เรื่องราวของคุณยายท่านหนึ่ง ( ขอให้ลองอ่านให้จบ เน้นธรรมะตอนท้าย น่าจะเป็นประโยชน์ )

คุณยายท่านนี้เป็นคนเชื้อจีน อาศัยอยู่กรุงเทพฯ  มีลูกทั้งหมด 11 คน  เคยมีหมอดูท่านหนึ่งทำนายว่า  ตอนที่คุณยายตาย จะมีลูกอยู่ 4 คนที่จะได้อยู่ข้างกายเวลาที่ท่านเสียชีวิต  ภายหลังลูกลูกของคุณยายได้มีโอกาสรู้จักกับซินแสท่านหนึ่ง  ซึ่งสามารถถอดกายทิพย์  ไปดูสวรรค์ ฯลฯ ได้   สามารถทำนายเหตุการณ์อะไรได้แม่นยำ  ( เป็นคนละคนกับหมอดูท่านแรก )     วันหนึ่งซินแสท่านนั้นได้มีโอกาสพบคุณยาย  หลังจากนั้นเป็นต้นมา   ซินแสท่านนั้นก็หมั่นมาเยี่ยม  นำของมาฝาก และดีกับคุณยายเป็นพิเศษ  จนยายและลูกลูกของยายต่างแปลกใจมาก  เมื่อลูกลูกของยายถามซินแสท่านนั้น ว่าทำไมดีกับยายมากเป็นพิเศษ    ซินแสท่านได้ตอบว่า  ท่านทราบว่า  ชาติก่อนยายเป็นเทพองค์หนึ่งซึ่งเป็นผู้ชาย มีลูกน้องบริวารเทพมากมาย  ได้ทำผิดด้วยคำพูดเพียงคำเดียว   ทำให้ ต้องลงมาเกิดบนโลกนี้   และซินแสได้กำชับว่า  อย่าได้บอกเรื่องนี้ให้ยายทราบเด็ดขาด   ที่ซินแสได้ทำดีกับยายเป็นพิเศษก็เพียงหวังว่า  เมื่อซินแสตายไปแล้วจะได้มีโอกาสได้ไปรับใช้ยายบนสวรรค์เท่านั้นก็พอ หลายปีต่อมา   ซินแสได้แจ้งให้ลูกลูกของยายทราบว่า   เวลาของยายบนโลกนี้ใกล้จะหมดลงแล้ว เบื้องบนกำลังจะส่งเทพมาตามยายกลับไป    ให้นำเครื่องรางของซินแสไปแขวนไว้ที่เหนือประตูทางเข้าบ้านของยายซึ่งเป็นตึกแถว  และอย่าบอกยายให้ทราบถึงที่มาของเครื่องรางนี้    และพยายามอย่าให้ ยาย ออกนอกบ้านเด็ดขาด  ( ปกติยายขาไม่ค่อยดี  เดินเหินช้าและไม่สะดวก  )  ก็จะสามารถชะลอเวลาให้ยายอยู่กับเราได้อีกนานพอสมควรบนโลกนี้    

หลังจากนั้นระยะหนึ่ง  มีอยู่วันหนึ่ง เพื่อนบ้านของยายมีเรื่องทะเลาะวิวาทกันรุนแรงภายในครอบครัว   จึงมาเชิญยายไปช่วยไกล่เกลี่ย  เพราะยายเป็นคนมีเหตุผล  เป็นผู้ใหญ่ที่คนในครอบครัวนั้นเคารพนับถือให้เกียรติกันมาก่อน   ยายจึงออกนอกบ้านไปบ้านเพื่อนบ้านนั้น   โดยที่ลูกลูกไม่สามารถทัดทานห้ามปรามยายไว้ได้   เมื่อเสร็จจากการไกล่เกลี่ยเรื่องราวที่บ้านของเพื่อนบ้านแล้ว  ยายกลับถึงบ้าน  ทันทีที่นั่งลงบนเตียงนอนที่บ้านยาย  ซึ่งยายใช้นอนประจำ   อาการโรคเก่าได้กำเริบทันที  ยายมีอาการรุนแรงไม่ได้สติ   ลูกลูกจึงนำยายส่งโรงพยาบาล   แพทย์ที่โรงพยาบาลแจ้งว่า ยายเสียชีวิตตั้งแต่อยู่ที่บ้านของยายก่อนมาถึงโรงพยาบาลแล้ว   ซึ่งเวลาที่ยายเสียชีวิตนั้น มีลูกลูกดูแลอยู่ข้างกาย 4 คน ตามที่หมอดูท่านแรกนั้นทำนายไว้  ( ยายเสียชีวิตปี พ.ศ.  2524 )

เมื่อมีโอกาส   ลูกลูกของยาย  ได้ถามซินแสท่านนั้นว่า  ยายไปอยู่บนสวรรค์แล้วใช่ไหม  ซินแสตอบว่าใช่   และได้บอกว่า   แม้แต่ตัวซินแสเอง ก็จะมีชีวิตอยู่ได้แค่ปีหน้าเท่านั้น   หลังจากนั้นปีถัดไป  ซินแสก็จากไปอีกท่านหนึ่งจริงจริง    คุณยายท่านนี้ก็คือยายของผมผู้ตั้งกระทู้นั่นเอง    ยังมีเรื่องแปลกลี้ลับเหลือเชื่ออีกมากที่ประสบมาในชีวิต       หากมีเวลา จะได้นำมาเล่าให้ทราบกันต่อไป

ที่นำเรื่องนี้มาเล่า   ไม่ได้ต้องการให้คนงมงาย  เพียงแต่ต้องการให้เราท่านทั้งหลายตั้งอยู่ในความไม่ประมาท  เพราะมีเรื่องแปลกลี้ลับในโลกนี้อีกมาก  ที่วิทยาศาสตร์และความรู้ในปัจจุบันยังเข้าไม่ถึง  แต่มีอยู่จริง   หมอดูที่เก่งจริงอาจพอมีอยู่   แต่ส่วนใหญ่ ไม่เก่งจริง บางพวกก็ชวนให้งมงายมากกว่าส่งเสริมสิ่งที่ควร    และทางพุทธศาสนาถือว่า กรรมปัจจุบันสำคัญที่สุด  กรรมหรือโชคชะตาชีวิตอาจเปลี่ยนแปลงได้หากตั้งใจจริงและอยู่ในวิถีทางที่ถูกต้อง    แต่เท่าที่เห็น คนส่วนใหญ่มักเป็นไปตามอารมณ์ตามกิเลส มากกว่าเหตุผลคุณธรรมความถูกต้องทางธรรม  จึงมักมีชีวิตเป็นไปตามกรรมเก่าและโชคชะตา   จึงอยากให้ทุกท่านระวังในการพูด คิด ทำสิ่งใด  ให้ประกอบด้วยธรรมะความดีงามสิ่งถูกต้อง  ดำเนินชีวิตอย่าประมาท  หมั่นทำความดี  อย่าได้พูดจาดูถูกกันหรือดูถูกสิ่งศักดิ์สิทธิ์  เพราะเราอาจไม่รู้ที่มาที่ไปภูมิหลังบางสิ่งบางอย่าง  ซึ่งการคิดดี พูดดี ทำดี  ย่อมเป็นผลดีในชาตินี้  และชาติหน้า (  ถ้าชาติหน้า ภพภูมิหลังความตายมีจริง  )  ในพระไตรปิฎกได้มีการกล่าวถึงหลายครั้งถึงการพูดจาดูถูกสบประมาทพระอรหันต์ พระอริยะ ฯลฯ แล้วได้ผลในทางไม่ดี  จึงควรระวังไว้  ก็ไม่เสียหลาย  ศาสนาพุทธยอมรับการมีอยู่ของเทพ  แต่ไม่ได้สอนให้เชื่อว่า  เทพเป็นผู้สร้าง มีอำนาจดลบันดาลทุกอย่างในชีวิต  การได้เกิดเป็นเทพ  ทางพุทธศาสนาถือว่าเป็นเพราะกุศลผลบุญระดับหนึ่ง  การให้เกียรติเทพ   ย่อมเป็นการอ่อนน้อมแห่งจิต แสดงถึงความอ่อนน้อมถ่อมตน   ให้พูดถึงเทพในแง่คุณธรรมแห่งความเป็นเทพ     การอธิษฐานขอพรแล้วสมหวังบ้าง ไม่สมหวังบ้าง  ในทางพุทธศาสนากล่าวว่าเป็นเรื่องของกรรม  ก็เหมือนเวลาเรามีเรื่องเดือดร้อน ไปขอให้ผู้ใหญ่ที่เรานับถือช่วยเหลือ   ท่านก็ช่วยได้บ้าง ไม่ได้บ้าง แล้วแต่เหตุการณ์  หากบุญยังมีย่อมสมหวัง  หากบุญไม่พอ หรือกรรมมาบัง   ย่อมไม่สมหวัง  แต่ทั้งนี้ขึ้นกับกรรมปัจจุบันด้วย  ความพากเพียรมุมานะในปัจจุบันอาจชนะกรรมเก่าได้

ท่านที่เน้นการปฎิบัติธรรมในปัจจุบัน เพื่อประหารกิเลส โลภะ โทสะ โมหะ โดยมีพระนิพพานเป็นจุดหมายสูงสุด   และท่านผู้รู้ในธรรมอันดีแล้วทั้งหลาย   ย่อมไม่ใช่ผู้แข็งกระด้าง   และไม่จำเป็นต้องปฎิเสธเรื่องเทพ ผีสาง สวรรค์ นรก หลังความตาย  ฯลฯ  เพราะยากแก่การพิสูจน์  ให้เป็นที่ประจักษ์แก่ชาวโลกอย่างเด็ดขาดว่ามีหรือไม่มี  แม้นักวิทยาศาสตร์ก็ยังไม่สรุปฟันธง  จึงไม่ต้องเสียเวลามานั่งเถียงกัน  ยังไม่มีใครสามารถสรุปฟันธงให้ชาวโลกทั้งหมดยอมรับได้ว่า อะไรมี หรือไม่มี   และยังไม่มีใครนำหลักฐานมาแสดงให้คนทั้งโลกยอมรับได้โดยปราศจากข้อสงสัย และเห็นด้วยโดยพร้อมเพรียงกันทั่วโลก   เป็นข้อสรุปที่ยุติ  ปัจจุบันยังไม่มีใครทำให้คนทั้งโลกเชื่อหรือเห็นเหมือนกันหมดได้ว่า อะไรมีจริง      อะไรไม่มีจริง     การด่วนสรุปว่าโลกอื่นมี   หรือด่วนสรุปว่าไม่มี  ย่อมไม่ใช่วิถีของพุทธศาสนา   ควรเอาเวลาไปคิด พูด ทำ สิ่งที่ดี มีเหตุผล  เป็นประโยชน์แก่ตน  คนรอบข้าง ครอบครัว สังคม ประเทศชาติ และต่อโลก   และศึกษาปฎิบัติธรรมให้มากที่สุดเท่าที่กำลังความรู้ความสามารถจะทำได้  จะดีกว่า    หากโลกหน้าหลังความตายไม่มี  ก็ย่อมไม่มีอะไรต้องเสียใจผิดหวังอีก   หากโลกหน้าหลังความตายมีจริง   ก็ยิ่งไม่ต้องเสียใจอีกเช่นกัน  

ในศาสนาพุทธ ไม่ได้มุ่งหวังแค่สวรรค์ นรก   ฯลฯ   แต่มุ่งที่จุดหมายสูงสุดคือพระนิพพาน  ซึ่งอยู่เหนือเรื่องสวรรค์ นรก โชคชะตา  ชะตากรรม

ท่านผู้อ่านที่สนใจ ไม่ต้องติดต่อหลังไมค์มานะครับ   ปัจจุบัน ผมและครอบครัว ไม่ได้ติดต่อหรือรู้จักหมอดู หรือ ผู้มีสัมผัสวิเศษใดใดทั้งสิ้นนะครับ เราใช้ชีวิตอยู่ตามกำลังของเราที่เห็นว่าควร หรือไม่ควร เเละเราไม่ได้มีอำนาจพิเศษหยั่งรู้อะไรเหนือคนปกติทั่วไป
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่