หน้าแรก
คอมมูนิตี้
ห้อง
แท็ก
คลับ
ห้อง
แก้ไขปักหมุด
ดูทั้งหมด
เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ลองใหม่
แท็ก
แก้ไขปักหมุด
ดูเพิ่มเติม
เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ลองใหม่
{room_name}
{name}
{description}
กิจกรรม
แลกพอยต์
อื่นๆ
ตั้งกระทู้
เข้าสู่ระบบ / สมัครสมาชิก
เว็บไซต์ในเครือ
Bloggang
Pantown
PantipMarket
Maggang
ติดตามพันทิป
ดาวน์โหลดได้แล้ววันนี้
เกี่ยวกับเรา
กฎ กติกา และมารยาท
คำแนะนำการโพสต์แสดงความเห็น
นโยบายเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล
สิทธิ์การใช้งานของสมาชิก
ติดต่อทีมงาน Pantip
ติดต่อลงโฆษณา
ร่วมงานกับ Pantip
Download App Pantip
Pantip Certified Developer
Torm Adventure: แกะรอยกอริลล่าภูเขา จากรวันดาสู่ยูกันดา เส้นทางที่ไม่ธรรมดา สวยสุดในแอฟริกาที่ทะเลสาบ Mutanda ตอนที่ 5
กระทู้สนทนา
บันทึกนักเดินทาง
เที่ยวต่างประเทศ
เที่ยวภูเขา
เดินป่า
เช้านี้เป็นเช้าวันที่สี่และเช้าสุดท้ายในรวันดา ก่อนจะเดินทางข้ามพรมแดนไปยังยูกันดา เราแวะที่สหกรณ์ขายของที่ระลึกพื้นเมือง ที่จัดทำเป็นกลุ่มกระท่อมขนาดย่อม มีร้านค้าขายสินค้าต่างๆ มีไม้แกะสลักเป็นตัวกอริลล่า ตั้งแต่ขนาดเล็กจิ๋วเป็นแม่เหล็กติดตู้เย็นได้จนขนาดสูงใหญ่ หน้ากากแกะเป็นหน้ากอริลล่า เสื้อยืด “ฉันได้บุกป่าไปดูลิงกอริลล่าที่รวันดา ครอบครัว...แล้ว” โดยเลือกชื่อครอบครัวที่เราไปดูได้ ไม้เท้าสลักหัวรูปกอริลล่าอันเดียวกับที่เค้าให้ใช้ตอนเดินป่า เครื่องจักรสานและไม้แกะสลักเป็นสัตว์อื่น ราคาย่อมเยา
ที่ผ่านมาเราจะเห็นคนวิ่งมาขายของที่ระลึกบ้าง แต่ Faroug คนรถไม่ให้ซื้อเนื่องจากเป็นการขายที่ผิดกฎหมาย ตามนโยบายพัฒนาการท่องเที่ยวของที่นี่ รัฐให้ท้องถิ่นตั้งสหกรณ์ชุมชนเป็นช่องทางจำหน่าย ป้องกันการแข่งขันตัดราคากัน และทำให้นักท่องเที่ยวเชื่อมั่นในคุณภาพและราคาที่ตรวจสอบโดยชุมชนแล้ว รายได้นำไปจัดสรรอย่างยุติธรรม เราจึงรอซื้อของที่สหกรณ์ เป็นโอกาสได้ของที่ระลึกทำโดยคนพื้นเมืองและมั่นใจว่ารายได้จะกลับไปช่วยชุมชน เรื่องการขายของนี้ต่างจากแอฟริกาอื่น เช่น เคนย่า แทนซาเนีย หรือแอฟริกาใต้ ที่ไม่มีระบบ ชาวบ้านจะรุมนักท่องเที่ยวแย่งกันขายสินค้าที่คล้ายกัน แข่งตัดราคากัน บางเจ้าก็ราคาถูก บางเจ้าแพงลิ่ว คนขายถูกก็เสียเปรียบ คนซื้อแพงก็เจ็บใจถูกโกง ที่นี่ใช้ระบบสหกรณ์ตัดปัญหานี้ไป
ยามเช้า ชาวบ้านแห่งอุทยานแห่งชาติภูเขาไฟดำเนินชีวิตแบบของเขา ทุกคนทำงาน แม้แต่เด็กก็ช่วยพ่อแม่เลี้ยงน้อง ถือของ หาฟืน แต่ดูทุกคนมีเวลาพักผ่อนนั่งเล่นคุยกัน เด็กเล่นสนุกจากของที่หาได้ตามธรรมชาติ เอายางรถมาปั่น เอาถุงมาผูกเป็นลูกกลมเตะเป็นฟุตบอล ดูมีความสุขตามอัตภาพ หรือเรียกว่าอยู่ได้อย่างพอเพียง
เป็นภาพที่สะท้อนความจริงหนึ่งว่า เมื่อความเจริญยังเข้ามาไม่เต็มที่ เด็กที่นี่ไม่รู้สึกว่าจำเป็นต้องมีของเล่นราคาแพงก็มีความสุขในความเรียบง่ายได้ เราคนเมืองมีชีวิตเร่งรีบแก่งแย่งแข่งขัน ทำงานหนักไม่ได้พักผ่อน ความสุขอยู่ที่หาเงินได้มาก แต่เวลาได้มาเที่ยวที่แบบนี้ ทำให้ได้หยุดคิด ว่าชีวิตจริงแล้วไม่ได้ต้องการอะไรมากมายขนาดนั้น เราก็ชอบยุโรปเหมือนคนอื่น แต่เวลาเที่ยวที่ด้อยพัฒนา นอกจากจะได้เห็นโลกอย่างที่มันควรจะเป็นเมื่อ 50-100 ปีที่แล้ว ยังได้ความสงบแท้ที่ธรรมชาติมอบให้อย่างบอกไม่ถูก ทุกครั้งที่กลับจากทริปธรรมชาติ จะรู้สึกเหมือนได้ชาร์จแบตจริงๆ
ถึงเวลาโบกมือลาเด็กๆ เพื่อเดินทางต่อ ขึ้นเหนือเพื่อข้ามชายแดนจากรวันดาไปยูกันดา เส้นทางเพียง 40 กิโลเมตรไปยังชายแดนยังเป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติภูเขาไฟ จึงมีภูเขาไฟน้อยใหญ่สลับสล้างกับที่ราบที่เป็นไร่นาของชาวบ้าน ถนนยังลาดยางจึงใช้เวลาเพียงเกือบชั่วโมงก็ถึงชายแดน Faroug ให้เราลงจากรถพร้อมพาสปอร์ต และเดินข้ามจุดตรวจเช็คไปยังตรวจคนเข้าเมือง ซึ่งอยู่ฝั่งยูกันดา มีชาวบ้านรอคิวเพื่อข้ามแดนอยู่ 20-30 คน แต่เจ้าหน้าที่ใจดีเรียกนักท่องเที่ยวเข้าไปทำก่อน ตรวจวีซ่าที่ทำไว้เป็น East African Visa เข้าได้ทั้งรวันดา ยูกันดา และเคนย่า ประทับตราเข้าเมืองใช้เวลาไม่กี่นาที เป็นอันว่า เราก็ได้เหยียบเข้ามาในยูกันดาเป็นที่เรียบร้อย เวลาที่ยูกันดาเร็วกว่ารวันดา 1 ชั่วโมง ดังนั้นแม้จะใช้เวลาผ่านแดนไม่ถึงครึ่งชั่วโมง แต่บัดนี้ต้องหมุนนาฬิกาล่วงหน้าไปอีก 1 ชั่วโมง
ดนดูเจริญกว่าฝั่งรวันดา เพราะมีเมืองใหญ่อยู่ถัดจากชายแดนไปเพียงไม่ถึง 10 กิโลเมตร คือเมือง Kisoro ค่อนข้างพลุกพล่าน ผ่าน Kisoro ไม่นาน เราก็แยกออกจากถนนลาดยาง เข้าถนนลูกรัง เพื่อตรงขึ้นไปที่ทะเลสาบ Mutanda จุดหมายปลายทางของเราในวันนี้ ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นทะเลสาบที่สวยที่สุดในแอฟริกา ถนนลูกรังเลาะช่องเขาผ่านทุ่งนาที่ราบแม่น้ำไหลผ่านอุดมสมบูรณ์ ตรงเข้าไปที่ขอบทะเลสาบและเลียบเลาะไปตามโค้งเว้าของผืนน้ำ มีเกาะหลายเกาะแต่งแต้มผืนน้ำอย่างงดงาม ฉากหลังเป็นภูเขาไฟ Muhabura (สูง 4127 เมตร) และ Gahinga (สูง 3474 เมตร) ลูกเดียวกันกับที่เราเห็นจากฝั่งรวันดา ตั้งสูงตระหง่านเสียบเมฆเป็นเงาทะมึนอยู่ สร้างฉากที่สวยอย่างประหลาด
วิวทะเลสาบที่มีฉากหลังเป็นภูเขาไฟยอดแหลมสูงใหญ่ได้สัดส่วน ทำให้ถนนเลียบทะเลสาบนี้เป็นหนึ่งในถนนที่งดงามและมีเสน่ห์ที่สุดที่เคยเดินทางมา (และเราเดินทางมามากจริงๆ) เพราะนอกจากความงามของแผ่นน้ำที่โค้งเว้าด้วยความเก่าแก่อย่างสวยงามแล้ว ทะเลสาบที่ยูกันดายังได้รับการตกแต่งเพิ่มด้วยเกาะต่างขนาดน้อยใหญ่เรียงรายอยู่กลางแผ่นน้ำสีฟ้า ตัดกับต้นไม้ริมน้ำที่ออกดอกสีแดงสะพรั่งและดงต้นกล้วยใบใหญ่เขียวชอุ่ม ดูสวยแบบธรรมชาติแท้ ไร้สิ่งแปลกปลอมมาแต่งเติม สมดังคำกล่าวว่าธรรมชาติคือศิลปินที่ยิ่งใหญ่ ชาวบ้านแต่งตัวด้วยผ้าสีสด มีลูกเกาะหลัง เทินตะกร้าหรือไม้ฟืนบนหัว เดินเลียบทะเลสาบ พวกเค้าไม่รู้ตัวเลยว่าโชคดีมากที่เกิดมาในที่ที่สวยสะอาดขนาดนี้ เป็นการนั่งรถชมวิว 1 ชั่วโมงครึ่งบนถนนดินลูกรังเพียงไม่ถึง 30 กิโล ที่ประทับใจไม่รู้ลืม
โรงแรมที่พักในคืนนี้ ตั้งอยู่บนเนินทางเหนือสุดของทะเลสาบ ชื่อ Chameleon Hill เจ้าของโรงแรมชาวเยอรมันก็ใช้ชื่อเนินนี้เป็นชื่อโรงแรม เนินนี้เห็นวิวทะเลสาบ Mutanda ทั้งหมด พร้อมภูเขาไฟ 6 ลูกเป็นฉากหลังในวันฟ้าใส ภาพที่เห็นตรงหน้าสวยราวกับภาพเขียน
ตัวโรงแรมสร้างด้วยหินเป็นทรงคล้ายป้อมหลายๆ ป้อมรวมกัน ทาสีสดใสสไตล์แอฟริกา โรงแรมเป็นเขตห่างไกลความเจริญ ไฟฟ้าไม่ถึง จึงต้องมีเครื่องปั่นไฟจากพลังงานแสงอาทิตย์ ดังนั้น ตอนกลางวันจะไม่มีไฟใช้ เนื่องจากไม่มีความจำเป็น เครื่องปั่นไฟจะเปิดเฉพาะตอนเย็นระหว่าง18.30 น. ถึงสี่ทุ่มและตอนเช้าตี 5.30 ถึง 9 โมงเช้าเท่านั้น
ห้องพักเป็นบ้านแยกออกจากกัน มีทั้งหมด 10 ห้อง แต่ละห้องตั้งเรียงตามไหล่เขา เห็นวิวทะเลสาบสวยเต็มที่ทุกห้อง ล้อบบี้และห้องอาหารอยู่ด้านบนเขา ส่วนห้องพักจะเรียงลงไปตามเนินลดหลั่นลงไป เราได้ห้องพักเบอร์ 6 อีกแล้ว อยู่ตรงกลางระหว่างบ้านทั้งหมด ต้องเดินลงเขาไปพอควร หลังที่ 1 และ 2 จะอยู่สูง ระดับใกล้เคียงกับลอบบี้ จากหลังที่ 3 เป็นต้นไป ทางจะลาดลงไปเรื่อยๆ การเดินจากห้องพักไปที่ลอบบี้จึงต้องเดินขึ้นเขา
ห้องพักเป็นกระท่อมหินสีสดใส เปิดเข้าไปภายในเป็นพื้นหิน มีเตียงใหญ่อยู่กลางห้อง พร้อมเสาสี่ต้นและมุ้งคลุมกันยุง ด้านขวามีห้องน้ำทันสมัย ด้านซ้ายมีโต๊ะเก้าอี้จัดเป็นมุมนั่งเล่น ปลายเตียงมีเก้าอี้ไม้ยาว จากเตียงมองออกไปด้านนอกผ่านประตูกระจกบานใหญ่ มีระเบียงนั่งชมวิวทะเลสาบ Mutanda แสนเสน่ห์ พร้อมเกาะน้อยใหญ่และภูเขาไฟ Muhabura และ Gahinga ตั้งตระหง่านในเงาเมฆ
อาหารที่นี่จะเป็นอาหารตามสั่งที่เลือกได้จากเมนูประจำวันที่เปลี่ยนทุกวัน อาหารกลางวันวันนี้มีให้เลือกระหว่างปลาในทะเลสาบย่าง สปาเก็ตตี้เนื้อสับ หรือข้าวผัดหมู เราลองชิมปลาซึ่งสดและรสชาติดีมาก ทานคู่กับเฟร้นช์ฟรายด์และข้าวเม็ดยาว ทานเสร็จมีผลไม้เสริฟเป็นของหวาน จิบน้ำหวาน ชมวิวทะเลสาบจากระเบียงใหญ่ที่ล้อบบี้ของโรงแรม ทำให้รู้สึกเหมือนเราลอยอยู่กลางทะเลสาบ
ช่วงบ่ายออกไปเดินสำรวจ จากเขาด้านหลังเห็นวิวโรงแรมที่ตั้งเด่นอยู่เหนือทะเลสาบ Mutanda (ตึกสีที่เรียงกันบนสันเขาด้านซ้าย)
ชาวบ้านทำนาขั้นบันไดในหุบเขาสวยงาม เด็กเลิกเรียนใส่ชุดนักเรียนสีต่างๆ พอรถผ่านก็จะวิ่งมาโบกมือทำหน้าทะเล้น ถ้าลงจากรถ เด็กจะกรูเข้ามาคุยใกล้ชิดมาก เป็นวัฒนธรรมแอฟริกาที่ให้พื้นที่ระหว่างคนน้อย เอเชียอย่างเราอาจไม่คุ้นเคย
ทะเลสาบ Mutanda ตั้งอยู่ตอนใต้ของยูกันดา สูงจากระดับน้ำทะเล 1800 เมตร จึงอุ่นกว่าที่สูงอย่างรวันดา ตกเย็นจึงเย็นสบายประมาณ 15 องศา เรานั่งชมวิวทะเลสาบที่เปลี่ยนสียามดวงอาทิตย์จะลับขอบฟ้าอย่างไม่รู้เบื่อ ฟ้าใสขึ้น ทำให้เห็นภูเขาไฟยอดแหลมสูงเสียดฟ้าชัดเจน 3 ลูก คือ Muhabura Gahinga และ Sabyinyo ถ้ามองดีๆจะเห็นเงาลูกที่เหลืออีก 3 ลูกลางๆ ภูเขาไฟจะมีลักษณะยอดแหลม ไหล่เขาทั้งสองด้านสมมาตรเท่ากัน เช่นเดียวกับภูเขาไฟฟูจิที่คนไทยคุ้นเคย เมื่อเห็นภาพเหมือนมีฟูจิมาตั้งติดกัน 6 ลูก จึงเป็นภาพที่งดงามสุดบรรยาย
อาหารเย็นเสริฟซุปหน่อไม้ฝรั่ง สลัดอโวคาโดและพ็อคชอป ตามด้วยทาร์ตมะนาวอร่อยดี นั่งคุยดื่มไวน์เฮฮากับเพื่อนนักท่องเที่ยวอื่นชาวเยอรมัน อเมริกัน และสวิส แลกเปลี่ยนการผจญภัยตามประสานักเดินทางรอบโลก พรุ่งนี้เราทั้งหมดจะบุกป่าดงดิบแกะรอยกอริลล่าในยูกันดาบ้าง ซึ่งจะเป็นการดูกอริลล่ารอบ 3 และเป็นครั้งสุดท้ายในทริป
แก้ไขข้อความเมื่อ
▼
กำลังโหลดข้อมูล...
▼
แสดงความคิดเห็น
กระทู้ที่คุณอาจสนใจ
The Spirit of Uganda : ตอนที่ 4 : ดูนกที่อุทยานแห่งชาติทะเลสาบอึมบูโร
ตอนที่ 1 : The Spirit of Uganda : ตอนที่ 1 : เปิดม่าน...ยูกันดา >> https://pantip.com/topic/43816450 The Spirit of Uganda : ตอนที่ 2 : นกเล็กนกน้อย ณ ทุ่งน้ำบูซัมบากา >> https:/
นกสุโขทัย
Torm Adventure: จากป่าดงดิบภูเขาไฟ รวันดาและยูกันดา สู่ที่ราบทุ่งซาวันน่า อุทยานแห่งชาติ Queen Elizabeth ตอนที่ 7
เช้าวันที่หกของทริปนี้ ตื่นมา มองออกจากที่นอน เห็นทะเลสาบและภูเขาไฟตั้งตระหง่านเป็นสีชมพูแดง ความงัวเงียหายไปหมด กระโดดออกไปที่ระเบียงดูแสงยามเช้าตอนพระอาทิตย์กำลังขึ้น สวยประทับใจเป็นที่สุด พอดวงอา
Torm Adventure
แหล่งกำเนิดมหาสมุทรแห่งต่อไปของโลก
ทะเลสาบ Abbe ที่สวยงามและแปลกประหลาดคือ ภูมิประเทศที่รกร้างของปล่องไฟหินปูนและความร้อนใต้พิภพที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่อาจก่อตัวเป็นมหาสมุทรแห่งต่อไปของโลกในวันหนึ่ง Abbe เป็นทะเลสาบน้ำเค็มสุดท้ายที่ใหญ่
สมาชิกหมายเลข 3110689
Torm Adventure: บุกป่าดงดิบภูเขาไฟในรวันดาและยูกันดา ตอน การผจญภัยแกะรอยกอริลล่าภูเขาเป็นครั้งที่ 2
เช้านี้ฟ้าใสแดดอ่อนส่องลงมากระทบกับละอองน้ำค้างเป็นหมอกจาง เราออกเดินทางตอน 6 โมงครึ่งไปสำนักงานอุทยานแห่งชาติภูเขาไฟ ซึ่งเป็นกระท่อมหินหลายหลัง ต้องแสดงใบอนุญาตดูกอริลล่าพร้อมพาสปอร์ตเพื่อลงทะเบียน ร
สมาชิกหมายเลข 2642217
เยือนไข่มุกแห่งแอฟริกา ยูกันดา-รวันดา เดินตามรอยกอริลลา One&Only Gorilla's Nest (PART 2)
สำหรับรีวิวนี้มาจากที่เจ้านายได้เดินทางไปที่ประเทศยูกันดา-รวันดา เพื่อทำ Gorilla Trekking และอยากแบ่งปันประสบการณ์ให้ทุกคนค่ะ สามารถเข้าไปดูรีวิวส่วนของประเทศยูกันดาได้ ที่ลิ้งค์นี้เลยค่ะ https://pan
K Journey
The Spirit of Rwanda : ตอนที่ 1 : เปิดม่าน...รวันดา
ขออนุญาตกล่าวสวัสดี ทักทายไปยังเพื่อน ๆ ที่น่ารักทุกท่านครับ กระทู้แรกของผมในรอบ 3 ปี หายไปกับโควิดตั้งแต่กระทู้เนปาลต้นปี 2020 มาเริ่มต้นการเดินทางกันใหม่ครับ มาปัดฝุ่นกันอีกรอบ วันนี้ผมมีโอกาสได้ออก
นกสุโขทัย
Torm Adventure: บุกป่าดงดิบภูเขาไฟ ตามหากอริลล่าภูเขาในรวันดาและยูกันดา ตอนที่ 6 ณ อุทยานป่าดงดิบ Bwindi Impenetrable
Bwindi Impenetrable National Park (อุทยานแห่งชาติบวินดี้ที่ซึ่งไม่สามารถเข้าถึงได้) แค่ชื่อก็แสดงความดิบทึบและสร้างความตื่นเต้นได้เป็นอย่างมาก ป่านี้อยู่ที่ความสูงประมาณ 1800-2400 เมตรเหนือระดับน้ำทะเ
Torm Adventure
The Spirit of Uganda : ตอนที่ 3 : สวรรค์ของนกปากเกือกแห่งทุ่งน้ำมาบัมบา
ตอนที่ 1 : The Spirit of Uganda : ตอนที่ 1 : เปิดม่าน...ยูกันดา >> https://pantip.com/topic/43816450 The Spirit of Uganda : ตอนที่ 2 : นกเล็กนกน้อย ณ ทุ่งน้ำบูซัมบากา>> https://panti
นกสุโขทัย
Torm Adventure: จากกอริลล่าภูเขาในรวันดา สิงโตปีนต้นไม้ในซาวันน่ายูกันดา สู่อุทยานป่าดิบ Kibale ตอนที่ 9 แกะรอยชิมแปนซี
เช้านี้พระอาทิตย์ดวงกลมใหญ่ซ่อนอยู่หลังเมฆบางสาดแสงสีส้มไปทั่วฟ้าและโค้งเว้าของผืนน้ำในช่องแคบ Kazinga และทะเลสาบ Edward ใจกลางอุทยานแห่งชาติ Queen Elizabeth เสียงนกร้องจิ๊บๆ สวัสดีวันใหม่ เราเดินทางข
Torm Adventure
Torm Adventure: แกะรอยกอริลล่าภูเขาในรวันดา ยูกันดา การเดินทางวันแรก กรุงเทพสู่คิกาลี่ อุทยานแห่งชาติภูเขาไฟ รีวิวที่พัก
การเดินทางเริ่มจากสายการบินเคนย่าแอร์เวยส์ จากกรุงเทพฯ สุวรรณภูมิ เวลาตีสอง ตรงไปยังกรุงไนโรบี ประเทศเคนย่า ใช้เวลาบิน 8 ชั่วโมงครึ่ง เครื่องบินถึงเคนย่าก่อน 7 โมงเช้าตามเวลาท้องถิ่น การเดินทางเป็นไปอ
สมาชิกหมายเลข 2642217
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ
บันทึกนักเดินทาง
เที่ยวต่างประเทศ
เที่ยวภูเขา
เดินป่า
บนสุด
ล่างสุด
อ่านเฉพาะข้อความเจ้าของกระทู้
หน้า:
หน้า
จาก
แชร์ :
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน
อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่
ยอมรับ
Torm Adventure: แกะรอยกอริลล่าภูเขา จากรวันดาสู่ยูกันดา เส้นทางที่ไม่ธรรมดา สวยสุดในแอฟริกาที่ทะเลสาบ Mutanda ตอนที่ 5
ที่ผ่านมาเราจะเห็นคนวิ่งมาขายของที่ระลึกบ้าง แต่ Faroug คนรถไม่ให้ซื้อเนื่องจากเป็นการขายที่ผิดกฎหมาย ตามนโยบายพัฒนาการท่องเที่ยวของที่นี่ รัฐให้ท้องถิ่นตั้งสหกรณ์ชุมชนเป็นช่องทางจำหน่าย ป้องกันการแข่งขันตัดราคากัน และทำให้นักท่องเที่ยวเชื่อมั่นในคุณภาพและราคาที่ตรวจสอบโดยชุมชนแล้ว รายได้นำไปจัดสรรอย่างยุติธรรม เราจึงรอซื้อของที่สหกรณ์ เป็นโอกาสได้ของที่ระลึกทำโดยคนพื้นเมืองและมั่นใจว่ารายได้จะกลับไปช่วยชุมชน เรื่องการขายของนี้ต่างจากแอฟริกาอื่น เช่น เคนย่า แทนซาเนีย หรือแอฟริกาใต้ ที่ไม่มีระบบ ชาวบ้านจะรุมนักท่องเที่ยวแย่งกันขายสินค้าที่คล้ายกัน แข่งตัดราคากัน บางเจ้าก็ราคาถูก บางเจ้าแพงลิ่ว คนขายถูกก็เสียเปรียบ คนซื้อแพงก็เจ็บใจถูกโกง ที่นี่ใช้ระบบสหกรณ์ตัดปัญหานี้ไป
ยามเช้า ชาวบ้านแห่งอุทยานแห่งชาติภูเขาไฟดำเนินชีวิตแบบของเขา ทุกคนทำงาน แม้แต่เด็กก็ช่วยพ่อแม่เลี้ยงน้อง ถือของ หาฟืน แต่ดูทุกคนมีเวลาพักผ่อนนั่งเล่นคุยกัน เด็กเล่นสนุกจากของที่หาได้ตามธรรมชาติ เอายางรถมาปั่น เอาถุงมาผูกเป็นลูกกลมเตะเป็นฟุตบอล ดูมีความสุขตามอัตภาพ หรือเรียกว่าอยู่ได้อย่างพอเพียง
เป็นภาพที่สะท้อนความจริงหนึ่งว่า เมื่อความเจริญยังเข้ามาไม่เต็มที่ เด็กที่นี่ไม่รู้สึกว่าจำเป็นต้องมีของเล่นราคาแพงก็มีความสุขในความเรียบง่ายได้ เราคนเมืองมีชีวิตเร่งรีบแก่งแย่งแข่งขัน ทำงานหนักไม่ได้พักผ่อน ความสุขอยู่ที่หาเงินได้มาก แต่เวลาได้มาเที่ยวที่แบบนี้ ทำให้ได้หยุดคิด ว่าชีวิตจริงแล้วไม่ได้ต้องการอะไรมากมายขนาดนั้น เราก็ชอบยุโรปเหมือนคนอื่น แต่เวลาเที่ยวที่ด้อยพัฒนา นอกจากจะได้เห็นโลกอย่างที่มันควรจะเป็นเมื่อ 50-100 ปีที่แล้ว ยังได้ความสงบแท้ที่ธรรมชาติมอบให้อย่างบอกไม่ถูก ทุกครั้งที่กลับจากทริปธรรมชาติ จะรู้สึกเหมือนได้ชาร์จแบตจริงๆ
ถึงเวลาโบกมือลาเด็กๆ เพื่อเดินทางต่อ ขึ้นเหนือเพื่อข้ามชายแดนจากรวันดาไปยูกันดา เส้นทางเพียง 40 กิโลเมตรไปยังชายแดนยังเป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติภูเขาไฟ จึงมีภูเขาไฟน้อยใหญ่สลับสล้างกับที่ราบที่เป็นไร่นาของชาวบ้าน ถนนยังลาดยางจึงใช้เวลาเพียงเกือบชั่วโมงก็ถึงชายแดน Faroug ให้เราลงจากรถพร้อมพาสปอร์ต และเดินข้ามจุดตรวจเช็คไปยังตรวจคนเข้าเมือง ซึ่งอยู่ฝั่งยูกันดา มีชาวบ้านรอคิวเพื่อข้ามแดนอยู่ 20-30 คน แต่เจ้าหน้าที่ใจดีเรียกนักท่องเที่ยวเข้าไปทำก่อน ตรวจวีซ่าที่ทำไว้เป็น East African Visa เข้าได้ทั้งรวันดา ยูกันดา และเคนย่า ประทับตราเข้าเมืองใช้เวลาไม่กี่นาที เป็นอันว่า เราก็ได้เหยียบเข้ามาในยูกันดาเป็นที่เรียบร้อย เวลาที่ยูกันดาเร็วกว่ารวันดา 1 ชั่วโมง ดังนั้นแม้จะใช้เวลาผ่านแดนไม่ถึงครึ่งชั่วโมง แต่บัดนี้ต้องหมุนนาฬิกาล่วงหน้าไปอีก 1 ชั่วโมง
ดนดูเจริญกว่าฝั่งรวันดา เพราะมีเมืองใหญ่อยู่ถัดจากชายแดนไปเพียงไม่ถึง 10 กิโลเมตร คือเมือง Kisoro ค่อนข้างพลุกพล่าน ผ่าน Kisoro ไม่นาน เราก็แยกออกจากถนนลาดยาง เข้าถนนลูกรัง เพื่อตรงขึ้นไปที่ทะเลสาบ Mutanda จุดหมายปลายทางของเราในวันนี้ ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นทะเลสาบที่สวยที่สุดในแอฟริกา ถนนลูกรังเลาะช่องเขาผ่านทุ่งนาที่ราบแม่น้ำไหลผ่านอุดมสมบูรณ์ ตรงเข้าไปที่ขอบทะเลสาบและเลียบเลาะไปตามโค้งเว้าของผืนน้ำ มีเกาะหลายเกาะแต่งแต้มผืนน้ำอย่างงดงาม ฉากหลังเป็นภูเขาไฟ Muhabura (สูง 4127 เมตร) และ Gahinga (สูง 3474 เมตร) ลูกเดียวกันกับที่เราเห็นจากฝั่งรวันดา ตั้งสูงตระหง่านเสียบเมฆเป็นเงาทะมึนอยู่ สร้างฉากที่สวยอย่างประหลาด
วิวทะเลสาบที่มีฉากหลังเป็นภูเขาไฟยอดแหลมสูงใหญ่ได้สัดส่วน ทำให้ถนนเลียบทะเลสาบนี้เป็นหนึ่งในถนนที่งดงามและมีเสน่ห์ที่สุดที่เคยเดินทางมา (และเราเดินทางมามากจริงๆ) เพราะนอกจากความงามของแผ่นน้ำที่โค้งเว้าด้วยความเก่าแก่อย่างสวยงามแล้ว ทะเลสาบที่ยูกันดายังได้รับการตกแต่งเพิ่มด้วยเกาะต่างขนาดน้อยใหญ่เรียงรายอยู่กลางแผ่นน้ำสีฟ้า ตัดกับต้นไม้ริมน้ำที่ออกดอกสีแดงสะพรั่งและดงต้นกล้วยใบใหญ่เขียวชอุ่ม ดูสวยแบบธรรมชาติแท้ ไร้สิ่งแปลกปลอมมาแต่งเติม สมดังคำกล่าวว่าธรรมชาติคือศิลปินที่ยิ่งใหญ่ ชาวบ้านแต่งตัวด้วยผ้าสีสด มีลูกเกาะหลัง เทินตะกร้าหรือไม้ฟืนบนหัว เดินเลียบทะเลสาบ พวกเค้าไม่รู้ตัวเลยว่าโชคดีมากที่เกิดมาในที่ที่สวยสะอาดขนาดนี้ เป็นการนั่งรถชมวิว 1 ชั่วโมงครึ่งบนถนนดินลูกรังเพียงไม่ถึง 30 กิโล ที่ประทับใจไม่รู้ลืม
โรงแรมที่พักในคืนนี้ ตั้งอยู่บนเนินทางเหนือสุดของทะเลสาบ ชื่อ Chameleon Hill เจ้าของโรงแรมชาวเยอรมันก็ใช้ชื่อเนินนี้เป็นชื่อโรงแรม เนินนี้เห็นวิวทะเลสาบ Mutanda ทั้งหมด พร้อมภูเขาไฟ 6 ลูกเป็นฉากหลังในวันฟ้าใส ภาพที่เห็นตรงหน้าสวยราวกับภาพเขียน
ตัวโรงแรมสร้างด้วยหินเป็นทรงคล้ายป้อมหลายๆ ป้อมรวมกัน ทาสีสดใสสไตล์แอฟริกา โรงแรมเป็นเขตห่างไกลความเจริญ ไฟฟ้าไม่ถึง จึงต้องมีเครื่องปั่นไฟจากพลังงานแสงอาทิตย์ ดังนั้น ตอนกลางวันจะไม่มีไฟใช้ เนื่องจากไม่มีความจำเป็น เครื่องปั่นไฟจะเปิดเฉพาะตอนเย็นระหว่าง18.30 น. ถึงสี่ทุ่มและตอนเช้าตี 5.30 ถึง 9 โมงเช้าเท่านั้น
ห้องพักเป็นบ้านแยกออกจากกัน มีทั้งหมด 10 ห้อง แต่ละห้องตั้งเรียงตามไหล่เขา เห็นวิวทะเลสาบสวยเต็มที่ทุกห้อง ล้อบบี้และห้องอาหารอยู่ด้านบนเขา ส่วนห้องพักจะเรียงลงไปตามเนินลดหลั่นลงไป เราได้ห้องพักเบอร์ 6 อีกแล้ว อยู่ตรงกลางระหว่างบ้านทั้งหมด ต้องเดินลงเขาไปพอควร หลังที่ 1 และ 2 จะอยู่สูง ระดับใกล้เคียงกับลอบบี้ จากหลังที่ 3 เป็นต้นไป ทางจะลาดลงไปเรื่อยๆ การเดินจากห้องพักไปที่ลอบบี้จึงต้องเดินขึ้นเขา
ห้องพักเป็นกระท่อมหินสีสดใส เปิดเข้าไปภายในเป็นพื้นหิน มีเตียงใหญ่อยู่กลางห้อง พร้อมเสาสี่ต้นและมุ้งคลุมกันยุง ด้านขวามีห้องน้ำทันสมัย ด้านซ้ายมีโต๊ะเก้าอี้จัดเป็นมุมนั่งเล่น ปลายเตียงมีเก้าอี้ไม้ยาว จากเตียงมองออกไปด้านนอกผ่านประตูกระจกบานใหญ่ มีระเบียงนั่งชมวิวทะเลสาบ Mutanda แสนเสน่ห์ พร้อมเกาะน้อยใหญ่และภูเขาไฟ Muhabura และ Gahinga ตั้งตระหง่านในเงาเมฆ
อาหารที่นี่จะเป็นอาหารตามสั่งที่เลือกได้จากเมนูประจำวันที่เปลี่ยนทุกวัน อาหารกลางวันวันนี้มีให้เลือกระหว่างปลาในทะเลสาบย่าง สปาเก็ตตี้เนื้อสับ หรือข้าวผัดหมู เราลองชิมปลาซึ่งสดและรสชาติดีมาก ทานคู่กับเฟร้นช์ฟรายด์และข้าวเม็ดยาว ทานเสร็จมีผลไม้เสริฟเป็นของหวาน จิบน้ำหวาน ชมวิวทะเลสาบจากระเบียงใหญ่ที่ล้อบบี้ของโรงแรม ทำให้รู้สึกเหมือนเราลอยอยู่กลางทะเลสาบ
ช่วงบ่ายออกไปเดินสำรวจ จากเขาด้านหลังเห็นวิวโรงแรมที่ตั้งเด่นอยู่เหนือทะเลสาบ Mutanda (ตึกสีที่เรียงกันบนสันเขาด้านซ้าย)
ชาวบ้านทำนาขั้นบันไดในหุบเขาสวยงาม เด็กเลิกเรียนใส่ชุดนักเรียนสีต่างๆ พอรถผ่านก็จะวิ่งมาโบกมือทำหน้าทะเล้น ถ้าลงจากรถ เด็กจะกรูเข้ามาคุยใกล้ชิดมาก เป็นวัฒนธรรมแอฟริกาที่ให้พื้นที่ระหว่างคนน้อย เอเชียอย่างเราอาจไม่คุ้นเคย
ทะเลสาบ Mutanda ตั้งอยู่ตอนใต้ของยูกันดา สูงจากระดับน้ำทะเล 1800 เมตร จึงอุ่นกว่าที่สูงอย่างรวันดา ตกเย็นจึงเย็นสบายประมาณ 15 องศา เรานั่งชมวิวทะเลสาบที่เปลี่ยนสียามดวงอาทิตย์จะลับขอบฟ้าอย่างไม่รู้เบื่อ ฟ้าใสขึ้น ทำให้เห็นภูเขาไฟยอดแหลมสูงเสียดฟ้าชัดเจน 3 ลูก คือ Muhabura Gahinga และ Sabyinyo ถ้ามองดีๆจะเห็นเงาลูกที่เหลืออีก 3 ลูกลางๆ ภูเขาไฟจะมีลักษณะยอดแหลม ไหล่เขาทั้งสองด้านสมมาตรเท่ากัน เช่นเดียวกับภูเขาไฟฟูจิที่คนไทยคุ้นเคย เมื่อเห็นภาพเหมือนมีฟูจิมาตั้งติดกัน 6 ลูก จึงเป็นภาพที่งดงามสุดบรรยาย
อาหารเย็นเสริฟซุปหน่อไม้ฝรั่ง สลัดอโวคาโดและพ็อคชอป ตามด้วยทาร์ตมะนาวอร่อยดี นั่งคุยดื่มไวน์เฮฮากับเพื่อนนักท่องเที่ยวอื่นชาวเยอรมัน อเมริกัน และสวิส แลกเปลี่ยนการผจญภัยตามประสานักเดินทางรอบโลก พรุ่งนี้เราทั้งหมดจะบุกป่าดงดิบแกะรอยกอริลล่าในยูกันดาบ้าง ซึ่งจะเป็นการดูกอริลล่ารอบ 3 และเป็นครั้งสุดท้ายในทริป