ทำงาน "รับราชการ" ดีตรงไหน ทำไมคนแย่งกันเป็น การแข่งขันสูง ???

อย่างตำรวจ เงินเดือนเริ่มต้น 8000+ (วุฒิ ม.6 )
คนสอบเยอะมากกกกก

อย่างอื่นก็ เริ่มต้น 9 พัน - หมื่นต้นๆ

นอกจากมั่นคงแล้ว มีข้อดีตรงไหนอีกบ้าง เราคิดไม่ออกจริงๆ

คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 13
อาชีพข้าราชการเป็นอาชีพที่ดีครับ
แต่แน่นอน ไม่ใช่อาชีพที่ดีที่สุด ที่ทุกคนจะต้องใฝ่ฝันจะเป็น
ในบางครั้งมันก็ไม่ได้เป็นคำตอบสุดท้ายให้กับทุกจังหวะชีวิตหรอกครับ

ข้อดีของข้าราชการ ก็มีประโยชน์เกื้อกูลหลายอย่างครับ อย่างที่ยกมาอ้างมากๆก็คือความมั่นคง
สวัสดิการ บำเหน็จบำนาญ การลาศึกษา และสิทธิประโยชน์อื่นๆ
สมมุติเราอายุ 45 มีเงินเก็บซักล้านนึง
ป่วยเป็นโรคร้ายแรง หรือบาดเจ็บสาหัสอะไรซักอย่าง
นอนโรงพยาบาลซัก 5 เดือน ค่ารักษาพยาบาล 850,000 บาท
ถ้าทำงานเอกชนบางที่ เราขาดงานซัก 5 เดือน ผมว่าเค้าไม่เก็บเราไว้นะครับ
ไหนจะต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาลอีก เงินเก็บทั้งชีวิตหายวับไปกับตา
ถ้าเกิดตกงานขึ้นมา เราจะใช้เวลาหางานแค่ไหน จะหางานใหม่ได้หรือเปล่า
แต่ถ้าเป็นข้าราชการ ลาได้เท่าที่ป่วยจริง เงินเดือนยังได้เหมือนเดิม
โดยในหนึ่งปีงบประมาณ ข้าราชการมีสิทธิลาป่วยโดยได้รับเงินเดือนไม่เกิน 60 วันทำการ
เว้นแต่ผู้บังคับบัญชาเห็นสมควรจะให้จ่ายเงินเดือนต่อไปอีกก็ได้ แต่ไม่เกิน 60 วันทำการ รวมเป็น 120 วันทำการ
ค่ารักษาพยาบาลเบิกได้ และไม่โดนไล่ออกจากราชการครับ
นี่คือความมั่นคงที่หาได้ยากจากการจ้างงานโดยหน่วยงานเอกชนครับ
(ผมยกตัวอย่างคร่าวๆเนาะ คงไม่ลงลึกถึงขนาดมีการทำประกัน หรือ เบิกจ่ายอะไรได้/ไม่ได้)
เกษียณแล้ว รัฐ (ราษฎ์) ก็ยังจ่ายบำนาญเลี้ยงไปจนตาย

ข้อดีที่เห็นได้ชัดอีกข้อนึงที่ทำไมคนต่างจังหวัดถึงอยากเป็นข้าราชการกัน คือ ข้าราชการมีการโอนย้ายได้ครับ
หากเป็นคนต่างจังหวัด ทำงานเอกชนเงินเดือนสูงๆในกรุงเทพ โอกาสที่จะกลับไปอยู่บ้านก็น้อยมาก
เพราะบางทีองค์กรไม่มีสาขาในต่างจังหวัด หรือ ไม่มีงานเอกชนดีๆให้ทำ
ถึงกลับไปทำงานเอกชนแถวบ้านนอกเราได้ จะได้เงินเดือนเท่าไหร่ก็ไม่รู้
แต่ข้าราชการฐานเงินเดือนเท่ากันทั่วประเทศ หากโอนย้ายไป
เงินเดือนที่เคยขึ้นมาเท่าไหร่ ตอนโอนย้ายไปเริ่มรับที่เท่านั้นเลย

ในเรื่องสวัสดิการ เบิกได้ พ่อแม่ ลูกเมีย และตัวเอง
ค่าเล่าเรียนบุตรได้ 3 คน ยกเว้นในกรณีท้องที่ 3 เป็นแฝดเบิกได้ทั้งครรภ์
สิทธิประโยชน์การลาป่วย ลากิจ ลาพักผ่อน
ความเชื่อถือจากสถาบันทางการเงินต่างๆ
ยิ่งถ้าถ้าสอบได้ข้าราชการตั้งแต่อายุน้อยๆ เมื่อเกษียณมีอายุราชการสูงๆ จะมีผลกับเงินบำนาญ
คิดคร่าวๆไม่ต้องคำนวนให้ซับซ้อน คือเงินเดือนเดือนสุดท้าย คูณอายุราชการหน่วยเป็นปี หารด้วย 50
ถ้าเงินเดือนซัก 45,000 บาท อายุราชการ 25 ปี ก็ (45,000 x 25)/50 = 22,500 บาทต่อเดือนไปจนตาย
คร่าวๆประมาณนี้นะครับ

ทีนี้ หน่วยงานของรัฐ ก็มีบุคลากรอยู่หลายประเภท ตามลักษณะองค์กรครับ เช่น
1. ข้าราชการ
     มีฐานเงินเดือนปัจจุบันก่อนปรับ 4% ในรัฐบาล คสช. ตามนี้ครับ
     ระดับ ปวส. 11,500 บาท/เดือน
     ระดับปริญญาตรี หลักสูตร 4 ปี 15,000 บาท/เดือน
     ระดับปริญญาโท 17,500 บาท/เดือน
     ระดับปริญญาเอก 21,000 บาท/เดือน
     บางตำแหน่งในทุกส่วนราชการ อาจะจะมีเงินเพิ่มสำหรับตำแหน่งที่มีเหตุพิเศษให้
     เช่น นิติกร ได้รับ 3,000 - 6,000 บาท แล้วแต่ระดับ ตามเงื่อนไขที่กำหนด
     http://www.ocsc.go.th/ocsc/th/files/salary/w2-2554.pdf
     ข้าราชการครู ได้รับเงินประจำตำแหน่ง เร็วกว่า ข้าราชการพลเรือนสามัญ
     (ขรก.ครูได้รับตั้งแต่ระดับชำนาญการ / ในกรณีปกติ ขรก.พลเรือนสามัญต้องระดับชำนาญการพิเศษถึงจะได้รับ)
     http://www.myfirstbrain.com/teacher_view.aspx?id=89017
     บางองค์กร อาจจะมีเงินประจำตำแหน่ง เงินเพิ่มพิเศษ หรือที่เรียกอย่างอื่น ให้
     เช่น ศาล, ปปช., กรมสอบสวนคดีพิเศษ, รัฐสภา ฯลฯ
     ทำให้รายรับรวมจะมากกว่าข้าราชการบางกลุ่มครับ เช่น
     พนักงานคดีปกครองปฏิบัติการ เงินเดือน 15,000 +
     ค่าตอบแทนพิเศษสำหรับตำแหน่ง 7,000 +
     เงินส่งเสริมประสิทธิภาพการปฏิบัติราชการที่ดีของข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง 6,000
     รวม พนักงานคดีปกครองปฏิบัติการ ทำงาน 1 ปี รวมรายรับ/เดือน 28,000 บาท จขกท. ว่าน้อยไปไม๊ครับ
     http://www.admincourt.go.th/00_web/08_service/08_service_center/16/1681.pdf
     http://www.admincourt.go.th/00_web/08_service/08_service_center/16/1682.pdf
     ข้อมูล เปรียบเทียบเงินเพิ่มพิเศษ, เงินประจำตำแหน่งของข้าราชการหรือพนักงานของรัฐ
     http://www.vichakankunapab.com/forum/index.php?topic=81.0

2. พนักงานราชการ
     ฐานเงินเดือนพนักงานราชการจะสูงกว่าข้าราชการ ดังนี้ครับ
     ตั้งแต่ 1 ม.ค. 2557 (ยังไม่รวม 4% รัฐบาล คสช.)
     วุฒิ ปวช. 11,280 บาท
     วุฒิ ปวส. 13,800 บาท
     วุฒิปริญญาตรี หลักสูตร 4 ปี บริหารทั่วไป 18,000 บ.
     วุฒิปริญญาโท บริหารทั่วไป 21,000 บ.
     วุฒิปริญญาเอก บริหารทั่วไป 25,200 บ.
     http://www.ocsc.go.th/ocsc/th/files/GEIS/PrakardSalary6.pdf

3. พนักงานรัฐวิสาหกิจ
     มีฐานเงินเดือนไม่แน่นอนแล้วแต่องค์กรครับ โดยสามารถแบ่งกลุ่มรัฐวิสาหกิจ ได้ 3 ประเภท ดังนี้
     กลุ่มที่ 1 รัฐวิสาหกิจที่สามารถกำหนดอัตราเงินเดือนค่าจ้าง ค่าตอบแทนและสวัสดิการต่างๆ เองได้
                เมื่อคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจนั้นเห็นชอบแล้ว
     กลุ่มที่ 2 รัฐวิสาหกิจที่ใช้บัญชีโครงสร้างอัตราเงินเดือนค่าจ้างเป็นของตนเอง
     กลุ่มที่ 3 รัฐวิสาหกิจที่ใช้บัญชีโครงสร้างอัตราเงินเดือน 58 ขั้น ตามประกาศคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์
     http://relation.labour.go.th/index.php?option=com_content&view=article&id=65&Itemid=168
     บางที่จะมีฐานเงินเดือนสูงกว่าข้าราชการ เช่น การไฟฟ้านครหลวง เป็น รัฐวิสาหกิจ กลุ่มที่ 2
     ป.โท 20,240 บาท, ป.ตรี 16,840 บาท, ปวส. 14,170 บาท เป็นต้น
     http://mea.thaijobjob.com/201505/f99.pdf
     การประปานครหลวง
     ป.โท วศ.ม. 22,580, ป.โท อื่น 20,030, ป.ตรี วศ.บ. 17,830, ป.ตรี อื่น 16,830
     http://www.ประกาศผลสอบ.com/pdf/082557/1419475441.pdf
     แต่บางที่ก็จะมีฐานเงินเดือนน้อยกว่า ข้าราชการ ที่คุณวุฒิเท่ากัน
     โดยจะได้ค่าครองชีพเพิ่มจนครบ 15,000 บาทครับ เช่น
     ตีเลขกลมๆเงินเดือนได้ 11,000 แล้วก็บวกค่าครองชีพอีก 4,000 เพื่อให้ครบ 15,000
     แล้วปีถัดๆไปก็จะขึ้นเงินเดือน และลดค่าครองชีพลง สมมุตินะ
     ปีที่ 1 เงินเดือน 11,500 บวกค่าครองชีพ 3,500
     ปีที่ 2 เงินเดือน 12,000 บวกค่าครองชีพ 3,000
     ปีที่ 3 ................ ไปเรื่อยๆ จนค่าครองชีพหมด เงินเดือนถึงจะเกิน 15,000

ปล.
ข้าราชการ ทุกหมู่เหล่า ถ้าจะให้ดีต้องเป็นชั้นสัญญาบัตรขึ้นไป คือตั้งแต่ C3, ปฏิบัติการ, ร้อยตรี หรือที่รับวุฒิตั้งแต่ ป.ตรี ขึ้นไปครับ
และถ้าจะให้ดีขึ้นไปอีก ต้องสังกัดองค์กรที่มีเงินประจำตำแหน่ง หรือ เงินเพิ่มพิเศษอื่นๆ ครับ
ส่วนที่เงินเดือนน้อยๆ แต่คนก็ยังแย่งกันเป็นก็เพราะข้อดีต่างๆที่ยกมาข้างต้นแหละครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่