เมื่อน้องหมาอายุ 15 กำลังจะตาย

กระทู้สนทนา
สวัสดีค่ะ วันนี้อยากให้ทุกคนมารู้จักกับ น้องยงยุด เป็นหมาของแอนจี้เองค่ะ



ย้อนไปเมื่อ 15 ปีที่แล้ว เราเพิ่งอยู่มหาลัยปี 2 เอง ไม่มีรายได้อะไร ช่วงนั้นแม่ดูทีวีบอกว่าหมาน่ารักดี
เราเลยมีความคิดที่จะหาน้องหมาเล็กๆมาเลี้ยงซักตัว ตอนนั้นได้น้องหมามาจากประกาศซื้อขายสัตว์แห่งนึง ในราคา 2500 บาท
ยอมรับว่า ตอนนั้นไม่มีความรู้ในการเลือกซื้อสุนัขเลย... คิดว่าซื้อที่ไหนก็ได้ เป็นหมาเห่าได้เหมือนๆกัน

วันที่ไป เค้าเลี้ยงชิสุ ไว้ในกรงรวมๆกันสองสามตัว เป็นตึกแถวเหมือนร้านขายยาง รับทำช่วงล่าง ดูไม่ค่อยสะอาดมีคราบน้ำมันเต็มไปหมด
พอดีเราเห็นน้องหมาตัวนี้ของเรานิ่งๆเงียบๆ ดูสงบเสงี่ยม ไม่ค่อยเล่น เราเลยชี้ๆเอาตัวนี้มาค่ะ ดูมึนๆ ไม่น่าซนมาก

กลับมาถึง น้องหมาก็ซึมๆ ไม่ค่อยกิน ไม่ค่อยเล่น ตัวแดงๆ คือไม่ร่าเริงเลยค่ะ เราก็เลยพาไปหาหมอ
พอไปถึง หมอก็ตรวจๆ แล้วก็ซักถามนิดหน่อย
---------------------------------------------------

หมอ: หมาของคุณมีปัญหาหลายอย่างนะครับ ไม่ทราบว่าไปซื้อจากฟาร์ม หรือ ที่ไหนมา
เรา: ก็เจอในเนทค่ะ
หมอ: คือหมอจะบอกว่า ถ้าคุณคิดจะรักษาหมาตัวนี้ คุณต้องรักษากันไปตลอดชีวิตนะครับ
เรา: (กังวลนิดหน่อย เพราะเราไม่มีรายได้มีแค่ค่าขนมที่พ่อให้ เดือนละหมื่น)  เลยบอกไปว่า ค่ะ...

หมอ: ข้อแรกตอนนี้สุนัขคุณอายุแค่ 3 เดือน เป็นปอดบวม คือที่ที่เค้ามาคงไม่ได้อยู่แบบ ถูกสุขลักษณะนะครับ
อย่างที่คุณบอกว่าเป็น อู่ซ่อมรถเนี่ย มันมีฝุ่นควันสิ่งสกปรก ความชื้น ด้วยความที่อายุเค้ายังน้อย โอกาสติดเชื้อโรคก็มีมาก
เค้าอาจจะรอด หรือ อาจจะไม่รอดก็ได้ นะครับ 50/50 คุณอาจจะเสียเงินเปล่า

ข้อที่สอง: ผิวหนังของเค้าแย่มาก ติดเชื้อตอนนี้แดงไปทั้งตัว หมอไม่รู้ว่าเจ้าของเก่าเค้าดูแลยังไง ... เป็นอันว่าหมาของคุณเข้าใกล้การเป็นขี้เรื้อนทั่วตัวนะครับ ผิวหนังเค้าบอบบาง อาจจะต้องเป็นขี้เรื้อนไปตลอดชีวิต

ข้อที่สาม: บริเวณตาซ้ายของที่อักเสบแดง และมีขี้ตากรังตลอดเวลา เป็นความผิดปกติทางกรรมพันธ์ ลองดูดีๆนะครับ
เค้ามีขนขึ้นในลูกตา คุณต้องคอยหยอดตาให้เค้าทุกวัน หรือ อาจจะผ่าตัดลอกเอาขนในลูกตาออก
มีค่าใช้จ่ายสูงนะครับ ถ้าจะให้เค้าเป็นปกติเหมือนหมาตัวอื่น

สรุปได้เองสั้นๆว่า ตอนนี้ เราได้น้องหมาเป็นปอดบวม ขี้เรื้อนและ ลูกตาอักเสบมาไว้ในครอบครอง
หมอ: หมอว่า เอาไปคืนเจ้าของเค้ายังทันนะครับ
เรา: ไม่เป็นไรค่ะ คุณหมอรักษาเถอะค่ะ เอาไปคืนเค้าก็คงปล่อยตาย เปล่าๆ สงสารมัน

-------------------------------------------
หลังจากเราตัดสินใจที่จะเก็บเค้าไว้ เราเลยตั้งชื่อในใบตรวจให้เรียบร้อยว่า น้องยงยุด
คุณหมอเลยจัด ยาน้ำมาชุดนึง เพื่อจัดการกับปอดก่อน พร้อมยารักษาโรคเรื้อนที่ผิวหนัง แล้วก็เอายาป้ายตามาให้ด้วย
หลังจากนั้นเป็นช่วงเวลาที่ทุกข์ทรมานของเรามาก ป้อนยาแสนจะยาก ต้องป้อน เช้า กลางวัน เย็น

ตอนนั้น พ่อแม่เราก็เริ่มทะเลาะกัน เอาไว้ที่บ้านไม่ได้ เราเลยแอบเอาน้องหมามาเลี้ยงไว้ที่หอ ABAC บางนา ด้วยกัน
หอบหิ้วไปด้วยกันเกือบทุกที่ จากบางกรวยมาบางนา  หนังสือหนังหาไม่เป็นอันเรียน ต้องคอยเฝ้า ป้อนน้ำ ป้อนยา
... เกรงใจรูมเมทด้วยเพราะถ้าทิ้งไว้ กลัวจะไปขี้เยี่ยว ไม่เป็นที่ เผลอๆเห่า ยามได้ยินอีก

รักษาอยู่เดือนนึง ปอดเค้าเริ่มดีขึ้น เลยเอากลับมาไว้บ้าน ก็คงเหลือแต่โรคผิวหนัง ตอนนั้นหาแต่อาหารดีดีให้กิน
ไม่ว่าจะเป็นอาหารเม็ด น้ำมันผสมอาหารที่เค้าว่า กินแล้วดี ผิวจะดี ขนจะสวย ที่หมาประกวดได้แชมป์ทั้งหลายเค้ากินกัน

เราก็ไปสรรหามา อาหารถุงละพัน น้ำมันขวดละ ห้าหกร้อย เราก็ยอมอดให้ ยงยุดได้กิน
จนน้องหมา ผิวดีขึ้นเรื่อยๆ ขนฟูน่ารักเหมือนหมาชิสุทั่วๆไป ล้มล้าง ทฤษฎีที่ว่า
หมาเป็นขี้เรื้อนก็ต้องเป็นขี้เรื้อนไปตลอดชีวิต....
-----------------------------

ผ่านไปสามปี เราเริ่มมีความคิดที่จะพายงยุดไปผ่าเอาขนที่ลูกนัยน์ตาออก ตอนนั้นพยายามติดต่อหมอที่เก่งโรคตาไว้แถวแจ้งวัฒนะ
แต่ด้วยความสะเพร่าของเราเองวันนั้น น้องสาวเราเปิดประตูพาน้องหมาออกไปวิ่งเล่น อยู่ๆ ก็มีหมาจากซอยข้างๆวิ่งมารุมกัด

น้องหมาวิ่งหนี เข้ามาหาเราในครัว พร้อมเลือด และลูกตาที่หลุดออกมา เราทอดไข่ดาวอยู่
มือนึงก็รีบอุ้มยงยุด อีกมือนึงเอาตะหลิวไปวิ่งไล่ตีหัว หมาใหญ่สามตัวนั้น อย่างไม่คิดชีวิต
ตอนนั้น น้ำตาเราไหล หัวใจเราหล่นไปอยู่ที่เท้า

แต่ตอนนั้นเป็นเวลา 5 โมงเย็นรถติดมาก เลยเอามาดูที่คลินิคใกล้ๆ  
หมอบอกว่าลูกตาของยงยุดโดนกัดตรงเส้นประสาทไปแล้ว ข้างที่มีขนขึ้นนัยน์ตา
ต่อให้ไปถึงจุฬาก็คงทำอะไรไม่ได้ ถ้าไม่เย็บปิดไปเลยก็ต้องใส่ลูกตาเทียม เราเลยต้องให้เค้าเย็บปิดไปและเป็นหมาตาเดียวตั้งแต่นั้นมา
แล้วยงยุด ก็เป็นหมาที่แข็งแรงมาตลอด ... ไม่เคยต้องเข้าออกโรงพยาบาลอีกเลย



จากวันที่ได้มาก็ 15 ปีแล้ว ถ้าครั้งสุดท้ายไม่ได้พาไปหมาหมอเราอาจแทบไม่สังเกตเลยว่ายงยุดผอมลงไปมาก
ปกติยงยุดจะกินเก่งกินทุกอย่าง ข้าวตัวเอง ข้าวคนอื่น ขนมนมเนย ผลไม้ มาขอกินตลอด จนน้ำหนักอยู่ที่ 10 กิโล
นี่เป็นรูปเมื่อต้นปี นอนอ้วนเป็นหมูเลย



จนกระทั่งสองสามเดือนหลังเหมือนเค้าแปลกๆไป มีหลับคาจานข้าว



เริ่มขี้เยี่ยวไม่เป็นที่ บางครั้งก็เยี่ยวใส่ตัวเอง แล้วลื่นเองลูกไม่ไหว ร้องคราง
จนเราต้องตื่นมาดูกลางดึก ... ต้องจับมาอาบน้ำเช็ดตัว ถูบ้านใหม่ เพราาบางทีเค้าก็ย่ำแล้วเดินไปทั่วบ้าน จนเหนียวหนึบส่งกลิ่นเหม็นไปทั่ว



เลยตัดสินใจกั้นบริเวณและให้อยู่ชานบ้านจะได้ทำความสะอาดได้ง่าย
พร้อมกั้นมุ้งเปิดพัดลมให้เวลาไม่มีคนอยู่



แต่แล้ววันนึงเราเพิ่งกลับมาจากข้างนอกตอนประมาณสี่โมง วันนั้นอากาศร้อนจัด
เราเปิดประตูบ้านมาพบว่า มีเลือดที่พื้น ออกจากบริเวณจมูกและปากของยงยุด แถมหายใจแรง
เราเลยรีบพาไปหาหมอ และพบว่าเค้าเป็น Heat Stroke สุดท้ายก็ได้แต่โทษความไม่รู้ของเราอีกครั้งที่ทำให้ยงยุดเกือบตาย
ถ้าเรากลับมาช้ากว่านี้ไม่รู้จะเป็นยังไงบ้าง ... หลังจากนั้นเลยเจาะเลือด ให้น้ำเกลือ และคิดค่ารักษาไปพันกว่า พร้อมให้ยามาด้วย

จากผลการตรวจเลือดคือเลือดจาง ค่าตับและถุงน้ำดีแย่มาก เลยไปรับยามาพร้อมจ่ายเงินอีก พันกว่าบาท
หลังจากนั้น 1 สัปดาห์เหมือนที่หัวยงยุดมีลูกอะไรปูด แถวๆตาข้างที่บอด เราคิดว่าอาจจะไปเดินชนอะไรมาเลยไม่ได้เอะใจ

ผ่านไปสองวันเราตื่นลงมาก็พบว่า ยงยุดขี้ในกรงแล้วก็นอนทับ
(เคยพยายามใส่ไดเปอร์แต่ไม่สำเร็จ เค้าจะดิ้นจนหอบไม่ยอมแพ้ และ ไม่ยอมนอน)
ทำให้เราต้องไปทำงานสายตามเคย จับเค้ามาอาบน้ำใหม่ จังหวะหันไปหยิบไดร์จะมาเป่า
ยงยุดดื้อ ลื่นล้มหน้ากระแทก เราก็เห็นเหมือนเลือด หยดๆ ที่พิ้นก็ตกใจเลือดอะไร

จับเงยหน้าขึ้นมาก็เป็นอย่างที่เห็น ทั้งเลือดทั้งหนอง เต็มหน้าไปหมด

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

สรุปว่าเป็นฝี ต้องทำแผลทุกวัน ใส่คอลลาร์ กินยาแก้อักเสบ ยาฆ่าเชื้อ และแน่นอน หมดไปอีกพันกว่า
เราต้องลางานเช้า ช่วงนั้นชีวิตวิกฤติมาก เรานอนน้อยไม่ได้ไปออกกำลังทุกเช้าเหมือนเคย เครียดมาก

แต่ก็คิดว่ามันอาจจะเป็นช่วงสุดท้ายของเราสองคนที่จะได้อยู่ด้วยกัน เป็นไงเป็นกัน
นี่แค่หมาตัวเล็กๆ วันนึงข้างหน้าคนแก่ๆ ที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้อาจจะเป็นพ่อแม่เรา คิดซะว่าซ้อมไว้ก่อน



หลังจากนั้น 1 อาทิตย์พอตาเริ่มหาย อยู่ๆ เค้าก็เดินไม่ได้ ลุกไม่ได้ หิวข้าวหิวน้ำก็ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้
พอลุกไม่ได้ก็จะร้องครวญคราง จนเหนื่อยและหลับไป แต่ถ้าเราอยู่เราก็จะอุ้มปลอบ เอาน้ำให้กิน พอได้กินก็จะหยุดไปเอง



ไปหาหมอตอนนี้ X-ray มาคือเค้ามีปัญหาที่กระดูกสันหลัง และ ข้อสะโพกที่ขาขวาหลังเสื่อมตามวัย ที่เค้าร้องเพราะเจ็บหลังมากกว่า
ครั้งนี้ทั้งค่ายา ค่า x-ray หมดไปอีกสามพันกว่า ... แต่หลังจากกินยาเค้าก็ดีขึ้น ลุกได้บ้าง เดินได้นิดหน่อย

แม้ตอนนี้ ยงยุดเหมือนจะดีขึ้นมากแล้ว แต่ก็ไม่รู้ว่าจะดีไปได้อีกนานแค่ไหน เพราะเค้าก็อยู่กับเรามานานมากกก
ตอนนี้เค้าผอมไปจริงๆ เทียบกับเมื่อต้นปี 10 โล ตอนนี้หนักไม่ถึง  5 โล
แต่ก่อนจะอุ้มทีต้องสองมือ แต่ตอนนี้เราเอามือข้างเดียวอุ้มขึ้นได้แบบสบายๆ


ตอนนี้เราเอาเค้ามานอนด้วย เผื่อบางทีเค้าลุกขึ้นมาเราก็จะได้ช่วยเหลือเค้าทัน
เมื่อคืนตื่นมาตอนเที่ยงคืน ตีสามครึ่ง กับตีสี่ครึ่ง ไม่ต้องบอกเลยว่าตอนนี้ สภาพร่างกายของเราก็จะแย่ตามไปด้วย
วันลาก็มีแค่ลากิจ ลาป่วย ไม่ได้มีลาหมาป่วยให้ซะด้วย พักร้อนที่สะสมไว้เริ่มหมดลง
เงินที่หมดไปกับยงยุดตอนนี้แค่ช่วงเวลาไม่ถึงสองเดือนก็ หมื่นกว่าบาทแล้ว



วันไหนถ้าไม่มีคนอยู่บ้านเราต้องออกจากบ้านแปดโมง แล้วขับรถจากที่ทำงานกลับมาบ้านตอนเที่ยง
มาป้อนข้าว ป้อนน้ำ เช็ดตัว.. แล้วขับกลับไปทำงาน
หากทิ้งช่วงนานเกินไปกลับมาอีกที หกโมงทุ่มนึง เค้าอาจจะหิวน้ำ แล้วดิ้นจนหอบทำให้ช็อคได้
ตอน X-ray จะเห็นด้วยว่า ปอดของยงยุดไม่สามารถทำงานได้ 100% ซึ่งเป็นปกติของสุนัขอายุเยอะๆ

ขอบคุณแม่และน้องสาวของแอนจี้ ที่ช่วยเหลือดูแลยงยุดเป็นอย่างดี



สุดท้ายนี้ได้แต่หวังว่าเราจะได้อยู่ดูเค้าจนลมหายใจสุดท้าย ถ้าใครมีน้องหมาแก่ๆ อย่าท้อนะคะ
ถ้าไม่ดูแลกันตอนนี้ คุณคงอาจจะไม่มีโอกาสอีกแล้ว

แอนจี้รักยงยุดมากๆเลยนะ...

แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่