พระอาจารย์เหรียญ วรลาโภ
วัดอรัญญบรรพต
อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย
...
คนส่วนมากนี่แย่จริงๆมันไม่ยอมน่ะ
ไม่ยอมที่จะมาข่มจิตเพ่งจิตให้เข้าถึงความสงบ
มีแต่ยอมตกเป็นทาสของตัณหา
ปล่อยแต่จิตให้คิดฟุ้งไปภายนอกนู้นอยู่อย่างนั้นเลยอย่างนี้
แล้วจะไม่ให้มัน
“เกิด” อีกจะทำยังไงล่ะ
แล้วผู้ที่ยึดแต่อารมณ์ภายนอกจนตลอดถึงวันตายอย่างนี้นะ
อู๊ย..ตายแล้วก็ไปไหนไม่ได้แล้ว
จิตก็วกเวียนอยู่กับสิ่งที่ตนรักตนชอบใจน่ะแหละบัดนี้นะ
เมื่อบุคคลไปมีจิตเลื่อนลอยฟุ้งซ่านอย่างนั้นก็ไม่ได้ทำบุญนะ
เมื่อไม่ได้ทำบุญแล้วจิตใจนี้ก็เร่ร่อนพเนจร
เหมือนคนไม่มีหลักไม่มีแหล่งนั่นแหละ
ไม่มีบ้านอยู่เป็นของตัว ก็เลยเป็นคนจรจัด
เที่ยวอาศัยบ้านคนนั้นบ้าง อาศัยบ้านคนนี้ไป
อาศัยศาลาวัด อาศัยสถานที่ อาศัยสถานที่สาธารณะ
เป็นที่หลับที่นอนไป ขอทานเขากินไปอย่างนี้
จิตใจที่ไม่ฝึกฝนให้เข้าถึงความสงบ ไม่ทำบุญกุศล
ไม่ทำความดีให้เป็นประโยชน์ตน และผู้อื่น
หรือทำก็นิดๆหน่อยๆงี้มันก็สู้อำนาจกิเลสไม่ได้
เมื่อตายลงอย่างนี้กิเลสมันก็จูงไปตามประสงค์แลบัดนี้นะ
ถ้าทำบาปมากมันก็ไม่ได้มาล่องลอยอยู่กับโลกมนุษย์นี้แล้ว
บาปกรรมฉุดคร่าไปสู่นรกอบายภูมิโน่น
นี่ให้พิจารณาให้มันเห็นด้วยตนเองเรื่องนี้น่ะ
ไม่พิจารณาให้มันเห็นด้วยตนเองแล้วไม่ยอมละ
ไม่ยอมทำความเพียร คนเรานั้นมันเป็นอย่างนั้น
...
ส่วนหนึ่งจากพระธรรมเทศนาหัวข้อ "แนวทางอริยะ"
จิตที่ไม่ได้ฝึกย่อมสู้กิเลสไม่ได้ : หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ
พระอาจารย์เหรียญ วรลาโภ
วัดอรัญญบรรพต
อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย
...
คนส่วนมากนี่แย่จริงๆมันไม่ยอมน่ะ
ไม่ยอมที่จะมาข่มจิตเพ่งจิตให้เข้าถึงความสงบ
มีแต่ยอมตกเป็นทาสของตัณหา
ปล่อยแต่จิตให้คิดฟุ้งไปภายนอกนู้นอยู่อย่างนั้นเลยอย่างนี้
แล้วจะไม่ให้มัน “เกิด” อีกจะทำยังไงล่ะ
แล้วผู้ที่ยึดแต่อารมณ์ภายนอกจนตลอดถึงวันตายอย่างนี้นะ
อู๊ย..ตายแล้วก็ไปไหนไม่ได้แล้ว
จิตก็วกเวียนอยู่กับสิ่งที่ตนรักตนชอบใจน่ะแหละบัดนี้นะ
เมื่อบุคคลไปมีจิตเลื่อนลอยฟุ้งซ่านอย่างนั้นก็ไม่ได้ทำบุญนะ
เมื่อไม่ได้ทำบุญแล้วจิตใจนี้ก็เร่ร่อนพเนจร
เหมือนคนไม่มีหลักไม่มีแหล่งนั่นแหละ
ไม่มีบ้านอยู่เป็นของตัว ก็เลยเป็นคนจรจัด
เที่ยวอาศัยบ้านคนนั้นบ้าง อาศัยบ้านคนนี้ไป
อาศัยศาลาวัด อาศัยสถานที่ อาศัยสถานที่สาธารณะ
เป็นที่หลับที่นอนไป ขอทานเขากินไปอย่างนี้
จิตใจที่ไม่ฝึกฝนให้เข้าถึงความสงบ ไม่ทำบุญกุศล
ไม่ทำความดีให้เป็นประโยชน์ตน และผู้อื่น
หรือทำก็นิดๆหน่อยๆงี้มันก็สู้อำนาจกิเลสไม่ได้
เมื่อตายลงอย่างนี้กิเลสมันก็จูงไปตามประสงค์แลบัดนี้นะ
ถ้าทำบาปมากมันก็ไม่ได้มาล่องลอยอยู่กับโลกมนุษย์นี้แล้ว
บาปกรรมฉุดคร่าไปสู่นรกอบายภูมิโน่น
นี่ให้พิจารณาให้มันเห็นด้วยตนเองเรื่องนี้น่ะ
ไม่พิจารณาให้มันเห็นด้วยตนเองแล้วไม่ยอมละ
ไม่ยอมทำความเพียร คนเรานั้นมันเป็นอย่างนั้น
...
ส่วนหนึ่งจากพระธรรมเทศนาหัวข้อ "แนวทางอริยะ"