คุณคิดยังไรกับ “ชีวิตลูกสะใภ้ ในตระกูลจีน”
ดิฉันมีเรื่องของ“ชีวิตลูกสะใภ้ ในตระกูลจีน” จะมาเล่าให้ฟังค่ะ เรื่องนี้เกิดขึ้นมาตั้งแต่ปี2538 จนถึงปัจจุบันนี้ก็ 20 ปีแล้ว เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในชีวิตฉันไม่เคยสงบนิ่งเลยซักปี ส่วนใหญ่จะมีเหตุการณ์แปลกๆเกิดขึ้นมาให้แก้กันทุกวัน ซึ่งเรื่องของครอบครัวนั้นเป็นเรื่องที่เซ้นเซอร์ทีฟมาก ฉันก็ไม่แน่ใจว่าทุกวันนี้ฉันยังมีสติปกติเหมือนคนอื่นดีอยู่หรือเปล่า
เหตุการณ์มันเริ่มจาก ฉันเกิดในครอบครัวคนจีนตระกูลใหญ่ ฉันมีพี่น้องทั้งหมด 4 คน มีพี่ชาย และฉันเป็นลูกคนที่สอง และมีน้องสาวแล้วน้องชาย ฐานะทางบ้านของฉันอยู่ระดับที่เรียกได้ว่าดี พ่อแม่เป็นเจ้าของกิจการผลิตกระเป๋าหนังขายในประเทศ พอฉันเรียนจบอายุ20 พ่อแม่ก็ต้องการให้แต่งงาน ซึ่งตอนนั้นบรรดาเครือญาติลูกหลาน ก็ยังไม่มีครอบครัวไหนออกเรือนแต่งการกัน พ่อแม่ฉันจึงไปทาบทามลูกชาย(เฮียพงษ์) ของญาติ(อาเจ็ก)ลูกพี่ลูกน้องคนหนึ่งที่จังหวัด(บอกเพิ่มเติมคือแม่ฉันเป็นคนเชื้อสายจีน ต่างจังหวัด) เพื่อให้มาทำความรู้จักกัน โดยนัดกินข้าว หรือเรียกได้ว่าคือการดูตัวนั่นแหละค่ะ แล้วพอหลังจากวันนั้น ถ้าถามว่าฉันชอบผู้ชายคนนี้หรือเปล่า บอกได้เลยว่าเฉยๆค่ะ เพราะฉันไม่ได้คิดอะไรกับเรื่องพวกนี้ ฉันเพิ่งเรียนจบ มีความสุข ชีวิตกินดีอยู่ดี ไปเรียนก็มีคนขับรถไปให้จะไปไหน พูดได้เลยว่าไม่ลำบาก ดังนั้นเรื่องผู้ชายตอนนั้นฉันไม่ได้คิดอะไร แม่บอกว่า “ก็ลองทำความรู้จักกันเอาไว้ถ้า เป็นไปได้แม่ก็อยากให้แต่งงานกัน ฐานะทางบ้านอาเจ็ก ก็อยู่ในระดับที่ดีเลยนะ บ้านเค้าทำมาค้าขายข้าวสาร ขายอาหารสัตว์ แล้วอาพงษ์ก็เป็นคนขยัน ช่วยพ่อแม่ทำมาหากิน เรียนก็เก่ง มาอยากให้ลูกลองคบหากันดู ถ้าไม่ติดปัญหาอะไรก็ลองแต่งๆกันไปดู แม่จะได้หมดห่วง”
พอหลังจากวันที่นับดูตัว เฮียพงษ์ก็นับฉันไปกินข้าวดูหนัง เราเริ่มสนิทกัน เฮียพงษ์ไม่เคยทำให้ฉันต้องเสียใจ เค้าเป็นคนดี เสมอต้นเสมอปลาย ไม่มีปัญหาเรื่องผู้หญิง ไม่เคยล่วงเกินฉัน พาไปเที่ยวต่อมาส่งก็กลับตรงเวลาไม่เคยมืดค่ำ ระยะเวลาที่เฮียพงษ์ไปๆมาๆที่บ้านฉันประมาณ 2 เดือน พ่อแม่ฉันและพ่อแม่เฮียพงษ์ ก็เห็นว่าเราสองคนหน้าจะไปด้วยกันได้ พ่อแม่ของเราสองคนจึงมานั่งตกลงคุยกันว่า หน้าจะจัดงานแต่งงานเลย ไม่ต้องคบกันนาน ฉันกับเฮียพงษ์ก็ไม่ขัดอะไรๆ ยินยอมตามความเห็นของผู้ใหญ่ พ่อแม่ก็ไปจัดแจ้งหากฤษ์แต่งงานหาหมอดูกันยกใหญ่ หมอดูทักว่าฉันมีดวง .”ไม้กวาดๆเข้า” คืออยู่ที่ไหนก็มีเรื่องแต่เรื่องดีๆ กิจการร่ำรวย และหากฉันแต่งงานเข้าไปอยู่ที่บ้านเฮียพงษ์ แล้วจะนำพาแต่งเรื่องดีๆโชคดีมาให้ครอบครัวของเฮียพงษ์อย่างมากและแม่ของเฮียพงษ์ก็เอ็นดูฉันมาก
งานแต่งของฉันกันเฮียพงษ์ ถูกจัดอย่างยิ่งใหญ่ และเป็นที่อิจฉากันมากของเพื่อนบ้านที่อยู่ในจังหวัด เพราะดูเป็นคู่ที่เหมาะสมกันทางฐานะและครอบครัวของทั้งสองบ้าน เฮียพงษ์ให้สัญญากับฉันและพ่อแม่พร้อมกับต่อหน้าญาติผู้ใหญ่ฝั่งฉัน ว่าจะ “ดูแลและจะไม่ทำให้เสียใจ”
เมื่อฉันแต่งงานไปแล้วช่วงแรกก็ยังเป็นปกติดี ชีวิตคู่ดูสวยงาม แล้วเฮียพงษ์ก็ปิดธุรกิจทางบ้านต่างจังหวัด มาเปิดกิจการที่กรุงเทพ เวลาผ่านไปสองเดือนสามเดือนเริ่มมีเรื่องเข้ามา แม่เฮียพงษ์เริ่มบอกว่าอยากให้ฉันมาช่วยงานเฮียพงษ์ แต่ฉันทำงานอะไรไม่เป็น (เพราะฉันเรียนจบแล้วก็แต่งงานเลยไม่เคยต้องทำงาน) หลังนั้นฉันก็เริ่มศึกษาดูงานบัญชีบ้าง ดูแลเงินของกิจการที่บ้านหรือเรียกว่าเงินกงสี เวลาผ่านไปเหมือนจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น
แม่เฮียพงษ์เริ่มให้ฉันทำกับข้าว ล้างจาน ทำความสะอาดบ้าน ซักผ้า(ฉันทำไม่เป็นเพราะที่บ้านเดิมฉัน มีแม่บ้าน)แม่เฮียพงษ์ ก็ไม่พอใจที่ทำไมฉันทำไม่เป็น และแม่เฮียพงษ์ก็อยากได้เครื่องประดับ เริ่มขอเครื่องประดับจากฉัน (เครื่องประดับจากสินสอดงานแต่งของฉัน) และเริ่มขอเงินกงสีไปซื้อเพรชเครื่องประดับ แต่ฉันเป็นคนที่ดูแลเงิน ฉันก็ดูแล้วว่าไม่ควรให้ เพราะเป็นงานสำรองจ่ายของกิจการ จึงปฏิเสธไป แม่เฮียพงษ์ไม่พอใจ โยนจานข้าวทิ้ง ขณะที่ทุกคนกินข้าวอยู่บนโต๊ะอาหาร ฉันตกใจมาก ทำอะไรไม่ถูก ได้แต่เก็บไว้ และคิดฉันเป็นลูกของแม่เฮียพงษ์แล้วก็ต้องอยู่ให้ได้ทำให้เป็น ได้แต่อดทน (ซึ่งในฐานะครอบครัวของเฮียพงษ์ไม่ได้ลำบากอะไรถ้าจะจ้างแม่บ้าน แต่แม่เฮียกพงษ์ไม่ต้องการ เพราะมันเปลือง) ฉันอยู่บ้านนี้ด้วยความละห่องละแหงกับแม่สามีมาตลอด แต่ก็ยังโชคดีอยู่บ้างที่ พ่อของเฮียพงษ์และเฮียพงษ์ให้กำลังใจฉันตลอด พร้อมกับคอยช่วยเหลือ
เวลาผ่านมา 3 ปีฉันตั้งท้องลูกคนแรก เป็นลูกสาว ทุกคนในครอบครัวทั้ง2บ้านดีใจมาก เพราะบ้านเฮียมีแต่ลูกชาย(เฮียพงษ์และน้องชาย) ทุกคนต่างช่วยเลี้ยงหลาน และหลังจากนั้นฉันก็มีลูกับเฮียเฮียพงษ์อีกหนึ่งคน ก็เป็นลูกสาว พอหลังจากฉันมีลูก2คนแล้วทางพ่อแม่เฮียพงษ์ ก็ต้องการลูกชาย ฉันกับเฮียพงษ์ก็ไปปรึกษาหาคัดเชื้อทำทุกทาง ตามคำแนะนำ ฉันก็ตั้งท้องลูกคนที่3 หวังว่าจะเป็นลูกชาย แต่ท้ายที่สุดก็เป็นลูกสาว และคนที่ 4 ก็ลูกสาว พ่อแม่เฮียพงษ์รู้สึกไม่ค่อยพอใจ เพราะได้หลานทั้ง4คน จากลูกชายคนโต เป็นผู้หญิงหมด
ระหว่างนั้นแม่เฮียพงษ์พยายามหาผู้หญิงเพื่อให้มาแต่งงานกับน้องชายเฮียพงษ์(น้องชายเฮียพงษ์เป็นคนหนุ่มเจ้าสเนห์ รักสนุก ไม่เอางานเอาการ กินเหล้าเม้าทุกวัน ติดบุหรี เรียนไม่จบ แต่แม่เฮียพงษ์ก็รักและตามใจมาก) และแล้วแม่เฮียพงษ์ก็หาผู้หญิง ลูกสาวร้านเพรช มาแต่งงานกับน้องชายเฮียพงษ์ได้ แต่คงด้วยความรักลูกของแม่เฮียพงษ์ ให้เอาเงินกงสีซื้อบ้านซื้อรถให้น้องชายเฮียพงษ์ และสร้างบ้านหลังใหม่ที่ใหญ่กว่าหลังเดิมหลายเท่าตัวเพื่อให้เราอยู่กันเป็นครอบครัวใหญ่ พร้อมกับเอาเงินกงสีทำธุรกิจให้น้องชายที่ไม่เอาไหนของเฮียพงษ์ หมดเงินไปหลาย 10 ล้านบ้าน แลน้องสะใภ้ก็เริ่มวางแผน(ยิ่งกว่าละคร) เพื่อต้องการสมบัติของเฮียพงษ์ เค้าก็จะทำทุกวิถีทางเพื่อให้ฉันดูไม่ดี แต่ด้วยความช่วยเหลือของพ่อเฮียพงษ์และการไว้ใจกันของเฮียพงษ์ที่มีให้ฉัน ฉันก็ผ่านมาได้
แต่สุดท้ายกิจการทั้งหมดเฮียพงษ์,ฉันและพ่อเฮียพงษ์ ก็ต้องเข้ามาคอยช่วยดูแลกิจการทั้งหมด เพื่อเอาเงินมาใช้หนี้ บ้านและธุรกิจที่กู้แบงค์มา
ระหว่างนั้นเหมือนจะโอเครทุกอย่าง เหมือนจะไม่มีปัญหาใหญ่โต เฮียพงษ์ก็ทำงานหนักมาก ฉันเองก็ทำงานหนักดูแลบริหารจัดการ การเงินของธุรกิจ พร้อมกับทำหน้าที่ของแม่ หาโรงเรียนให้ลูกได้เรียนที่ดีๆ ดูแลงานบ้านและคนในบ้าน ฉันกับเฮียพงษ์ ทำงานหนักมากไม่ค่อยมีเวลาให้ลูกๆ หากลูกต้องการอะไร ฉันก็จะตามใจ เพราะไม่มีเวลาดูแล
ช่วงนั้นธุรกิจที่เฮียพงษ์ทำ ดีมากและเฮียพงษ์ต้องการขยายกิจการ ดูแลลูกค้า พาไปกินข้าว กินเลี้ยง ทุกที่เฮียพงษ์พาลูกค้าไปกินเลี้ยง ฉันไม่เคยซักถามอะไรให้กวนใจ เพราะฉันไว้ใจเฮียพงษ์ จนอยู่มาวันหนึ่งฉันพาลูกไปหาหมอที่โรงบาลที่เคยไปหาประจำ(หมอและพยาบาลจะรู้จักคนในครอบครัวฉันดี) หมอก็ทักว่า ”เมื่อวานเหมือนมีหลานคุณมาหาหมอเหมือนกันนะ เพราะเห็นนามสกุลเหมือนกัน” ฉันจึงถามชื่อกับพบาล แล้วฉันก็ยังสงสัยว่าเป็นใคร จึงกับมาถามพ่อแม่เฮียพงษ์ ทุกคนไม่รู้จัก จนอยู่มาวันหนึ่งอาโก พี่สาวของพ่อเฮียพงษ์ มาบอกฉันว่า เฮียพงษ์มีเมียอีกหนึ่งคนและเค้ามีลูกชายให้เฮียพงษ์ เมื่อเดือนก่อนลูกชายเค้าป่วยจึงพาไปหาหมอคนเดียวกันกับที่รักษาลูกฉัน
ตอนนั้นตัวฉันแข็งชาไปทั้งตัวทำอะไรไม่ถูก หูอือคิดอะไรไม่ออก ทำไมผู้ชายที่รักฉันจึงต้องทำกับฉันแบบนี้ฉันผิดตรงไหน ฉันไม่สามารถมีลูกชายให้เค้าใช่มั้ย พอตกเย็นวันนั้นเฮียพงษ์กลับบ้านมา ฉันถามเฮียพงษ์ว่า มีอะไรจะบอกมั้ย เฮียพงษ์บอกไม่มี หลังจากนั้นฉันก็อาระวาด ร้องเป็นคนเสียสติ ฉันรับไม่ได้กับการกระทำของเค้า เฮียพงษ์บอกว่าเกิดจากความผิดพลาดของเค้าเอง ตอนที่พาลูกค้าไปเลี้ยงแล้วเค้าพลาดไปมีความสัมพันธ์กับ ผู้หญิงอย่างว่า แล้วเค้าท้องเฮียจึงต้องรับผิดชอบแต่เฮียก็จะไม่ให้เค้ามายุ่งกับฉัน อยู่กันคนละบ้านคนละที่
ฉันยอมรับว่าเสียใจมากและทำใจยอมรับไม่ได้ และไม่ไว้ใจในสิ่งที่เฮียพงษ์พูด จึงไปจ้างนักสืบให้สืบผู้หญิงคนนั้น จนได้ความว่า เฮียพงษ์ไปเที่ยวที่ร้านที่ผู้หญิงคนนั้นเค้าทำงานอยู่บ่อยครั้งและซื้อบ้านให้ และพาไปหาหมอเพื่อคัดเชื้อ เพราะเกิดจากความต้องการของเฮียพงษ์ ที่ต้องการลูกชาย ทุกอย่างไม่ได้เกิดจากความบังเอิญและพพลาดแต่อย่างใด ทุกอย่างเกิดจากความ “ตั้งใจ” แล้วที่ผ่านมาความรักและความจริงใจที่เฮียพงษ์มีให้กับฉันคืออะไร? และฉันก็ทำดีทุกอย่างดูแลทุกอย่าง และดูแลตัวอย่างให้สวยอยู่ตลอด เพื่อให้ให้เฮียพงษ์พอใจ แล้วฉันทำผิดอะไร?
ฉันเริ่มเปลี่ยนตัวเอง เริ่มใช้เงินฟุมเฟือย ไปเข้าคอรส์อบรม และลูกๆก็เริมรับกับปัญหาภายในบ้านไม่ไหว จึงขอไปอยู่บ้านประเทศ ฉันก็ตามใจส่งลูกไป ส่วนตัวฉันก็ยังดูแลการเงินของกิจการต่อไป แต่ออกไปใช้ชีวิตนอกบ้านมากขึ้นไม่สนใจคนนั้นบ้านและฉันไปเข้าคอรส์อบรมแพงๆ 3-4แสนบาท ใช้ชีวิตให้คุ้มค่ากับทุกอย่าง และย้ายบ้านออกมาอยู่ข้างนอก
บรรดาญาติพี่น้องและพ่อแม่ฉันทราบเรื่องก็ต่างไม่พอใจ ครอบครัวทั้ง2บ้านเริ่มเข้าหน้ากันไม่ติด และสุดท้ายเฮียพงษ์ก็พาผู้หญิงคนนั้นเข้ามาอยู่ในบ้านพร้อมกับลูกชายของเค้า
ฉันอยากจะถามว่าสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดคืออะไร? และความทำยังไงกับชีวิตต่อไปดี
คุณลืมตอบคำถามที่ * จำเป็นต้องตอบ
ใครที่ผิดหรือผิดที่ใคร?
ดิฉันมีเรื่องของ“ชีวิตลูกสะใภ้ ในตระกูลจีน” จะมาเล่าให้ฟังค่ะ เรื่องนี้เกิดขึ้นมาตั้งแต่ปี2538 จนถึงปัจจุบันนี้ก็ 20 ปีแล้ว เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในชีวิตฉันไม่เคยสงบนิ่งเลยซักปี ส่วนใหญ่จะมีเหตุการณ์แปลกๆเกิดขึ้นมาให้แก้กันทุกวัน ซึ่งเรื่องของครอบครัวนั้นเป็นเรื่องที่เซ้นเซอร์ทีฟมาก ฉันก็ไม่แน่ใจว่าทุกวันนี้ฉันยังมีสติปกติเหมือนคนอื่นดีอยู่หรือเปล่า
เหตุการณ์มันเริ่มจาก ฉันเกิดในครอบครัวคนจีนตระกูลใหญ่ ฉันมีพี่น้องทั้งหมด 4 คน มีพี่ชาย และฉันเป็นลูกคนที่สอง และมีน้องสาวแล้วน้องชาย ฐานะทางบ้านของฉันอยู่ระดับที่เรียกได้ว่าดี พ่อแม่เป็นเจ้าของกิจการผลิตกระเป๋าหนังขายในประเทศ พอฉันเรียนจบอายุ20 พ่อแม่ก็ต้องการให้แต่งงาน ซึ่งตอนนั้นบรรดาเครือญาติลูกหลาน ก็ยังไม่มีครอบครัวไหนออกเรือนแต่งการกัน พ่อแม่ฉันจึงไปทาบทามลูกชาย(เฮียพงษ์) ของญาติ(อาเจ็ก)ลูกพี่ลูกน้องคนหนึ่งที่จังหวัด(บอกเพิ่มเติมคือแม่ฉันเป็นคนเชื้อสายจีน ต่างจังหวัด) เพื่อให้มาทำความรู้จักกัน โดยนัดกินข้าว หรือเรียกได้ว่าคือการดูตัวนั่นแหละค่ะ แล้วพอหลังจากวันนั้น ถ้าถามว่าฉันชอบผู้ชายคนนี้หรือเปล่า บอกได้เลยว่าเฉยๆค่ะ เพราะฉันไม่ได้คิดอะไรกับเรื่องพวกนี้ ฉันเพิ่งเรียนจบ มีความสุข ชีวิตกินดีอยู่ดี ไปเรียนก็มีคนขับรถไปให้จะไปไหน พูดได้เลยว่าไม่ลำบาก ดังนั้นเรื่องผู้ชายตอนนั้นฉันไม่ได้คิดอะไร แม่บอกว่า “ก็ลองทำความรู้จักกันเอาไว้ถ้า เป็นไปได้แม่ก็อยากให้แต่งงานกัน ฐานะทางบ้านอาเจ็ก ก็อยู่ในระดับที่ดีเลยนะ บ้านเค้าทำมาค้าขายข้าวสาร ขายอาหารสัตว์ แล้วอาพงษ์ก็เป็นคนขยัน ช่วยพ่อแม่ทำมาหากิน เรียนก็เก่ง มาอยากให้ลูกลองคบหากันดู ถ้าไม่ติดปัญหาอะไรก็ลองแต่งๆกันไปดู แม่จะได้หมดห่วง”
พอหลังจากวันที่นับดูตัว เฮียพงษ์ก็นับฉันไปกินข้าวดูหนัง เราเริ่มสนิทกัน เฮียพงษ์ไม่เคยทำให้ฉันต้องเสียใจ เค้าเป็นคนดี เสมอต้นเสมอปลาย ไม่มีปัญหาเรื่องผู้หญิง ไม่เคยล่วงเกินฉัน พาไปเที่ยวต่อมาส่งก็กลับตรงเวลาไม่เคยมืดค่ำ ระยะเวลาที่เฮียพงษ์ไปๆมาๆที่บ้านฉันประมาณ 2 เดือน พ่อแม่ฉันและพ่อแม่เฮียพงษ์ ก็เห็นว่าเราสองคนหน้าจะไปด้วยกันได้ พ่อแม่ของเราสองคนจึงมานั่งตกลงคุยกันว่า หน้าจะจัดงานแต่งงานเลย ไม่ต้องคบกันนาน ฉันกับเฮียพงษ์ก็ไม่ขัดอะไรๆ ยินยอมตามความเห็นของผู้ใหญ่ พ่อแม่ก็ไปจัดแจ้งหากฤษ์แต่งงานหาหมอดูกันยกใหญ่ หมอดูทักว่าฉันมีดวง .”ไม้กวาดๆเข้า” คืออยู่ที่ไหนก็มีเรื่องแต่เรื่องดีๆ กิจการร่ำรวย และหากฉันแต่งงานเข้าไปอยู่ที่บ้านเฮียพงษ์ แล้วจะนำพาแต่งเรื่องดีๆโชคดีมาให้ครอบครัวของเฮียพงษ์อย่างมากและแม่ของเฮียพงษ์ก็เอ็นดูฉันมาก
งานแต่งของฉันกันเฮียพงษ์ ถูกจัดอย่างยิ่งใหญ่ และเป็นที่อิจฉากันมากของเพื่อนบ้านที่อยู่ในจังหวัด เพราะดูเป็นคู่ที่เหมาะสมกันทางฐานะและครอบครัวของทั้งสองบ้าน เฮียพงษ์ให้สัญญากับฉันและพ่อแม่พร้อมกับต่อหน้าญาติผู้ใหญ่ฝั่งฉัน ว่าจะ “ดูแลและจะไม่ทำให้เสียใจ”
เมื่อฉันแต่งงานไปแล้วช่วงแรกก็ยังเป็นปกติดี ชีวิตคู่ดูสวยงาม แล้วเฮียพงษ์ก็ปิดธุรกิจทางบ้านต่างจังหวัด มาเปิดกิจการที่กรุงเทพ เวลาผ่านไปสองเดือนสามเดือนเริ่มมีเรื่องเข้ามา แม่เฮียพงษ์เริ่มบอกว่าอยากให้ฉันมาช่วยงานเฮียพงษ์ แต่ฉันทำงานอะไรไม่เป็น (เพราะฉันเรียนจบแล้วก็แต่งงานเลยไม่เคยต้องทำงาน) หลังนั้นฉันก็เริ่มศึกษาดูงานบัญชีบ้าง ดูแลเงินของกิจการที่บ้านหรือเรียกว่าเงินกงสี เวลาผ่านไปเหมือนจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น
แม่เฮียพงษ์เริ่มให้ฉันทำกับข้าว ล้างจาน ทำความสะอาดบ้าน ซักผ้า(ฉันทำไม่เป็นเพราะที่บ้านเดิมฉัน มีแม่บ้าน)แม่เฮียพงษ์ ก็ไม่พอใจที่ทำไมฉันทำไม่เป็น และแม่เฮียพงษ์ก็อยากได้เครื่องประดับ เริ่มขอเครื่องประดับจากฉัน (เครื่องประดับจากสินสอดงานแต่งของฉัน) และเริ่มขอเงินกงสีไปซื้อเพรชเครื่องประดับ แต่ฉันเป็นคนที่ดูแลเงิน ฉันก็ดูแล้วว่าไม่ควรให้ เพราะเป็นงานสำรองจ่ายของกิจการ จึงปฏิเสธไป แม่เฮียพงษ์ไม่พอใจ โยนจานข้าวทิ้ง ขณะที่ทุกคนกินข้าวอยู่บนโต๊ะอาหาร ฉันตกใจมาก ทำอะไรไม่ถูก ได้แต่เก็บไว้ และคิดฉันเป็นลูกของแม่เฮียพงษ์แล้วก็ต้องอยู่ให้ได้ทำให้เป็น ได้แต่อดทน (ซึ่งในฐานะครอบครัวของเฮียพงษ์ไม่ได้ลำบากอะไรถ้าจะจ้างแม่บ้าน แต่แม่เฮียกพงษ์ไม่ต้องการ เพราะมันเปลือง) ฉันอยู่บ้านนี้ด้วยความละห่องละแหงกับแม่สามีมาตลอด แต่ก็ยังโชคดีอยู่บ้างที่ พ่อของเฮียพงษ์และเฮียพงษ์ให้กำลังใจฉันตลอด พร้อมกับคอยช่วยเหลือ
เวลาผ่านมา 3 ปีฉันตั้งท้องลูกคนแรก เป็นลูกสาว ทุกคนในครอบครัวทั้ง2บ้านดีใจมาก เพราะบ้านเฮียมีแต่ลูกชาย(เฮียพงษ์และน้องชาย) ทุกคนต่างช่วยเลี้ยงหลาน และหลังจากนั้นฉันก็มีลูกับเฮียเฮียพงษ์อีกหนึ่งคน ก็เป็นลูกสาว พอหลังจากฉันมีลูก2คนแล้วทางพ่อแม่เฮียพงษ์ ก็ต้องการลูกชาย ฉันกับเฮียพงษ์ก็ไปปรึกษาหาคัดเชื้อทำทุกทาง ตามคำแนะนำ ฉันก็ตั้งท้องลูกคนที่3 หวังว่าจะเป็นลูกชาย แต่ท้ายที่สุดก็เป็นลูกสาว และคนที่ 4 ก็ลูกสาว พ่อแม่เฮียพงษ์รู้สึกไม่ค่อยพอใจ เพราะได้หลานทั้ง4คน จากลูกชายคนโต เป็นผู้หญิงหมด
ระหว่างนั้นแม่เฮียพงษ์พยายามหาผู้หญิงเพื่อให้มาแต่งงานกับน้องชายเฮียพงษ์(น้องชายเฮียพงษ์เป็นคนหนุ่มเจ้าสเนห์ รักสนุก ไม่เอางานเอาการ กินเหล้าเม้าทุกวัน ติดบุหรี เรียนไม่จบ แต่แม่เฮียพงษ์ก็รักและตามใจมาก) และแล้วแม่เฮียพงษ์ก็หาผู้หญิง ลูกสาวร้านเพรช มาแต่งงานกับน้องชายเฮียพงษ์ได้ แต่คงด้วยความรักลูกของแม่เฮียพงษ์ ให้เอาเงินกงสีซื้อบ้านซื้อรถให้น้องชายเฮียพงษ์ และสร้างบ้านหลังใหม่ที่ใหญ่กว่าหลังเดิมหลายเท่าตัวเพื่อให้เราอยู่กันเป็นครอบครัวใหญ่ พร้อมกับเอาเงินกงสีทำธุรกิจให้น้องชายที่ไม่เอาไหนของเฮียพงษ์ หมดเงินไปหลาย 10 ล้านบ้าน แลน้องสะใภ้ก็เริ่มวางแผน(ยิ่งกว่าละคร) เพื่อต้องการสมบัติของเฮียพงษ์ เค้าก็จะทำทุกวิถีทางเพื่อให้ฉันดูไม่ดี แต่ด้วยความช่วยเหลือของพ่อเฮียพงษ์และการไว้ใจกันของเฮียพงษ์ที่มีให้ฉัน ฉันก็ผ่านมาได้
แต่สุดท้ายกิจการทั้งหมดเฮียพงษ์,ฉันและพ่อเฮียพงษ์ ก็ต้องเข้ามาคอยช่วยดูแลกิจการทั้งหมด เพื่อเอาเงินมาใช้หนี้ บ้านและธุรกิจที่กู้แบงค์มา
ระหว่างนั้นเหมือนจะโอเครทุกอย่าง เหมือนจะไม่มีปัญหาใหญ่โต เฮียพงษ์ก็ทำงานหนักมาก ฉันเองก็ทำงานหนักดูแลบริหารจัดการ การเงินของธุรกิจ พร้อมกับทำหน้าที่ของแม่ หาโรงเรียนให้ลูกได้เรียนที่ดีๆ ดูแลงานบ้านและคนในบ้าน ฉันกับเฮียพงษ์ ทำงานหนักมากไม่ค่อยมีเวลาให้ลูกๆ หากลูกต้องการอะไร ฉันก็จะตามใจ เพราะไม่มีเวลาดูแล
ช่วงนั้นธุรกิจที่เฮียพงษ์ทำ ดีมากและเฮียพงษ์ต้องการขยายกิจการ ดูแลลูกค้า พาไปกินข้าว กินเลี้ยง ทุกที่เฮียพงษ์พาลูกค้าไปกินเลี้ยง ฉันไม่เคยซักถามอะไรให้กวนใจ เพราะฉันไว้ใจเฮียพงษ์ จนอยู่มาวันหนึ่งฉันพาลูกไปหาหมอที่โรงบาลที่เคยไปหาประจำ(หมอและพยาบาลจะรู้จักคนในครอบครัวฉันดี) หมอก็ทักว่า ”เมื่อวานเหมือนมีหลานคุณมาหาหมอเหมือนกันนะ เพราะเห็นนามสกุลเหมือนกัน” ฉันจึงถามชื่อกับพบาล แล้วฉันก็ยังสงสัยว่าเป็นใคร จึงกับมาถามพ่อแม่เฮียพงษ์ ทุกคนไม่รู้จัก จนอยู่มาวันหนึ่งอาโก พี่สาวของพ่อเฮียพงษ์ มาบอกฉันว่า เฮียพงษ์มีเมียอีกหนึ่งคนและเค้ามีลูกชายให้เฮียพงษ์ เมื่อเดือนก่อนลูกชายเค้าป่วยจึงพาไปหาหมอคนเดียวกันกับที่รักษาลูกฉัน
ตอนนั้นตัวฉันแข็งชาไปทั้งตัวทำอะไรไม่ถูก หูอือคิดอะไรไม่ออก ทำไมผู้ชายที่รักฉันจึงต้องทำกับฉันแบบนี้ฉันผิดตรงไหน ฉันไม่สามารถมีลูกชายให้เค้าใช่มั้ย พอตกเย็นวันนั้นเฮียพงษ์กลับบ้านมา ฉันถามเฮียพงษ์ว่า มีอะไรจะบอกมั้ย เฮียพงษ์บอกไม่มี หลังจากนั้นฉันก็อาระวาด ร้องเป็นคนเสียสติ ฉันรับไม่ได้กับการกระทำของเค้า เฮียพงษ์บอกว่าเกิดจากความผิดพลาดของเค้าเอง ตอนที่พาลูกค้าไปเลี้ยงแล้วเค้าพลาดไปมีความสัมพันธ์กับ ผู้หญิงอย่างว่า แล้วเค้าท้องเฮียจึงต้องรับผิดชอบแต่เฮียก็จะไม่ให้เค้ามายุ่งกับฉัน อยู่กันคนละบ้านคนละที่
ฉันยอมรับว่าเสียใจมากและทำใจยอมรับไม่ได้ และไม่ไว้ใจในสิ่งที่เฮียพงษ์พูด จึงไปจ้างนักสืบให้สืบผู้หญิงคนนั้น จนได้ความว่า เฮียพงษ์ไปเที่ยวที่ร้านที่ผู้หญิงคนนั้นเค้าทำงานอยู่บ่อยครั้งและซื้อบ้านให้ และพาไปหาหมอเพื่อคัดเชื้อ เพราะเกิดจากความต้องการของเฮียพงษ์ ที่ต้องการลูกชาย ทุกอย่างไม่ได้เกิดจากความบังเอิญและพพลาดแต่อย่างใด ทุกอย่างเกิดจากความ “ตั้งใจ” แล้วที่ผ่านมาความรักและความจริงใจที่เฮียพงษ์มีให้กับฉันคืออะไร? และฉันก็ทำดีทุกอย่างดูแลทุกอย่าง และดูแลตัวอย่างให้สวยอยู่ตลอด เพื่อให้ให้เฮียพงษ์พอใจ แล้วฉันทำผิดอะไร?
ฉันเริ่มเปลี่ยนตัวเอง เริ่มใช้เงินฟุมเฟือย ไปเข้าคอรส์อบรม และลูกๆก็เริมรับกับปัญหาภายในบ้านไม่ไหว จึงขอไปอยู่บ้านประเทศ ฉันก็ตามใจส่งลูกไป ส่วนตัวฉันก็ยังดูแลการเงินของกิจการต่อไป แต่ออกไปใช้ชีวิตนอกบ้านมากขึ้นไม่สนใจคนนั้นบ้านและฉันไปเข้าคอรส์อบรมแพงๆ 3-4แสนบาท ใช้ชีวิตให้คุ้มค่ากับทุกอย่าง และย้ายบ้านออกมาอยู่ข้างนอก
บรรดาญาติพี่น้องและพ่อแม่ฉันทราบเรื่องก็ต่างไม่พอใจ ครอบครัวทั้ง2บ้านเริ่มเข้าหน้ากันไม่ติด และสุดท้ายเฮียพงษ์ก็พาผู้หญิงคนนั้นเข้ามาอยู่ในบ้านพร้อมกับลูกชายของเค้า
ฉันอยากจะถามว่าสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดคืออะไร? และความทำยังไงกับชีวิตต่อไปดี