เมื่อวันที่ 13-09-2015 ดิฉันกับสามีและลูกสาว 3 ขวบ ไปส่งลูกชายอายุ 8 ขวบขึ้นเครื่อง โดยเดินทางคนเดียวจาก ดอนเมือง ไป เชียงใหม่ ด้วยสายการบิน Thai Lion Air เที่ยวบิน JT 8520 เวลา 6:45pm – 8:00pm
ปกติลูกชายเคยเดินทางคนเดียว จาก กรุงเทพฯ – เชียงใหม่ – กรุงเทพฯ 2-3 ครั้งแล้ว โดยขาลงมากรุงเทพฯ มีทั้งที่ สุวรรณภูมิและดอนเมือง แต่ขาขึ้นไปเชียงใหม่เคยใช้บริการแต่ที่สุวรรณภูมิ ดังนั้นครั้งนี้จึงเป็นครั้งแรกของลูกชายที่มาขึ้นเครื่องที่ดอนเมือง และก็เกิดเหตุการณ์ที่ต้องจดจำกับสายการบินนี้
เรามาเช็คอินที่เคาร์เตอร์ตามปกติ เจ้าหน้าที่สายการบินเตรียมเอกสารสำหรับฝากเด็กเดินทางคนเดียวให้เรียบร้อย มีการอธิบายและแนะนำเรื่องการรับส่งเด็กให้กับผู้ปกครอง ณ ปลายทาง
หลังจากส่งลูกชายเรียบร้อย ประมาณ 6:00pm เราเดินทางกลับโดยไปยังรถที่จอดไว้ที่อาคารจอดรถ ระหว่างนั้นมีรถคันหนึ่งต้องการความช่วยเหลือเพราะแบตหมด หลังจากพ่วงแบตแล้ว จึงออกจากสนามบินประมาณ 6:20pm
ขณะขับรถกลับดิฉันโทรหาลูกชาย แต่ลูกชายลืมมือถือไว้ในรถ เราจึงรีบวนรถกลับไปสนามบินอีกครั้ง
เมื่อมาถึงเวลาประมาณ 6:30pm รีบติดต่อเจ้าหน้าที่ ที่เคาร์เตอร์เดิม โดยไม่ทันสังเกตุว่าเคาร์เตอร์นั้นปิดแล้ว เจ้าหน้าที่นั่งพักอยู่และไม่ใช่เจ้าหน้าที่คนเดิมที่เช็คอินให้ลูกชาย
หลังจากแจ้งว่าลูกชายลืมมือถือไว้ เครื่องออก 6:45pm เจ้าหน้าที่ซึ่งเป็นน้องผู้หญิงรีบเช็คดูที่หน้าจอและตะโกนเรียกน้องผู้ชายให้วิ่งเอามือถือไปส่งให้โดยด่วนที่สุด ถ้าไม่ทันหรือมีปัญหาอะไรให้โทรมา
ระหว่างนี้ดิฉันรอบริเวณเคาร์เตอร์ ส่วนสามีและลูกสาวคนเล็กจอดรถรออยู่ด้านหน้า จนเวลาประมาณ 7:00pm ยังไม่เห็นน้องผู้ชายกลับมา หันไปดูที่เคาร์เตอร์ไม่เห็นน้องผู้หญิงที่รับเรื่องไว้ จึงลองโทรเข้ามือถือลูกชาย ปรากฎมือถือปิดแล้วจึงเข้าใจว่าลูกชายน่าจะได้รับมือถือและปิดเครื่องแล้ว
แต่เพื่อความแน่ใจจึงจะเดินไปสอบถามเจ้าหน้าที่ท่านอื่น พอดีเห็นน้องผู้หญิงอีกคนเดินมาซึ่งเป็นคนที่รับลูกชายไปขึ้นเครื่อง น้องคนนี้เล่าว่าลูกชายขึ้นเครื่องเรียบร้อยแล้วค่ะซึมๆ แต่ไม่ร้องไห้ ส่วนเรื่องมือถือน้องผู้หญิงบอกไม่ทราบเรื่อง
และก็มีน้องอีก 2 คนเดินเข้ามาคุยด้วยพอทราบเรื่อง จึงหันไปถามเจ้าหน้าที่ที่นั่งอยู่ข้างล่างตรงเคาร์เตอร์ที่ดิฉันแจ้งเรื่องมือถือไว้ และได้ยินเสียงเจ้าหน้าที่ท่านนั้นบอกให้อีกคนโทรเข้าไปข้างในเพื่อสอบถาม Case มือถือ
จึงทราบว่าลูกชายได้รับมือถือเรียบร้อยแล้ว
ส่วนเจ้าหน้าที่ที่นั่งอยู่ด้านล่างเคาร์เตอร์ซึ่งเป็นคนบอกให้อีกคนโทรเข้าไปสอบถาม ก็คือน้องผู้หญิงที่รับเรื่องมือถือไว้ ซึ่งดิฉันจำเสียงน้องเค้าได้ค่ะ (น้องเสียงเบสมากค่ะ-สงสัยจะร้องเพลงเพราะแน่ๆ) แต่ที่ดิฉันไม่เห็น เพราะเธอลงไปนั่งทานอาหารเนื่องจากเป็นเวลาพักของน้องเค้าค่ะ
หลังจากขอบคุณน้องๆ เรียบร้อยแล้ว ก็ขออนุญาติถ่ายรูปเป็นที่ระลึกด้วยค่ะ
เสียดายที่ไม่ได้ขอบคุณและขอถ่ายรูปน้องผู้ชาย.. ม้าเร็วประจำสายการบิน หรือเปลี่ยนเป็น สิงโตไวแห่ง Thai Lion Air
และนี่คือประสบการณ์และความประทับใจกับสายการบินนี้ค่ะ Thai Lion Air
Thai Lion Air ประสบการณ์กับสายการบินนี้ ไทย ไลอ้อน แอร์
ปกติลูกชายเคยเดินทางคนเดียว จาก กรุงเทพฯ – เชียงใหม่ – กรุงเทพฯ 2-3 ครั้งแล้ว โดยขาลงมากรุงเทพฯ มีทั้งที่ สุวรรณภูมิและดอนเมือง แต่ขาขึ้นไปเชียงใหม่เคยใช้บริการแต่ที่สุวรรณภูมิ ดังนั้นครั้งนี้จึงเป็นครั้งแรกของลูกชายที่มาขึ้นเครื่องที่ดอนเมือง และก็เกิดเหตุการณ์ที่ต้องจดจำกับสายการบินนี้
เรามาเช็คอินที่เคาร์เตอร์ตามปกติ เจ้าหน้าที่สายการบินเตรียมเอกสารสำหรับฝากเด็กเดินทางคนเดียวให้เรียบร้อย มีการอธิบายและแนะนำเรื่องการรับส่งเด็กให้กับผู้ปกครอง ณ ปลายทาง
หลังจากส่งลูกชายเรียบร้อย ประมาณ 6:00pm เราเดินทางกลับโดยไปยังรถที่จอดไว้ที่อาคารจอดรถ ระหว่างนั้นมีรถคันหนึ่งต้องการความช่วยเหลือเพราะแบตหมด หลังจากพ่วงแบตแล้ว จึงออกจากสนามบินประมาณ 6:20pm
ขณะขับรถกลับดิฉันโทรหาลูกชาย แต่ลูกชายลืมมือถือไว้ในรถ เราจึงรีบวนรถกลับไปสนามบินอีกครั้ง
เมื่อมาถึงเวลาประมาณ 6:30pm รีบติดต่อเจ้าหน้าที่ ที่เคาร์เตอร์เดิม โดยไม่ทันสังเกตุว่าเคาร์เตอร์นั้นปิดแล้ว เจ้าหน้าที่นั่งพักอยู่และไม่ใช่เจ้าหน้าที่คนเดิมที่เช็คอินให้ลูกชาย
หลังจากแจ้งว่าลูกชายลืมมือถือไว้ เครื่องออก 6:45pm เจ้าหน้าที่ซึ่งเป็นน้องผู้หญิงรีบเช็คดูที่หน้าจอและตะโกนเรียกน้องผู้ชายให้วิ่งเอามือถือไปส่งให้โดยด่วนที่สุด ถ้าไม่ทันหรือมีปัญหาอะไรให้โทรมา
ระหว่างนี้ดิฉันรอบริเวณเคาร์เตอร์ ส่วนสามีและลูกสาวคนเล็กจอดรถรออยู่ด้านหน้า จนเวลาประมาณ 7:00pm ยังไม่เห็นน้องผู้ชายกลับมา หันไปดูที่เคาร์เตอร์ไม่เห็นน้องผู้หญิงที่รับเรื่องไว้ จึงลองโทรเข้ามือถือลูกชาย ปรากฎมือถือปิดแล้วจึงเข้าใจว่าลูกชายน่าจะได้รับมือถือและปิดเครื่องแล้ว
แต่เพื่อความแน่ใจจึงจะเดินไปสอบถามเจ้าหน้าที่ท่านอื่น พอดีเห็นน้องผู้หญิงอีกคนเดินมาซึ่งเป็นคนที่รับลูกชายไปขึ้นเครื่อง น้องคนนี้เล่าว่าลูกชายขึ้นเครื่องเรียบร้อยแล้วค่ะซึมๆ แต่ไม่ร้องไห้ ส่วนเรื่องมือถือน้องผู้หญิงบอกไม่ทราบเรื่อง
และก็มีน้องอีก 2 คนเดินเข้ามาคุยด้วยพอทราบเรื่อง จึงหันไปถามเจ้าหน้าที่ที่นั่งอยู่ข้างล่างตรงเคาร์เตอร์ที่ดิฉันแจ้งเรื่องมือถือไว้ และได้ยินเสียงเจ้าหน้าที่ท่านนั้นบอกให้อีกคนโทรเข้าไปข้างในเพื่อสอบถาม Case มือถือ
จึงทราบว่าลูกชายได้รับมือถือเรียบร้อยแล้ว
ส่วนเจ้าหน้าที่ที่นั่งอยู่ด้านล่างเคาร์เตอร์ซึ่งเป็นคนบอกให้อีกคนโทรเข้าไปสอบถาม ก็คือน้องผู้หญิงที่รับเรื่องมือถือไว้ ซึ่งดิฉันจำเสียงน้องเค้าได้ค่ะ (น้องเสียงเบสมากค่ะ-สงสัยจะร้องเพลงเพราะแน่ๆ) แต่ที่ดิฉันไม่เห็น เพราะเธอลงไปนั่งทานอาหารเนื่องจากเป็นเวลาพักของน้องเค้าค่ะ
หลังจากขอบคุณน้องๆ เรียบร้อยแล้ว ก็ขออนุญาติถ่ายรูปเป็นที่ระลึกด้วยค่ะ
เสียดายที่ไม่ได้ขอบคุณและขอถ่ายรูปน้องผู้ชาย.. ม้าเร็วประจำสายการบิน หรือเปลี่ยนเป็น สิงโตไวแห่ง Thai Lion Air
และนี่คือประสบการณ์และความประทับใจกับสายการบินนี้ค่ะ Thai Lion Air