ย้อนหลังไปเมื่อปี พ.ศ. 2533 ประเทศไทยมีโครงการขยายโทรศัพท์ 3 ล้านเลขหมายทั่วประเทศ เพื่อวางรากฐานด้านการติดต่อสื่อสารของชาติ เวลานั้นมีบริษัทยักษ์ใหญ่เสนอตัวเข้ามาถึง 5 แห่ง
การที่มีเอกชนยักษ์ใหญ่หลายรายแสดงความสนใจเข้ามาในอุตสาหกรรมโทรคมนาคมของไทยนั้น บางคนมีข้อสังเกตปนกังวลว่า บริษัทที่เข้ามาเหล่านี้มีแต่ต่างชาติ
โครงสร้างพื้นฐานด้านโทรคมนาคมของประเทศ แต่กลับไม่มีบริษัทของไทยเข้าไปเลย
ก่อนหน้านั้นผู้บริหารท่านหนึ่งของ ซีพี. เคยเสนอว่า ซีพี. น่าจะลองมาทำโทรศัพท์พื้นฐาน แต่เจ้าสัวปฏิเสธมาตลอด เพราะเป็นธุรกิจระดับชาติจึงมีความเสี่ยงต่อการถูกมองไปในแง่ลบได้ง่าย
แต่สุดท้าย ด้วยความที่มีแต่บริษัทต่างชาติเข้ามาประมูล จึงมีเสียงเรียกร้องให้บริษัทไทยที่พอมีกำลังไหวไปลองประมูลแข่งกับต่างชาติดู เพื่อเอากิจการที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของประเทศมาอยู่ที่คนไทย
นี่จึงทำให้เจ้าสัวต้องทบทวนการตัดสินใจของตัวเองอีกครั้ง
"ทำแล้วประเทศได้ประโยชน์หรือเปล่า ประชาชนได้ประโยชน์หรือเปล่า"
เจ้าสัวถามตัวเองในเรื่องนี้เสมอก่อนที่จะตัดสินใจทำอะไร
"ทำดีย่อมได้ดี" ถ้าประเทศได้ ประชาชนได้ ความดีนั้นจะย้อนกลับมาสู่ตัวผู้ทำดีด้วย
เมื่อนี่คือ ความจำเป็นของประเทศชาติ เจ้าสัวจึงตัดสินใจเข้ามาสู่ธุรกิจโทรคมนาคมที่มีความเสี่ยงสูงทั้งเรื่องการลงทุนที่ต้องใช้เงินมหาศาลและเสี่ยงต่อการถูกมองในแง่ลบ
และแล้วความกังวลของเจ้าสัวก็เป็นจริง...
ทันทีที่เทเลคอมเอเชีย (ทรูในปัจจุบัน) ลงสนามแข่งขันยื่นข้อเสนอโทรศัพท์ 3 ล้านเลขหมาย ก็ถูกกระแสสังคมโจมตีอย่างหนัก
มีคนใกล้ชิดที่ทนฟังเสียงโจมตีในแง่ลบไม่ไหว เคยพูดกับเจ้าสัวว่า
"ถ้าเราไม่ทำเทเลคอมเอเชีย ก็ไม่เห็นเป็นอะไรเลย"
เจ้าสัวส่ายหัว แล้วตอบว่า
"เขาคงเข้าใจเราผิด คงนึกว่า เราจะทำอะไรไม่ดี ถ้าเขาเข้าใจเรา คงไม่ทำกับเราอย่างนี้"
ด้วยความเชื่อที่ว่า ทำดีได้ดี เจ้าสัวจึงเดินหน้าต่อไป
ถ้าใครอายุ 30 ปีขึ้นไป คงจะรู้ว่า แต่ก่อนการขอโทรศัพท์บ้านต้องใช้เวลาเป็นปี ใช้เงินจำนวนมากกว่าจะได้มา แต่เทเลคอมเอเชียทำให้การขอโทรศัพท์บ้านเป็นเรื่องง่ายกว่าเดิม ไม่ต้องเสียเงินแพงๆ และไม่ต้องรอนานเป็นปี
การเข้ามาทำโทรศัพท์เคลื่อนที่เป็นรายที่ 3 จากเดิมทีมีเพียง 2 ราย ก็ทำให้เกิดการแข่งขันมากขึ้น ค่าบริการโทรศัพท์จึงถูกลง
20 กว่าปีผ่านไป วันนี้การสื่อสารเป็นเรื่องที่ง่ายและสะดวกสบายขึ้น จนคนไทยอาจจะลืมไปแล้วว่า เมื่อก่อนเราเคยลำบากกันอย่างไร
แต่ถึงคนไทยจะลืมไปแล้ว แต่เจ้าสัวยังคงจำได้ดี และบอกกับตัวเองและคนรอบข้างที่เป็นห่วงอยู่เสมอให้เชื่อว่า
"ทำดีได้ดี"
ปล. เนื้อหาในบทความนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อแบ่งปันความรู้และประสบการณ์ของเจ้าสัวให้กับนักธุรกิจโดยเฉพาะผู้เริ่มต้นธุรกิจใหม่ๆ SMEs และผู้ที่สนใจ เพื่อเป็นกำลังใจในการทำงาน ดังนั้น ผู้เขียนของดพูดถึงประเด็นขัดแย้งทางสังคมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับเจ้าสัว และ CP ในกระทู้นี้ค่ะ ^^
The Side Story
FB:
https://www.facebook.com/Dhaninsidestory
เจ้าสัวกับเทเลคอมเอเชีย
การที่มีเอกชนยักษ์ใหญ่หลายรายแสดงความสนใจเข้ามาในอุตสาหกรรมโทรคมนาคมของไทยนั้น บางคนมีข้อสังเกตปนกังวลว่า บริษัทที่เข้ามาเหล่านี้มีแต่ต่างชาติ
โครงสร้างพื้นฐานด้านโทรคมนาคมของประเทศ แต่กลับไม่มีบริษัทของไทยเข้าไปเลย
ก่อนหน้านั้นผู้บริหารท่านหนึ่งของ ซีพี. เคยเสนอว่า ซีพี. น่าจะลองมาทำโทรศัพท์พื้นฐาน แต่เจ้าสัวปฏิเสธมาตลอด เพราะเป็นธุรกิจระดับชาติจึงมีความเสี่ยงต่อการถูกมองไปในแง่ลบได้ง่าย
แต่สุดท้าย ด้วยความที่มีแต่บริษัทต่างชาติเข้ามาประมูล จึงมีเสียงเรียกร้องให้บริษัทไทยที่พอมีกำลังไหวไปลองประมูลแข่งกับต่างชาติดู เพื่อเอากิจการที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของประเทศมาอยู่ที่คนไทย
นี่จึงทำให้เจ้าสัวต้องทบทวนการตัดสินใจของตัวเองอีกครั้ง
"ทำแล้วประเทศได้ประโยชน์หรือเปล่า ประชาชนได้ประโยชน์หรือเปล่า"
เจ้าสัวถามตัวเองในเรื่องนี้เสมอก่อนที่จะตัดสินใจทำอะไร
"ทำดีย่อมได้ดี" ถ้าประเทศได้ ประชาชนได้ ความดีนั้นจะย้อนกลับมาสู่ตัวผู้ทำดีด้วย
เมื่อนี่คือ ความจำเป็นของประเทศชาติ เจ้าสัวจึงตัดสินใจเข้ามาสู่ธุรกิจโทรคมนาคมที่มีความเสี่ยงสูงทั้งเรื่องการลงทุนที่ต้องใช้เงินมหาศาลและเสี่ยงต่อการถูกมองในแง่ลบ
และแล้วความกังวลของเจ้าสัวก็เป็นจริง...
ทันทีที่เทเลคอมเอเชีย (ทรูในปัจจุบัน) ลงสนามแข่งขันยื่นข้อเสนอโทรศัพท์ 3 ล้านเลขหมาย ก็ถูกกระแสสังคมโจมตีอย่างหนัก
มีคนใกล้ชิดที่ทนฟังเสียงโจมตีในแง่ลบไม่ไหว เคยพูดกับเจ้าสัวว่า
"ถ้าเราไม่ทำเทเลคอมเอเชีย ก็ไม่เห็นเป็นอะไรเลย"
เจ้าสัวส่ายหัว แล้วตอบว่า
"เขาคงเข้าใจเราผิด คงนึกว่า เราจะทำอะไรไม่ดี ถ้าเขาเข้าใจเรา คงไม่ทำกับเราอย่างนี้"
ด้วยความเชื่อที่ว่า ทำดีได้ดี เจ้าสัวจึงเดินหน้าต่อไป
ถ้าใครอายุ 30 ปีขึ้นไป คงจะรู้ว่า แต่ก่อนการขอโทรศัพท์บ้านต้องใช้เวลาเป็นปี ใช้เงินจำนวนมากกว่าจะได้มา แต่เทเลคอมเอเชียทำให้การขอโทรศัพท์บ้านเป็นเรื่องง่ายกว่าเดิม ไม่ต้องเสียเงินแพงๆ และไม่ต้องรอนานเป็นปี
การเข้ามาทำโทรศัพท์เคลื่อนที่เป็นรายที่ 3 จากเดิมทีมีเพียง 2 ราย ก็ทำให้เกิดการแข่งขันมากขึ้น ค่าบริการโทรศัพท์จึงถูกลง
20 กว่าปีผ่านไป วันนี้การสื่อสารเป็นเรื่องที่ง่ายและสะดวกสบายขึ้น จนคนไทยอาจจะลืมไปแล้วว่า เมื่อก่อนเราเคยลำบากกันอย่างไร
แต่ถึงคนไทยจะลืมไปแล้ว แต่เจ้าสัวยังคงจำได้ดี และบอกกับตัวเองและคนรอบข้างที่เป็นห่วงอยู่เสมอให้เชื่อว่า
"ทำดีได้ดี"
ปล. เนื้อหาในบทความนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อแบ่งปันความรู้และประสบการณ์ของเจ้าสัวให้กับนักธุรกิจโดยเฉพาะผู้เริ่มต้นธุรกิจใหม่ๆ SMEs และผู้ที่สนใจ เพื่อเป็นกำลังใจในการทำงาน ดังนั้น ผู้เขียนของดพูดถึงประเด็นขัดแย้งทางสังคมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับเจ้าสัว และ CP ในกระทู้นี้ค่ะ ^^
The Side Story
FB: https://www.facebook.com/Dhaninsidestory