ขอขอบคุณรัสเซียที่นำกองทัพและเครื่องบินไปช่วย รบ ซีเรีย ดีกว่าอเมริกาเยอะเลยที่เลี้ยงไข้ ไม่ยอมปราบ Isis สักที

ปกติโปรอเมริกามาตลอด แต่ครั้งนี้ ขอเอาใจช่วยรัสเซียปราบผู้ก่อการร้ายไอซิสสักที ทำความเดือดร้อนแก่ชาวโลก วุ่นวายไม่ยอมจบสักที

ไม่เห็นด้วยที่
1 อเมริกาไม่ยอมปราบไอซิสจริงๆสักที มัวแต่เลี้ยงไข้ไว้ ทำให้ปัญหาไม่จบสักที
2 ผมชื่นชอบวัฒนธรรมตะวันตก ในยุโรป ทั้งความรู้ วิทยาศาสตร์ ศิลปะ วัฒนธรรม ผู้คน แต่ยุโรปกลับปล่อยให้มีการอพยพของผู้เข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ไม่มีการตรวจสอบ ว่าเป็นผู้ลี้ภัยสงครามจริงหรือเปล่า รับเข้าไปมั่วๆไม่ตรวจสอบ หลายแสนคนเข้าไปในยุโรปโดยไม่คัดกรองเลย ซึ่งจะต้องทำให้ยุโรปต้องเจอปัญหาในอนาคตแน่  ทั้งปัญหาการก่อการร้าย และปัญหาทาง ศก และอื่นๆอีก และผมก็เสียดายสิ่งดีๆที่ยุโรปเคยมีอาจจะต้องเสียไป

นางมาเคลถือเป็นผู้ทรยศต่อชาวยุโรปและชาวโลก  เสียชื่อคนจบเอกฟิสิกส์หมด การตัดสินใจของเธอไม่ได้ส่งผลกระทบต่อเฉพาะเยอรมนี แต่ส่งผลเสียต่อยุโรปทั้งทวีป และในเมื่อยุโรปเป็นผู้นำทางด้านความรู้วิทยาการต่างๆ ถ้าวัฒนธรรมยุโรปล่มสลายไปก็จะส่งผลเสียต่อสังคมมนุษยชาติโดยรวมทั้งหมด ต่อไปผมก็จะไม่มีหนังสือดีๆ ความรู้งานวิจัยดีๆมาให้อ่านให้ศึกษาอีก


สองอย่างนี้ไม่เข้าใจเลยว่าผู้นำตะวันตกใช้อะไรคิด  มันแสนหงุดหงิดที่ผู้นำของตะวันตกตัดสินใจผิดพลาดในการดำเนินนโยบายต่อปัญหา
ที่เกิดขึ้น ธรรมะของพระพุทธเจ้าสอนให้เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา ช่วยคนที่ควรช่วย บางอย่างก็ควรวางเฉยถ้าการไปช่วยจะทำให้คนช่วยก็แย่ สถานการณ์ก็ยิ่งแย่    

ทำไมทำแต่เรื่องที่ไม่ควรทำ เรื่องที่ควรทำกลับไม่ทำ
multicultural มันใช้ได้จริงๆหรอ ไม่สร้างปัญหาจริงหรือ




แต่ปูตินจะส่งกองทัพเข้าไปช่วย รบ ซีเรีย

ช่วยปราบผู้ก่อการร้าย จัดการกลุ่มไอซิสเสียที ทีนี้พอ ประเทศ ซีเรียสงบ ปัญหาผู้เข้าเมืองโดยผิดกฎหมายจะได้หมดไปสักที

เป็นการแก้ปัญหาที่กำลังเกิดขึ้น

ปกติไม่เคยชอบรัสเซียเลย แต่ครั้งนี้ขอชื่นชม
และขอให้ตะวันตกพิจารณาสิ่งที่ทำลงไปว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องแล้วหรือ ลองคิดดูดีๆ


----------

ปูตินยันต้องช่วยซีเรียเอาชนะกลุ่มก่อการร้าย | เดลินิวส์


„สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 25 ก.ย.ว่าทำเนียบขาวออกแถลงการณ์เมื่อวันพฤหัสบดี ยืนยันการพบปะกันระหว่างประธานาธิบดีบารัค โอบามา ผู้นำสหรัฐ กับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย จะมีขึ้นนอกรอบการประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติ ( ยูเอ็นจีเอ ) ที่นครนิวยอร์ก ในวันจันทร์ที่ 28 ก.ย. นี้ โดยหนึ่งในประเด็นสำคัญที่คาดว่าจะมีการหยิบยกขึ้นมาสนทนา คือสถานการณ์สงครามกลางเมืองในซีเรีย ที่ล่วงเข้าสู่ปีที่ 5 และมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 240,000 ศพ กองทัพสหรัฐและพันธมิตรปฏิบัติการโจมตีทางอากาศในซีเรียตั้งแต่เดือนก.ย.ปีที่แล้ว เพื่อกำจัดกลุ่มไอเอส ขณะที่กระแสข่าวเรื่องการทยอยเสริมกำลังพลและสรรพาวุธของรัสเซียในซีเรียที่มากขึ้นอย่างชัดเจนในระยะหลัง กำลังสร้าง "ความวิตกกังวล" อย่างหนักให้แก่รัฐบาลวอชิงตัน


รายการ "60 นาที" ทางสถานีโทรทัศน์ซีบีเอสของสหรัฐ เป็นรายการโทรทัศน์จากตะวันตกเพียงไม่กี่รายการที่ได้รับอนุญาตให้สัมภาษณ์ปูตินแบบตัวต่อตัว ซึ่งผู้นำรัสเซียกล่าวอย่างไม่ปิดบัง ว่าการเคลื่อนไหวทางทหารของรัสเซียในซีเรียเป็นไปเพื่อให้ความช่วยเหลือประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด เนื่องจากรัฐบาลมอสโกมีความเชื่อมั่นว่า การแสดงออกในทางตรงกันข้าม หรือการโค่นล้มรัฐบาลที่มีอำนาจชอบธรรม จะยิ่งทำให้สถานการณ์ภายในประเทศนั้นวุ่นวาย และสถาบันแห่งรัฐถูกทำลาย ดังเช่นที่เกิดขึ้นในลิเบียและอิรัก การเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับโครงสร้างอำนาจรัฐ จะช่วยให้ประเทศผ่านพ้นวิกฤติและเอาชนะกลุ่มก่อการร้ายได้ ร่วมไปกับการเจรจากับฝ่ายค้นโดยตั้งอยู่บนหลักการและเหตุผล เพื่อการปฏิรูปประเทศร่วมกันอย่างเป็นระบบ



นอกจากนี้ ปูตินยังปฏิเสธคำกล่าวของสื่ออเมริกันหลายแห่งที่พากันขนานนามให้เป็น "ซาร์" โดยผู้นำรัสเซียกล่าวว่า ไม่สนใจว่าใครจะเรียกตนเองว่าอย่างไร เนื่องจากสิ่งสำคัญที่สุดในฐานะผู้นำประเทศ คือการพัฒนาและรักษาผลประโยชน์ของประเทศ ให้สมกับการได้รับความไว้วางใจจากประชาชน ทั้งนี้ รายการ 60 นาที ตอนสัมภาษณ์พิเศษประธานาธิบดีรัสเซีย จะออกอากาศครั้งแรกที่สหรัฐในวันที่ 27 ก.ย. นี้ คลิปประกอบ : ซีบีเอส“

อ่านต่อที่ : http://www.dailynews.co.th/foreign/350375
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่