คุณเปิดเผยตัวเองครั้งแรกเมื่อไหร่? และความรู้สึกเหล่านั้นเป็นอย่างไร? มาแชร์โมเมนต์และความรู้สึกที่ได้แกรนด์โอเพนนิ่งกัน

มาร่วมแชร์โมเมนต์และความรู้สึกที่ได้แกรนด์โอเพนนิ่งกันเถอะ

สวัสดีค่ะ เพื่อนๆชาวเพศที่สาม ขอออกตัวไว้ก่อนว่าเราเป็นเลสเบี้ยน
ตามหัวข้อกระทู้เลยค่ะ...มาร่วมแชร์โมเม้นต์และความรู้สึกที่ได้แกรนด์โอเพนนิ่งกันเถอะ
คุณเปิดเผยตัวเองครั้งแรกเมื่อไหร่? และความรู้สึกเหล่านั้นเป็นอย่างไร?


ตัวของเราเอง แรกๆก็ไม่ได้ตั้งใจจะเปิดตัวหรือว่าอะไรหรอกนะคะ แค่อยากจะแฝงตัวอยู่อย่างเงียบๆก็เท่านั้นเอง ฮ่าาา

เรารู้ว่าตัวเองชอบผู้หญิงมาตั้งแต่เด็กๆแล้วค่ะ เพื่อนสมัยเด็กทั้งพี่ทั้งน้องที่มาเล่นด้วยกันนี่ล้วนแล้วแต่เป็นผู้หญิง รู้สึกว่าตัวเองได้เป็นเจ้าของฮาเร็มยังไงยังงั้น
ตอนสมัยเรียนเราไม่เคยคบกับผู้ชายเลยนะคะ มีบ้างที่รู้สึกชอบหรือปลื้มบางคน แต่ถ้าจะให้มาคบเป็นแฟนนี่มันไม่ใช่อย่างแรง โอ้ยยย ก็มันไม่ใช่อ่ะเนอะ ฮ่าฮ่าฮ่า

เวิ่นเว้อมานานละค่ะ แชร์เลยดีกว่าว่าเราแกรนด์โอเพนนิ่งเมื่อไหร่? ความรู้สึกเป็นยังไง?
อ้อ! แต่ว่าการแกรนด์โอเพนนิ่งของเราจะบอกว่ามันเป็นการเปิดเผยตัวเองเลยก็ไม่ครบสูตรซะทีเดียวนะคะ
เพราะว่าคนในครอบครัวยังไม่มีใครที่รู้เรื่องนี้กันเลยนอกจากน้องชายของเรา คิดเอาไว้เล่นๆว่าถ้าพาแฟนไปเปิดตัวคงหงายเงิบกันน่าดู
ส่วนเพื่อนๆของเรา นางๆก็เพิ่งจะรู้ค่ะว่าเราชอบผู้หญิง เพราะอันนี้เราบอกเองจากปากเลย ทีแรกก็ไม่เชื่อกันยกแก๊งค์ค่ะ ก็แหงล่ะ เราเนียนไง โธ่ ของแบบนี้ใครจะเที่ยวไปบอกปาวๆ ว่าเฮ้ย! เรา....นะ ใช่ไหมล่ะ?

เอาล่ะ เราเรียนจบมาได้ปีกว่าๆแล้วค่ะ และเมื่อต้นปีก็เพิ่งจะได้เข้าทำงานในสำนักงานกฎหมายแห่งหนึ่ง
การทำงานแรกๆ มันเป็นอะไรที่น่าอึดอัดมาก ย้ำว่ามากกกกกก เพิ่มกอไก่เข้าไปล้านตัว เพราะว่าปกติเราไม่ใช่คนที่ชอบพรีเซนต์ตัวเอง ไม่ชอบให้ใครมายุ่มย่ามวุ่นวายกับเราเลยค่ะ เราเลยต้องแอ๊บตัวเองด้วยการทำตัวเงียบๆเข้าไว้ พูดให้น้อย เพื่อที่ว่าจะได้ไม่ต้องมีใครมายุ่ง ไม่ต้องมีใครมารู้ว่าเราเป็นยังไง อืมม ซึ่งมันก็เข้าทางเรานะคะ เราโลกส่วนตัวสูงหน่อยนึง

แต่ค่ะแต่!
แต่ด้วยความที่ออฟฟิศของเราอุดมไปด้วยหญิงสาวค่ะ งานเมาท์กันแบบตลาดแตกก็เลยมีให้เห็นอยู่ทุกวัน มนุษย์ป้า อาจุมม่าเอย พอว่างๆหน่อยก็ส่งเสียงแซวกันค่ะ เราเลยรู้ว่าพี่สาวที่นั่งข้างๆซึ่งเป็นคนเทรนงานให้กับเรานั้น เขาเป็นดี้ อุแม่จ้าววว
สังคมการทำงานของเรามันเลยเป็นอะไรที่ทำให้เราใจชื้นขึ้นมาอีกหน่อย เพราะว่าเพื่อนร่วมงานสาวหล่อที่มาเริ่มงานวันเดียวกับเรา พี่ๆทุกคนก็ดูจะเอ็นดูนางนะ นั่นเลยทำให้เรารู้สึกอยากเป็นตัวของตัวเองขึ้นมาทันทีเลยค่ะ

ก็นะ แอ๊บไปแล้วได้อะไร? แต่เราก็คิดนะคะว่าถ้าบอกไป แล้วจะได้อะไรล่ะ?

เราก็เลยต้องแอ๊บต่อไปอย่างเงียบๆ จนกระทั่งวันหนึ่งเราโพสข้อความในเฟซบุ๊ค ประมาณว่า...
'ผู้หญิงจังหวัดนี้น่าตาดีจัง ชอบคนหน้าหวานนะ' อะไรทำนองนั้น
งานเลยงอกค่ะ พี่สาวดี้คนเดิมนางก็ถามเราตอนที่ต้องทำงานด้วยกัน คงเพราะสงสัยหนักมาก เราก็ได้แต่หัวเราะ เพราะพี่แกดันถามว่าเราชอบผู้หญิงหรือผู้ชาย แต่เราก็ไม่ได้ตอบนะคะ พยายามจะเนียนต่อไป แอบคิดในใจ ยุ่งไรกับตรูว้าา
แต่อย่างที่บอกไปตอนแรกค่ะว่าออฟฟิศนี้เรื่องเมาท์นี่ขอให้บอก ตะโกนแซวกันข้ามโต๊ะค่ะ จากนั้นก็ยาวเลย ยาวไปๆ
จากที่เราพยายามจะทำตัวให้เงียบที่สุดก็กลายเป็นว่าเรากลายเป็นเป้าที่สุดค่ะ พี่ๆในออฟฟิศนี่ก็แซวกันอยู่ทุกวี่ทุกวัน เราก็ทำได้แค่หัวเราะตามค่ะ ไม่ยอมรับแต่ก็ไม่ปฏิเสธ

จนมันมาถึงจุดพีค

วันนั้นเพื่อนสมัยมัธยม เป็นสาวหล่อ นางมารับเราไปกินข้าวช่วงพักเที่ยง เพราะคุยกันแล้วว่าจะไป ไหนๆเราก็เพิ่งจะมาอยู่ที่นี่ เพื่อนเราเองก็อยู่มานานแล้ว ไม่ได้เจอกันบ่อยๆด้วย นางเลยแว๊นมอ'ไซค์มารับอย่างเท่ อืมมม เพื่อนช้านนน แต่พี่ๆเขาคงมโนวไปไกลละ ช่างค่ะ
พอกินข้าวกับเพื่อนเสร็จ เราก็กลับเข้าออฟฟิศมา มหกรรมแซวจึงบังเกิด โอ้เลยค่ะ ด้วยความที่พี่สาวดี้นางแสดงจุดยืนชัดเจนอยู่แล้ว ก็ถามไถ่กันไป ลามไปถึงคนอื่นๆด้วย

เอาล่ะสิ!
เราก็คิดในใจนะคะ คิดเยอะมาก ไม่ชอบให้คนอื่นรู้เรื่องของตัวเองซะด้วย แต่ถ้าเราไม่ทำอะไรเลย งานแซวก็จะมีต่อไป (แต่ว่าพี่เขาแซวด้วยความรักนะคะ) แล้วเราจะมีความสุขเหรอ กับการฝืนเป็นอะไรก็ตามที่ไม่ใช่ตัวเอง

จนในที่สุดเราก็ตัดสินใจบอกค่ะว่าเราไม่ได้ชอบทอมและก็ไม่ได้ชอบผู้ชายด้วย
ชัดเจน!
เป็นการเปิดเผยตัวเองได้ป่วงมาก แต่เราว่าเรามีความสุขนะที่ได้ทำแบบนั้น

คืออารมณ์ตอนนั้นเราก็ไม่ได้ตั้งใจจะบอกหรอกนะคะว่าเราอะไรยังไง แค่รู้สึกว่าไม่อยากให้ตัวเองต้องอึดอัดกับการทำอะไรก็ตามที่ไม่ใช่ตัวของตัวเองเลย เราเป็นคนเงียบค่ะ แต่ก็รั่วด้วย การเงียบของเราจึงไม่ใช่ตัวตนทั้งหมดของเราเลย เราแค่เงียบเพราะไม่อยากให้ใครมายุ่งกับเรา กลัวว่าถ้ายุ่งกับเรามากๆแล้วเขาจะรู้และรังเกียจเราค่ะ แต่สำหรับสังคมในออฟฟิศเล็กๆแห่งนี้ มันอบอุ่นดีค่ะ มันทำให้เรารู้สึกอุ่นใจ กล้าที่จะเป็นตัวของตัวเอง สบายใจที่จะบอกหรือทำอะไรก็ตามที่เราชอบ เพื่อนร่วมงานของเราแต่ละคนไม่ซีเรียสเรื่องแบบนี้กันเลย พี่ๆเพื่อนๆให้ความรู้สึกที่อบอุ่น นั่นจึงทำให้เราแกรนด์โอเพนนิ่งมาจนถึงทุกวันนี้ค่ะ
และจนป่านนี้ นางๆทั้งหลายก็ยังคงให้ความรักและจิกกัดเราเล็กน้อย เมื่อเราเข้าสู่โหมดความเป็นตัวของตัวเอง นางๆมักจะบอกว่าเราหื่น งืมๆ ซึ่งมันก็มีความจริงอยู่เล็กน้อย เอ้าาา ฮ่าฮ่าฮ่า

สุดท้ายเราอยากจะบอกค่ะ ว่าการที่เราปิดเผยตัวเองมันก็มีทั้งข้อดีและข้อเสียนะ
ข้อดี คือเราไม่ต้องอึดอัด เป็นตัวของตัวเองได้เต็มที่
ข้อเสีย เพราะว่าเป็นตัวของตัวเองได้เต็มที่ จึงทำให้บางครั้งเราลืมนึกถึงการรู้จักวางตัวให้เหมาะสม

แต่ก็นั่นแหล่ะค่ะ
เราว่าเราชอบที่เราเป็นแบบนี้มากกว่านะ
และเพราะว่าเราแกรนด์โอเพนนิ่งนี่แหล่ะ เราจึงได้รู้จักใครต่อใครอีกเยอะแยะมากมาย และอาจจะได้เจอและจูงมือคนที่ใช่ด้วย

นี่คือโมเมนต์และความรู้สึกของเราที่ได้แกรนด์โอเพนนิ่งค่ะ

แล้วเพื่อนๆคนอื่นล่ะคะ?
เรารอฟังอยู่นะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่