[CR] [Review] Love Sick Season 2 Half Past 10-11 : Too Little Too Late

กระทู้รีวิว


ในที่สุดก็เข้าสู่โค้งสุดท้าย (จริงๆ) ซะทีสำหรับซีรีส์รักวัยรุ่นวัยใส (เหรอ)  Love Sick The Series Season 2 หลังจากออกอากาศต้านลมต้านฝนมานานเกือบ 6 เดือน มาถึงสัปดาห์นี้ก็ค่อนข้างจะพิเศษนิดนึง ที่ถึงแม้ว่าตัวซีรีส์จะยังไม่จบก็ตามแต่ก็มีนัยยะสำคัญให้พูดถึงมากมายโดยเฉพาะเมื่อพิจารณาจากว่าซีรีส์ใกล้จะลาจอแล้วแต่ยังหาความพีคแบบสุดๆ แบบที่มันควรจะมี/เป็นนั้นยังไม่ได้เท่าไร ..... เพราะอะไรล่ะ

-    เมื่อพิจารณาจากที่ว่าในสัปดาห์นี้เนื้อเรื่องต่างๆ ถ้าเทียบกับในนิยายกำลังถูกเคลียร์ไปแล้วกว่า 95% จะเหลือก็แต่เรื่องครอบครัวพระเอกเท่านั้นที่ซีรีส์ได้ทำการสลับประเด็นนี้โยกไปไว้เป็นส่วนสุดท้ายแทน ซึ่งในมุมมองส่วนตัวผม ผมคิดว่าการโยกประเด็นครอบครัวปุณณ์ไปเป็น Last Boss นั้นทำให้ไทม์ไลน์ของเนื้อเรื่องดูน่าสนใจขึ้นเยอะ ทำให้รู้สึกว่าครอบครัวเป็นเรื่องที่สำคัญจริงๆ ที่ไม่ว่าจะเป็นซีรีส์/นิยาย Y สายไหนก็ตามแต่จะต้องมีประเด็นครอบครัวไว้เป็นส่วนหนึ่งเสมอ (จะหนักจะเบาก็ว่าไปตามโทนเรื่อง)

-    แต่อย่างไรก็ตาม สำหรับ Love Sick จุดที่พลาดไปอย่างน่าเสียดายคือการสร้างอารมณ์ร่วมให้กับคนดูในเรื่องครอบครัว (พ่อของปุณณ์) ที่ดูจะไร้พลังไปนิด ทั้งๆ ที่เรื่องนี้เป็นจุดเริ่มต้นให้ความสัมพันธ์ระหว่างปุณณ์และโน่เกิดขึ้นและนำไปสู่บทสรุปนิยามความรักของทั้งสองคน แต่ซีรีส์กลับไม่สามารถบิวต์อารมณ์ให้คนดูรู้สึกได้เลยว่าเรื่องครอบครัวของพระเอกปุณณ์นั้นยิ่งใหญ่ กดดัน และส่งผลกระทบอย่างไรต่อการตัดสินใจของปุณณ์ ทั้งๆ ที่ถ้าซีรีส์เลือกนำเสนอจุดนี้ดีๆ ล่ะก็มันจะสามารถใช้เป็นฉากจบเรื่องที่สมบูรณ์แบบมากเลยทีเดียวและบางทีอาจส่งผลต่อเรตติ้งตอนจบได้อีกด้วย

-     เมื่อพิจารณาว่าประเด็นอื่นๆ ที่เป็นส่วนเสริมนอกเหนือจากในนิยายนั้นยังไม่เคลียร์อะไรให้ชัดเจนซักทาง แม้ว่าเรื่องของตัวละครเหล่านี้ จี๊ดและผองเพื่อนคอนแวนต์ – แป้งป๊อปเช - โอมมิกอาร์ม – เป้อมาร์คมาวิน - เอิ้นพีท บางส่วนจะสรุปผลไปแล้ว แต่คนดูก็ยังรู้สึกว่า “เฮ้ย! จบแค่นี้เหรอ ..... มันง่ายไปมั๊ย” จริงอยู่แม้ว่าส่วนเสริมนอกเหนือจากในนิยายนั้นจะมีบางส่วนที่หลุดออกนอกกาแล็กซี่ไปบ้างก็ตาม แต่ไหนๆ ซีรีส์ก็เลือกที่จะท่องออกไปนอกกาแล็กซี่แล้ว แต่ดันเลือกที่จะไปแค่ครึ่งทางแล้วจบการเดินทางอันเวิ้งว้างและเวิ่นเว้อซะดื้อๆ แบบนั้น จบแบบไม่รู้ว่าที่ผ่านมานั้นพาตัวละครออกไปนอกกาแล็กซี่ทำไม ส่วนไอ้ที่มีบทสรุปให้ก็ดันไม่เมคเซนส์และจบง่ายเกินไปเมื่อเทียบกับการกระทำของตัวละครที่ผ่านๆ มาที่เล่นกันยิ่งใหญ่ ดราม่าร้อยแปด แต่จบแบบละครด่วนหน้าห้องเรียน

-    เมื่อพิจารณาจากสิ่งสุดท้ายว่าสัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์เปิดตัวซีซั่น 3 ของซีรีส์วัยรุ่นยอดนิยมของช่องคู่แข่งเหมือนกัน ที่ทำให้กระแสพูดถึงเมื่อวันเสาร์แซงหน้า Love Sick ไปอย่างไม่เห็นฝุ่นทั้งๆ ที่เอาจริงๆ แล้วตัว Love Sick ก็มีประเด็นดีๆ วัตถุดิบชั้นยอดให้เป็นที่พูดถึงไม่แพ้กัน แต่อย่างที่กล่าวมาจากย่อหน้าข้างต้น ซีรีส์พลาดหลายอย่างไปแบบแก้ลำไม่ทันแล้ว สิ่งที่ทำได้หลังจากนี้คือการภาวนาให้อีก 3 ตอนสุดท้ายดีและพีคพอให้ Love Sick กลับมาเป็นที่พูดถึงในแดนบวกอีกครั้ง และปิดฉากซีรีส์ไปแบบสวยงาม ..... ก็ไม่รู้ว่าผมจะหวังมากไปหรือเปล่า




EP 32-33 : The Terminal of Our Story



ไฮไลต์ของสัปดาห์นี้คงจะหนีไม่พ้นการเผชิญหน้ากันเพื่อถากถางและทับถมก่อนที่ตัวเองจะแพ้ได้รับบทเรียนในที่สุดของสาวเปรี้ยวนักเดินทางท่องอวกาศอย่างจี๊ด ร่วมด้วยประเด็นปลีกย่อยรายทางโดยเฉพาะอาการง้องอนเกินเพื่อนของคู่จิ้นเอิ้นพีทที่แฟนๆ ต่างก็ยังคาดหวัง (กันอีกครั้ง) ว่าจะมีอะไรคืบหน้าในความสัมพันธ์ที่มากกว่านี้ของทั้งสองคนหรือไม่ อย่างไรก็ตามก็ต้องแป้วไปอีกหนึ่งอาทิตย์เพราะนอกจากจะไม่มีอะไรคืบหน้ามากไปกว่าคำพูดตัดพ้อของคนสองคนแล้วแล้ว ไอ้สายตาเว้าวอน “กูงอน-ง้อ” ที่เกิดขึ้นในสัปดาห์นี้ดันไม่ได้ถูกสานต่อให้มากไปกว่านั้นเมื่อผู้กำกับเลือกที่จะตัดอารมณ์ลุ้นระทึกที่คนดูมีต่อสองคนนี้ไปซะกลางทาง เรือล่มกลางอ่าวไม่ถึงฝั่งฝันซะทีสำหรับเอิ้นพีทของเรา

และอีกมากมายให้พูดถึงสำหรับสัปดาห์นี้




โน่ : นิยามความรักของโน่



นายเอกของเราในสัปดาห์นี้ มีสิ่งให้ต้องพูดถึงเยอะพอสมควร เพราะในขณะที่สาวๆ ต่างพากันกรี๊ดกร๊าดร้องหาโน่ในมุมสุดมุ๊งมิ๊ง น่ารัก เล่นหน้าเล่นตา จ้ำจี้มะเขือเปาะแปะอยู่กับพระเอกของเรา แต่ผมกลับมองข้ามสิ่งเหล่านั้นไปยังการแสดงอันละเอียดอ่อนและสมบูรณ์แบบของ กัปตัน ชลธรแทน ไม่ใช่ว่าไอ้ฉากกุ๊กกิ๊กสุดหวานนั่นผมจะไม่ชอบนะ ก็ชอบอยู่แหล่ะเพียงแต่สิ่งที่ชอบมากกว่าคือการแสดงอันมีมิติที่ค่อนข้างจับต้องได้และแสดงให้เห็นถึงพัฒนาการหลายๆ อย่างของตัวละครโน่



ปัญหาของโน่ที่ผ่านมาและเป็นปัญหาสุดท้ายที่เจ้าตัวจะต้องก้าวผ่านไปให้ได้คือการเปิดเผยความรู้สึกที่แท้จริงที่ตนเองมีต่อคนรอบข้าง ในนิยายได้แสดงให้คนอ่านเห็นอยู่ตลอดว่าโน่ค่อนข้างปากแข็งที่จะยอมรับความสัมพันธ์ระหว่างเขากับปุณณ์จนเป็นเหตุให้ตัวเองกับปุณณ์ต้องง้องอนกันอยู่บ่อยๆ ในซีรีส์ก็เช่นกัน โชคยังดีที่ผู้สร้างยังไม่ลืมที่จะคำนึงถึงประเด็นนี้และนำมันมาตีความเป็น Emotion หลักที่ตัวละครเอกใช้ตลอดเวลาที่ดำเนินเรื่องราว โดยจะสังเกตเห็นถึงพัฒนาการนี้ได้ตลอดเวลาตั้งแต่ EP 12 เป็นต้นมาหลังจากทั้งสองบอกรักเป็นแฟนกันอย่างเป็นทางการ โน่ก็มีท่าที “เปิด” มาเรื่อยๆ (เปิดนะไม่ใช่สาวแตก) จนถึงตอนล่าสุดจะเห็นได้ว่าโน่ก็ยอมให้ปุณณ์ทำอะไรประเจิดประเจ้อได้มากกว่าเคยกลางสายตาผู้คน ยิ่งไปกว่านั้น สีหน้าและแววตาระหว่างที่มีปุณณ์อยู่ด้วยนั้นก็บ่งบอกให้เห็นถึงความผ่อนคลาย  การไม่แบกโลกไว้คนเดียวอีกต่อไป และเป็นหนึ่งสัญญาณที่พิสูจน์ให้คนดูซีรีส์ได้เห็นถึงแก่นหลักของนิยายได้เป็นอย่างดีว่า “ความรักไม่ใช่เรื่องของเพศ ไม่ต้องนิยาม ไม่ต้องแคร์สายตาใคร”



แต่ที่กล่าวมาทั้งหมดจะเกิดขึ้นไม่ได้ ถ้าไม่ได้นักแสดงอย่างกัปตันที่เข้าใจและเข้าถึงบทบาทของโน่ชนิดที่เรียกว่าต่อให้กลับไปอ่านนิยายอีกรอบที่ 45 ก็ไม่สามารถจินตนาการคนอื่นที่ไม่ใช่กัปตันในบทโน่ได้เลย สีหน้า ท่าทาง ความรู้สึก น้องอ่านขาดและตีความได้ค่อนข้างทะลุ ผมยกให้เป็นนักแสดงชายวัยรุ่นอันดับต้นๆ ที่แสดงบทชายรักชายในลักษณะ Coming of Age ได้ดีคนหนึ่งทีเดียว




ปุณณ์ : ใช้ความซนให้เกิดประโยชน์



หากโน่ใน EP นี้มีดีที่การแสดงด้านอารมณ์และสีหน้าเครียดๆ ปุณณ์ก็คงเป็นด้านตรงข้ามที่หนีจากดราม่าหนักๆ แล้วหันมาทำหน้าที่เป็นหน่วยเพิ่มความหวานแทน โดยเกือบทุกฉากในสัปดาห์นี้ของปุณณ์จะเน้นไปที่การแสดงออกถึงความรัก ความห่วงใย ความเอาใจใส่ในแบบที่พระเอกพึงปฏิบัติต่อนางเอก มีหยอกล้อ มีง้องอน แต่โทนของการแสดงออกก็ไม่ได้ออกมาหวานเลี่ยนเรียกมดแต่อย่างใด แต่ถูกนำเสนอออกมาในมุมน่ารักๆ เรียกรอยยิ้มและเสียงหัวเราะได้พอเป็นกระษัยดี



อย่างไรก็ตามถ้าว่ากันตามตรงแล้ว ความดีงามของชายปุณณ์ในสัปดาห์นี้ก็มีอยู่แค่นี้ ในส่วนของฉากที่ประกอบด้วยบทสนทนารับส่งอารมณ์ กลับไม่มีซีนไหนที่พีคพอให้พูดถึงแต่อย่างใด ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะด้วยตัวนักแสดงอย่างไวท์ ณวัชร์ ที่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตามก็ยังตกม้าตายกับฉากพูดรับส่งยาวๆ ที่ต้องอาศัยอินเนอร์และการโต้ตอบ ไม่ว่าจะเป็นฉากตอนล้างจานกับโน่ที่ต้องการอารมณ์คนง้อ งอน น้อยใจ หรือจะเป็นฉากแมนๆ เปิดอกคุยกับเอิ้นที่ดูเหมือนจะชิวๆ ไม่มีอะไรแต่ปัญหาคือพ่อหมีแพนด้าดันส่งชุดใหญ่ใส่ Emotion  มาซะเต็ม แต่ไวท์กลับเลือกที่จะ response ไปด้วยอารมณ์ชิวๆ ต่างกันสุดขั้ว แหม่ ..... อีกนิดเท่านั้นนะไวท์ ไอ้บทพูดของสองฉากนั้นถ้าประคองดีๆ มันจะทรงพลังได้มากกว่านี้อีก




ยูริ : คำพูดจากยูริ



ผมยังจำได้ถึงช่วงแรกๆ ของ Love Sick 2.1 ฉากไปเที่ยวทะเลที่มีหลายคนปรามาสไว้ว่าตัวละครยูริแบบฉบับซีรีส์นั้นแตกต่างและแบ๊วเกินไปจากที่ต้นฉบับในนิยายเป็น ตอนนั้นผมยังมีความเชื่อและชอบเป็นการส่วนตัวต่อการแสดงและการตีความของไพน์อาร์และหวังว่ายูริในแบบซีรีส์ที่เธอเล่นจะสามารถมีบทที่โชว์อะไรมากกว่าแอ๊บแบ๊วไปวันๆ ได้ และล่าสุดมาถึงตอนนี้ สิ่งที่ผมเชื่อก็เป็นจริงซักที นี่แหล่ะตัวละครยูริในแบบที่ควรจะเป็นจากนิยาย



บทของยูริในช่วง event ปลูกป่านั้นน่าสนใจและมีผลกระทบเชื่อมโยงต่อตัวละครอื่นพอสมควร อย่างน้อยก็สามคนแหล่ะที่ได้รับผลกระทบจากบทของยูริ



โน่ : ตัวละครที่น่าจะได้รับผลกระทบมากที่สุดจากบทของยูริในตอนนี้ เพราะถึงขนาดทำให้โน่เอาแต่คิดมากโทษตัวเองได้นั่นแสดงว่าความสัมพันธ์ระหว่างโน่กับยูรินั้นต้องไม่ธรรมดาและผูกพันกันเกินกว่าที่คนนอกจะมาเข้าใจ บางทีถ้าไม่มีปุณณ์เข้ามาในชีวิตโน่ โน่กับยูริอาจจะสามารถรู้สึกรักกันได้จริงๆ ก็ได้ใครจะรู้ นอกจากนี้ในฉากสุดท้ายที่ยูริกับโน่คุยเปิดใจกันและยูริกำลังจะขอตัวกลับบ้าน สายตาของโน่ในตอนสุดท้ายที่มองไปที่ยูริมันเป็นสายตาการแสดงที่ “ดีมากๆ” มันเหมือนกับว่าทุกสิ่งอย่างระหว่างโน่กับยูริได้จบลงแล้ว ณ ตรงนั้น โน่กำลังมีความรักแบบใหม่ส่วนยูริก็คงต้องเดินหน้าต่อไป  



ไม่รู้เวอร์ไปไหม แต่น้องทั้งสองคนทำการแสดงบทโน่และยูริได้ยอดเยี่ยมจริงๆ



จี๊ด : หลังจากทำเปรี้ยวเป็นเด็กมีปัญหาระรานชาวบ้านเขามาตั้งนาน ก็ถึงเวลาที่จี๊ดจะต้องสำนึกผิดซักที ด้วยฝ่ามือจากยูริพร้อมคำพูดสั่งสอนแบบผู้ดีก็ทำให้จิตใต้สำนึกของยูริกลับมาทำงานในทันใด และแม้จะดูง่ายไปหน่อยสำหรับการฉุกคิดกลับมามีสติของจี๊ด แต่ก็ดีกว่าไม่มีใครดึงเธอกลับมาเลย และยูรินี่แหล่ะก็เหมาะสมที่สุดแล้วที่จะทำให้เธอคิดได้



พีท : ชายหนุ่มแสนดีที่ในนิยาย (น่าจะ) ถูกวางบทมาให้มาดามใจยูริจากโน่ แต่ในซีรีส์จะเป็นอย่างในนิยายหรือไม่ ยังไม่อาจตอบได้ แต่เอาเป็นว่าการที่ยูริเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในเส้นเรื่องของพีทนั้น ทำให้คนเชียร์เมนเอิ้นพีทสั้นคลอนพอสมควร และถ้ามองกันแบบแฟร์ๆ ถึงความน่าจะเป็นที่พีทกับยูริมีโอกาสจะมาจับคู่กันมั๊ย ก็คงตอบได้ว่า “เป็นไปได้” ขึ้นอยู่กับว่า “ยูริตัดใจจากโน่ได้หรือยัง” รวมถึง “พีทมองยูริในลักษณะไหนกันแน่” ทุกอย่างเป็นไปได้ใน 3 ตอนต่อจากนี้ ส่วนคำตอบผมน่ะเหรอ ….. หึหึ




จี๊ด : บทสรุปของจี๊ด



เรากลับมาพูดถึงจี๊ดอีกครั้งในหัวข้อของตัวเธอเอง ใน EP ล่าสุดทุกคนคงจะเห็นสภาพจี๊ดแล้วว่าผลของการกระทำและทะเยอทะยานที่ไม่มีจุดหมายของเธอนั้นไม่ได้สร้างอะไรให้มันดีขึ้นมาเลย มีแต่จะทำให้แย่ลง และผลจากการโดนยูริตบและเทศน์สั่งสอนไปนั้นก็ทำให้เราได้จี๊ดคนเดิมกลับคืนมา แต่! ในมุมมองผม ผมว่ามันง่ายไปหน่อยกับบทสรุปจี๊ดที่เดินมาแบบนี้

<ต่อด้านล่างครับ>
ชื่อสินค้า:   Love Sick The Series Season 2
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่