ประสบการณ์การเดินทางเข้ากรุงเทพฯ ด้วยตัวคนเดียว ครั้งแรกในชีวิต

เรื่องนี้เป็นเรื่องราวที่เกิดเมื่อ 16 ปีที่แล้วครับ ตอนนั้นอยู่ ม.2 เริ่มเข้าสู่วัยรุ่นอายุก็ประมาณ 14 ปี เริ่มที่จะอยากมีโน่นมีนี่ ที่คนวัยเดียวเขามีกัน ด้วยฐานะทางบ้านที่ไม่ค่อยจะดีนัก พ่อแม่ต้องกัดฟันทำงานส่งลูกเรียนทั้งผมและพี่สาว สิ่งของหรืออะไรๆถ้าเกินความจำเป็นหรือไม่เกี่ยวกับการเรียนก็ต้องหาเงินซื้อเอง สิ่งที่มีในใจตอนนั้นที่อยากได้มากๆเลยคือจักรยานดีๆสักคันเอาไว้ปั่นไปโรงเรียน บ๊ะ! แค่คิดก็เท่ห์แล้ว จะได้ไปต้องไปเบียดไปอัดกับใครเป็นปลากระป๋องบนรถเมย์ ต้องบอกไว้ก่อนนะครับในสมัยนั้นรถโดยสารได้รับได้รับความนิยมจากนักเรียนนักศึกษามาก หากวันไหนมีซ้อมกีฬาตอนขากลับรถก็แน่นจนหายใจแทบไม่ออก ยังมีเรื่องกลิ่นตัวมาอีก โฮ่ๆแทบจะเป็นลมครับ สายที่ผมขึ้นจะเป็นสายสุพรรณบุรี - สิงห์บุรี ช่วงเช้าหรือเย็นรถแน่นทุกวันครับถึงขนาดต้องโหนตรงบริเวณประตูเป็นประจำวันไหนรถควบต้องขึ้นหลังคา อันตรายนะครับแต่ก็ชอบ มองเห็นวิวข้างทางมีลมเย็นๆพัดผ่านตัว มันชิวจริงๆ เกริ่นซะยืดยาวผมขอเข้าเรื่องเลยแล้วกันนะครับ

และแล้วสิ่งที่ผมรอคอยก็มาถึง ปิดเทอมใหญ่ภาคฤดูร้อนกับอิสรภาพประมาณ 45 วัน ปิดเทอมวันแรกผมก็พับเสื้อผ้าจัดประเป๋าเดินทางทันที ขอตังค์แม่ 700 ขึ้นรถทัวร์ ป.2 ราคา 75 บาท จากสิงห์บุรีเวลาประมาณ 8.00 น. ความตื่นเต้นมันสุมเข้ามา มองดูข้างทางก็มีความสุขไม่ต้องบอกนะครับการที่เราได้ทำอะไรเป็นครั้งแรกมันย่อมตื่นเต้นเป็นธรรมดา จนรถทัวร์ถึงแถวนวนครไม่ไหวครับแอร์เย็นๆหลับเลยแล้วกัน สักพักสะดุ้งตื่น มีคนมาสะกิดช่วงถึงฟิวเจอร์ฯ รังสิต มีผู้หญิงท้วมๆคนหนึ่งสะกิดปลุก ผมก็ตกใจและงงมากครับ เธอมองผมพร้อมกับเปิดแฟ้มเก่าๆมีรูปอะไรผมก็ไม่ทราบเพราะยังมัวขี้ตา แล้วเธอก็พูดว่า "ทำบุญโรงศพไร้ญาติไหมค่ะน้อง" แล้วก็ตามมาด้วยประโยคอื่นๆอย่างเร่งรีบเหมือนท่องจำจนขึ้นใจ พูดคะยั้นคะยอสารพัดไม่ยอมไปไหนด้วยนะ ผมเลยจตัดใจใส่ซองบริจาคไป 20 บาทโดยหวังให้เธอได้ไปตื้อคนอื่นบ้าง เธอส่งเกียรติบัตรขนาดครึ่งแผ่น เอ4 ถ่ายเอกสารมาหนึ่งใบ เธอบอกให้เขียนชื่อเราเองลงไปได้เลยในช่องผู้บริจาค เอ้อ! เมืองที่เจริญๆเขามีการปลุกคนหลับมาทำบุญด้วยแฮะ พอถึงหมอชิต 2 ลงจากรถทัวร์ เวลาประมาณ 10.30 น. ไม่ได้กินข้าวเช้ามาด้วยหิวมากครับ เรียกว่าหิวแบบสุดๆ เอาวะ..แวะกินก๋วยเตี๋ยวร้านใกล้นี่ล่ะ "เส้นเล็กเนื้อ 1 ชามครับ" สักพักก๋วยเตี๋ยวก็มาวางตรงหน้าผม มีเนื้อบางๆ 2 ชิ้น ลูกชิ้น 3 ลูก กับเส้นเล็กกระจึ๋งเดียว มีน้ำพอขลุกคลิก โอ้อร่อยครับ! ความอร่อยนี่ระดับคุณช้อยไม่ต้องมารำ เลยสั่งอีกชาม และตามด้วยน้ำเปล่าเยอะๆไม่อิ่มก๋วยเตี๋ยวหรอกครับแต่จุกเพราะน้ำ ถึงเวลาตอนจ่ายตังค์ "เท่าไรครับ" แม่ค้าทำท่านับชามก๋วยเตี๋ยว "ชามละ 70 2ชาม 140 น้ำเปล่า 15 บาท 155 จ่ะน้อง" "ห๊า! 155 หรอครับ" เล่นเอาผมนี่ตกใจเส้นก๋วยเตี๋ยวแทบพุ่งเลยครับ แม่ค้าเธอมองเข้าไปภายในร้านน่าจะเป็นสามีเธอกับกลุ่มคนขับรถทัวร์ตัวล่ำๆใหญ่ๆอีก 2 คน พูดแบบเสียงดัง "แถวนี้มันก็ราคานี้ทั้งนั้นแหละ" "ครับพี่"เล่นเอาผมตอบไปแบบหน้าซี๊ดๆ จะบอกว่าสมัยนั้นแถวบ้านผมชามละ 10-15 บาท ในตลาดสิงห์บุรีก็ประมาณ 20 บาท ถ้าจะขายสัก 30 บาท ผมก็พอรับได้นะครับ ก็นึกเอะใจแล้วเชียวไม่มีป้ายราคาบอกครั้นไอ้เราจะถามราคาแต่แรกก็คิดไม่ถึงว่าจะเกิดเหตุการณ์นี้ เลยจำใจควักให้ด้วยใจช้ำชอก ยิ้ม สลัด เฮีย ปล้นกันชัดๆ(ผมคิดในใจนะครับพูดไปตอนนั้นโดนตืบแน่)

ที่นี้ต้องหารถที่จะไปวัดสีสุก แถวบางมดล่ะ ไปรถอะไรดี? จะไปรถเมย์ก็ต่อรถไม่ถูกกลัวหลง รถตู้แล้วกันพี่สาวเคยบอกถึงซอยหน้าวัดสีสุกเลย ก็เลยถามพี่วินแถวนั้นล่ะครับ พี่เขาบอกกล่าวประมาณว่าไกลมากจะเดินไปจริงหรอ เอางี้แล้วกันเดี๋ยวพี่ไปส่ง 60 บาท เอ้า! เอาก็เอา ปรากฏว่าขับมาส่งไม่ถึง 150 เมตรก็ว่าได้ เจ็บใจจี๊ดๆ โดนอีกแล้วตรู ในที่สุดก็นั่งรถตู้ 50 บาทมาลงวัดสีสุก ถึงจุดหมายปลายทางจนได้ ช่างเป็นการเข้ามากรุงเทพด้วยตัวคนเดียวที่หน้าประทับใจยิ่งนัก เอาเป็นว่าผมเสียค่าโง่ไปถึง 3 รอบ นอนไม่หลับไป 3-4 วัน

ลืมบอกไป อาผมรับเหมาก่อสร้างโดยรับช่วงต่อจากบริษัทใหญ่โดย จะเป็นงานก่อ-ฉาบ ปั้นบัวปูนปั้นเป็นส่วนใหญ่ ในช่วงปิดเทอมของทุกๆปี เวลาอาผมกลับ บ้านของเขาอยู่ที่นครสวรรค์ครับ ส่วนบ้านของผมอยู่ที่สิงห์บุรีซึ่งเป็นทางผ่านผมก็จะอาศัยติดรถอาเข้ามาทำงานที่กรุงเทพด้วย งานที่ทำก็ถือว่าหนักครับแบก-ผสมปูน สกัดผนัง ตามปูนช่าง ฯลฯ เพราะทำงานอยู่กับอาครับเลยไม่มีปัญหาเรื่องใช้แรงงานเด็ก ซึ่งบริษัทก่อสร้างอื่นๆจะไม่รับเด็กเข้าทำงาน ค่าแรงได้วันละ 125 บาทครับ ปิดเทอมครั้งนั้นผมได้เงินผมได้เงินซึ่งเป็นค่าแรงจากการทำงาน ประมาณ 4,000 บาท อาหารก็อาศัยข้าววัดสีสุกอุ่นกินยันมื้อเย็นครับ

ตอนนั่งรถทัวร์กลับบ้าน ซวยอีกรอบเพราะหลับครับ ถึง บขส.สิงห์บุรีถึงรู้ว่ากระเป๋าสตางค์ที่ใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกงหลังหาย ย้อนชิ้นไปดูบนรถอีกทีก็ไม่มี กระเป๋าเพิ่งซื้อใหม่ มีเงิน 300 ดีนะผมรอบคอบขึ้น เงิน 4,000 ใส่ถุงพลาสติกมัดยางผูกเอวยัดในกางเกงในอีกที เอาเป็นว่าผมได้รถจักรยานเสือภูเขาสมใจคันแรกในชีวิต แต่ต้องเสียเวลาไปแจ้งความ ทำบัตรประชาชน บัตรนักเรียน และอื่นๆ ประมาณ 2 อาทิตย์กระเป๋าผมถูกส่งกลับมาที่บ้านบัตรอยู่ครบ ยกเว้นเงิน 300 บาท ก็ต้องขอขอบคุณเป็นอย่างสูงด้วยนะครับ ซึ่งผมคิดว่ามันไม่น่าล่วงแน่ๆถึงล่วงมันก็มีโซ่จากกระเป๋าที่มาล็อกที่หูกางเกงอีกทีซึ่งต้องใช้มือปลดออก แต่ถ้าจะช่วยส่งกลับมาให้ไวกว่านี้ EMS มาก็ได้ จะได้ไม่ต้องเดินเรื่องเสียเวลาทำใหม่ ผมต้องขอบพระคุณจากใจวันละหลายๆรอบเลยครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่