คือเรากับสามีแต่งงานกันเมื่อปลายปี2557 ค่ะ ครอบครัวเราเป็นเกษตรกรเลือดไทย 100% ฐานะปานกลาง ปากกัดตีนถีบตลอดตั้งแต่เรียนจนถึงปัจจุบัน ส่วนสามีเราเป็นครอบครัวคนจีนอาชีพค้าขาย ฐานะค่อนไปทางร่ำรวย แฟนเราเป็นลูกชายคนโตของบ้านมีน้องสาวและน้องชาย 2 คน และสิ่งที่ไม่ได้ดั่งใจเลย
1. สามีเราเป็นคนไม่สนใจใคร ไม่สนใจโลก คือถ้าเปรียบเทียบกับเรา เราเป็นลูกคนเดียวของบ้าน แต่เราจะใส่ใจทุกคนมาก เลี้ยงดูพ่อแม่พี่น้อง ยาย ทุกคนในบ้าน ไม่ว่าใครเดือดร้อนอะไรเราช่วยหมด แต่สามีของเราไม่เคยสนใจใครเลย ขนาดน้องแท้ๆเค้ายังไม่สนใจไม่โทรถามสารทุกข์สุขดิบของน้องๆ พ่อแม่เค้าก็ไม่ค่อยโทรไปหา เจอหน้าก็ไม่ค่อยพูด ช่วงปีใหม่ สงกรานต์ก็ดูกระตือรือร้นกลับบ้านที่ต่างจังหวัดนะค๊ะ แต่พอกลับบ้านไปก็ไม่เห็นจะช่วยพ่อแม่เค้าขายของ หรือหยิบจับอะไรเลย ตื่นเช้ามา พ่อแม่เอาอาหารวางไว้ให้กิน กินเสร็จ จิบกาแฟอ่านหนังสือพิมพ์ ตอนเที่ยงใช้น้องชายออกไปซื้อข้าว พอน้องซื้อกลับมา ก็ยังนั่งทรงอยู่
ตรงนั้น รอเค้าจัดเทอาหารจัดสำรับเสร็จค่อยเสด็จมา- -เสร็จลุกไปนั่งดูทีวี จานชามไม่เก็บ ตกเย็นออกไปกินนอกบ้าน กลับมาก็เข้าห้องนอน คือเป็นแบบนี้ตลอดเลย ส่วนเราเวลากลับบ้านก็จะกอดพ่อ หอมแม่ พาไปทานข้าว ดูทีวีด้วยกันพูดคุยกัน ทำอาหารกินกัน คือเรารู้สึกว่าเค้าทำไมเป็นคนไม่รู้จักดูแลใครได้ขนาดนี้ แม้แต่แม่พ่อน้องเค้าเองก็ไม่ค่อยสนใจ อ่อ!..ฉันเคยปรี๊ดแตกแล้วถามเค้าว่าทำไมเลือกดิฉันมาแต่งงาน เค้าตอบว่า เลือกมาเพราะให้ดิฉันดูแลพ่อแม่ของเค้า เพราะเค้ารู้ตัวว่าเค้าไม่เคยและไม่ค่อยดูแล
2. เรามีอาชีพเป็น sale ค่ะต้องเดินทางตลอดเวลา บ้านเราอยู่ที่ชลบุรี แต่เราต้องไปต่างจังหวัดตลอด มีครั้งนึงเราไปอยู่สุราษฎร์ธานี 6 เดือน ทางผู้ใหญ่เค้าก็ด่าค่ะ ว่าแต่งงานแล้วจะแยกกันอยู่ได้ยังไง ให้ลาออกแล้วกลับมาอยู่บ้าน มาหาอะไรทำดีกว่า แฟนเราก็บอกอยากให้กลับเราก็เชื่อค่ะ เลยลาออกมา กลับมาอยู่บ้าน ก็ยังทำงานแบบเป็นฟรีแล้นด์ กับทำขนมขาย แต่มันก็ไม่ได้ทำเงินให้เรามากมายเหมือนกับช่วงที่เราทำงานค่ะ พออยู่ไปนานๆเงินเก่าเริ่มหมด เราก็ขอเงินแฟนใช้ คือแฟนได้เงินเดือน 5 หมื่นกว่า หักภาษีแล้ว แล้วเค้าก็ต้องจ่ายค่าบัตรเครดิต ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเน็ต เดือนนึง 3 หมื่น เหลือ 2 หมื่นบาท ให้เราอาทิตย์ละ 5000 บาท ใน 5000 นี้รวมเค้าด้วยนะค๊ะ มีค่าน้ำมันรถ ค่าอาหารคน อาหารหมา ของใช้ในบ้าน แชมพู ยาสีฟัน โอ้ยสาระตะ แล้วอีกที่เราคิดมากก็คือ เค้าเป็นคนกินข้าว ต้องมีกับข้าว 2 อย่าง ของหวานหรือผลไม้ตามเสมอ แล้วไม่ค่อยกินซ้ำเท่าไหร่ อย่างวันจันทร์-ศุกร์ ช่วงกลางวันเราจะหุงข้าว แล้วต้มไข่ เจียวไข่กินเองโดยส่วนตัวเรานะ จะทำกับข้าว 2 อย่างเฉพาะมื้อเย็นที่เค้าจะกลับมากินด้วย คือเมื่อก่อนนี้เราหาเงินเอง เราไม่เคยขอตังค์แฟนใช้ นอกจากจะจำเป็นจริงๆมีขอบ้าง แต่ไม่บ่อย สิ้นเดือนเราก็จะมีซื้อเสื้อผ้า ครีม เครื่องสำอางไรงี้ แต่ตอนนี้ไม่มีเลย คือเราใช้เครื่องสำอาง ครีมแบรนด์เค้าเตอร์ค่ะ lamer ไรงี้ แต่ตอนนี้อย่าหวัง ต้องตัดบางตัวออกซื้อตาม top bic c lotus ทั่วไป บอกตรงๆเราอึดอัดค่ะ คือตอนออกมาจากงานแม่แฟนก็พูดบอกว่าอยากจะทำธุรกิจอะไรก็ให้เข้าไปคุยไรงี้ แม่แฟนเค้าก็คอยช่วยนะค๊ะ แต่แฟนเราไม่มี project อะไรในหัวเลย เราก็ถามเค้าว่าพี่อยากจะทำอะไร เค้าก็บอกว่าไม่รู้ เราก็ถามต่อว่า แล้วพี่ชอบทำอะไรที่สุด เค้าก็ตอบว่าชอบนั่งเฉยๆ คือเราหัวธุรกิจชอบค้าขายค่ะ แต่แฟนเค้าไม่มีหัวธุรกิจ ไม่ชอบค้าขาย ไม่ชอบคุยกับคน เราจะขัดกันตลอดเรื่องความคิด เวลาเราเสนอ project ทำอะไรเหมือนมันจะขัดกันตลอด เราก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะถ้าจะทำธุรกิจอะไรก็ต้องขอตังค์แม่ผัว ถ้าผัวเราไม่เอา แม่ผัวเค้าก็ไม่ให้ใช่ไหมค๊ะ อ่อ! แฟนเราจบโท MBA เกียรตินิยมอันดับ 2 ม.ดัง แต่แอบสงสัยเวลาคนเรียนเยอะรู้เยอะเกินนิ เวลาจะทำอะไรจะกลัวเจ๋งตลอดจนไม่กล้าทำอะไรเลยรึไงว่ะ!
3. ทางพ่อแม่สามีบอกว่าในบรรดาลูกทั้งสามคน ห่วงสามีเราที่สุด ยังไม่เป็นอี้เป็นอันเลย มีอะไรให้พ่อแม่ช่วยก็บอกนะ คือถ้าเป็นเราสะอึกนะได้ยินคำนี้ คนอื่นล่ะสะอึกไหม???
4. ทางบ้านสามีมีฐานะค่อนไปทางร่ำรวยเพราะฉนั้นเค้าไม่ต้องดูแลอะไรทางบ้านเลย ทำให้เค้าเป็นคนไม่รู้จักการรับภาระป่าวค๊ะ เพราะดิฉันเองต้องส่งเงินให้พ่อแม่ใช้ แล้วก็ยังต้องผ่อนรถอีก 1 คัน ส่วนทางแฟนเรา รถ+บ้าน พ่อแม่เค้าซื้อสดให้ แต่เค้าก็รู้นะค๊ะว่าภาระเรามี แต่เค้าก็ช่วยบ้าง ถ้าช่วงที่เค้ามีเงิน เค้าไม่ได้รังเกียจทางบ้านเราแต่อย่างใดนะ แม่เราก็รักเค้า แต่บางครั้งที่ทางบ้านเราต้องใช้เงิน แล้วเราพึ่งเค้าไม่ได้เลยก็มี เราก็เอาทองที่ซื้อเก็บๆไว้ไปจำนำ ก็ใครๆเค้าก็ทำกันเนาะ
5. แฟนเราเค้าบอกว่า เงินให้ใช้ที่เรามีซิ! แต่เรามองว่า ถ้าต้องใช้เงินเท่าไหร่ เราก็ต้องหาให้ได้มากเท่านั้น เราคิดผิดป่าว? คือต้องบอกก่อนว่า แฟนเราเค้ามีศักภาพจะทำธุรกิจและหาเงินได้มากกว่านี้ แต่แฟนเราเค้าไม่เอา ที่บ้านก็มีโรงงานของตัวเอง พ่อแม่แฟนก็อายุมากแล้วค่ะ พ่อ 70 แม่ 65 แล้ว ถ้าเป็นเราจะกลับไปทำแทนพ่อแม่แล้วค่ะ แอบสงสารพ่อผัวแม่ผัวที่แก่ตัวแล้วยังต้องมาทำงาน แทนที่จะได้ชิวๆกับลูกกับหลาน
6. อีกเรื่องที่ไม่ได้ดั่งใจ คือ เรากับแฟนอยากมีลูกมากๆค่ะ ทั้งทางพ่อแม่แฟนก็บอกให้เรามีลูกได้แย้ว เราก็ปล่อยตั้งแต่แต่งงานนะ แต่ก็ยังไม่มี แฟนก็โทษว่าเป็นเพราะเราชอบกินยาเยอะ วิตามินอะไรก็ไม่รุ เลยไม่ท้อง เราอึดอัดค่ะ เลยชวนกันไปตรวจซะเลย ผลปรากฎว่าเราแข็งแรงดีทุกอย่าง ส่วนแฟน อสุจิอ่อนค่ะ ตัววิ่งต้องไม่ต่ำกว่า 30% แต่แฟนเรามีแค่ 6% ถือว่าต่ำมาก เราก็ search หาข้อมูลในอินเตอร์เน็ตถึงวิธีดูแลตัวเองให้เค้าทำตาม ออกกำลังกาย งดกาแฟ งดเบียร์ ให้กินยาบำรุง ทุกอย่าง แต่เค้าเหมือนไม่ค่อยสำเนียกสภาพตัวเอง ชอบแอบกินเบียร์ กินกาแฟ ออกกำลังกายก็ปูๆปลาๆ ไม่ชอบเลยค่ะดูเหมือนเป็นคนที่ไม่ตั้งมั่น ไม่ยากบั่นให้ถึงเป้าหมาย
7. แล้วดิฉันก็ทนไม่ไหวค่ะ เลยไปสัมภาษณ์งานจนได้งานค่ะ แต่ต้องไปทำงานต่างประเทศ พอมาคุยกับเค้าว่าจะเอายังไงกันดี เค้าก็ยอกว่าไม่ให้ไปทำ แต่เราก็ยิงคำถามต่อไปว่า แล้วเราจะทำอะไรที่มันเป็นอี้เป็นอันเป็นเรื่องเป็นราวให้มันมีรายได้ดีล่ะ ฉันอยู่แบบนี้ไม่ได้ ฉันมีภาระต้องรับผิดชอบ เค้าก็บอกว่าเด๋วอีกปี 2 ปีก็กลับบ้านไปดูแลกิจการแล้ว แต่อืม อีกเป็นปี ฉันคิดว่าฉันตายพอดี มันไกลไปไหม??? คือข้างบ้านดิฉันมีคอนโดขึ้น 18 แท่งค่ะ แล้วมันมีนิคมอุตสาหกรรมขึ้นอีก 3 ที่ แน่นอนคนต้องมาเยอะแน่ ฉันเลยคิด + ติดต่อเรียบร้อยแล้วนะค๊ะ คืออยากเปิดร้าน 7-11 ด้านหน้าคอนโด บวกร้านกาแฟและขายอาหารจานเดียว แต่งร้านดีๆหน่อย กลางคืนก็มีค็อกเทลขาย แต่ทำไม่ได้ค่ะ ไม่มีทุน ปรึกษาแฟน แฟนก็นิ่ง เหมือนเค้าไม่อยากจะเอากับเราด้วย
8. เบื่อที่แฟนเป็นคนดื้อ หัวแข็ง ดื้อเงียบ ไม่เคยตามเราเลยสักเรื่อง ค้านตลอด คือสิ่งที่เราอยากได้จากเค้าคือ ความคล้อยตามกัน ทุกวันนี้ดิฉันรู้ว่าเค้าคิดว่าตัวเค้าเองดีที่สุดแล้ว ณ. ตรงนี้ แต่ก็ไม่เถียงค่ะ ถ้าเค้าจะคิดแบบนี้ก็ไม้ผิด เพราะตำแหน่งที่เค้ามี เงินเดินที่เค้าได้ ความนับหน้าถือตาในบริษัท ( เค้าทำงานบริษัทข้ามชาติ ) แต่ถ้าแก่ตัวแล้วออกมา ก็ไม่มีอะไรเลยอ่ะป๊ะ? แต่ดิฉันเป็น sale เจอเจ้าของบริษัทมาเยอะ รับทัศนวิสัย ทัศคติของนักธุรกิจมามากมาย จนมองว่าคนที่บ้านเราเหมือนกบในกะลา เราก็พยายามจะพาเค้าออกไปพบเจอพวกเจ้าของธุรกิจพวกผู้ประกอบการทั้งหลายนะ แต่เค้าก็ไม่ยอมไป
ทุกวันนี้กลุ้มมาก เราควรไปทำงานดีไหมง่ะ?
สาวๆจะว่ายังไงเมื่อได้แฟนไม่ได้ดั่งใจอั๊วเลย
1. สามีเราเป็นคนไม่สนใจใคร ไม่สนใจโลก คือถ้าเปรียบเทียบกับเรา เราเป็นลูกคนเดียวของบ้าน แต่เราจะใส่ใจทุกคนมาก เลี้ยงดูพ่อแม่พี่น้อง ยาย ทุกคนในบ้าน ไม่ว่าใครเดือดร้อนอะไรเราช่วยหมด แต่สามีของเราไม่เคยสนใจใครเลย ขนาดน้องแท้ๆเค้ายังไม่สนใจไม่โทรถามสารทุกข์สุขดิบของน้องๆ พ่อแม่เค้าก็ไม่ค่อยโทรไปหา เจอหน้าก็ไม่ค่อยพูด ช่วงปีใหม่ สงกรานต์ก็ดูกระตือรือร้นกลับบ้านที่ต่างจังหวัดนะค๊ะ แต่พอกลับบ้านไปก็ไม่เห็นจะช่วยพ่อแม่เค้าขายของ หรือหยิบจับอะไรเลย ตื่นเช้ามา พ่อแม่เอาอาหารวางไว้ให้กิน กินเสร็จ จิบกาแฟอ่านหนังสือพิมพ์ ตอนเที่ยงใช้น้องชายออกไปซื้อข้าว พอน้องซื้อกลับมา ก็ยังนั่งทรงอยู่
2. เรามีอาชีพเป็น sale ค่ะต้องเดินทางตลอดเวลา บ้านเราอยู่ที่ชลบุรี แต่เราต้องไปต่างจังหวัดตลอด มีครั้งนึงเราไปอยู่สุราษฎร์ธานี 6 เดือน ทางผู้ใหญ่เค้าก็ด่าค่ะ ว่าแต่งงานแล้วจะแยกกันอยู่ได้ยังไง ให้ลาออกแล้วกลับมาอยู่บ้าน มาหาอะไรทำดีกว่า แฟนเราก็บอกอยากให้กลับเราก็เชื่อค่ะ เลยลาออกมา กลับมาอยู่บ้าน ก็ยังทำงานแบบเป็นฟรีแล้นด์ กับทำขนมขาย แต่มันก็ไม่ได้ทำเงินให้เรามากมายเหมือนกับช่วงที่เราทำงานค่ะ พออยู่ไปนานๆเงินเก่าเริ่มหมด เราก็ขอเงินแฟนใช้ คือแฟนได้เงินเดือน 5 หมื่นกว่า หักภาษีแล้ว แล้วเค้าก็ต้องจ่ายค่าบัตรเครดิต ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเน็ต เดือนนึง 3 หมื่น เหลือ 2 หมื่นบาท ให้เราอาทิตย์ละ 5000 บาท ใน 5000 นี้รวมเค้าด้วยนะค๊ะ มีค่าน้ำมันรถ ค่าอาหารคน อาหารหมา ของใช้ในบ้าน แชมพู ยาสีฟัน โอ้ยสาระตะ แล้วอีกที่เราคิดมากก็คือ เค้าเป็นคนกินข้าว ต้องมีกับข้าว 2 อย่าง ของหวานหรือผลไม้ตามเสมอ แล้วไม่ค่อยกินซ้ำเท่าไหร่ อย่างวันจันทร์-ศุกร์ ช่วงกลางวันเราจะหุงข้าว แล้วต้มไข่ เจียวไข่กินเองโดยส่วนตัวเรานะ จะทำกับข้าว 2 อย่างเฉพาะมื้อเย็นที่เค้าจะกลับมากินด้วย คือเมื่อก่อนนี้เราหาเงินเอง เราไม่เคยขอตังค์แฟนใช้ นอกจากจะจำเป็นจริงๆมีขอบ้าง แต่ไม่บ่อย สิ้นเดือนเราก็จะมีซื้อเสื้อผ้า ครีม เครื่องสำอางไรงี้ แต่ตอนนี้ไม่มีเลย คือเราใช้เครื่องสำอาง ครีมแบรนด์เค้าเตอร์ค่ะ lamer ไรงี้ แต่ตอนนี้อย่าหวัง ต้องตัดบางตัวออกซื้อตาม top bic c lotus ทั่วไป บอกตรงๆเราอึดอัดค่ะ คือตอนออกมาจากงานแม่แฟนก็พูดบอกว่าอยากจะทำธุรกิจอะไรก็ให้เข้าไปคุยไรงี้ แม่แฟนเค้าก็คอยช่วยนะค๊ะ แต่แฟนเราไม่มี project อะไรในหัวเลย เราก็ถามเค้าว่าพี่อยากจะทำอะไร เค้าก็บอกว่าไม่รู้ เราก็ถามต่อว่า แล้วพี่ชอบทำอะไรที่สุด เค้าก็ตอบว่าชอบนั่งเฉยๆ คือเราหัวธุรกิจชอบค้าขายค่ะ แต่แฟนเค้าไม่มีหัวธุรกิจ ไม่ชอบค้าขาย ไม่ชอบคุยกับคน เราจะขัดกันตลอดเรื่องความคิด เวลาเราเสนอ project ทำอะไรเหมือนมันจะขัดกันตลอด เราก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะถ้าจะทำธุรกิจอะไรก็ต้องขอตังค์แม่ผัว ถ้าผัวเราไม่เอา แม่ผัวเค้าก็ไม่ให้ใช่ไหมค๊ะ อ่อ! แฟนเราจบโท MBA เกียรตินิยมอันดับ 2 ม.ดัง แต่แอบสงสัยเวลาคนเรียนเยอะรู้เยอะเกินนิ เวลาจะทำอะไรจะกลัวเจ๋งตลอดจนไม่กล้าทำอะไรเลยรึไงว่ะ!
3. ทางพ่อแม่สามีบอกว่าในบรรดาลูกทั้งสามคน ห่วงสามีเราที่สุด ยังไม่เป็นอี้เป็นอันเลย มีอะไรให้พ่อแม่ช่วยก็บอกนะ คือถ้าเป็นเราสะอึกนะได้ยินคำนี้ คนอื่นล่ะสะอึกไหม???
4. ทางบ้านสามีมีฐานะค่อนไปทางร่ำรวยเพราะฉนั้นเค้าไม่ต้องดูแลอะไรทางบ้านเลย ทำให้เค้าเป็นคนไม่รู้จักการรับภาระป่าวค๊ะ เพราะดิฉันเองต้องส่งเงินให้พ่อแม่ใช้ แล้วก็ยังต้องผ่อนรถอีก 1 คัน ส่วนทางแฟนเรา รถ+บ้าน พ่อแม่เค้าซื้อสดให้ แต่เค้าก็รู้นะค๊ะว่าภาระเรามี แต่เค้าก็ช่วยบ้าง ถ้าช่วงที่เค้ามีเงิน เค้าไม่ได้รังเกียจทางบ้านเราแต่อย่างใดนะ แม่เราก็รักเค้า แต่บางครั้งที่ทางบ้านเราต้องใช้เงิน แล้วเราพึ่งเค้าไม่ได้เลยก็มี เราก็เอาทองที่ซื้อเก็บๆไว้ไปจำนำ ก็ใครๆเค้าก็ทำกันเนาะ
5. แฟนเราเค้าบอกว่า เงินให้ใช้ที่เรามีซิ! แต่เรามองว่า ถ้าต้องใช้เงินเท่าไหร่ เราก็ต้องหาให้ได้มากเท่านั้น เราคิดผิดป่าว? คือต้องบอกก่อนว่า แฟนเราเค้ามีศักภาพจะทำธุรกิจและหาเงินได้มากกว่านี้ แต่แฟนเราเค้าไม่เอา ที่บ้านก็มีโรงงานของตัวเอง พ่อแม่แฟนก็อายุมากแล้วค่ะ พ่อ 70 แม่ 65 แล้ว ถ้าเป็นเราจะกลับไปทำแทนพ่อแม่แล้วค่ะ แอบสงสารพ่อผัวแม่ผัวที่แก่ตัวแล้วยังต้องมาทำงาน แทนที่จะได้ชิวๆกับลูกกับหลาน
6. อีกเรื่องที่ไม่ได้ดั่งใจ คือ เรากับแฟนอยากมีลูกมากๆค่ะ ทั้งทางพ่อแม่แฟนก็บอกให้เรามีลูกได้แย้ว เราก็ปล่อยตั้งแต่แต่งงานนะ แต่ก็ยังไม่มี แฟนก็โทษว่าเป็นเพราะเราชอบกินยาเยอะ วิตามินอะไรก็ไม่รุ เลยไม่ท้อง เราอึดอัดค่ะ เลยชวนกันไปตรวจซะเลย ผลปรากฎว่าเราแข็งแรงดีทุกอย่าง ส่วนแฟน อสุจิอ่อนค่ะ ตัววิ่งต้องไม่ต่ำกว่า 30% แต่แฟนเรามีแค่ 6% ถือว่าต่ำมาก เราก็ search หาข้อมูลในอินเตอร์เน็ตถึงวิธีดูแลตัวเองให้เค้าทำตาม ออกกำลังกาย งดกาแฟ งดเบียร์ ให้กินยาบำรุง ทุกอย่าง แต่เค้าเหมือนไม่ค่อยสำเนียกสภาพตัวเอง ชอบแอบกินเบียร์ กินกาแฟ ออกกำลังกายก็ปูๆปลาๆ ไม่ชอบเลยค่ะดูเหมือนเป็นคนที่ไม่ตั้งมั่น ไม่ยากบั่นให้ถึงเป้าหมาย
7. แล้วดิฉันก็ทนไม่ไหวค่ะ เลยไปสัมภาษณ์งานจนได้งานค่ะ แต่ต้องไปทำงานต่างประเทศ พอมาคุยกับเค้าว่าจะเอายังไงกันดี เค้าก็ยอกว่าไม่ให้ไปทำ แต่เราก็ยิงคำถามต่อไปว่า แล้วเราจะทำอะไรที่มันเป็นอี้เป็นอันเป็นเรื่องเป็นราวให้มันมีรายได้ดีล่ะ ฉันอยู่แบบนี้ไม่ได้ ฉันมีภาระต้องรับผิดชอบ เค้าก็บอกว่าเด๋วอีกปี 2 ปีก็กลับบ้านไปดูแลกิจการแล้ว แต่อืม อีกเป็นปี ฉันคิดว่าฉันตายพอดี มันไกลไปไหม??? คือข้างบ้านดิฉันมีคอนโดขึ้น 18 แท่งค่ะ แล้วมันมีนิคมอุตสาหกรรมขึ้นอีก 3 ที่ แน่นอนคนต้องมาเยอะแน่ ฉันเลยคิด + ติดต่อเรียบร้อยแล้วนะค๊ะ คืออยากเปิดร้าน 7-11 ด้านหน้าคอนโด บวกร้านกาแฟและขายอาหารจานเดียว แต่งร้านดีๆหน่อย กลางคืนก็มีค็อกเทลขาย แต่ทำไม่ได้ค่ะ ไม่มีทุน ปรึกษาแฟน แฟนก็นิ่ง เหมือนเค้าไม่อยากจะเอากับเราด้วย
8. เบื่อที่แฟนเป็นคนดื้อ หัวแข็ง ดื้อเงียบ ไม่เคยตามเราเลยสักเรื่อง ค้านตลอด คือสิ่งที่เราอยากได้จากเค้าคือ ความคล้อยตามกัน ทุกวันนี้ดิฉันรู้ว่าเค้าคิดว่าตัวเค้าเองดีที่สุดแล้ว ณ. ตรงนี้ แต่ก็ไม่เถียงค่ะ ถ้าเค้าจะคิดแบบนี้ก็ไม้ผิด เพราะตำแหน่งที่เค้ามี เงินเดินที่เค้าได้ ความนับหน้าถือตาในบริษัท ( เค้าทำงานบริษัทข้ามชาติ ) แต่ถ้าแก่ตัวแล้วออกมา ก็ไม่มีอะไรเลยอ่ะป๊ะ? แต่ดิฉันเป็น sale เจอเจ้าของบริษัทมาเยอะ รับทัศนวิสัย ทัศคติของนักธุรกิจมามากมาย จนมองว่าคนที่บ้านเราเหมือนกบในกะลา เราก็พยายามจะพาเค้าออกไปพบเจอพวกเจ้าของธุรกิจพวกผู้ประกอบการทั้งหลายนะ แต่เค้าก็ไม่ยอมไป
ทุกวันนี้กลุ้มมาก เราควรไปทำงานดีไหมง่ะ?