ในขณะที่ รบ.ที่แล้ว ได้คืนอำนาจอธิปไตยให้ประชาชนทั้งหลายโดยการประกาศยุบสภาฯ และปฎิบัติหน้าที่ในสถานะรักษาการเพื่อให้ จนท.รัฐ ยังสามารถปฎิบัติหน้าที่ปรกติต่อไปได้ พร้อมให้มีการเลือกตั้ง รบ.ชุดใหม่ ภายใต้วิถีทางและความชอบธรรมของ รธน.๕๐ ตามกฎหมาย จนท.รัฐ ฝ่าย กกต. มีสิทธิอำนาจหน้าที่เต็มรูปแบบ ที่สามารถทำให้การเลือกตั้งเป็นผลสำเหร็จไปอย่างสมบูรณ์
๑.) การละเลยในการใช้สิทธิอำนาจในการปฎิบัติหน้าที่ ตามกรอบของกฎหมายประกอบและ รธน.๕๐ ของ จนท.รัฐ ฝ่าย กกต. จึงเป็นการกระทำโดยขัดหรือแย้งต่อกฎหมายประกอบที่ว่าด้วยอำนาจหน้าที่
ในขณะนั้นได้มีการชุมนุม ต่อต้านและขัดขวาง การเลือกตั้ง พร้อมทั้งมีการกระทำผิด กฎหมายอาญาและ รธน.๕๐ ร้ายแรงต่างกรรมต่างวาระในพื้นที่ราชการและสาธารณะ อันนอกเหนือจากสิทธิเสรีภาพที่คุ้มครองเอาไว้ใน รธน.๕๐ และฝ่าย รบ.รักษาการ ก็ยังได้มีการประกาศใช้ พรก.ฉุกเฉิน ขึ้นบังคับใช้ในพื้นที่
๒.) การละเลยในการใช้สิทธิอำนาจในการปฎิบัติหน้าที่ ตามกรอบของกฎหมายประกอบและ รธน.๕๐ ของ จนท.รัฐ ฝ่ายปกครอง จึงเป็นการกระทำโดยขัดหรือแย้งต่อกฎหมายประกอบที่ว่าด้วยอำนาจหน้าที่
จนท.ฝ่ายปกครอง ได้มีการยื่นหมายจับ กับแกนนำกลุ่มผู้ต้องสงสัยกระทำผิด กฎหมายอาญาและ รธน.๕๐ ร้ายแรง เพื่อดำเนินคดีตามกระบวนการยุติธรรม โดยผู้ต้องสงสัยทั้งหลายมิได้หลบซ่อนตัว แต่ปรากฎตัวในที่สาธารณะชนอย่างเปิดเผย พร้อมมีกลุ่มผู้คุ้มครองที่พกพาอาวุธร้ายแรงโดยมิสามารถพิสูจน์ความชอบธรรมในการพกพาหรือใช้การ อันใช้เป็นเหตุผลที่ จนท.รัฐ ชะลอการจับกุม และการปฎิบัติการที่โรงแรม... ในการจับกุมถูกยกเลิกโดยไม่มีการชี้แจงเหตุผลชัดเจนจาก จนท.รัฐ ฝ่ายปกครอง
๓.) การละเลยในการใช้สิทธิอำนาจในการปฎิบัติหน้าที่ ตามกรอบของกฎหมายประกอบและ รธน.๕๐ ของ จนท.รัฐ ฝ่ายปกครอง จึงเป็นการกระทำโดยขัดหรือแย้งต่อกฎหมายประกอบที่ว่าด้วยอำนาจหน้าที่
จนท.รัฐฝ่ายตุลาการ ได้มีคำพิพากษา ห้ามมิให้ปฎิบัติการทั้งปวงเพื่อสลายการชุมนุม โดยเหตุผลว่า การชุมนุมที่เป็นไปตามกรอบสิทธิเสรีภาพที่คุ้มครองเอาไว้ใน รธน.๕๐ อันไม่ตรงกับพยานหลักฐานของความเป็นจริงในเหตุการณ์ที่พิสูจน์ได้ตามสื่อสารมวลชน และในขณะเดียวกันในคำพิพากษายังระบุห้ามการกระทำใดๆ ของ จนท.รัฐ ฝ่ายปกครอง ที่มีสิทธิอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายปกครองโดยเฉพาะอีกด้วย
๔.) คำพิพากษา เป็นการละเลยในการใช้สิทธิอำนาจในการปฎิบัติหน้าที่ โดยธรรมและยุติธรรม ตามกรอบของกฎหมายประกอบและ รธน.๕๐ ของ จนท.รัฐ ฝ่ายตุลาการ จึงเป็นการกระทำโดยขัดหรือแย้งต่อกฎหมายประกอบที่ว่าด้วยอำนาจหน้าที่
ในสถานะการณ์ ของการชุมนุมและปฎิบัติการอำนวยความสดวกและควบคุม ของ จนท.รัฐ ฝ่ายปกครอง มีกรณีกระทำผิดกฎหมายอาญาร้ายแรง ต่างกรรมต่างวาระซึ่งหน้าต่อ จนท.รัฐ ฝ่ายปกครอง บังเกิดขึ้น โดยมีผลให้เกิดการบาทเจ็บและเสียชีวิต ทั้งกับ ฝ่าย ปชช. และ จนท.รัฐ
สาเหตุที่ขาดความเชื่อมั่น กับการให้อำนาจอธิปไตยของปวงชนทั้งหลาย
๑.) การละเลยในการใช้สิทธิอำนาจในการปฎิบัติหน้าที่ ตามกรอบของกฎหมายประกอบและ รธน.๕๐ ของ จนท.รัฐ ฝ่าย กกต. จึงเป็นการกระทำโดยขัดหรือแย้งต่อกฎหมายประกอบที่ว่าด้วยอำนาจหน้าที่
ในขณะนั้นได้มีการชุมนุม ต่อต้านและขัดขวาง การเลือกตั้ง พร้อมทั้งมีการกระทำผิด กฎหมายอาญาและ รธน.๕๐ ร้ายแรงต่างกรรมต่างวาระในพื้นที่ราชการและสาธารณะ อันนอกเหนือจากสิทธิเสรีภาพที่คุ้มครองเอาไว้ใน รธน.๕๐ และฝ่าย รบ.รักษาการ ก็ยังได้มีการประกาศใช้ พรก.ฉุกเฉิน ขึ้นบังคับใช้ในพื้นที่
๒.) การละเลยในการใช้สิทธิอำนาจในการปฎิบัติหน้าที่ ตามกรอบของกฎหมายประกอบและ รธน.๕๐ ของ จนท.รัฐ ฝ่ายปกครอง จึงเป็นการกระทำโดยขัดหรือแย้งต่อกฎหมายประกอบที่ว่าด้วยอำนาจหน้าที่
จนท.ฝ่ายปกครอง ได้มีการยื่นหมายจับ กับแกนนำกลุ่มผู้ต้องสงสัยกระทำผิด กฎหมายอาญาและ รธน.๕๐ ร้ายแรง เพื่อดำเนินคดีตามกระบวนการยุติธรรม โดยผู้ต้องสงสัยทั้งหลายมิได้หลบซ่อนตัว แต่ปรากฎตัวในที่สาธารณะชนอย่างเปิดเผย พร้อมมีกลุ่มผู้คุ้มครองที่พกพาอาวุธร้ายแรงโดยมิสามารถพิสูจน์ความชอบธรรมในการพกพาหรือใช้การ อันใช้เป็นเหตุผลที่ จนท.รัฐ ชะลอการจับกุม และการปฎิบัติการที่โรงแรม... ในการจับกุมถูกยกเลิกโดยไม่มีการชี้แจงเหตุผลชัดเจนจาก จนท.รัฐ ฝ่ายปกครอง
๓.) การละเลยในการใช้สิทธิอำนาจในการปฎิบัติหน้าที่ ตามกรอบของกฎหมายประกอบและ รธน.๕๐ ของ จนท.รัฐ ฝ่ายปกครอง จึงเป็นการกระทำโดยขัดหรือแย้งต่อกฎหมายประกอบที่ว่าด้วยอำนาจหน้าที่
จนท.รัฐฝ่ายตุลาการ ได้มีคำพิพากษา ห้ามมิให้ปฎิบัติการทั้งปวงเพื่อสลายการชุมนุม โดยเหตุผลว่า การชุมนุมที่เป็นไปตามกรอบสิทธิเสรีภาพที่คุ้มครองเอาไว้ใน รธน.๕๐ อันไม่ตรงกับพยานหลักฐานของความเป็นจริงในเหตุการณ์ที่พิสูจน์ได้ตามสื่อสารมวลชน และในขณะเดียวกันในคำพิพากษายังระบุห้ามการกระทำใดๆ ของ จนท.รัฐ ฝ่ายปกครอง ที่มีสิทธิอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายปกครองโดยเฉพาะอีกด้วย
๔.) คำพิพากษา เป็นการละเลยในการใช้สิทธิอำนาจในการปฎิบัติหน้าที่ โดยธรรมและยุติธรรม ตามกรอบของกฎหมายประกอบและ รธน.๕๐ ของ จนท.รัฐ ฝ่ายตุลาการ จึงเป็นการกระทำโดยขัดหรือแย้งต่อกฎหมายประกอบที่ว่าด้วยอำนาจหน้าที่
ในสถานะการณ์ ของการชุมนุมและปฎิบัติการอำนวยความสดวกและควบคุม ของ จนท.รัฐ ฝ่ายปกครอง มีกรณีกระทำผิดกฎหมายอาญาร้ายแรง ต่างกรรมต่างวาระซึ่งหน้าต่อ จนท.รัฐ ฝ่ายปกครอง บังเกิดขึ้น โดยมีผลให้เกิดการบาทเจ็บและเสียชีวิต ทั้งกับ ฝ่าย ปชช. และ จนท.รัฐ