นรองประธานแทนฉันได้
พอฉันเข้าไปในห้องก็เห็นทุกคนนั่งกันพร้อมแล้วฉันจึงบอกให้เริ่มการประชุมได้ พี่ทิมมี่จึงพูดขึ้นมาเกี่ยวกับงานแถลงข่าวและงานเลี้ยงว่าควรให้บี น้องสาวของเขาเป็นคนทำเพราะว่าบีเรียนจบด้านนี้มาโดยเฉพาะ แล้วอีกอย่างก็คือท่านรองประธานของเราก็ยังเด็กและอายุยังน้อยประสบการณ์ก็ยังมีไม่มากนัก
หึหึ อายุน้อยแล้วไงย่ะ อายุ 17 แล้วย่ะโตแล้ว และฉันคือรองประธานเข้าใจไหมย่ะ ฉันได้แต่เถียงอยู่ในใจเท่านั้น แต่อยู่ๆก็มีคนเปิดประตูเข้ามาจนทุกคนต้องหันกลับไปมอง ทุกคนต้องตะลึงในความหล่ออ่อร่า ทั้งสาวเล็กสาวใหญ่ แทบจะกรี๊ดออกมาดังๆอย่างกับเจอดาราเกาหลี ฉันยอมรับเลยว่า ผช คนนี้หล่อมากถ้าเป็นฉันคงจะจีบนางแล้วและถ้านางไม่ใช่พี่ชายฉัน!!! พอนางเข้ามาถึงนางก็บอกว่าอายุก็เป็นเพียงตัวเลขไม่สำคัญอะไรเท่ากับผลงานหรอก และนางก็บอกต่อว่ามิสเตอร์ฟิวลิฟ ยอมเซ็นสัญญากับเราแล้วและต้องยกความดีความชอบให้กับคุณแพรพลอย (ก็คือฉันเอง) ที่ทำให้เราได้ร่วมทุนกับมิสเตอร์ฟิวลิฟ
เป็นไงล่ะจ้าฉันเก่งใช่ไหมล่ะ เอาล่ะสิทุกคนต่างเห็นด้วยแต่มีอยู่คนเดียวที่อยากจะเอามีดมากรีดหน้าฉัน ก็จะใครล่ะพี่ทิมมี่ไงล่ะ ลูกพี่ลูกน้องของฉันที่อยากจะขึ้นมาแทนตำแหน่งฉัน คอยที่เลื่อนขาเก้าอี้ของฉันตลอดเว แต่เสียใจด้วยย่ะขาเก้าอี้ฉันแข็งแรงมาก พอฉันเห็นทุกคนไม่มีปัญหาอะไรเกี่ยวกับเรื่องงานเลี้ยง ฉันจึงตัดบทโดยการปิดประชุมทันที คนทุกคนต่างเดินออกจากห้องประชุมด้วยอาการปกติยกเว้นก็แต่พี่ทิมมี่นี่และที่ทำหน้าไม่พอใจและแสดงอาการออกมาอย่างชัดเจน แต่ฉันก็ไม่แคร์หลอกเพราะวันนี้ฉัน คือ ผู้ชนะ The winner
เพอ : พลอย!
แพรพลอย : ห๊ะๆๆ
เพอ : พี่ไปก่อนนะเด๋วพี่จะไปทานข้าวกับแพรว
เป็นไงล่ะพี่ชายฉันทิ้งน้องแล้วไปกับแฟนดีไหมล่ะจ้า แม่นาง! (ฉันนี้แบ้ปากอย่างแรง) หมั่นใส้ที่สุด อิจฉามากๆๆ อารมณ์แบบอยากมีใครสักคนอยู่ข้างๆ
ฉันก็ยังคงทำหน้าที่ในการถ่ายละครของฉันต่อไปถึงแม้จะเหนื่อยแต่ฉันก็สู้ สวยๆอย่างฉันต้องทึกและอึดย่ะ พอฉันถ่ายละครเสร็จฉันก็รีบกลับบ้านเพราะฉันคิดถึงที่นอนมากตาจะปิดและ พอกลับมาถึงบ้าน ฉันก็ต้องพบกับความเงียบที่แสนจะคุ้นเคยและเคยชินกับมันแล้ว บ้านหลังใหญ่อย่างกับพระราชวังกับความเงียบ และการอยู่คนเดียว มันก็ไม่ได้เชิงอยู่คนเดียวหลอกนะบ้านฉันยังมีพ่อและแม่แต่ตอนนี้ท่านย้ายไปอยู่เมืองนอกนานๆจะกลับเพราะพวกท่านต้องดูแลบริษัทที่นั้น แต่ฉันยังมีพี่ชายอีก 2 คน ที่ไม่ค่อยจะกลับมานอนบ้านเพราะคนแรก คือ พี่เพอริโด้ นางเรียนจบและทำงานแล้วและนางต้องเดินทางไปดูบริษัทที่กำลังจะเปิดใหม่ที่ญี่ปุ่น ส่วนพี่ชายคนกลางของฉัน พี่เพชรนางก็ทำงานนะแต่นางก็ยังเรียนมหาลัยอยู่ส่วนใหญ่นางเลยจะอยู่หอมากกว่าบ้าน แต่บ้านฉันยังมีอีกคนที่อยู่กับฉัน นั้นก็คือ แม่นม แม่นมคือคนที่เลี้ยงฉันมาตั้งแต่เด็กเอาง่ายๆ ก็คือเลี้ยงเราทั้งสามคนนั้นและ แต่ฉันจะสนิทกับแม่นมมากกว่าทุกคน
แต่ทำไมวันนี้ฉันรู้สึกเหนื่อยจังเหนื่อยกว่าทุกวันที่ผ่านมา ตอนนี้ฉันนั่งอยู่คนเดียวกลางห้องนั่งเล่น เพราะห้องนี้จะเป็นห้องที่คนในครอบครัวของฉันจะชอบเข้ามานั่งเล่นหลังเสร็จจากงานหรือการทานข้าว ฉันนั่งนึกย้อนไปถึงวันเก่าๆที่เคยผ่านมาย้อนมองถึงความสุขในอดีต ฉันก็นั่งคิดอยู่คนเดียว จนแม่นมเดินเข้ามาหาฉันแล้วมานั่งข้างๆ ฉันจึงกอดแม่นมแต่อยู่ดีดีฉันก็อยากที่จะร้องไห้ ไม่รู้สินะว่าทำไมแต่ตอนนั้นฉันรู้สึกหวิวๆ อ้างว้าง หว่าเหว เหมือนอยู่ตัวคนเดียวบนโลก ฉันเหนื่อยกับการทำงานมาทั้งวัน ฉันหวังแค่ว่าฉันจะกลับบ้านมาแล้วพบกับพ่อแม่และพี่พี่ของฉัน หวังว่ากลับมาแล้วฉันจะได้มาทานข้าวพร้อมหน้าพร้อมตาเมื่อแต่ก่อน ฉันอยากเป็นเหมือนคนอื่นที่เขากลับบ้านมาเหนื่อยๆแล้วเจอกับความสุขที่รออยู่ตรงหน้า ตั้งแต่เล็กจนโตฉันไม่เคยได้อยู่กับพ่อและแม่จริงๆ สักทีเวลาฉันไปโรงเรียนฉันจะเห็นพ่อแม่คนอื่นเขามาส่งลูกที่โรงเรียนเขาดูมีความสุขกันมากได้หัวเราะและหอมแก้มกันพวกเขาไม่ต้องมีชีวิตที่หรูหราเริ่ดเล่อแต่ขอเพียงให้มีกันและกันเพื่อนหลายคนอิจฉาฉันที่บ้านฉันรวยเพื่อนๆมักพูดเสมอว่าเธอโชคดีจังที่เกิดมาในครอบครับที่รวยได้นั่งรถราคาแพงๆมีคนขับรถขับมาให้เพื่อนต่างอิจฉาฉันแต่ฉันต่างหากที่กับอิจฉาเพื่อน อิจฉาที่เขามีทั้งพ่อและแม่มาส่ง ถึงพวกเขาจะไม่รวยแต่พวกเขากับมีความสุขกับสิ่งที่เป็นอยู่
เช้า.....
พอตื่นเช้ามาฉันก็จะลืมทุกสิ่งทุกอย่างแล้วเริ่มต้นกับวันใหม่ๆ ฉันก็ลุกออกไปอาบน้ำแต่งตัวสวยๆแบบกิ๊ฟเก้ยูเรดาพร้อมที่จะไปทำงาน วันนี้เป็นวันอาทิตย์เพื่อนทุกคนของฉันคงได้นอนตื่นสายๆพักผ่อนอยู่บ้านหรือไม่ก็ไปเรียนพิเศษกันแต่ฉันต้องออกมาทำงานถ่ายละครต่อเฮ้อ!!! ขอหยุดบางได้ไหมมมมมม
พอฉันมาถึงกองถ่าย ฉันก็เดินทักทายคนไปทั่วตั้งแต่ผู้กำกับยันคนล้างห้องน้ำ พร้อมกับเอาขนมที่ฉันซื้อมาไปแจกจ่ายและแบ่งกันกิน พอใกล้ถึงเวลาถ่ายละครฉันก็เข้าไปเปลี่ยนชุดแล้วอ่านบทเตรียมเข้าฉาก แต่ก็ไม่ได้อ่านเท่าไรหลอกส่วนใหญ่จะเม้ามอยหอยขมตามประสา ผญ เม้าคนนู้นคนนี้แต่เราไม่ได้เม้าว่าใครนะส่วนใหญพี่ช่างแต่งหน้าจะกัดกันเอง555 ก็สนุกกันไปเม้ามอยอย่างเดียวบทนี่ไม่สนใจและ พอถึงเวลาเข้าฉากฉันก็ไปเข้า แต่ฉันจะถ่ายเพียงแค่เทคเดียวผ่าน ไม่ค่อยผิดเท่าไรเพราะฉันทำการบ้านมาอย่างดี พอถ่ายฉากที่มีฉันจบฉันก็เข้ามาพัก แล้วเตรียมตัวถ่ายฉากต่อไป ฉันเหลือแค่อีก 2 ฉากเท่านั้น ฉันก็จะได้กลับบ้านแล้ว เย้ๆๆๆ ดีใจจัง อยู่ดีดีพี่เพอก็โทรมาหาฉันถามว่าฉันอยู่บ้านรึเปล่าอยู่ที่ไหนกลับบ้านกี่โมง แต่ฉันก็บอกนางไปนะ แล้วฉันก็ไปเข้าฉากต่อไป พอถ่ายเสร็จฉันก็กลับบ้านแต่ก็ไม่ได้ตะขิดตะขวงใจอะไรกับการที่พี่เพอโทรมาถามฉัน เพราะฉันคิดว่านางคงเป็นห่วงล่ะมั้ง
พอฉันกับมาถึงบ้านทุกอย่างก็ปกติดี ไม่มีอะไรผิดแปลกไป แต่อยู่ๆ พี่แหววคนใช้ที่สนิทกับฉันก็วิ่งมาตามฉันให้ไปที่สระว่ายน้ำ ฉันก็งง แต่ก็ยังไม่คิดไรก็เดินไป ฉันก็เลยนึกว่ามีใครเป็นอะไรรึเปล่าจึงรีบไปดู แต่สิ่งที่เห็นคือคนในครอบครัวที่ฉันคิดถึงเมื่อวานนี้ พวกเขามาอยู่ตรงหน้าฉันแล้ว ยืนอยู่ตรงนี้จริงๆ เพียงแค่นี้น้ำตาก็ไหลแล้วฉันก็วิ่งไปกอดป๊ะป๊ากับคุณแม่ กอดแน่นมาก แน่นที่สุดในชีวิต บางคนอ่านมองว่าฉันเว่อ แต่เปล่าเลยฉันคิดถึงท่านสองคนมากจริงๆเกือบครึ่งปีแล้วที่ฉันไม่ได้เจอคุณป๊าและคุณแม่ เพราะว่าท่านทั้งสองต่างทำงานอยู่ที่อเมริกา ท่านต้องดูแลบริษัทแม่ที่นั้นนานๆจึงจะกลับมา แต่บางครั้งที่ท่านกลับมาฉันก็แทบจะไม่ได้เจอเท่าไรเพราะงานท่านเยอะมาก บางทีฉันยังไม่รู้เลยว่าป๊ากับแม่ฉันกลับมา และครั้งนี้ฉันก็ไม่รู้ว่าท่านจะอยู่เมืองไทยนานเท่าไหน แต่ฉันภาวนาให้อยู่นานๆซัก 2 อาทิตย์ก็แล้วกัน
เพอ : พอแล้วพอแล้วจะกอดไรนักหนา (เกิดอาการอิจฉา)
เพชร : นั้นดิ ไปกินบาร์บีคิวกันดีกว่า
ฉันก็เลยเช็ดน้ำตาแล้วไปกินบาร์บีคิวของโปรด วันนี้มีแต่ของโปรดฉันทั้งนั้น ฉันทิ้งความทุกข์ทุกอย่างไว้ข้างหลังและตักตวงแต่ความสุขที่อยู่ตรงหน้าเท่านั้น ฉันจะตักตวงให้ได้มากที่สุดมากเท่าที่จะทำได้ พี่พี่ของฉันต่างมาพูดกับฉันว่าต่อไปจะกลับมานอนบ้านให้บ่อยขึ้น ถ้าเป็นไปได้จะกลับมานอนทุกวันเลย และจะไม่ทิ้งฉันให้อยู่คนเดียวอีก ป๊ากับแม่ฉันก็สัญญาว่าจะกลับมาให้บ่อยขึ้น ฉันเลยบอกป๊ากับแม่ไปว่าถ้ากลับมาไม่ได้ก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันจะเป็นคนไปหาเอง พอสัญญากันเสร็จเราก็ทานข้าวกัน คุยกัน หากิจกรรมมาทำ พวกเราสนุกกันมากแต่ก็แปลกเนาะความสุขมันอยู่กับเราไม่นานเลยทำไมเวลาเดินเร็วจัง ฉันต้องเข้าไปนอนแล้วไม่อยากนอนเลยฉันอยากอยู่กับคุณป๊าและคุณแม่ให้นานกว่านี้ ฉันก็เริ่มจะงอแงแล้วและ เหมือนเด็กที่กำลังจะโดนขัดใจหรือไม่ได้อะไรสักอย่าง แม่เลยมากล่อมฉันให้ฉันไปนอน
แม่ : ไปนอนเถอะลูก พรุ่งนี้หนูต้องไปโรงเรียนนะ
พลอย : แต่หนูยังอยากอยู่กับป๊ะป๊าและคุณแม่นี่คะ
ป๊ะป๊า : พรุ่งนี้พ่อกับแม่ก็ยังอยู่และเราสองคนก็จะไปส่งลูกที่โรงเรียนด้วย
แค่ป๊ากับแม่บอกจะไปส่งฉันที่โรงเรียนฉันก็เลยรีบขึ้นไปนอน วันนี้เป็นวันที่ฉันนอนหลับแบบมีความสุขที่สุดในโลกเลย แต่ฉันก็แอบหวั่นอยู่นะว่าฉันจะโดนป๊ากับแม่เบี้ยวรึเปล่า
พอตื่นมาฉันก็ทำกิจวัชรประจำวันแล้วก็ลงไปทานข้าว แต่ฉันกลัวว่าจะโดนเบี้ยว อย่าเป็นอย่างที่คิดเลยนะ สาธุๆ พอฉันลงมาก็ไม่เห็นใครเลย รู้ไหมใจฉันตกไปอยู่ที่ตาตุ้มแล้ว แต่พอหันกลับไป ฉันเจอทุกคนยืนอยู่ข้างหลัง
พลอย : แกล้งกันหรอ >_<
เพชร : โอ้ๆๆ นิดๆหน่อยๆ
ฉันนี้ไม่นิดหน่อยเลย โกรธมาก นอย งอลมากที่สุด ทำกับฉันแบบนี้ได้ยังไง ฉันนี่น้อยใจทุกคนเลย พอทานเสร็จเราห้าคนพ่อแม่ลูกก็ออกไปทำงานและไปส่งฉันที่โรงเรียนด้วยกัน บอกเลยมีความสุขมาก ฟินนนนนที่สุด พอถึงโรงเรียนฉันก็ไหว้ทุกคนแล้วลงจากรถ แต่ทุกคนดันมองมาที่ฉัน สายตาบางคนก็ยิ้มแบบเป็นมิตร แต่บางคนเอ่อแต่ฉันว่าทุกคนและมองฉันด้วยสายตาที่แบบอยากจะเดินมาตบฉันเลย อิจฉา หมั่นใส บอกเลยว่าฉันไม่แคร์ เพราะฉันสวยและรวยมาก (มันเกี่ยวไหม) ฉันก็เดินเข้าโรงเรียนตามปกติไม่ได้สนใจเสียงนกเสียงกา หรือเสียงนินทาใดๆ ถ้าเป็นคนอื่นเขาคงจะนอยแล้วก็อยู่ไม่ได้แล้วและ แต่เพราะเป็นฉันนี้และเป็นฉันที่ไม่สนใจใคร แต่ก็ใช่ว่าฉันไม่แคร์ใครนะ ฉันจะแคร์กับแค่คนในครอบครัวแล้วก็เพื่อนในกลุ่มฉันเท่านั้น ส่วนคนอื่นนะหรอไม่เคยอยู่ในสายตาฉันเลยและ
เมื่อมาถึงโต๊ะฉันกับเพื่อนก็เริ่มเม้ามอยกันอย่างสนุกสนานแกล้งคนนู้นบางคนนี้บาง เฮฮากันไปตามประสาเด็กมอปลาย ตอนฉันอยู่โรงเรียนฉันจะทำตัวเป็นเด็ก เป็นเหมือนเด็กคนอื่นทั่วไปที่เล่นสนุกไปวันวัน ตอนนี้เป็นตอนเดียวที่ฉันจะเป็นตัวของตัวเอง อยากทำอะไรก็ทำตามใจตัวเองโดยที่ไม่ต้องมีใครมาบังคับฉันให้ทำนู่นทำนี่ พอเสียงเพลงมาร์ชโรงเรียนดังขึ้นก็หมดเวลาสนุกแล้วสิ พวกเราก็เดินไปเข้าแถวแล้วก็ทำพิธีหน้าเสาธงไปตามปกติของทุกวัน หลังจากนั้นฉันก็ขึ้นเรียนตามปกติ
เที่ยง.....
โอ๊ยยยยยย หิวจัง หิวๆๆๆๆๆๆ เมื่อไรจะเลิกเนี่ยเที่ยงแล้วนะปล่อยช้าจังเกินเวลาตลอดเลย ฉันนี่เซงสุดๆ ตอนนี้ภาวนาอย่างเดียวว่าเลิกเถอะหิว สุดท้ายคำภาวนาของฉันก็เป็นจริงได้กินข้าวแล้ว พอหัวหน้าห้องบอกทำความเคารพฉันนี้ออกจากห้องคนแรกเลย รีบจัด ลงไปถึงฉันก็ทานข้าวซื้อขนมกินแล้วก็นั่งเล่นโทรศัพท์ เปิด IG ดูไปเรื่อยๆ แต่แล้วก็มีไลน์เด้งมา ฉันก็ต้องหยุดนิ่งไปเพราะคนที่ส่งไลน์ คือ แม่ฉันเอง ฉันเลยรีบเปิดดูอย่างเร็ว
แม่ : เด๋ววันนี้พวกเราจะไปรับลูกที่โรงเรียนนะ (โห้ยตอนแรกฉันนี้นึกว่าแม่จะส่งมาบอกว่าแม่กลับแล้ว ใจเต้นแรงเลย)
พลอย : ส่งสติกเกอร์แมวน่ารักๆ
เสียงกริ่งดังขึ้น.........
ต้องขึ้นไปเรียนอีกและอยากเลิกเรียนแล้วอ่ะ อยากเจอคุณป๊ากับแม่แล้ว ฮือๆๆๆ
ปลา : พลอยเดี๋ยวไปกอกน้ำก่อนขึ้นเรียนนะ
พลอย : อืมมมมม
ฉันก็ตอบเพื่อนฉันไป ปลาเป็นเพื่อนในกลุ่มของฉัน เธอเป็นคนน่ารัก ดัดฟันนิสัยดี แต่ค่อนข้างขี้งอลและขี
แสดงความคิดเห็น
หายไปนานเลยอิอิ พอดีสอบอ่านหนังสือ ไปปรับปรุงมาแล้วมาอ่านกัน