เพราะชะตาแท้ๆ ความประมาทก็ส่วนหนึ่ง หิวข้าวก็เลยขับรถออกไปทานข้าว ขณะขับรถกลับมาที่ office
ขณะที่รถทำความเร็วที่ 60-80 Km มีผู้หญิง 3 คนกำลังจะข้ามถนน ซึ่งตอนนั้นผมก็อยู่ไกลพอสมควรอยู่
ขณะที่ 2 คนข้ามถนนมาแล้ว อีก 1 คนกำลังรีๆ รอๆ จะข้ามไม่ข้ามดี
ในขณะที่รถผมขับเข้ามาใกล้เรื่อยๆ เธอก็ยังไม่ข้าม .. พอใกล้เข้ามาอีกนิด เธอตัดสินใจว่าจะวิ่งข้าม
ผมงี้เบรคตัวโก่งเลย เธอก็คงอยู่ในช่วงตัดสินใจเหมือนกันขณะที่รถเข้ามาอยู่ใกล้ตัวเธอ
จะวิ่งกลับไปทางที่เดิม(ทางขวาเกาะกลาง)ผมก็หักหลบขวาไปแล้ว และจะวิ่งข้ามถนนให้ถึงจุดหมายไปทางซ้าย
ผมก็ดันหักหลับทางซ้ายอีก (ต่างคนต่างหลบไปทางเดียวกัน)
สุดท้ายเฉี่ยวบริเวณด้านหน้าถึงข้างฝั่งซ้ายครับ ทันใดนั้น ผมเห็นว่าคนข้ามถนนล้มลงแน่ๆ ผมจึงเบรคให้รถหยุดทันที
แล้วลงมาดูเธอ
ภาพที่เห็นคือ เธอนอนอยู่กับพื้นกับเลือดที่ศรีษะ ที่ไหลออกมานิดๆ พร้อมกับผู้คนที่รีบมุงเข้ามาดู
และสายตาหลายๆ คู่ผลัดจ้องมาที่ผมผมไม่รู้ว่าเบอร์ฉุกเฉินตอนนั้นควรแจ้งเบอร์ไหน ผมเลยโทรแจ้ง 191 ก่อน
เพราะคิดออกอยู่เบอร์เดียว แจ้งว่าผมขับรถชนคนข้ามถนนซึ่งไม่นานตำรวจก็มา แต่รถพยายาลอะสิ กว่าจะมานานมาก
15 นาทีอาจจะไม่นานสำหรับใครหลายๆ คน แต่สำหรับผมมันนานมาก
ตอนนั้นคิดอยู่ในใจอย่างเดียวเลย อาการดูแล้วท่าทางจะหนัก !! พอรถพยาบาลมาแล้ว
ก็ให้เป็นเรื่องของโรงพยาบาลกับคนเจ็บครับ ส่วนผมก็ไปสถานีตำรวจตามระเบียบ สอบปากคำตามสถานะ
เล่าเหตุการณ์จริงทั้งหมด ซึ่งตำรวจก็สบายๆ กับผมมาก ไม่ทำให้ผมกดดันหรือเกร็งเลย เป็นเพราะผมไม่หนีหรือเปล่า
จะเดินไปไหนก็เดินจะลุกไปไหนก็ไป แถมให้ผมไปโรงพยาบาลก่อนอีก แล้วค่อยกลับมาให้ปากคำเพิ่มเติม
แต่ใจผมนะกังวลอยู่ที่โรงพยาบาลว่าเขาจะรอดไหมทุกอย่างเรียบร้อยผมก็ไปโรงบาลต่อกับเจ้าหน้าที่ประกันครับ
!! อ้อ ผมมีใบขับขี่ , มี พ.ร.บ. , มีประกันประเภทที่ 1 ครับ
ส่วนรถข้องผมไม่เป็นอะไรมาก กระโปรงบุ๋มไปเล็กน้อย กรอบไฟหน้าเป็นรอยเส้นร้าว
พอถึงโรงพยาบาล ผมสบายใจขึ้นเยอะเยอะเพราะจากการ X-RAY ศรีษะภายในไม่ได้เป็นอะไร
มีแค่การเย็บแผลศรีษะแตกที่บริเวณศรีษะกระดูกต่างๆ ไม่หักแค่กล้ามเนื้อช้ำ .. และหมอให้กลับบ้านให้เลย
ไม่ต้องนอนโรงพยาบาลอีก 7 วันนัดมาตัดไหม .. จ่ายยา จ่ายเงินค่ารักษาตามระเบียบ
(พอดีล่ามภาษา หรือเพื่อนๆ เขาไปสำรองจ่ายไว้แล้ว ประกันมาจัดการไม่ทันผมเลยขออาสารับผิดชอบค่าใช้จ่าย
ในการรักษาพยาบาลเบื้องต้นในวันนี้เอง และขอใบเสร็จทั้งหมดไปเบิกคืนกับประกันในภายหลัง)
ประกันแจ้งกับผู้ที่เกี่ยวข้องกับผู้ป่วยว่า ค่าใช้จ่ายในการมาล้างแผลทุกวัน ประกันจะเป็นผู้รับผิดชอบเอง
แต่ผมดูจากคู่กรณีแล้ว เป็นชาวต่างชาติที่เพิ่งออกจากงาน ถ้าหากมีค่าดำเนินการสูงๆ อาจจะไม่พอจ่ายใน ณ ขณะนั้น
ผมเลยเสนอตัวว่า ถ้าหากวันไหนค่าใช้จ่ายเกิดสูงให้โทรศัพท์หาผมได้เลยผมจะมาจัดการกับค่าใช้จ่ายให้ก่อน
แล้วค่อยไปเบิกกับประกันอีกครั้งในวันที่ได้ไปให้ปากคำ แต่ผมอาจจะมาทุกวันไม่ได้
เพราะผมทำงาน Sale ต้องขับรถไปต่างจังหวัดสัปดาห์ละหลายๆ วัน แต่ถ้าอะไรฉุกเฉินหรือด่วนจริงๆ ให้โทรหาผมให้เลย
(เค้าคงไม่คิดว่าผมรวยเนอะ ใจผมแค่อยากจะแสดงความรับผิดชอบให้สุดความสามารถเท่าที่จะพอทำได้)
พอออกจากห้องฉุกเฉิน คู่กรณีของผมรู้สึกตัวครับ แต่ยังเดินเหินไม่ค่อยคล่อง ต้องให้เพื่อนๆ ประคองขึ้น TAXI
ตามระเบียบผมก็ให้ค่ารถกลับเพราะนั่งรถสองแถวคงไม่ไหว แต่สถานที่ๆ ไปส่งก็ใกล้พอสมควรผมจึงให้ไว้ 100 บาท
สำหรับค่ารถเบื้องต้น ส่วนวันอื่นๆ เห็นประกันแจ้งว่า ประกันจะพิจารณาเพิ่มเติมให้
มาถึงตรงนี้ผมดีใจมากที่คู่กรณีของผมไม่เป็นอะไรมากเท่าที่หลายคนในเหตุการณ์คิดไว้ในตอนแรก
ผมมีโอกาสพูดกับคู่กรณีแค่ว่า "หายไวๆ นะครับ ขอโทษทีนะ พี่ไม่ได้ตั้งใจ"
ประกันแจ้งว่าประกันจะทำเรื่องจ่ายค่าสินไหมทดแทนตามจริง , ค่าเดินทางพิจารณาเป็นกรณี ,
ค่าสูญเสียรายได้ในการทำงาน
(ประกันพิจารณาให้เป็นค่าแรงขั้นต่ำ เพราะคู่กรณีของผมเพิ่งออกจากงาน)
สุดท้ายคือ ผมพูดคุยกับคู่กรณีของผมไม่รู้เรื่องครับ
(ด้วยภาษาที่เป็นการสื่อสารที่แตกต่างกัน ต้องคุยกับล่มที่พูดภาษาไทยได้แทน)
จะโทรสอบถามอาการต่างๆ ก็ต้องคุยกับล่ามแทน
ประกันแจ้งว่า ไม่ต้องนอนโรงบาลถือเป็นแค่บาดเจ็บไม่เป็นคนไข้ใน ไม่เป็นอาญาถ้าเกิดตกลงเรื่องต่างๆ
กันได้ในวันที่คู่กรณีพร้อมไปให้ปากคำก็คือว่าจบตรงนั้น แต่ถ้าไม่จบก็ต้องว่าไปตามกฏหมายต่อไป
ตอนนี้เข้าใจว่าประกันจะเป็นผู้จัดการเรื่องค่าใช้จ่ายอื่นๆ ให้หมด ยกเว้นค่าปรับกรณีขับรถโดยประมาทฯ
และ ค่าทำขวัญ ผมมากังวลตรงนี้แทน อาจจะดูไม่ดีที่กังวลใช่ไหมครับ ตอนนี้เรื่องการเงินผมค่อนข้างฟิตมาก
มีค่าใช้จ่ายอื่นๆ มารุมเร้าพอสมควรด้วยการที่ผมสื่อสารกับคู่กรณีของผมโดยตรงไม่ได้ นี่แหละทำให้ผมหนักใจ
เพราะผมไม่รู้ว่าอาการบาดเจ็บแบบนี้ ถ้าพักฟื้นรักษาตัว อยู่สัก 7-14 วัน ค่าทำขวัญที่เหมาะสมมันน่าควรจะจบที่เท่าไหร่ !!
ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากจ่ายนะ แต่ถ้าเป็นไปได้ผมก็อยากจ่ายในราคาที่สมเหตุและสมผล ในราคาที่เหมาะสมกับอาการ
และความเป็นอยู่ของผม (เพราะส่วนนี้ ประกันชั้น 1 จะไม่รับผิดชอบใช่ไหมครับ)
หลังจากวันนี้ผมคงทำอะไรไม่ได้มากกว่าโทรศัพท์ไปสอบถามอาการของคู่กรณีทุกวันครับ
และภาวนาให้เขาหายเป็นปกติไวๆ ตอนแรกเครียดมาก แต่หนึ่งชีวิตยังอยู่รอด ผมก็เครียดน้อยลง
แต่ก็ยังไม่หายเครียดอยู่ดี
ชีวิตเพิ่งเคยขึ้นโรงพักครั้งแรกครับ แต่ถ้าเป็นไปได้ก็ไม่อยากขึ้นศาลครั้งแรกเช่นกัน
มาระบายให้ฟังครับ
สวัสดีครับ
_________________________________________________________________________________________
ใครพอที่จะมีความรู้ๆ ทั้งทางด้านสินไหม ประกันฯ ว่าอะไรที่ประกันควรจะให้ และอะไรที่ประกันไม่รับผิดชอบแน่ๆ
หรือสิ่งที่ควรจะทำในขณะนี้ต่อคู่กรณี ชี้แนะผมได้นะครับ
พูดตรงๆ เลยว่าอยากหาความรู้ทางด้านนี้เพิ่มเติมด้วย
ว่าอะไรที่ประกันควรจะให้ หรืออะไรที่ประกันไม่รับผิดชอบแน่ๆ
ขอบคุณครับ
เครียดครับ !! วันนี้ผมขับรถเฉี่ยวชนคนข้ามถนน ยังไม่รู้จะไปทางไหนดีชีวิตไม่เคยขึ้นโรงพัก
ขณะที่รถทำความเร็วที่ 60-80 Km มีผู้หญิง 3 คนกำลังจะข้ามถนน ซึ่งตอนนั้นผมก็อยู่ไกลพอสมควรอยู่
ขณะที่ 2 คนข้ามถนนมาแล้ว อีก 1 คนกำลังรีๆ รอๆ จะข้ามไม่ข้ามดี
ในขณะที่รถผมขับเข้ามาใกล้เรื่อยๆ เธอก็ยังไม่ข้าม .. พอใกล้เข้ามาอีกนิด เธอตัดสินใจว่าจะวิ่งข้าม
ผมงี้เบรคตัวโก่งเลย เธอก็คงอยู่ในช่วงตัดสินใจเหมือนกันขณะที่รถเข้ามาอยู่ใกล้ตัวเธอ
จะวิ่งกลับไปทางที่เดิม(ทางขวาเกาะกลาง)ผมก็หักหลบขวาไปแล้ว และจะวิ่งข้ามถนนให้ถึงจุดหมายไปทางซ้าย
ผมก็ดันหักหลับทางซ้ายอีก (ต่างคนต่างหลบไปทางเดียวกัน)
สุดท้ายเฉี่ยวบริเวณด้านหน้าถึงข้างฝั่งซ้ายครับ ทันใดนั้น ผมเห็นว่าคนข้ามถนนล้มลงแน่ๆ ผมจึงเบรคให้รถหยุดทันที
แล้วลงมาดูเธอ
ภาพที่เห็นคือ เธอนอนอยู่กับพื้นกับเลือดที่ศรีษะ ที่ไหลออกมานิดๆ พร้อมกับผู้คนที่รีบมุงเข้ามาดู
และสายตาหลายๆ คู่ผลัดจ้องมาที่ผมผมไม่รู้ว่าเบอร์ฉุกเฉินตอนนั้นควรแจ้งเบอร์ไหน ผมเลยโทรแจ้ง 191 ก่อน
เพราะคิดออกอยู่เบอร์เดียว แจ้งว่าผมขับรถชนคนข้ามถนนซึ่งไม่นานตำรวจก็มา แต่รถพยายาลอะสิ กว่าจะมานานมาก
15 นาทีอาจจะไม่นานสำหรับใครหลายๆ คน แต่สำหรับผมมันนานมาก
ตอนนั้นคิดอยู่ในใจอย่างเดียวเลย อาการดูแล้วท่าทางจะหนัก !! พอรถพยาบาลมาแล้ว
ก็ให้เป็นเรื่องของโรงพยาบาลกับคนเจ็บครับ ส่วนผมก็ไปสถานีตำรวจตามระเบียบ สอบปากคำตามสถานะ
เล่าเหตุการณ์จริงทั้งหมด ซึ่งตำรวจก็สบายๆ กับผมมาก ไม่ทำให้ผมกดดันหรือเกร็งเลย เป็นเพราะผมไม่หนีหรือเปล่า
จะเดินไปไหนก็เดินจะลุกไปไหนก็ไป แถมให้ผมไปโรงพยาบาลก่อนอีก แล้วค่อยกลับมาให้ปากคำเพิ่มเติม
แต่ใจผมนะกังวลอยู่ที่โรงพยาบาลว่าเขาจะรอดไหมทุกอย่างเรียบร้อยผมก็ไปโรงบาลต่อกับเจ้าหน้าที่ประกันครับ
!! อ้อ ผมมีใบขับขี่ , มี พ.ร.บ. , มีประกันประเภทที่ 1 ครับ
ส่วนรถข้องผมไม่เป็นอะไรมาก กระโปรงบุ๋มไปเล็กน้อย กรอบไฟหน้าเป็นรอยเส้นร้าว
พอถึงโรงพยาบาล ผมสบายใจขึ้นเยอะเยอะเพราะจากการ X-RAY ศรีษะภายในไม่ได้เป็นอะไร
มีแค่การเย็บแผลศรีษะแตกที่บริเวณศรีษะกระดูกต่างๆ ไม่หักแค่กล้ามเนื้อช้ำ .. และหมอให้กลับบ้านให้เลย
ไม่ต้องนอนโรงพยาบาลอีก 7 วันนัดมาตัดไหม .. จ่ายยา จ่ายเงินค่ารักษาตามระเบียบ
(พอดีล่ามภาษา หรือเพื่อนๆ เขาไปสำรองจ่ายไว้แล้ว ประกันมาจัดการไม่ทันผมเลยขออาสารับผิดชอบค่าใช้จ่าย
ในการรักษาพยาบาลเบื้องต้นในวันนี้เอง และขอใบเสร็จทั้งหมดไปเบิกคืนกับประกันในภายหลัง)
ประกันแจ้งกับผู้ที่เกี่ยวข้องกับผู้ป่วยว่า ค่าใช้จ่ายในการมาล้างแผลทุกวัน ประกันจะเป็นผู้รับผิดชอบเอง
แต่ผมดูจากคู่กรณีแล้ว เป็นชาวต่างชาติที่เพิ่งออกจากงาน ถ้าหากมีค่าดำเนินการสูงๆ อาจจะไม่พอจ่ายใน ณ ขณะนั้น
ผมเลยเสนอตัวว่า ถ้าหากวันไหนค่าใช้จ่ายเกิดสูงให้โทรศัพท์หาผมได้เลยผมจะมาจัดการกับค่าใช้จ่ายให้ก่อน
แล้วค่อยไปเบิกกับประกันอีกครั้งในวันที่ได้ไปให้ปากคำ แต่ผมอาจจะมาทุกวันไม่ได้
เพราะผมทำงาน Sale ต้องขับรถไปต่างจังหวัดสัปดาห์ละหลายๆ วัน แต่ถ้าอะไรฉุกเฉินหรือด่วนจริงๆ ให้โทรหาผมให้เลย
(เค้าคงไม่คิดว่าผมรวยเนอะ ใจผมแค่อยากจะแสดงความรับผิดชอบให้สุดความสามารถเท่าที่จะพอทำได้)
พอออกจากห้องฉุกเฉิน คู่กรณีของผมรู้สึกตัวครับ แต่ยังเดินเหินไม่ค่อยคล่อง ต้องให้เพื่อนๆ ประคองขึ้น TAXI
ตามระเบียบผมก็ให้ค่ารถกลับเพราะนั่งรถสองแถวคงไม่ไหว แต่สถานที่ๆ ไปส่งก็ใกล้พอสมควรผมจึงให้ไว้ 100 บาท
สำหรับค่ารถเบื้องต้น ส่วนวันอื่นๆ เห็นประกันแจ้งว่า ประกันจะพิจารณาเพิ่มเติมให้
มาถึงตรงนี้ผมดีใจมากที่คู่กรณีของผมไม่เป็นอะไรมากเท่าที่หลายคนในเหตุการณ์คิดไว้ในตอนแรก
ผมมีโอกาสพูดกับคู่กรณีแค่ว่า "หายไวๆ นะครับ ขอโทษทีนะ พี่ไม่ได้ตั้งใจ"
ประกันแจ้งว่าประกันจะทำเรื่องจ่ายค่าสินไหมทดแทนตามจริง , ค่าเดินทางพิจารณาเป็นกรณี ,
ค่าสูญเสียรายได้ในการทำงาน
(ประกันพิจารณาให้เป็นค่าแรงขั้นต่ำ เพราะคู่กรณีของผมเพิ่งออกจากงาน)
สุดท้ายคือ ผมพูดคุยกับคู่กรณีของผมไม่รู้เรื่องครับ
(ด้วยภาษาที่เป็นการสื่อสารที่แตกต่างกัน ต้องคุยกับล่มที่พูดภาษาไทยได้แทน)
จะโทรสอบถามอาการต่างๆ ก็ต้องคุยกับล่ามแทน
ประกันแจ้งว่า ไม่ต้องนอนโรงบาลถือเป็นแค่บาดเจ็บไม่เป็นคนไข้ใน ไม่เป็นอาญาถ้าเกิดตกลงเรื่องต่างๆ
กันได้ในวันที่คู่กรณีพร้อมไปให้ปากคำก็คือว่าจบตรงนั้น แต่ถ้าไม่จบก็ต้องว่าไปตามกฏหมายต่อไป
ตอนนี้เข้าใจว่าประกันจะเป็นผู้จัดการเรื่องค่าใช้จ่ายอื่นๆ ให้หมด ยกเว้นค่าปรับกรณีขับรถโดยประมาทฯ
และ ค่าทำขวัญ ผมมากังวลตรงนี้แทน อาจจะดูไม่ดีที่กังวลใช่ไหมครับ ตอนนี้เรื่องการเงินผมค่อนข้างฟิตมาก
มีค่าใช้จ่ายอื่นๆ มารุมเร้าพอสมควรด้วยการที่ผมสื่อสารกับคู่กรณีของผมโดยตรงไม่ได้ นี่แหละทำให้ผมหนักใจ
เพราะผมไม่รู้ว่าอาการบาดเจ็บแบบนี้ ถ้าพักฟื้นรักษาตัว อยู่สัก 7-14 วัน ค่าทำขวัญที่เหมาะสมมันน่าควรจะจบที่เท่าไหร่ !!
ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากจ่ายนะ แต่ถ้าเป็นไปได้ผมก็อยากจ่ายในราคาที่สมเหตุและสมผล ในราคาที่เหมาะสมกับอาการ
และความเป็นอยู่ของผม (เพราะส่วนนี้ ประกันชั้น 1 จะไม่รับผิดชอบใช่ไหมครับ)
หลังจากวันนี้ผมคงทำอะไรไม่ได้มากกว่าโทรศัพท์ไปสอบถามอาการของคู่กรณีทุกวันครับ
และภาวนาให้เขาหายเป็นปกติไวๆ ตอนแรกเครียดมาก แต่หนึ่งชีวิตยังอยู่รอด ผมก็เครียดน้อยลง
แต่ก็ยังไม่หายเครียดอยู่ดี
ชีวิตเพิ่งเคยขึ้นโรงพักครั้งแรกครับ แต่ถ้าเป็นไปได้ก็ไม่อยากขึ้นศาลครั้งแรกเช่นกัน
มาระบายให้ฟังครับ
สวัสดีครับ
_________________________________________________________________________________________
ใครพอที่จะมีความรู้ๆ ทั้งทางด้านสินไหม ประกันฯ ว่าอะไรที่ประกันควรจะให้ และอะไรที่ประกันไม่รับผิดชอบแน่ๆ
หรือสิ่งที่ควรจะทำในขณะนี้ต่อคู่กรณี ชี้แนะผมได้นะครับ
พูดตรงๆ เลยว่าอยากหาความรู้ทางด้านนี้เพิ่มเติมด้วย
ว่าอะไรที่ประกันควรจะให้ หรืออะไรที่ประกันไม่รับผิดชอบแน่ๆ
ขอบคุณครับ