
**รีวิวนี้เป็นรีวิวแรกของเรา ผิดพลาดประการใดช่วยชี้แนะด้วยค่า**
เมื่อการเดินทางสะดวกและถูก หลายๆ คนจึงมีโอกาสได้ไปคิวชูกัน วันนี้เราเลยอยากมาแบ่งปันประสบการณ์ที่ได้ไปมา ในช่วงที่มีงาน Sake Beverage ที่เมืองคาชิมะ (Kashima) จ.ซากะ กับทุกๆ คนค่า เผื่อปีหน้าใครมีแผนไปจะได้มีตัวเลือกเพิ่มอีกตัวเลือกนึงเนอะ
ถ้าพูดถึงเมืองคาชิมะ เราก็จะนึกถึงศาลเจ้ายูโทกุ (Yutoku Inari) ก่อน เพราะมีรีวิวในห้องบลูเยอะแยะ
วิธีการไปก็นั่งรถไฟจากสถานีฮากาตะมาที่สถานี Hizen-Kashima แล้วก็ข้ามฝั่งจากสถานีไปฝั่งตรงข้ามเพื่อขึ้นรถบัสไปศาลเจ้า

จัดการจองที่นั่งล่วงหน้า ได้แต่ตั๋วขาไป ขากลับต้องนั่งตู้ non-reserve เพราะตู้ต้องจองเต็ม (ซึ่งหารู้ไม่ว่าขากลับคนเยอะมากๆๆๆๆ ต้องยืนขาแข็งจนถึงฮากาตะจ้า TT)

สถานี Hizen-Kashima
วันที่เราไป เนื่องจากมีงานเทศกาล ทั้งเทศกาลของโรงผลิตสาเกในเมืองคาชิมะที่จัดปีละหน และมีงานเทศกาลโชว์รถคลาสสิคที่ศาลเจ้า จึงมีรถบัสบริการฟรีโดยจะวิ่งในเส้นทางที่ผ่านโรงงานสาเกหลักๆ ก่อนจะเข้าศาลเจ้า (เราได้ข้อมูลงานเทศกาลนี้มาจากงานท่องเที่ยวที่จัดที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เจ้าหน้าที่ท่องเที่ยวของซากะเป็นคนให้ข้อมูลเรามา แล้วเราก็มาหาเพิ่มในเน็ต+เมล์ไปถามเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นอีกที)
เมื่อเดินออกจากสถานีก็เจอเจ้าหน้าที่ท่องเที่ยว เราเลยซื้อ Guide book มาคนล่ะเล่มกับเพื่อน ด้วยความเข้าใจผิดว่าต้องมีไกด์บุ๊คเล่มนี้เท่านั้นถึงจะชิมสาเกของแต่ละร้านได้ (จริงๆ แล้วมันเป็นส่วนลดในการซื้อสาเกต่างหาก เสียใจเบาๆ)

จำราคาไม่ได้ว่าซื้อมาเท่าไหร่ แต่คิดว่าน่าจะ 300-500 เยน

ข้างในจะมีแผนที่บอก แต่เป็นภาษาญี่ปุ่น

อันนี้เป็นแผนที่บริเวณทางเข้าศาลเจ้ายูโทกุ

ตรงทางเข้าศาลเจ้างานวันเสาร์กับอาทิตย์จัดไม่เหมือนกัน ซึ่งเราเลือกไปวันอาทิตย์เพราะจะไปชมรถคลาสสิค+เป็นวันที่พยากรณ์อากาศบอกว่าฝนไม่ตกด้วย

มีเบนโตะแบบพิเศษขายด้วย ซึ่งเราเลือกซื้อแบบข้างล่างมา

หน้าตาสวยงาม แต่มันเย็นอ่ะ ถ้ามันอุ่นหน่อยคงจะอร่อยกว่านี้
มาต่อกันที่ข้างในของไกด์บุ๊ค
ตรงหน้าท้ายๆ จะเป็นคูปองส่วนลดค่าเบนโตะ และค่าสาเกของแต่ละร้าน

อันล่างสุดที่หายไปคือเราเอาไปเป็นส่วนลดค่าเบนโตะเรียบร้อยแล้ว
ส่วนปกหลังเป็นที่ปั๊มตราของโรงสาเกแต่ละที่ ซึ่งถ้าเราสะสมได้ครบสามารถนำไปเล่นเกมลุ้นรางวัลได้ ซึ่ง....เรามารู้ตอนกลับมาตรงหน้าสถานีแล้ว ไม่งั้นจะแวะให้ทุกร้านเลย

เมื่อสำรวจไกด์บุ๊คเรียบร้อย ก็นั่งรถบัสฟรีไปกันเลย. . .
รถบัสที่เรานั่งจะมี 2 เส้นทางคือวิ่งสวนกัน
เรานั่งสาย A โดยจะวิ่งผ่านโรงสาเกโรงที่ 1 (อยู่ใกล้สถานี สามารถเดินมาได้) กับโรงสาเกที่ 2 ที่อยู่ไกลมากๆๆๆ ก่อนจะวิ่งเข้าไปศาลเจ้า โดยเราไม่ได้แวะที่แรกเพราะกะว่าจะแวะขากลับ ส่วนโรงที่ 2 นั้น เรากลัวว่าลงไปแล้วต้องรถรถบัสคันต่อไปนาน เลยไม่แวะ นั่งยาวๆ มาศาลเจ้าเลย
เมื่อมาถึงเราก็ดูรอบรถบัสที่จะไปย่านโรงสาเกที่ติดๆ กัน เพื่อจะได้กะเวลาเที่ยวที่ศาลเจ้าได้ถูก จากนั้นก็เริ่มสำรวจกันเลย...
ผ่านช่วงที่จัดแสดงรถเก่า ก็มาที่ศาลเจ้า
ด้วยความที่มองเห็นทุ่งดอกไม้สีเหลืองไกลๆ เลยเดินอ้อมเพื่อไปถ่ายรูป
แล้วก็ต้องเดินข้ามน้ำกลับมา
เดินกลับจากศาลเจ้ามาเจอร้านชา ขอชิมสักถ้วยก่อนล่ะกัน

ชาขมๆ+ขนมหวานๆ มันเข้ากันดีนะ
เมื่อได้เวลา ก็เดินทางไปงานเทศกาลสาเกคาชิมะ

คนเยอะมากๆ แต่ก็เป็นระเบียบเรียบร้อย
(ต่อข้างล่างจ้า)
แก้ไข---> เพิ่มรูป เลยทำให้ต้องต่อที่ความเห็นที่ 3 ค่า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้สำหรับใครที่ต้องการข้อมูลเที่ยวปีหน้า ลองไปดูได้ในเว็บจ้า
http://sakagura-tourism.com/main/1.html
http://www.city.saga-kashima.lg.jp/main/8665.html
ข้อมูล/ภาพปีก่อนๆ http://sakagura-tourism.com/main/218.html
ปี 59 จัดวันที่ 26-27 มีนาคม (เสาร์-อาทิตย์) ข้อมูลจาก http://sakagura-tourism.com/main.php/4.html
[CR] เดินชิวๆ แม้แดดจะแรงในเทศกาลเมืองคาชิมะ
**รีวิวนี้เป็นรีวิวแรกของเรา ผิดพลาดประการใดช่วยชี้แนะด้วยค่า**
ถ้าพูดถึงเมืองคาชิมะ เราก็จะนึกถึงศาลเจ้ายูโทกุ (Yutoku Inari) ก่อน เพราะมีรีวิวในห้องบลูเยอะแยะ
วิธีการไปก็นั่งรถไฟจากสถานีฮากาตะมาที่สถานี Hizen-Kashima แล้วก็ข้ามฝั่งจากสถานีไปฝั่งตรงข้ามเพื่อขึ้นรถบัสไปศาลเจ้า
จัดการจองที่นั่งล่วงหน้า ได้แต่ตั๋วขาไป ขากลับต้องนั่งตู้ non-reserve เพราะตู้ต้องจองเต็ม (ซึ่งหารู้ไม่ว่าขากลับคนเยอะมากๆๆๆๆ ต้องยืนขาแข็งจนถึงฮากาตะจ้า TT)
บรรยากาศภายในขบวน งดงามสมเป็นรถไฟคิวชู
สถานี Hizen-Kashima
วันที่เราไป เนื่องจากมีงานเทศกาล ทั้งเทศกาลของโรงผลิตสาเกในเมืองคาชิมะที่จัดปีละหน และมีงานเทศกาลโชว์รถคลาสสิคที่ศาลเจ้า จึงมีรถบัสบริการฟรีโดยจะวิ่งในเส้นทางที่ผ่านโรงงานสาเกหลักๆ ก่อนจะเข้าศาลเจ้า (เราได้ข้อมูลงานเทศกาลนี้มาจากงานท่องเที่ยวที่จัดที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เจ้าหน้าที่ท่องเที่ยวของซากะเป็นคนให้ข้อมูลเรามา แล้วเราก็มาหาเพิ่มในเน็ต+เมล์ไปถามเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นอีกที)
เมื่อเดินออกจากสถานีก็เจอเจ้าหน้าที่ท่องเที่ยว เราเลยซื้อ Guide book มาคนล่ะเล่มกับเพื่อน ด้วยความเข้าใจผิดว่าต้องมีไกด์บุ๊คเล่มนี้เท่านั้นถึงจะชิมสาเกของแต่ละร้านได้ (จริงๆ แล้วมันเป็นส่วนลดในการซื้อสาเกต่างหาก เสียใจเบาๆ)
จำราคาไม่ได้ว่าซื้อมาเท่าไหร่ แต่คิดว่าน่าจะ 300-500 เยน
ข้างในจะมีแผนที่บอก แต่เป็นภาษาญี่ปุ่น
อันนี้เป็นแผนที่บริเวณทางเข้าศาลเจ้ายูโทกุ
ตรงทางเข้าศาลเจ้างานวันเสาร์กับอาทิตย์จัดไม่เหมือนกัน ซึ่งเราเลือกไปวันอาทิตย์เพราะจะไปชมรถคลาสสิค+เป็นวันที่พยากรณ์อากาศบอกว่าฝนไม่ตกด้วย
มีเบนโตะแบบพิเศษขายด้วย ซึ่งเราเลือกซื้อแบบข้างล่างมา
หน้าตาสวยงาม แต่มันเย็นอ่ะ ถ้ามันอุ่นหน่อยคงจะอร่อยกว่านี้
มาต่อกันที่ข้างในของไกด์บุ๊ค
ตรงหน้าท้ายๆ จะเป็นคูปองส่วนลดค่าเบนโตะ และค่าสาเกของแต่ละร้าน
อันล่างสุดที่หายไปคือเราเอาไปเป็นส่วนลดค่าเบนโตะเรียบร้อยแล้ว
ส่วนปกหลังเป็นที่ปั๊มตราของโรงสาเกแต่ละที่ ซึ่งถ้าเราสะสมได้ครบสามารถนำไปเล่นเกมลุ้นรางวัลได้ ซึ่ง....เรามารู้ตอนกลับมาตรงหน้าสถานีแล้ว ไม่งั้นจะแวะให้ทุกร้านเลย
เมื่อสำรวจไกด์บุ๊คเรียบร้อย ก็นั่งรถบัสฟรีไปกันเลย. . .
เรานั่งสาย A โดยจะวิ่งผ่านโรงสาเกโรงที่ 1 (อยู่ใกล้สถานี สามารถเดินมาได้) กับโรงสาเกที่ 2 ที่อยู่ไกลมากๆๆๆ ก่อนจะวิ่งเข้าไปศาลเจ้า โดยเราไม่ได้แวะที่แรกเพราะกะว่าจะแวะขากลับ ส่วนโรงที่ 2 นั้น เรากลัวว่าลงไปแล้วต้องรถรถบัสคันต่อไปนาน เลยไม่แวะ นั่งยาวๆ มาศาลเจ้าเลย
เมื่อมาถึงเราก็ดูรอบรถบัสที่จะไปย่านโรงสาเกที่ติดๆ กัน เพื่อจะได้กะเวลาเที่ยวที่ศาลเจ้าได้ถูก จากนั้นก็เริ่มสำรวจกันเลย...
ผ่านช่วงที่จัดแสดงรถเก่า ก็มาที่ศาลเจ้า
ด้วยความที่มองเห็นทุ่งดอกไม้สีเหลืองไกลๆ เลยเดินอ้อมเพื่อไปถ่ายรูป
แล้วก็ต้องเดินข้ามน้ำกลับมา
เดินกลับจากศาลเจ้ามาเจอร้านชา ขอชิมสักถ้วยก่อนล่ะกัน
ชาขมๆ+ขนมหวานๆ มันเข้ากันดีนะ
เมื่อได้เวลา ก็เดินทางไปงานเทศกาลสาเกคาชิมะ
คนเยอะมากๆ แต่ก็เป็นระเบียบเรียบร้อย
(ต่อข้างล่างจ้า)
แก้ไข---> เพิ่มรูป เลยทำให้ต้องต่อที่ความเห็นที่ 3 ค่า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้