ก่อนอื่นต้องขอบอกก่อนว่า เราอาจจะเขียนภาษาไม่สละสลวย หรืออาจจะ งง ๆไปบ้างก็ต้องขอโทษมา ณ ที่นี้ ก่อนนะ
การตั้งกระทู้ครั้งนี้เพราะความอึดอัดส่วนตัว ก่อนอื่นเราขอแนะนำตัวเองก่อน เราเป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยดังย่านหนึ่ง เรียนอยู่ปี 3 แล้ว
ครอบครัวของเรามีพี่น้องอยู่ 2 คน คือ เรากับพี่สาว โดยเราอายุห่างจากพี่สาวแค่ 1 ปี แต่การเข้าเรียนห่างกัน 3 ปี (เราเข้าหลังเกณฑ์ พี่เราเข้าก่อนเกณฑ์)
เพราะฉะนั้นตอนเราอยู่ม.3 พี่เราก็อยู่ม.6 โดยเรื่องทั้งหมดน่าจะมีปมมาจากพี่สาวเราเป็นคนก่อ จนพ่อแม่แอนตี้ทุกอย่างถ้าหากรับรู้ว่ามีแฟน
เกริ่นก่อนคือ พี่สาวเราตอนอยู่ม.ปลายได้มีแฟน และก็คงหลงคำพูดแฟนหรือว่าอะไรเราไม่รู้ จนลักขโมยทองของแม่ไป 3 บาทเพื่อเอาไปให้ผู้ชายคนนั้น คิดว่าเค้าจะเอาไปลงทุนสร้างรากฐานครอบครัวละมั่ง สุดท้ายก็เลิกลากันไป เป็นเรื่องเป็นราวที่พ่อแม่ต้องไปตามทองคืนมา เพราะมารู้ทีหลังจากเลิก ผลลัพธ์คือไม่ได้ พ่อก็ไม่พอใจ แต่ทำไรไม่ได้เมื่อไม่มีหลักฐานอะไร (ก็จบไปแฟนคนแรกของพี่)
ต่อมาพี่เราต้องขึ้นมหาลัย มันเป็นคนเรียนดี ฉลาด เรียนโรงเรียนแพงและดังแห่งหนึ่งในชลบุรี ดันไปมีแฟนใหม่ก่อนจะขึ้นมหาลัย แฟนคนที่สองเรียนอยู่ปี 1 มหาลัยแถวชลบุรี พี่เราก็เลือกไปเรียนที่นั้น เพียงเพราะจะได้อยู่ใกล้กัน ทั้งที่น่าจะเลือกได้ดีกว่า (ไม่ใช่ที่นั้นไม่ดีนะ แต่เพราะสมองพี่เราน่าจะไปได้สูงกว่านี้) คบไปได้ราวๆปีก็เลิกกันไป คนนี้ไม่มีประวัติของในบ้านหาย แต่พี่เราโยนความผิดให้ตอนหลัง
พอเลิกกับคนที่สอง ก็ไปมีคนใหม่เป็นเด็กวิศวะโยธาภาคเปร พี่สาวเราก็ไปกล่อมป้ากับแม่(ใจดีและตามใจ) ว่าจะย้ายเพราะเรียนคณะนี้ไม่ใช่แนว สังคมไม่โอเค แบร่ๆ เยอะแยะตอนนั้น เราเริ่มไม่ชอบพี่สาวเราละ เพราะพอเข้าไปใช้ชีวิตมหาลัยฟุ่มเฟือยมาก เดือนบางเดือนใช้เงินเกือบ 2 หมื่น แฟนคนนี้พี่เราไม่ได้ขโมยทองแม่นะค่ะ แต่เลือกขายของที่พ่อแม่ซื้อให้เข้าหอซะเลย 555555 แถมแฟนคนนี้ก็ทำลายพี่สาวเราด้วย(เพื่อนมันตอนนั้นโทรมาหาพ่อกับแม่ตอนดึกมาก) พ่อกับแม่ก็ร้อนใจไปหาถึงที่หอทั้งที่ยังดึกขนาดนั้น สุดท้ายสุดจะทนมั่งเลยเลิกลากันไป
พี่เรายังไม่เลิกมานะเรียนนะค่ะ พอเลิกกับแฟนโยธา ก็บอกป้ากับแม่ตามเสต็ปเดิมว่าขอย้ายไปเรียนสาขาวิศวะอุต เพราะโอนคะแนนไรได้ ก็อีรอบเดิมพ่อไม่ได้เต็มใจแต่เพราะรอบข้างกดดันก็เลยยอมให้เรียน คราวนี้นางได้แฟนเป็นคนลูกครึ่งอยู่ม ปลาย ไปๆมาๆ ดันกลับมาขโมยทองแม่อีก 3 บาท และหอบข้าวหอบของไปเฝ้าหนุ่มนั้นเพียงเพราะเค้าจะเลิกลา มีใบส่งมาถึงบ้านว่าพี่เราโดนรีไทล์ พี่เรายังอ้างว่าไม่ได้จ่ายตังนู่นนี่นั้น ป้าก็กลัวหลานจะโดนรีไทล์ก็เลยยอมโอนเงินไปให้ สุดท้ายโกหกทั้งเพล แถมพอไปถึงหอเจ้าของหอบออกย้ายออกไปแล้ว เราเลยไปช่วยคุยกับหนุ่มนั้นเพื่อขอที่อยู๋(เค้าอยากให้เราลากพี่เรากลับด้วยเลยบอก) พ่อทุกข์มาก กินไม่เข้าคายไม่ออก แอบร้องไห้เราดูออก แล้วเราตอนนั้นอยู่ม.6 ก็เห็นสภาพพ่อกับแม่จนจำฝั่งใจว่าเกิดมีแฟนก็จะไม่ทำตัวแบบพี่สาวเราเด็ดขาด ไม่ว่าจะเลิกลากันหรือยังไง พอได้ตัวพี่สาวเรากลับบ้าน ทุกอย่างก็สงบ เพราะพี่ก็โดนมาอยู่กับเราที่เดียวกัน เพื่อให้เราดูพี่ไม่ให้ออกนอกทางอีก พ่อเค้าให้โอกาสครั้งสุดท้าย
พอกลับมาเข้าเรื่องของเรา เราเริ่มมีแฟนครั้งแรกตอนขึ้นม.4 คนนี้ไม่ได้ซีเรียสมากเพราะคบเดือนเดียวละเลิก เหตุเพราะเราไม่สวยเค้าเลยเลิก 55555
(ตอนนั้น)
ต่อมาก็มารู้จักกับแฟนคนที่สอง คนนี้อยู่สายวิทย์ด้วยกัน พ่อเรารู้จักเพราะดันไปสนิทกับเพื่อนของแฟนคนแรกเรา พอพ่อรู้ว่าคิดว่าเราจะคบกับอีกคน(คนที่พ่อรู้จัก) พ่อไม่พอใจเพราะบ้านของแฟนคนเเรกเราติดลบ แต่ด้วยความเป็นเด็กด้วยกันทั้งคู่เลิกลากันไปก็ย่อมมีการเสียใจ พอพ่อรู้ว่าเลิกพ่อดีใจมาก(เอ๊ะยังไง 55555) เรามาเลิกลากันขาดจริงๆตอนอยู่ ปี 1 เพราะมันดันตามมาเรียนที่นี้เหมือนกันแต่คนละคณะ
พอคนที่สาม คนนี้เรารักมากนะ รู้จักกันจะเป็นปี สุดท้ายเราเลยอยากให้แฟนคนนี้รู้จักพ่อก็ให้แอดไปเพื่อให้เห็นการเคลื่อนไหวของเราว่าอยู่ในกรอบนะ มีไรจะได้ทักไปคุยกันได้ แต่เพราะตัวเราทำตัวเองมั่งเลยทำให้ไปไม่รอดทั้งคู่ เราดราม่าหนักมาก จนอีพี่สาวเรามันโทรไปฟ้องพ่อ พ่อโทรมาด่าเราว่าประสาท คิดได้แค่นี้หรอ คำแรกที่พ่อพูด เอาซะเราสะอึกก็คิดในใจทำไมพ่อไม่พูดปลอบหรือพูดเสนอแนะแบบคนอื่นบ้าง เสียใจจากเรื่องนั้นยันงมาเจอพ่อด่าอีก ทั้งเฟช ทั้งโทร คือตอนนั้นน้อยใจพ่อนะ คือสภาพจิตใจแย่มาก แต่พอกลับบ้านไปพ่อเปิดเฟชแฟนเก่าเราละพูดว่า หาได้แค่นี้หรอ? เอิ่มพ่อ เอาซะเราไปไม่เป็น
จนตอนนั้นถึงตอนนี้เราคิดว่าประสบการณ์แย่ๆจะทำให้เราวางตัวได้ดีขึ้น ประคองตัวเองให้ดีขึ้น ถึงไม่ต้องรอฟังคำเสนอแนะจากพ่อแม่ เพราะไม่เคยได้รับ แถมมีตอกกลับอีก จนเราไม่กล้าที่จะพูดเรื่องนี้ให้ท่านฟังอีกเลย ปัจจุบันเราคบกับแฟนคนนี้ก็แสดงความน่ารักคือลงรูปบนเฟช สิ่งที่ได้รับคือพ่อบอกว่าไม่ปลื้ม และเราเลยทักไปถามพ่อเราเกี่ยวกับเรื่องนี้ มาเป็นชุดจนเราน้อยใจและไม่เข้าใจท่าน คือท่านบอกว่ามีฤทธิมีเดช ริอยากจะมีแฟน เรียนจบรึยัง หาเงินเองได้รึยัง และก็พูดเหมือนตัดเรา และสุดท้ายจบด้วยการบอกให้ดูญาติห่างๆคนนึงที่เค้าเรียนจบแบบไม่มีแฟนมาก่อนเลยยยยยยยยยย ตั้งแต่อยู่มหาลัย จะบอกว่าเราเรียนระดับต้นๆของแขนงในชั้นปี เราไม่เคยเอาเรื่องรักมาปนเรื่องเรียน และไม่เคยเอาของพ่อของแม่ขายเพื่อไปเลี้ยง ผู้ชาย แต่ทำไม การที่เราอายุขนาดนี้กับการปล่อยให้ตัดสินใจเลือกคนและพาไปแนะนำกลับเป็นเรื่องที่เรากลัวและเหมือนจะเป็นทางตันที่จะคบใครรอด
เราแค่อยากระบายเฉยๆ ว่าทำไมพ่อถึงคิดว่าเราจะเหมือนพี่ ทำไมต้องเอาเราไปเปรียบ ทำไมไม่เคยให้คำปรึกษา พอเราไม่บอกก็ด่าเรา พอเราบอกก็ด่าเรา เเล้วเราจะให้เราทำไง พอเรานิ่งไม่อยากตอบโต้ก็หาว่ารั้น เราเครียดไหมเครียด จะให้ไปบอกเลิกคนนั้นหรอ ไม่ใช่เค้าดีแต่พ่อไม่อยากให้ออกสื่อ ห้ามลงรูป ห้ามอะไรทั้งสิ้นคืออยากมีแต่ห้ามพ่อรู้ แบบนั้นหรอ ยากแท้จะอธิบายลึกๆ
เรียนอยู่ปี 3......แต่พ่อแม่ยังสั่งห้ามมีแฟนจนกว่าจะเรียนจบ??!!
การตั้งกระทู้ครั้งนี้เพราะความอึดอัดส่วนตัว ก่อนอื่นเราขอแนะนำตัวเองก่อน เราเป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยดังย่านหนึ่ง เรียนอยู่ปี 3 แล้ว
ครอบครัวของเรามีพี่น้องอยู่ 2 คน คือ เรากับพี่สาว โดยเราอายุห่างจากพี่สาวแค่ 1 ปี แต่การเข้าเรียนห่างกัน 3 ปี (เราเข้าหลังเกณฑ์ พี่เราเข้าก่อนเกณฑ์)
เพราะฉะนั้นตอนเราอยู่ม.3 พี่เราก็อยู่ม.6 โดยเรื่องทั้งหมดน่าจะมีปมมาจากพี่สาวเราเป็นคนก่อ จนพ่อแม่แอนตี้ทุกอย่างถ้าหากรับรู้ว่ามีแฟน
เกริ่นก่อนคือ พี่สาวเราตอนอยู่ม.ปลายได้มีแฟน และก็คงหลงคำพูดแฟนหรือว่าอะไรเราไม่รู้ จนลักขโมยทองของแม่ไป 3 บาทเพื่อเอาไปให้ผู้ชายคนนั้น คิดว่าเค้าจะเอาไปลงทุนสร้างรากฐานครอบครัวละมั่ง สุดท้ายก็เลิกลากันไป เป็นเรื่องเป็นราวที่พ่อแม่ต้องไปตามทองคืนมา เพราะมารู้ทีหลังจากเลิก ผลลัพธ์คือไม่ได้ พ่อก็ไม่พอใจ แต่ทำไรไม่ได้เมื่อไม่มีหลักฐานอะไร (ก็จบไปแฟนคนแรกของพี่)
ต่อมาพี่เราต้องขึ้นมหาลัย มันเป็นคนเรียนดี ฉลาด เรียนโรงเรียนแพงและดังแห่งหนึ่งในชลบุรี ดันไปมีแฟนใหม่ก่อนจะขึ้นมหาลัย แฟนคนที่สองเรียนอยู่ปี 1 มหาลัยแถวชลบุรี พี่เราก็เลือกไปเรียนที่นั้น เพียงเพราะจะได้อยู่ใกล้กัน ทั้งที่น่าจะเลือกได้ดีกว่า (ไม่ใช่ที่นั้นไม่ดีนะ แต่เพราะสมองพี่เราน่าจะไปได้สูงกว่านี้) คบไปได้ราวๆปีก็เลิกกันไป คนนี้ไม่มีประวัติของในบ้านหาย แต่พี่เราโยนความผิดให้ตอนหลัง
พอเลิกกับคนที่สอง ก็ไปมีคนใหม่เป็นเด็กวิศวะโยธาภาคเปร พี่สาวเราก็ไปกล่อมป้ากับแม่(ใจดีและตามใจ) ว่าจะย้ายเพราะเรียนคณะนี้ไม่ใช่แนว สังคมไม่โอเค แบร่ๆ เยอะแยะตอนนั้น เราเริ่มไม่ชอบพี่สาวเราละ เพราะพอเข้าไปใช้ชีวิตมหาลัยฟุ่มเฟือยมาก เดือนบางเดือนใช้เงินเกือบ 2 หมื่น แฟนคนนี้พี่เราไม่ได้ขโมยทองแม่นะค่ะ แต่เลือกขายของที่พ่อแม่ซื้อให้เข้าหอซะเลย 555555 แถมแฟนคนนี้ก็ทำลายพี่สาวเราด้วย(เพื่อนมันตอนนั้นโทรมาหาพ่อกับแม่ตอนดึกมาก) พ่อกับแม่ก็ร้อนใจไปหาถึงที่หอทั้งที่ยังดึกขนาดนั้น สุดท้ายสุดจะทนมั่งเลยเลิกลากันไป
พี่เรายังไม่เลิกมานะเรียนนะค่ะ พอเลิกกับแฟนโยธา ก็บอกป้ากับแม่ตามเสต็ปเดิมว่าขอย้ายไปเรียนสาขาวิศวะอุต เพราะโอนคะแนนไรได้ ก็อีรอบเดิมพ่อไม่ได้เต็มใจแต่เพราะรอบข้างกดดันก็เลยยอมให้เรียน คราวนี้นางได้แฟนเป็นคนลูกครึ่งอยู่ม ปลาย ไปๆมาๆ ดันกลับมาขโมยทองแม่อีก 3 บาท และหอบข้าวหอบของไปเฝ้าหนุ่มนั้นเพียงเพราะเค้าจะเลิกลา มีใบส่งมาถึงบ้านว่าพี่เราโดนรีไทล์ พี่เรายังอ้างว่าไม่ได้จ่ายตังนู่นนี่นั้น ป้าก็กลัวหลานจะโดนรีไทล์ก็เลยยอมโอนเงินไปให้ สุดท้ายโกหกทั้งเพล แถมพอไปถึงหอเจ้าของหอบออกย้ายออกไปแล้ว เราเลยไปช่วยคุยกับหนุ่มนั้นเพื่อขอที่อยู๋(เค้าอยากให้เราลากพี่เรากลับด้วยเลยบอก) พ่อทุกข์มาก กินไม่เข้าคายไม่ออก แอบร้องไห้เราดูออก แล้วเราตอนนั้นอยู่ม.6 ก็เห็นสภาพพ่อกับแม่จนจำฝั่งใจว่าเกิดมีแฟนก็จะไม่ทำตัวแบบพี่สาวเราเด็ดขาด ไม่ว่าจะเลิกลากันหรือยังไง พอได้ตัวพี่สาวเรากลับบ้าน ทุกอย่างก็สงบ เพราะพี่ก็โดนมาอยู่กับเราที่เดียวกัน เพื่อให้เราดูพี่ไม่ให้ออกนอกทางอีก พ่อเค้าให้โอกาสครั้งสุดท้าย
พอกลับมาเข้าเรื่องของเรา เราเริ่มมีแฟนครั้งแรกตอนขึ้นม.4 คนนี้ไม่ได้ซีเรียสมากเพราะคบเดือนเดียวละเลิก เหตุเพราะเราไม่สวยเค้าเลยเลิก 55555
(ตอนนั้น)
ต่อมาก็มารู้จักกับแฟนคนที่สอง คนนี้อยู่สายวิทย์ด้วยกัน พ่อเรารู้จักเพราะดันไปสนิทกับเพื่อนของแฟนคนแรกเรา พอพ่อรู้ว่าคิดว่าเราจะคบกับอีกคน(คนที่พ่อรู้จัก) พ่อไม่พอใจเพราะบ้านของแฟนคนเเรกเราติดลบ แต่ด้วยความเป็นเด็กด้วยกันทั้งคู่เลิกลากันไปก็ย่อมมีการเสียใจ พอพ่อรู้ว่าเลิกพ่อดีใจมาก(เอ๊ะยังไง 55555) เรามาเลิกลากันขาดจริงๆตอนอยู่ ปี 1 เพราะมันดันตามมาเรียนที่นี้เหมือนกันแต่คนละคณะ
พอคนที่สาม คนนี้เรารักมากนะ รู้จักกันจะเป็นปี สุดท้ายเราเลยอยากให้แฟนคนนี้รู้จักพ่อก็ให้แอดไปเพื่อให้เห็นการเคลื่อนไหวของเราว่าอยู่ในกรอบนะ มีไรจะได้ทักไปคุยกันได้ แต่เพราะตัวเราทำตัวเองมั่งเลยทำให้ไปไม่รอดทั้งคู่ เราดราม่าหนักมาก จนอีพี่สาวเรามันโทรไปฟ้องพ่อ พ่อโทรมาด่าเราว่าประสาท คิดได้แค่นี้หรอ คำแรกที่พ่อพูด เอาซะเราสะอึกก็คิดในใจทำไมพ่อไม่พูดปลอบหรือพูดเสนอแนะแบบคนอื่นบ้าง เสียใจจากเรื่องนั้นยันงมาเจอพ่อด่าอีก ทั้งเฟช ทั้งโทร คือตอนนั้นน้อยใจพ่อนะ คือสภาพจิตใจแย่มาก แต่พอกลับบ้านไปพ่อเปิดเฟชแฟนเก่าเราละพูดว่า หาได้แค่นี้หรอ? เอิ่มพ่อ เอาซะเราไปไม่เป็น
จนตอนนั้นถึงตอนนี้เราคิดว่าประสบการณ์แย่ๆจะทำให้เราวางตัวได้ดีขึ้น ประคองตัวเองให้ดีขึ้น ถึงไม่ต้องรอฟังคำเสนอแนะจากพ่อแม่ เพราะไม่เคยได้รับ แถมมีตอกกลับอีก จนเราไม่กล้าที่จะพูดเรื่องนี้ให้ท่านฟังอีกเลย ปัจจุบันเราคบกับแฟนคนนี้ก็แสดงความน่ารักคือลงรูปบนเฟช สิ่งที่ได้รับคือพ่อบอกว่าไม่ปลื้ม และเราเลยทักไปถามพ่อเราเกี่ยวกับเรื่องนี้ มาเป็นชุดจนเราน้อยใจและไม่เข้าใจท่าน คือท่านบอกว่ามีฤทธิมีเดช ริอยากจะมีแฟน เรียนจบรึยัง หาเงินเองได้รึยัง และก็พูดเหมือนตัดเรา และสุดท้ายจบด้วยการบอกให้ดูญาติห่างๆคนนึงที่เค้าเรียนจบแบบไม่มีแฟนมาก่อนเลยยยยยยยยยย ตั้งแต่อยู่มหาลัย จะบอกว่าเราเรียนระดับต้นๆของแขนงในชั้นปี เราไม่เคยเอาเรื่องรักมาปนเรื่องเรียน และไม่เคยเอาของพ่อของแม่ขายเพื่อไปเลี้ยง ผู้ชาย แต่ทำไม การที่เราอายุขนาดนี้กับการปล่อยให้ตัดสินใจเลือกคนและพาไปแนะนำกลับเป็นเรื่องที่เรากลัวและเหมือนจะเป็นทางตันที่จะคบใครรอด
เราแค่อยากระบายเฉยๆ ว่าทำไมพ่อถึงคิดว่าเราจะเหมือนพี่ ทำไมต้องเอาเราไปเปรียบ ทำไมไม่เคยให้คำปรึกษา พอเราไม่บอกก็ด่าเรา พอเราบอกก็ด่าเรา เเล้วเราจะให้เราทำไง พอเรานิ่งไม่อยากตอบโต้ก็หาว่ารั้น เราเครียดไหมเครียด จะให้ไปบอกเลิกคนนั้นหรอ ไม่ใช่เค้าดีแต่พ่อไม่อยากให้ออกสื่อ ห้ามลงรูป ห้ามอะไรทั้งสิ้นคืออยากมีแต่ห้ามพ่อรู้ แบบนั้นหรอ ยากแท้จะอธิบายลึกๆ