อ่านต่อที่ :
http://www.dailynews.co.th/economic/349939
ช่อง 3 โอด สิ้นปีรายได้ติดลบเกือบ 10% ต่ำสุดรอบ 10 ปี เหตุโฆษณาหดจากช่องทีวีใหม่-ภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว
นายสุรินทร์ กฤตยาพงศ์พันธุ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท บางกอกเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด ในเครือบริษัท บีอีซีเวิลด์ จำกัด (มหาชน) ผู้ดำเนิน สถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 เปิดเผยว่า ผลประกอบการของช่อง 3 ในปีนี้ คาดว่าจะต่ำสุดในรอบ 10 ปี หรือ ติดลบ 5-10% ทั้งนี้เพราะในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมารายได้ติดลบไปแล้ว 7-8% ซึ่งคาดว่าส่งผลให้รายได้บริษัท บีอีซีเวิลด์ จำกัด (มหาชน) ติดลบประมาณ 5-8% ซึ่งลดลงยิ่งกว่าปีก่อนที่รายได้ติดลบ 1-2% เนื่องจากช่อง 3 เป็นตัวทำรายได้หลักกว่า 80-90% ของบริษัท ทั้งนี้รายได้ที่ลดลง มาจากอัตราการซื้อโฆษณาที่หดตัวลงจากสองสาเหตุได้แก่ภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ทำให้บริษัทผู้ลงโฆษณาปรับรูปแบบการใช้เงินให้คุ้มค่ามากขึ้น โดยกระจายไปใช้ในสื่ออื่นที่มีต้นทุนต่ำ หรือลดจำนวนเงินโฆษณาลงในบางบริษัท ขณะเดียวกันจำนวนช่องทีวีดิจิตอลที่เพิ่มขึ้นเป็นการเพิ่มทางเลือกให้ผู้ลงโฆษณากระจายไปยังช่องอื่น ๆ สำหรับรายการที่รายได้โฆษณาลดลงมากที่สุดคือช่วงรายการข่าว ที่รายได้หายไปถึง 10% เนื่องจาก การแข่งขันรุนแรง จากข้อกำหนดของ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ที่ให้ทุกต้องมีรายการข่าว รองลงมาคือรายได้จากเวลาช่วงดึกหลัง 22.30 น. ที่เดิมเป็นช่วงเวลาที่อัตราการลงโฆษณาดีมาก แต่เนื่องจากมีการปรับผังรายการและนำรายการใหม่เข้ามาแทนที่รายการเดิมที่มีเรตติ้งดี ทำให้รายได้จากโฆษณาหายไปประมาณ 5% ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา“
ช่อง 3 ตกต่ำสุดในรอบ 10 ปี รายได้ติดลบเกือบ 10% ก็นั่นแหละครับท่านผู้ชม
ช่อง 3 โอด สิ้นปีรายได้ติดลบเกือบ 10% ต่ำสุดรอบ 10 ปี เหตุโฆษณาหดจากช่องทีวีใหม่-ภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว
นายสุรินทร์ กฤตยาพงศ์พันธุ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท บางกอกเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด ในเครือบริษัท บีอีซีเวิลด์ จำกัด (มหาชน) ผู้ดำเนิน สถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 เปิดเผยว่า ผลประกอบการของช่อง 3 ในปีนี้ คาดว่าจะต่ำสุดในรอบ 10 ปี หรือ ติดลบ 5-10% ทั้งนี้เพราะในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมารายได้ติดลบไปแล้ว 7-8% ซึ่งคาดว่าส่งผลให้รายได้บริษัท บีอีซีเวิลด์ จำกัด (มหาชน) ติดลบประมาณ 5-8% ซึ่งลดลงยิ่งกว่าปีก่อนที่รายได้ติดลบ 1-2% เนื่องจากช่อง 3 เป็นตัวทำรายได้หลักกว่า 80-90% ของบริษัท ทั้งนี้รายได้ที่ลดลง มาจากอัตราการซื้อโฆษณาที่หดตัวลงจากสองสาเหตุได้แก่ภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ทำให้บริษัทผู้ลงโฆษณาปรับรูปแบบการใช้เงินให้คุ้มค่ามากขึ้น โดยกระจายไปใช้ในสื่ออื่นที่มีต้นทุนต่ำ หรือลดจำนวนเงินโฆษณาลงในบางบริษัท ขณะเดียวกันจำนวนช่องทีวีดิจิตอลที่เพิ่มขึ้นเป็นการเพิ่มทางเลือกให้ผู้ลงโฆษณากระจายไปยังช่องอื่น ๆ สำหรับรายการที่รายได้โฆษณาลดลงมากที่สุดคือช่วงรายการข่าว ที่รายได้หายไปถึง 10% เนื่องจาก การแข่งขันรุนแรง จากข้อกำหนดของ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ที่ให้ทุกต้องมีรายการข่าว รองลงมาคือรายได้จากเวลาช่วงดึกหลัง 22.30 น. ที่เดิมเป็นช่วงเวลาที่อัตราการลงโฆษณาดีมาก แต่เนื่องจากมีการปรับผังรายการและนำรายการใหม่เข้ามาแทนที่รายการเดิมที่มีเรตติ้งดี ทำให้รายได้จากโฆษณาหายไปประมาณ 5% ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา“