พระอาจารย์เหรียญ วรลาโภ
วัดอรัญญบรรพต
อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย
...
บางคนเมื่อมันหลงหลายมันก็ไม่ยอมเชื่อ
มันไม่ยอมเชื่อว่าบุญบาปนี่มาตกแต่งร่างกายนี้ให้เกิดมา
เพราะเหตุนั้นแหละมันจึงไม่ยอมละบาป
และไม่ยอมบำเพ็ญกุศลสืบต่อ
ผู้ใดมาค้นหาเหตุปัจจัยของชีวิต เห็นด้วยปัญญาแล้ว
ผู้นั้นก็แน่นอนแหละต้องเพียรละบาปออกจากกาย วาจา ใจ
เพราะว่าเมื่อบุคคลใดไม่เพียรละบาปออกไป
อันบาปนั้นน่ะมันก็จะตามตกแต่งร่างกายให้ดวงจิตนี้อาศัย
อันไม่เป็นที่พึงปรารถนา เช่น ไปตกแต่งร่างกายของสัตว์นรก
ร่างของสัตว์เดรัจฉาน อะไรหมู่นี้นะ ร่างของเปรต
นี่มันล้วนตั้งแต่บาปอกุศลทั้งนั้นแหละ
ไปตกแต่งร่างอันนี้ให้ดวงจิตได้อาศัย
มันก็ได้รับทุกข์ทนทรมานไป
ข้อนี้ก็อีกแหละคนก็ไม่ค่อยเชื่อ เพราะมันมองไม่เห็นด้วยปัญญา
เปรตไม่ทราบเป็นตัวอย่างไร....ไม่เห็น อย่างนี้แหละ
มันถึงไม่ค่อยเชื่อมันถึงทำบาปอยู่นั่นแหละคนเราน่ะ
สัตว์นรกนี้ก็เห็นแต่รูปอยู่ตามฝาผนังแต่ไม่ทราบว่าจะมีจริงหรือไม่
ก็ไม่ค่อยจะเชื่อ ลังเลสงสัย คิดว่านักปราชญ์ทั้งหลายนั้น
วาดภาพหลอกคนให้คนได้ทำบุญไปเฉยๆ ไม่นึกว่ามันจะมีความจริง
ผู้อย่างนี้ก็มี ..เรียกว่าเข้าใจว่ามีอยู่เป็นจำนวนมากแหละ
มันจึงไม่สำรวมกาย วาจา ใจ จึงไปทำบาปได้คนเราน่ะมันเป็นอย่างนั้น
อันบาปนั้นมันจะไปดูยากอะไรเล่า
ดูรูปร่างของคนที่เกิดมาในโลกนี้นี่น่ะ
คนมีบาปรูปร่างอวัยวะร่างกายก็ไม่สมประกอบ
อวัยวะต่างๆบางทีก็บกพร่องไปบางสิ่งบางอย่าง
บางคนก็ผอมโซไม่มีกำลังเรี่ยวแรงอะไรจะหาเลี้ยงตัวเองได้
ก็ไปเที่ยวขอทานกินไปอย่างนั้นแหละ
พวกตาบอดหมู่นี้ก็ไปเที่ยวขอทานเขากิน
พวกเป็นง่อยเปลี้ยเสียขาอะไรหมู่นี้นะ
เมื่อญาติพี่น้องทอดทิ้งก็ไปเที่ยวระเหเร่ร่อน ขอทานเขากินไป
แล้วนั่นใครจะเข้าใจว่าอย่างไรล่ะ รูปร่างอย่างนั้นน่ะ
อะไรมันมาตกแต่งให้เป็นอย่างนั้น
มันหาดูได้นะในโลกอันนี้ไม่อดไม่อยาก
แต่ทำไมคนอื่นรูปร่างอวัยวะมันจึงครบถ้วนบริบูรณ์ มีกำลังวังชา
ทำความเจริญให้แก่ตนและผู้อื่นได้
ทำไมมันจึงแตกต่างกันอย่างนั้น
อันอย่างนี้นะถ้าหากว่าบุคคลไม่น้อมเอาคำสอนของพระพุทธเจ้า
มาเปรียบเทียบเข้าไปแล้วมันก็งงแหละ ไม่ค่อยเชื่อ
แต่ถ้าเราเคารพต่อพระธรรมคำสอนจริงๆอย่างนี้
แน่นอนแหละมันก็ย่อมไม่ลังเลสงสัยอะไรเลย
...
ส่วนหนึ่งจากพระธรรมเทศนาหัวข้อ "กรรมปางก่อน"
บุญบาปเห็นได้ชัดแต่ไม่ยอมเชื่อ : หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ
พระอาจารย์เหรียญ วรลาโภ
วัดอรัญญบรรพต
อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย
...
บางคนเมื่อมันหลงหลายมันก็ไม่ยอมเชื่อ
มันไม่ยอมเชื่อว่าบุญบาปนี่มาตกแต่งร่างกายนี้ให้เกิดมา
เพราะเหตุนั้นแหละมันจึงไม่ยอมละบาป
และไม่ยอมบำเพ็ญกุศลสืบต่อ
ผู้ใดมาค้นหาเหตุปัจจัยของชีวิต เห็นด้วยปัญญาแล้ว
ผู้นั้นก็แน่นอนแหละต้องเพียรละบาปออกจากกาย วาจา ใจ
เพราะว่าเมื่อบุคคลใดไม่เพียรละบาปออกไป
อันบาปนั้นน่ะมันก็จะตามตกแต่งร่างกายให้ดวงจิตนี้อาศัย
อันไม่เป็นที่พึงปรารถนา เช่น ไปตกแต่งร่างกายของสัตว์นรก
ร่างของสัตว์เดรัจฉาน อะไรหมู่นี้นะ ร่างของเปรต
นี่มันล้วนตั้งแต่บาปอกุศลทั้งนั้นแหละ
ไปตกแต่งร่างอันนี้ให้ดวงจิตได้อาศัย
มันก็ได้รับทุกข์ทนทรมานไป
ข้อนี้ก็อีกแหละคนก็ไม่ค่อยเชื่อ เพราะมันมองไม่เห็นด้วยปัญญา
เปรตไม่ทราบเป็นตัวอย่างไร....ไม่เห็น อย่างนี้แหละ
มันถึงไม่ค่อยเชื่อมันถึงทำบาปอยู่นั่นแหละคนเราน่ะ
สัตว์นรกนี้ก็เห็นแต่รูปอยู่ตามฝาผนังแต่ไม่ทราบว่าจะมีจริงหรือไม่
ก็ไม่ค่อยจะเชื่อ ลังเลสงสัย คิดว่านักปราชญ์ทั้งหลายนั้น
วาดภาพหลอกคนให้คนได้ทำบุญไปเฉยๆ ไม่นึกว่ามันจะมีความจริง
ผู้อย่างนี้ก็มี ..เรียกว่าเข้าใจว่ามีอยู่เป็นจำนวนมากแหละ
มันจึงไม่สำรวมกาย วาจา ใจ จึงไปทำบาปได้คนเราน่ะมันเป็นอย่างนั้น
อันบาปนั้นมันจะไปดูยากอะไรเล่า
ดูรูปร่างของคนที่เกิดมาในโลกนี้นี่น่ะ
คนมีบาปรูปร่างอวัยวะร่างกายก็ไม่สมประกอบ
อวัยวะต่างๆบางทีก็บกพร่องไปบางสิ่งบางอย่าง
บางคนก็ผอมโซไม่มีกำลังเรี่ยวแรงอะไรจะหาเลี้ยงตัวเองได้
ก็ไปเที่ยวขอทานกินไปอย่างนั้นแหละ
พวกตาบอดหมู่นี้ก็ไปเที่ยวขอทานเขากิน
พวกเป็นง่อยเปลี้ยเสียขาอะไรหมู่นี้นะ
เมื่อญาติพี่น้องทอดทิ้งก็ไปเที่ยวระเหเร่ร่อน ขอทานเขากินไป
แล้วนั่นใครจะเข้าใจว่าอย่างไรล่ะ รูปร่างอย่างนั้นน่ะ
อะไรมันมาตกแต่งให้เป็นอย่างนั้น
มันหาดูได้นะในโลกอันนี้ไม่อดไม่อยาก
แต่ทำไมคนอื่นรูปร่างอวัยวะมันจึงครบถ้วนบริบูรณ์ มีกำลังวังชา
ทำความเจริญให้แก่ตนและผู้อื่นได้ ทำไมมันจึงแตกต่างกันอย่างนั้น
อันอย่างนี้นะถ้าหากว่าบุคคลไม่น้อมเอาคำสอนของพระพุทธเจ้า
มาเปรียบเทียบเข้าไปแล้วมันก็งงแหละ ไม่ค่อยเชื่อ
แต่ถ้าเราเคารพต่อพระธรรมคำสอนจริงๆอย่างนี้
แน่นอนแหละมันก็ย่อมไม่ลังเลสงสัยอะไรเลย
...
ส่วนหนึ่งจากพระธรรมเทศนาหัวข้อ "กรรมปางก่อน"