ก่อนอื่นขอออกตัวก่อนว่าเรื่องที่จะเล่าเป็นประสบการณ์ความน่ากลัวของโฮสเทลที่ไปพักมา ไม่มีการพบเห็นวิญญาณใดๆทั้งสิ้น อยากแชร์เพื่อเป็นอุทาหรณ์ในการเลือกจองที่พัก
เรื่องมันเริ่มจากผมกับเพื่อนจองตั๋วข้ามปี ราคาสุดถูกจากดอนเมืองไปฉางซาสองคนไม่ถึงเจ็ดพัน ก่อนออกเดินทางประมาณเกือบสองเดือนเราต้องจองที่พักในเมืองต่างๆที่เราจะไปเที่ยวเพื่อใช้ทำวีซ่าเข้าจีน เราเลือกใช้บริการของ booking.com เพราะไม่ต้องมีเงินมัดจำ ไปจ่ายเอาหน้างานทีเดียว ยกเลิกได้แบบไม่ต้องเสียตังสักบาท แน่นอนว่าเราจองเป็นโฮสเทลทั้งหมด เพื่อความประหยัด แต่เป็นแบบห้องแยกมีห้องน้ำในตัว การจองที่พักก็เน้นดูจากรูปในเวป กับอยู่ใกล้ๆแหล่งท่องเที่ยว แต่ที่ผมไม่เคยสนใจเลยคือ การอ่านรีวิวของคนพักก่อนหน้านี้ เพราะผมมักจะพักเป็นโฮสเทล ไม่ได้ต้องการความสะดวกสบายมากนัก เราพักกันที่จีนทั้งหมด 4 คืน ห้องพักคืนแรก ถึง คืนที่สาม ไม่มีปัญหาอะไรเลย แต่เหตุการณ์มันเกิดขึ้นคืนสุดท้ายก่อนกลับ
มันเป็นวันเสาร์ที่ 19 กันยายน ปี 2558 เรานั่งรถจากเมืองโบราณ เฟิ่งหวง กลับมาฉางซา เพื่อจะพักที่ฉางซาหนึ่งคืน แล้วไปขึ้นเครื่องกลับกรุงเทพในวันรุ่งขึ้น มันเป็นคืนที่ฝนตกตลอดทั้งคืน รถบัสมาถึงฉางซาประมาณหนึ่งทุ่ม จากนั้นเราก็นั่งรถเมล์ไปลงใกล้ๆที่พัก แล้วถามคนแถวนั้น เราถามไปสามคน ไม่มีใครรู้จักโฮสเทลที่เราจะพักเลย สุดท้ายมาถามพนักงานร้านสะดวกซื้อใกล้ๆปั๊มน้ำมัน เค้าบอกให้เดินย้อนกลับไปกลับ ฝนก็ตก เป้ก็เปียก แผนที่ที่เตรียมมาก็เริ่มขาด ระหว่างทางพยายามดูชื่อโฮสเทลรอบๆ ดูทั้งชื่อภาษาอังกฤษกับภาษาจีน เพราะโฮสเทลคืนก่อนหน้านี้มีแต่ชื่อจีน เดินไปก็เดินมา ดูยังงัยก็ไม่เจอ
ิ สุดท้ายเพื่อนผมไปถามหนุ่มจีนใจดีคนนึงเพิ่งออกมาจากที่ทำงานแถวนั้น เค้าดูแผนที่อยู่พักนึง แล้วทำหน้างงๆ ในแผนที่ที่เราให้เค้าดูมีเบอร์โทรศัพท์ของโฮสเทลด้วย เค้าเลยตัดสินใจโทรถามให้ ที่น่าแปลกใจมันอยู่ไม่ไกลจากที่ที่เราถามหนุ่มจีนใจดีคนนั้น แล้วเค้าก็บอกให้เราเดินขึ้นเนินเข้าไปในซอยเล็กๆกว้าประมาณสี่เมตร เป็นซอยมืดๆ เดินขึ้นไปประมาณ ห้าสิบเมตร เจอกับบ้านเหมือนจะเป็นร้านอาหารเล็กๆ ไม่มีคนมีแต่ป้าคนคนนึงยืนอยู่หน้าร้าน เราเดินเข้าไปถาม เอาแผนที่ให้ดูแล้วแกก็ยิ้มๆ แล้วชี้ไปทางขวา เราเดินต่อไปอีกประมาณสามสิบเมตร เจอทางเดินบรรไดเล็กๆขึ้นเนินไปเป็นโฮสเทลชื่อ อินเตอร์เนชั่นนัลอะไรสักอย่าง จำได้ว่าเราดูทั้งชื่อจีนกับชื่ออังกฤษ มันมีคำคล้ายๆแต่ไม่ตรง เราลองเดินไปรอบๆก็ไม่เห็นโฮสเทลอื่นเลย ด้านหลังโฮสเทลจะเป็นภูเขา
ผมเลยบอกเพื่อนว่าเราลองเข้าไปถามโฮสเทลนี้ดูเผื่อเค้าจะรู้จัก เราเดินขึ้นไปชั้นสอง ซึ่งเป็นรีเซฟชั่นของโฮสเทล ภาพแรกที่ผมเห็นมันเป็นห้องสลัวๆ มีแสงไฟสีเหลืองๆส้มๆอยู่ไม่กี่จุด ด้านซ้ายเป็นโต๊ะรับแขกสองสามโต๊ะกับโซฟาหน้าทีวี มีลุงกำลังนอนดูทีวีเอาขาพาดโซฟาอยู่คนเดียว ลุงหันมามองแล้วไม่ได้พูดอะไร ด้านขวามีเคาน์เตอร์รีเซฟชั่น ของด้านหลังเคาน์เตอร์ดูเก่าๆ ผมบอกกับเพื่อนว่าที่นี้บรรยากาศน่ากลัวๆ เรารอตรงหน้าเคาน์เตอร์รีเซฟชั่นแปปนึง อยู่ๆก็มีหนุ่มตี๋ใส่แว้น ผอมๆ อายุประมาณยี้สิบต้นๆ พูดภาษาอังกฤษได้ ซึ่งเป็นข้อดีข้อเดียวของโฮสเทลแห่งนี้สำหรับผม เราเอาแผนที่โฮเทลไปถามเค้า คำตอบจากหนุ่มตี๋ทำเอาผมอึ้งไปแปปนึง เฮ้ยโฮสเทลที่เราหากันตั้งนานมันคือที่นี่จริงดิ? ผมมองหน้าเพื่อนแบบงงๆ เพื่อนก็บอกผมว่าชื่อทั้งภาษาอังกฤษกับภาษาจีนก็ไม่ตรงนะ!!! ผมถามย้ำกับหนุ่มตี๋สองสามรอบ ว่ามันใช่ที่นี่จริงดิ? เยส!!! โอเครใช่ก็ใช่ ค่าที่พัก 138 หยวนตรงกับที่จองมาเลย แถมด้วยค่ามัดจำอีก 50 หยวน แต่อารมณ์ตอนนั้นจะให้นอนไหนก็เอาคือแบบว่า เหนื่อยกับการเดินทางหกชั่วโมง แถมเดินหาที่พักอยู่นาน ฝนก็ตกและก็หิวมากๆๆๆ
พอได้คีย์การ์ดจากหนุ่มตี๋ เราก็เดินขึ้นไปที่พักที่อยู่ชั้นสาม ขอบอกกว่าจากชั้นสองที่เป็นรีเซฟชั่นขึ้นไป ทางโฮสไม่ได้เปิดไฟตรงทางเดินเลย มีแต่ห้องน้ำที่อยู่ตรงชานพักบรรไดระหว่างชั้นสองกับสามที่เปิดไฟสีขาวดวงเล็กๆไว้ ในระหว่างเดินขึ้นไปจะถึงชานบรรไดระหว่างชั้น เราได้ยินเสียงเครื่องเป่าผม พอหันไปก็แอบตกใจเล็กน้อย มันเป็นภาพผู้หญิงผมยาวยืนก้มหน้า ผมยาวมากจนไม่เห็นใบหน้า น่าจะยาวถึงเอว กำลังเปาผมแบบไม่หันมามองพวกเราสองที่กำลังเดินผ่านขึ้นไปชั้นสาม ด้วยความที่ผมยาวมากเราก็พูดติดตลกกันว่า ถ้าไฟสลัวๆมืดๆหน่อย ก็ตัวใครตัวมัน
จากชานบรรไดขึ้นมาชั้นสามยังคงไม่เปิดไฟทางเดินเหมือนเดิม ทำเอาบรรยากาศดูวงเวงเอามากๆ แต่ที่ทำให้ผมต้องอึ้งคือ พอผมเดินผ่านระเบียงไป จะต้องเลี้ยวขวา แล้วจะเจอห้องพักทั้งหมดสี่ห้อง แต่ที่แปลกและดูน่ากลัวสุดๆ ไม่เคยเจอที่ไหนมาก่อนคือ ทางโฮสเทลเปิดประตูห้องทั้งสี่ห้องทิ้งไว้ ห้องทุกห้องปิดไฟมืดหมด แต่แสงจันทร์ส่องพอให้เห็นสภาพภายในห้อง เราพักห้องทางขวามือ สิ่งที่ผมทำสิ่งแรกคือพยายามหาสวิชเปิดไฟตรงทางเดิน แล้วปิดประตูห้องที่ละห้อง..ที่ละห้อง... เพราะผมคงไม่อยากเห็นอะไรจากในนั้น
จากนั้นเราก็เข้าไปเช็คห้องที่เราพัก ในระหว่างที่เพื่อนผมกำลังจะเดินเข้าห้อง ก็เห็นตังหนึ่งหยวนตกอยู่ จังหวะนั้นไม่มีใครกล้าเก็บ จากนั้นผมก็เสียบคีย์การ์ดเปิดไฟในห้อง สภาพในห้องก็ดูโอเคร มีเตียง มีทีวี มีแอร์ ทุกอย่างก็ดูไม่แย่ แต่ห้องน้ำเหม็นใช้ได้ ไม่สะอาดเท่าไร แต่ที่ทำให้ผมต้องอึ้งอีกรอบคือในระหว่างจัดของกันอยู่นั้น ผมก็ไปเห็นลูกตะขาบเดินอยู่ในห้อง ยาวประมาณสองนิ้ว ด้วยความตกใจผมจึงตีมันไปสองที แต่มันยังไม่ตาย เพื่อนผมเอามันไปปล่อยข้างนอก หลังเก็บของเรียบร้อย เราก็เดินลงไปหาอะไรกินกัน
ระหว่างจะเดินลงไปชั้นสอง ผมมองขึ้นไปชั้นถัดมากไฟทางเดินก็มืดสนิท ดูเหมือนว่าทั้งโฮสเทลจะมีแค่เราสองคนเป็นแขก มันทำให้ผมรู้สึกกังวลไม่น้อย เพราะถ้ามีอะไรเกิดขึ้นมา ไม่มีใครรู้เห็นเลย ผมแอบนึกถึงหนังไทยเรื่องนึงที่ฆ่าคนเอาไปทำลูกชิ้นกับซุป รู้สึกกังวลไม่น้อย เราเดินลงมาผ่านรีเซฟชั่นอีกครั้ง คราวนี้เราเจอผู้หญิงผมยาวอีกครั้ง เธอยืนหันหลังอยู่ตรงรีเซฟชั่นคุยกับหนุ๋มตี๋ ผมกับเพื่อนยังคงไม่เห็นใบหน้าของเธอ และผมคงไม่อยากเห็นด้วย!!!
เราออกไปกินข้าวกัน ฝนยังตกไม่หยุด ในระหว่างกินอะไรกัน หัวผมมันยังกังวลเรื่องที่พักคิดว่าจะเอาไงดี ย้ายออกไปพักที่อื่นมั้ย มันดูแปลกๆในหลายเรื่อง ดูไม่น่าไว้ใจเลย แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ตัดสินใจเปลี่ยนที่พัก เรากลับกันมาเกือบๆสี่ทุ่ม เพื่อนผมดูไม่กังวลเท่าไร บอกให้ผมไปถามเรื่องสถานที่เที่ยวพรุ่งนี้ ผมจึงได้คุยกับหนุ่มตี๋มากขึ้น คุยไปคุยมาทำให้ผมรู้สึกอุ่นใจมากขึ้น รู้สึกไว้ใจหนุ่มตี๋มากขึ้น แม้ว่าสภาพห้องที่เจอจะดูแปลกๆน่ากลัวๆ พอกลับถึงห้องความกังวลผมก็น้อยลงแต่ก็ยังไม่ไว้ใจ 100%
คืนนี้เป็นคืนที่ผมตื่นบ่อยมากอาจจะทุกๆสองชั่วโมงเลยก็ว่าได้ และแล้วทุกอย่างก็ผ่านไปด้วยดี เป็นที่พักที่แรกที่ผมไม่หยิบกล้องออกมาถ่ายแม้แต่รูปเดียว เช้าวันนั้นผมพูดติดตลกว่า ดีนะที่เราไม่ตื่นขึ้นมาอยู่ในหม้อซุป... มันเป็นอีกประสบการณ์ที่ผมคงไม่อยากเจออีก ทั้งโฮสเทลเจออยู่สามคน คราวหน้าจะดูรีวิวที่พักดีๆ ไม่ขอพลาดแบบนี้อีกแล้ว ส่วนชื่อที่พักใน booking.com ดูตามด้านล่างนะครับ คิดว่าคงไม่มีใครอยากมีประสบการณ์พักกันสองคนทั้งโฮสเทลแบบผม!!! แต่ข้อดีของที่นี่คือ มีคนพูดภาษาอังกฤษได้และใกล้รถไฟใต้ดิน สำหรับผมครั้งเดียวเกินพอครับ ^^
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
Changsha Zhongtian Hibiscus Land International Hostel
https://www.booking.com/hotel/cn/chang-sha-zhong-tian-fu-rong-guo-guo-ji-qing-nian-lu-she.th.html?aid=357002;label=postbooking_confemail;sid=d9871e1c9f0b8658d8e289bb8b06b06f;dcid=1;dist=0&sb_price_type=total&type=total&
[CR] ประสบการณ์โฮสเทลสยอง ที่ฉางซา ประเทศจีน
เรื่องมันเริ่มจากผมกับเพื่อนจองตั๋วข้ามปี ราคาสุดถูกจากดอนเมืองไปฉางซาสองคนไม่ถึงเจ็ดพัน ก่อนออกเดินทางประมาณเกือบสองเดือนเราต้องจองที่พักในเมืองต่างๆที่เราจะไปเที่ยวเพื่อใช้ทำวีซ่าเข้าจีน เราเลือกใช้บริการของ booking.com เพราะไม่ต้องมีเงินมัดจำ ไปจ่ายเอาหน้างานทีเดียว ยกเลิกได้แบบไม่ต้องเสียตังสักบาท แน่นอนว่าเราจองเป็นโฮสเทลทั้งหมด เพื่อความประหยัด แต่เป็นแบบห้องแยกมีห้องน้ำในตัว การจองที่พักก็เน้นดูจากรูปในเวป กับอยู่ใกล้ๆแหล่งท่องเที่ยว แต่ที่ผมไม่เคยสนใจเลยคือ การอ่านรีวิวของคนพักก่อนหน้านี้ เพราะผมมักจะพักเป็นโฮสเทล ไม่ได้ต้องการความสะดวกสบายมากนัก เราพักกันที่จีนทั้งหมด 4 คืน ห้องพักคืนแรก ถึง คืนที่สาม ไม่มีปัญหาอะไรเลย แต่เหตุการณ์มันเกิดขึ้นคืนสุดท้ายก่อนกลับ
มันเป็นวันเสาร์ที่ 19 กันยายน ปี 2558 เรานั่งรถจากเมืองโบราณ เฟิ่งหวง กลับมาฉางซา เพื่อจะพักที่ฉางซาหนึ่งคืน แล้วไปขึ้นเครื่องกลับกรุงเทพในวันรุ่งขึ้น มันเป็นคืนที่ฝนตกตลอดทั้งคืน รถบัสมาถึงฉางซาประมาณหนึ่งทุ่ม จากนั้นเราก็นั่งรถเมล์ไปลงใกล้ๆที่พัก แล้วถามคนแถวนั้น เราถามไปสามคน ไม่มีใครรู้จักโฮสเทลที่เราจะพักเลย สุดท้ายมาถามพนักงานร้านสะดวกซื้อใกล้ๆปั๊มน้ำมัน เค้าบอกให้เดินย้อนกลับไปกลับ ฝนก็ตก เป้ก็เปียก แผนที่ที่เตรียมมาก็เริ่มขาด ระหว่างทางพยายามดูชื่อโฮสเทลรอบๆ ดูทั้งชื่อภาษาอังกฤษกับภาษาจีน เพราะโฮสเทลคืนก่อนหน้านี้มีแต่ชื่อจีน เดินไปก็เดินมา ดูยังงัยก็ไม่เจอ
ิ สุดท้ายเพื่อนผมไปถามหนุ่มจีนใจดีคนนึงเพิ่งออกมาจากที่ทำงานแถวนั้น เค้าดูแผนที่อยู่พักนึง แล้วทำหน้างงๆ ในแผนที่ที่เราให้เค้าดูมีเบอร์โทรศัพท์ของโฮสเทลด้วย เค้าเลยตัดสินใจโทรถามให้ ที่น่าแปลกใจมันอยู่ไม่ไกลจากที่ที่เราถามหนุ่มจีนใจดีคนนั้น แล้วเค้าก็บอกให้เราเดินขึ้นเนินเข้าไปในซอยเล็กๆกว้าประมาณสี่เมตร เป็นซอยมืดๆ เดินขึ้นไปประมาณ ห้าสิบเมตร เจอกับบ้านเหมือนจะเป็นร้านอาหารเล็กๆ ไม่มีคนมีแต่ป้าคนคนนึงยืนอยู่หน้าร้าน เราเดินเข้าไปถาม เอาแผนที่ให้ดูแล้วแกก็ยิ้มๆ แล้วชี้ไปทางขวา เราเดินต่อไปอีกประมาณสามสิบเมตร เจอทางเดินบรรไดเล็กๆขึ้นเนินไปเป็นโฮสเทลชื่อ อินเตอร์เนชั่นนัลอะไรสักอย่าง จำได้ว่าเราดูทั้งชื่อจีนกับชื่ออังกฤษ มันมีคำคล้ายๆแต่ไม่ตรง เราลองเดินไปรอบๆก็ไม่เห็นโฮสเทลอื่นเลย ด้านหลังโฮสเทลจะเป็นภูเขา
ผมเลยบอกเพื่อนว่าเราลองเข้าไปถามโฮสเทลนี้ดูเผื่อเค้าจะรู้จัก เราเดินขึ้นไปชั้นสอง ซึ่งเป็นรีเซฟชั่นของโฮสเทล ภาพแรกที่ผมเห็นมันเป็นห้องสลัวๆ มีแสงไฟสีเหลืองๆส้มๆอยู่ไม่กี่จุด ด้านซ้ายเป็นโต๊ะรับแขกสองสามโต๊ะกับโซฟาหน้าทีวี มีลุงกำลังนอนดูทีวีเอาขาพาดโซฟาอยู่คนเดียว ลุงหันมามองแล้วไม่ได้พูดอะไร ด้านขวามีเคาน์เตอร์รีเซฟชั่น ของด้านหลังเคาน์เตอร์ดูเก่าๆ ผมบอกกับเพื่อนว่าที่นี้บรรยากาศน่ากลัวๆ เรารอตรงหน้าเคาน์เตอร์รีเซฟชั่นแปปนึง อยู่ๆก็มีหนุ่มตี๋ใส่แว้น ผอมๆ อายุประมาณยี้สิบต้นๆ พูดภาษาอังกฤษได้ ซึ่งเป็นข้อดีข้อเดียวของโฮสเทลแห่งนี้สำหรับผม เราเอาแผนที่โฮเทลไปถามเค้า คำตอบจากหนุ่มตี๋ทำเอาผมอึ้งไปแปปนึง เฮ้ยโฮสเทลที่เราหากันตั้งนานมันคือที่นี่จริงดิ? ผมมองหน้าเพื่อนแบบงงๆ เพื่อนก็บอกผมว่าชื่อทั้งภาษาอังกฤษกับภาษาจีนก็ไม่ตรงนะ!!! ผมถามย้ำกับหนุ่มตี๋สองสามรอบ ว่ามันใช่ที่นี่จริงดิ? เยส!!! โอเครใช่ก็ใช่ ค่าที่พัก 138 หยวนตรงกับที่จองมาเลย แถมด้วยค่ามัดจำอีก 50 หยวน แต่อารมณ์ตอนนั้นจะให้นอนไหนก็เอาคือแบบว่า เหนื่อยกับการเดินทางหกชั่วโมง แถมเดินหาที่พักอยู่นาน ฝนก็ตกและก็หิวมากๆๆๆ
พอได้คีย์การ์ดจากหนุ่มตี๋ เราก็เดินขึ้นไปที่พักที่อยู่ชั้นสาม ขอบอกกว่าจากชั้นสองที่เป็นรีเซฟชั่นขึ้นไป ทางโฮสไม่ได้เปิดไฟตรงทางเดินเลย มีแต่ห้องน้ำที่อยู่ตรงชานพักบรรไดระหว่างชั้นสองกับสามที่เปิดไฟสีขาวดวงเล็กๆไว้ ในระหว่างเดินขึ้นไปจะถึงชานบรรไดระหว่างชั้น เราได้ยินเสียงเครื่องเป่าผม พอหันไปก็แอบตกใจเล็กน้อย มันเป็นภาพผู้หญิงผมยาวยืนก้มหน้า ผมยาวมากจนไม่เห็นใบหน้า น่าจะยาวถึงเอว กำลังเปาผมแบบไม่หันมามองพวกเราสองที่กำลังเดินผ่านขึ้นไปชั้นสาม ด้วยความที่ผมยาวมากเราก็พูดติดตลกกันว่า ถ้าไฟสลัวๆมืดๆหน่อย ก็ตัวใครตัวมัน
จากชานบรรไดขึ้นมาชั้นสามยังคงไม่เปิดไฟทางเดินเหมือนเดิม ทำเอาบรรยากาศดูวงเวงเอามากๆ แต่ที่ทำให้ผมต้องอึ้งคือ พอผมเดินผ่านระเบียงไป จะต้องเลี้ยวขวา แล้วจะเจอห้องพักทั้งหมดสี่ห้อง แต่ที่แปลกและดูน่ากลัวสุดๆ ไม่เคยเจอที่ไหนมาก่อนคือ ทางโฮสเทลเปิดประตูห้องทั้งสี่ห้องทิ้งไว้ ห้องทุกห้องปิดไฟมืดหมด แต่แสงจันทร์ส่องพอให้เห็นสภาพภายในห้อง เราพักห้องทางขวามือ สิ่งที่ผมทำสิ่งแรกคือพยายามหาสวิชเปิดไฟตรงทางเดิน แล้วปิดประตูห้องที่ละห้อง..ที่ละห้อง... เพราะผมคงไม่อยากเห็นอะไรจากในนั้น
จากนั้นเราก็เข้าไปเช็คห้องที่เราพัก ในระหว่างที่เพื่อนผมกำลังจะเดินเข้าห้อง ก็เห็นตังหนึ่งหยวนตกอยู่ จังหวะนั้นไม่มีใครกล้าเก็บ จากนั้นผมก็เสียบคีย์การ์ดเปิดไฟในห้อง สภาพในห้องก็ดูโอเคร มีเตียง มีทีวี มีแอร์ ทุกอย่างก็ดูไม่แย่ แต่ห้องน้ำเหม็นใช้ได้ ไม่สะอาดเท่าไร แต่ที่ทำให้ผมต้องอึ้งอีกรอบคือในระหว่างจัดของกันอยู่นั้น ผมก็ไปเห็นลูกตะขาบเดินอยู่ในห้อง ยาวประมาณสองนิ้ว ด้วยความตกใจผมจึงตีมันไปสองที แต่มันยังไม่ตาย เพื่อนผมเอามันไปปล่อยข้างนอก หลังเก็บของเรียบร้อย เราก็เดินลงไปหาอะไรกินกัน
ระหว่างจะเดินลงไปชั้นสอง ผมมองขึ้นไปชั้นถัดมากไฟทางเดินก็มืดสนิท ดูเหมือนว่าทั้งโฮสเทลจะมีแค่เราสองคนเป็นแขก มันทำให้ผมรู้สึกกังวลไม่น้อย เพราะถ้ามีอะไรเกิดขึ้นมา ไม่มีใครรู้เห็นเลย ผมแอบนึกถึงหนังไทยเรื่องนึงที่ฆ่าคนเอาไปทำลูกชิ้นกับซุป รู้สึกกังวลไม่น้อย เราเดินลงมาผ่านรีเซฟชั่นอีกครั้ง คราวนี้เราเจอผู้หญิงผมยาวอีกครั้ง เธอยืนหันหลังอยู่ตรงรีเซฟชั่นคุยกับหนุ๋มตี๋ ผมกับเพื่อนยังคงไม่เห็นใบหน้าของเธอ และผมคงไม่อยากเห็นด้วย!!!
เราออกไปกินข้าวกัน ฝนยังตกไม่หยุด ในระหว่างกินอะไรกัน หัวผมมันยังกังวลเรื่องที่พักคิดว่าจะเอาไงดี ย้ายออกไปพักที่อื่นมั้ย มันดูแปลกๆในหลายเรื่อง ดูไม่น่าไว้ใจเลย แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ตัดสินใจเปลี่ยนที่พัก เรากลับกันมาเกือบๆสี่ทุ่ม เพื่อนผมดูไม่กังวลเท่าไร บอกให้ผมไปถามเรื่องสถานที่เที่ยวพรุ่งนี้ ผมจึงได้คุยกับหนุ่มตี๋มากขึ้น คุยไปคุยมาทำให้ผมรู้สึกอุ่นใจมากขึ้น รู้สึกไว้ใจหนุ่มตี๋มากขึ้น แม้ว่าสภาพห้องที่เจอจะดูแปลกๆน่ากลัวๆ พอกลับถึงห้องความกังวลผมก็น้อยลงแต่ก็ยังไม่ไว้ใจ 100%
คืนนี้เป็นคืนที่ผมตื่นบ่อยมากอาจจะทุกๆสองชั่วโมงเลยก็ว่าได้ และแล้วทุกอย่างก็ผ่านไปด้วยดี เป็นที่พักที่แรกที่ผมไม่หยิบกล้องออกมาถ่ายแม้แต่รูปเดียว เช้าวันนั้นผมพูดติดตลกว่า ดีนะที่เราไม่ตื่นขึ้นมาอยู่ในหม้อซุป... มันเป็นอีกประสบการณ์ที่ผมคงไม่อยากเจออีก ทั้งโฮสเทลเจออยู่สามคน คราวหน้าจะดูรีวิวที่พักดีๆ ไม่ขอพลาดแบบนี้อีกแล้ว ส่วนชื่อที่พักใน booking.com ดูตามด้านล่างนะครับ คิดว่าคงไม่มีใครอยากมีประสบการณ์พักกันสองคนทั้งโฮสเทลแบบผม!!! แต่ข้อดีของที่นี่คือ มีคนพูดภาษาอังกฤษได้และใกล้รถไฟใต้ดิน สำหรับผมครั้งเดียวเกินพอครับ ^^
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้