ใจยังคิดถึง...เหม่ง

สวัสดีครับ
ย้อนหลังไปประมาณ 3ปีครับ ผมเป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมดเอง
....7 ปีแล้วนะที่เรารู้จักกันบนโลกใบนี้ ครั้งเมื่อผมเรียนมหาวิทยาลัย ประมาณปี 4 ครับ ช่วงนั้นก็ไม่ได้คิดอะไรมากกับเรื่องรักๆใคร่ๆ ยังมีความสุขกับเพื่อนเสียส่วนใหญ่ ไปไหนมาไหนกับเพื่อน มักจะมีคนบอกว่าเป็นแฟนกันตลอด แต่ไม่ใช่ประเด็นครับ
ผมพักอยู่หอพักนอกมหาวิทยาลัย คนเดียวครับ ก็ได้รู้จักน้องข้างห้อง เรียกมันว่า ไอ้เป้ แล้วกันครับ ถือได้ว่าค่อนข้างสนิทกันพอสมควร เคยแอ๊วๆกันอยู่พักนึง แต่ก็ไม่มีอะไรเกินเลยกว่าพี่น้องไปครับ เป้เป็นเด็กต่างคณะกับผมครับ คืนหนึ่ง พวกน้องๆและพี่ๆ เพื่อนๆเค้า ก็มาตั้งวงดื่มกันที่ห้อง ผมก็ได้ยินเสียงแล้วล่ะว่ามันปาร์ตี้กันแน่นอนตรูจาได้นอนไหม
เสียงเคาะประตูห้อง ด้วยแรงที่คุ้นเคย ปังๆๆๆๆๆๆๆ
ผมไม่รีรอที่จะถามเพราะมีอยู่คนเดวที่กล้าเคาะซะดังขนาดนี้ พร้อมด้วยเสียงมันตะโกนมาว่า แ-กเหล้ากานพี่ ไอ้เราก็ตะโกนตอบไปอย่างไม่รีรอว่า รอแป้ป รู้ตัวอีกที เดินตามมันไปในห้องแล้วครับ
เมื่อเปิดประตูเข้าไปทั้งชายหญิงทุกคนเงียบและมองมาทางผมและสีหน้างงๆว่า ไอ้นี่ใคร แต่ก็ไม่เป็นปัญหาครับ ผมเข้ากะคนอื่นได้ง่ายอยู่แว้ว เด็กต่างคณะเค้าคนเดว ก็เนียนๆกินไปกะเค้า เริ่มเมา เริ่มรู้จักกัน เริ่มคุยกันมากขึ้นครับ ผมก็คุยไปเรื่อยเปื่อยถามเรื่องเรียนกันมั่งเรื่องเที่ยวมั่ง
ครั้งนั้นเองที่ทำให้ผมได้เจอกับ "เหม่ง" เหม่งเป็นรุ่นพี่ของเป้ เป็นคนเดียวที่ทำให้ผมสะดุดตาและสัมผัสได้ถึงพลังงานบางอย่าง ฮ๋าๆๆๆๆ
แต่ก็ไม่ได้คุยอะไรกันมากมาย ต่างคนต่างกิน ต่างเมากันไป เหล้าหมดแยกทาง และกลับห้องนอนครับ
หลังจากนั้นผมก็ไม่ได้เจอเหม่งอีกเลย ผมก็ทำหน้าที่ของผมไปเรื่อยๆทังเรียน สอบ และจบ
บากบั่นตัวเองเพื่อที่จะเข้ามาทำงานใน กทม ทำงาน ของตัวเองไป


                ช่วงนั้นไฮ5ดังและเฟสบุคเริ่มเป็นที่นิยมผมก็เป็นอีกคนที่ค่อนข้างหลงกับโลกออนไลน์ เริ่มใช้เฟสบุคและไอ้เป้ก็ทักทายผมมาตามปกติ คุยเสร็จไม่มีอะไรทำผมก็หาเพื่อนใหม่ตามประสาจากเฟสเป้ เจอกับเหม่งและ ก็ไม่ได้ทักทายกัน ผมก็ไม่กล้าด้วยแหละ แต่ยอมรับว่า ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกันผมก็อยากรู้จักเหม่งตั้งแต่แรก
วันหนึ่ง เหม่งก็มากดlike และคอมเม้นรูปผมเป็นบางรูป ตั้งแต่นั้นมาผมและเหม่งก็คุยกันมาเรื่อยๆ ครั้งหนึ่งเหม่งกลับไปเที่ยวมหาลัยและชวนผมไปด้วยผมก็ไม่รีรอครับบอกว่าจะตามไปหลังเลิกงาน ในเย็นวันศุกร์
เราไปเจอกันอีกครั้งที่หอพักของเป้ ผมยังจำความรู้สึกนั้นได้ไม่ลืม มันตื่นเต้นและดีใจอย่างบอกไม่ถูก เราไม่ได้คุยกันทางออนไลน์แต่เราคุยกันซึ่งๆหน้า ต่างๆคนก็คุยกันน้อยมาก คือไม่รู้จะคุยอะไรกันน่าจะถูกกว่า
อีกแล้วครับ วงเหล้า นั่งดื่มกันไปกับแกงค์เดิมที่ส่วนใหญ่เค้าเรียนต่อที่เดิม และที่เดิม หอเป้ เริ่มกรึ่มๆ เริ่มคุยกันมากขึ้น คืนวันศุกร์ผ่านไปผมขอกลับไปนอนกับเพื่อนผมอีกหอหนึ่ง
วันต่อมาผมก็ไม่ได้ทักทายอะไรไป ผมไปเที่ยวกับเพื่อนเกือบทั้งวัน จนค่ำ โทรศัพท์จากเป้ และบอกว่า คืนนี้มีปาร์ตี้ (อีกแร้ววววว) ผมก็ตอบไปแบบไม่ต้องคิดอะไรครับ ไป เดี๋ยวเจอกัน


                ครั้งนี้ผมและเหม่งเริ่มคุยกันมากขึ้น นั่งข้างๆกันด้วย ฮ่าๆๆๆ คิดแล้วก็ตลก ขาชนกันบ้าง แอบๆเหล่มองกันบ้าง ดื่มจนดึกและครั้งนี้ผมนอนห้องเป้ครับ เพื่อนผมทำงานกะดึก เลยกลับไม่ได้ ฮ๋าๆๆ จริงๆหาเรื่องอยู่
เป้ เหม่ง และผม ครับ ตอนแรกเป้จะขอนอนกลาง เนื่องจากเกรงว่าเหม่งกับผมจะไม่ค่อยสนิทกัน ผมก็ไม่ได้อะไรครับ ทุกคนทยอยกันไปอาบน้ำ ผมเป็นคนสุดท้าย พอออกห้องน้ำมา อ้าว........ให้ทายครับ ฮ๋าๆๆๆ
ไอ้เหม่งนอนกลางครับ และก็เหลือที่ว่างให้ผมนอนริมติดกับฝาผนัง เอาวะนอนก้นอนดีกว่านอนพื้นปวดหลัง
พอกำลังจะเคลิ้มๆหลับ มือเราสองคนก็มาโดนกันโดยบังเอิญ (รึตั้งใจดีเนี่ยยยย) ฮ๋าๆๆ บอยๆครัช จับมือกันนอน เพราะแอลกอฮอลล์แน่ๆ
กว่าจะตื่นกันก็เกือบเที่ยง โทรหาเพื่อนและขอตัวกลับหอเพื่อนครับ (ใจก็ไม่ค่อยอยากไปเท่ารายยยเลยยยยย)
ทั้งบ่ายเราก็ต่างคนต่างอยู่ไปครับ เห็นเฟสบุคเหม่งออนไลน์อยู่นะ แต่ใจก็ไม่กล้าทักไป


                 ตกเยนต้องกลับ เข้ากรุงแล้ว เพื่อนผมก้เข้างานกะบ่ายอีก ผมจึงโทรหาเป้ ให้ไปส่งผมมหน่อยเป็ก็ยินดีผมเลยจัดการนัดเวลาและสถานที่ให้เป้มารับ
เป็มารับครับ มอเตอร์ไซค์คันโปรดของมันแต่มีเพื่อนเป้ซ้อนมาด้วย อีกคันเป็นเหม่งขี่มา คนเดียว!
ไงล่ะ เมิงนัดกันมารึไง ผมก็ต้องซ้อนเหม่งดีครับ งง แต่ อมยิ้ม แอบกรี้ดดดด เอ้ยไม่ใช่ ดีจายยยครับ ระหว่างทางเราก็คุยกันไปเรื่อยเปื่อย จนรู้ว่าที่พักเหม่งที่กทม ใกล้กับที่ๆผมพักอยู่ เอ้อ บังเอิญเจงๆ
ขนส่ง รถรอพร้อมออก ผมสายยยครัช ฮ่าๆๆ น่าจะรอผมคนเดียว ไม่รีรอครับกระโดดลงมอไซค์รีบวิ่งไปยื่นตั๋ว แต่ตอนนั้นใจผมคิดอะไรอยู่ไม่รู้ พอยื่นตั๋วให้พนักงานเสร็จ ผมจึงกลับหลังหันวิ่งไปลาเหม่งและกอดหนึ่งที ยอมรับเลยครับว่าตอนนั้น อายมากกกก แต่งงตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงกล้า


               ความสัมพันธ์ของผมและเหม่งเริ่มพัฒนาขึ้นไปเรื่อยๆ เรานัดเจอกัน ทานข้าว ไปเที่ยวที่ต่างๆในกทม นั่งรถเมล์ผิดสายบ้าง จากความสัมพันธ์นั้นมันเริ่มจากต่างคนแทบจะไม่รู้จักอะไรกันเลยจนกลายเป็นคนที่รู้จักกันเหมือนจะสนิทกันได้เร็วมาก จนเราสองคนตกลง "คบกัน" ครับ
เราสองคนคบกัน ประมาณเกือบสองปี เหม่งขอทำตามความฝัน กลับมาเรียนต่อ และครั้งนั้นผมจึงอาสาลาออกจากงานและย้ายมาทำงาน เพื่อที่เราจะได้อยู่ด้วยกันครับ ระหว่างนั้นถึงแม้เราสองคนจะทะเลาะกันบ้าง งอลกันบ้าง ต่างๆคนก็ต่างมีคนมาชอบบ้าง แต่เราสองคนก็ไม่เคยที่จะเลิกกันเลยครับ อาจเป็นเพราะความรู้สึกที่เรามีต่อกันมันมากพอครับ ผมและเหม่งเริ่มพากันไปเที่ยวบ้านของแต่ละคนครับ ผมคิดว่าทางบ้านของเราเข้าใจครับว่าเราสองคน รู้จักกันในสถานะอะไร ทางบ้านผมรักและเอ็นดูเหม่งเหมือนเป็นญาติคนหนึ่งเลยครับ เรามักจะไปไหนมาไหนด้วยกันเกือบตลอดถ้ามีโอกาส
เวลาผ่านไปเร็วจัง สี่ปีแล้วหรือนี่ที่เรารู้จักกัน


         จนวันหนึ่ง เรื่องมันเกิดเพราะผมเองครับ
เราสองคนต้องแยกทางกันครับ
ผมเป็นคนผิดสัญญาต่อเหม่งครับ ผมทำผิดกับคนที่ผมรัก ผมทำผิดกับตัวผมเอง ผมทำให้ทุกคนต้องผิดหวัง
ผมขอหนีปัญหาทุกอย่างและแบกรับกับความผิดนี้เอง
ปัจจุบันนี้
ผมแบกรับกับความผิดที่ผมก่อไว้เพียงผู้เดียว เหม่งเริ่มตันชีวิตใหม่ที่ดีมากดีกว่าคบกับผม ผมยินดีกับเค้านะ ถ้าสมมติว่าตอนนี้เค้ายังคบกับเราอยู่ อนาคตเค้าคงไม่ไปไกลเหมือนตอนนี้
ถามว่าเสียใจไหม ผมเสียใจมากที่ผมเป็นคนแบบนี้ (เพื่อนผมบอกว่า สันด-น)
ถ้าสมมติว่าเหม่งได้ผ่านมาอ่านกระทู้นี้
อยากจะบอกกับเหม่งว่า....
ยังรักและเป็นห่วงอยู่เสมอ
แอบเป็นกำลังใจให้อยู่ตลอดนะ
ยินดีกับทุกความสำเร็จและดีใจกับสิ่งที่ดีๆที่เหม่งได้เจอหลังจากวันนั้น
เหม่งเป็นคนดีนะ ดีมากๆเลยแหละ
ทุกอย่างมันผิดเพราะเราเอง
หลายปีที่เราแบกรับความผิดนี้ไว้ และมันคงจะอยู่กับเราไปอีกนาน
ทรมาน แต่ต้องทำใจยอมรับ
กรรมใดเราก่อ กรรมนั้นคืนสนองเราว่ะ
.................................................................................ใจยังคิดถึง
ขอนุญาตทุกคนบนพันทิพย์ด้วยนะครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่