"ป.ป.ช."เลื่อนลงมติชี้มูลความผิด "จุติ " ปม 3 จี หลังทำหนังสือขอความเป็นธรรม ให้ตรวจสอบพยานหลักฐานเพิ่มเติม
เมื่อวันที่ 24 ก.ย.58 ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีการประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.โดยที่ประชุมมีการพิจารณากรณีกล่าวหาขอให้ถอดถอน นายจุติ ไกรฤกษ์ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ สมัยดำรงตำแหน่ง รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ภายหลังองค์คณะไต่สวน ป.ป.ช.แจ้งข้อกล่าวหาไป 2 กรณี ได้แก่ 1. มีพฤติการณ์ส่อว่าเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มบริษัททรู คอร์ปอร์เรชั่น จำกัด (มหาชน)ได้เข้าเป็นคู่สัญญาร่วมดำเนินธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบ 3G กับบริษัท กสท. โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) หรือ CAT 2. ส่อว่าได้รับผลประโยชน์เพื่อทำให้กลุ่มกิจการร่วมค้าเอสแอล คอนซอเดียม ได้เข้าเป็นคู่สัญญาสร้างโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ 3G กับบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) หรือ TOT นั้น
รายงานข่าวแจ้งว่า ที่ประชุม ป.ป.ช. ได้เลื่อนพิจารณากรณีนี้ไปก่อน เนื่องจากนายจุติได้ยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมต่อองค์คณะไต่สวนคณะกรรมการ ป.ป.ช.ให้ตรวจสอบพยานหลักฐานเพิ่มเติมอีกครั้ง โดยให้เจ้าหน้าที่สอบข้อมูลเพิ่มเติม และวิเคราะห์ข้อมูลทั้งหมดเพื่อให้ความเป็นธรรม นอกจากนี้ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. ยังมีความเห็นว่าข้อเท็จจริงในสำนวนยังไม่สมบูรณ์ จึงให้องค์คณะไต่สวนหาข้อเท็จจริงในสำนวนเพิ่มเติม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับเอกสารขอความเป็นธรรมที่นายจุติยื่นให้ ป.ป.ช. ระบุว่า ดำเนินการตามโจทย์ที่กระทรวงการคลัง มอบให้ 3 ประเด็น คือ 1.เร่งฟื้นฟูสถานะทางการเงินของ กสท. ซึ่งขาดทุนจากเดิมเดือนละ 2 พันล้านบาท 2.ทบทวนบทบาทการวางกลุยุทธ์ให้เหมาะสมกับสภาพโทรคมนาคมเพื่อรองรับ 3G และ 3.เป็นพันธมิตรระหว่างรัฐกับเอกชน ทบทวนการลงทุนที่ขาดทุน เปลี่ยนเป็น 3G เร่งสร้างธุรกิจใหม่ เป็นต้น ขณะเดียวกันได้ตั้งคำถามกับ ป.ป.ช. ว่ากรณีที่กล่าวหาว่าเร่งรีบ ทำให้รัฐเสียหายอย่างไร เพราะทำให้ประเทศไทยใช้ 3G เร็วขึ้น 3 ปี ขณะที่ กสท.ไม่ต้องขาดทุนเดือนละ 2 พันล้านบาท และขณะนี้เป็นธุรกิจเดียวใน 7 ประเภทของ กสท.ที่ทำกำไรปีละ 4 พันล้านบาท ในขณะที่ธุรกิจอื่นขาดทุน
http://www.thairath.co.th/content/527667
ป.ป.ช.เลื่อนลงมติชี้มูล 'จุติ' เอื้อประโยชน์ 3 จี ให้กลุ่มทรู
"ป.ป.ช."เลื่อนลงมติชี้มูลความผิด "จุติ " ปม 3 จี หลังทำหนังสือขอความเป็นธรรม ให้ตรวจสอบพยานหลักฐานเพิ่มเติม
เมื่อวันที่ 24 ก.ย.58 ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีการประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.โดยที่ประชุมมีการพิจารณากรณีกล่าวหาขอให้ถอดถอน นายจุติ ไกรฤกษ์ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ สมัยดำรงตำแหน่ง รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ภายหลังองค์คณะไต่สวน ป.ป.ช.แจ้งข้อกล่าวหาไป 2 กรณี ได้แก่ 1. มีพฤติการณ์ส่อว่าเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มบริษัททรู คอร์ปอร์เรชั่น จำกัด (มหาชน)ได้เข้าเป็นคู่สัญญาร่วมดำเนินธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบ 3G กับบริษัท กสท. โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) หรือ CAT 2. ส่อว่าได้รับผลประโยชน์เพื่อทำให้กลุ่มกิจการร่วมค้าเอสแอล คอนซอเดียม ได้เข้าเป็นคู่สัญญาสร้างโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ 3G กับบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) หรือ TOT นั้น
รายงานข่าวแจ้งว่า ที่ประชุม ป.ป.ช. ได้เลื่อนพิจารณากรณีนี้ไปก่อน เนื่องจากนายจุติได้ยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมต่อองค์คณะไต่สวนคณะกรรมการ ป.ป.ช.ให้ตรวจสอบพยานหลักฐานเพิ่มเติมอีกครั้ง โดยให้เจ้าหน้าที่สอบข้อมูลเพิ่มเติม และวิเคราะห์ข้อมูลทั้งหมดเพื่อให้ความเป็นธรรม นอกจากนี้ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. ยังมีความเห็นว่าข้อเท็จจริงในสำนวนยังไม่สมบูรณ์ จึงให้องค์คณะไต่สวนหาข้อเท็จจริงในสำนวนเพิ่มเติม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับเอกสารขอความเป็นธรรมที่นายจุติยื่นให้ ป.ป.ช. ระบุว่า ดำเนินการตามโจทย์ที่กระทรวงการคลัง มอบให้ 3 ประเด็น คือ 1.เร่งฟื้นฟูสถานะทางการเงินของ กสท. ซึ่งขาดทุนจากเดิมเดือนละ 2 พันล้านบาท 2.ทบทวนบทบาทการวางกลุยุทธ์ให้เหมาะสมกับสภาพโทรคมนาคมเพื่อรองรับ 3G และ 3.เป็นพันธมิตรระหว่างรัฐกับเอกชน ทบทวนการลงทุนที่ขาดทุน เปลี่ยนเป็น 3G เร่งสร้างธุรกิจใหม่ เป็นต้น ขณะเดียวกันได้ตั้งคำถามกับ ป.ป.ช. ว่ากรณีที่กล่าวหาว่าเร่งรีบ ทำให้รัฐเสียหายอย่างไร เพราะทำให้ประเทศไทยใช้ 3G เร็วขึ้น 3 ปี ขณะที่ กสท.ไม่ต้องขาดทุนเดือนละ 2 พันล้านบาท และขณะนี้เป็นธุรกิจเดียวใน 7 ประเภทของ กสท.ที่ทำกำไรปีละ 4 พันล้านบาท ในขณะที่ธุรกิจอื่นขาดทุน
http://www.thairath.co.th/content/527667