สวัสดีครับ คิดอยู่นานว่าจะ post ดีมั้ย กลัวจะเป็นกระทู้พลีชีพ แต่ก็อย่าจะเล่าอ่ะนะ 555
หลังจากที่จบมาจาก ม.ราชภัฏฯ ตจว. เอก com-sci. ทำงานมา 10 ปี พบเจอเหตุการณ์หลายๆ อย่าง
จึงอยากเอามาแชร์เพื่อให้ข้อคิด หรือสะกิดใจหลายๆ คน ที่กำลังจะเรียน หรือกำลังทำงานด้าน System Development ครับ
หรือมาเล่าให้คนที่คลุกคลีกับคนอาชีพนี้ฟังไว้ครับ
ข้อความทั้งหมด เป็นความคิดในมุมมองของ จขกท ทั้งสิ้น อาจจะไม่ตรงกับบางคน บางท่านครับ
ข้อ 1 อย่าเรียนคอมพิวเตอร์ เพราะคิดว่าสมัยนี้ ทุกอย่างต้องใช้คอมพิวเตอร์
จากการที่ จขกท สัมภาษณ์รับพนักงาน สายงาน programmer พบว่าคนจบคอมฯ ส่วนใหญ่
เขียนโปรแกรมไม่ได้ เอกที่เรียกมาสัมภาษณ์คือ วิศ-คอม, วิท-คอม, คอม-ธุรกิจ กับ IT บ้างประปราย
แรกๆ ก็ไม่ได้กรองใบสมัครอะไรมากมาย
แต่เนื่องจากเสียเวลา ตอนหลังก็เลยกรองแล้ว แต่ก็ยากที่จะสอบสัมภาษณ์กับสอบปฏิบัติกับผมผ่าน
ไม่ใช่ว่าผมจะเข้มงวดนะครับ คุณสมบัติ ผมไม่ได้ต้องการเทพโปรแกรมเมอร์จากเด็กจบใหม่
ขอแค่เขียนโปรแกรมเป็นสักโปรแกรมก็พอแล้ว(แค่พื้นฐาน)
แต่เรียกมา เหมือนเรียนจบมา แต่เขียนโปรแกรมไม่ได้ ใช้ได้แค่ ms office
แรกๆ ก็เฉยๆ แต่หลังๆ มา เจอแบบนี้เยอะมาก ใจผมนะ ถ้าคิดว่าเรียนจบมาแล้วใช้เป็นแค่ ms office
ผมว่าไปเรียนสายอื่นดีว่า เพราะสมัยนี้ น่าจะสอน office กันหมดแล้วมั้ง
อ้อ ถ้าได้แค่ office แล้ว เรื่อง logic ไม่ต้องพูดถึง ให้โอกาสมาเยอะล่ะ
ที่พูดมามันเกี่ยวกับหัวข้อยังไง เพราะว่าคนหลายไม่รู้ว่าเรียนคอมแล้วจะได้อะไรจากการเรียนมากกว่า
เพราะตามความเข้าใจของผมคือ เรียนสายคอม ต้องจบมาเป็นผู้สสร้างระบบคอม ไม่ใช่ผู้ใช้!!!
แต่เชือเหอะ หลายคนจบมาเพื่อเป็นผู้ใช้ครับ
ไม่ได้ว่านะ แต่เอาง่ายๆ พ่อแม่บางคนบอกว่า เด็กคนนั้นจบมาทำงานด้านคอมฯ
แต่ลองถามดูดีๆ ว่าคอมแบบไหนไม่รู้ๆแต่ว่าอยู่หน้าคอมฯ
ซึ่งในความเป็นจริง...มันต่างกันมากครับ
ปล. ตอนผมเลือกเรียนสายนี้ ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันนั่นแหละ เลือกตามเพื่อน
แต่บังเอิญ ผมพอจะได้อะไรติดไม้ติดมือจากการเรียนด้านนี้ออกมาบ้างครับ
จบข้อ 1 เหมือนจะมาบ่นนะครับ หุหุ
ข้อ 2 การเรียน หรือทำงานสายนี้ ต้องใช้ความอดทนอย่างมาก เป็นพิเศษ
ผมไม่ได้ว่าทำสายอื่นๆ ไม่ต้องอดทนนะครับ แต่ผมว่าสายคอมนี่ ทุกอย่างมันต้องเคลียร์ ข้ามไม่ได้
(หรือข้ามได้แหละ แต่สุดท้ายต้องกลับมาแก้โจทย์นี้อยู่ดี)
เช่น ติดเรื่อง coding 1 บรรทัด ต้องอดทนแก้ไขไป 1 วัน 1 อาทิตย์ หรือ 1 เดือน ก็ต้องหาทางให้ได้
ซึ่งจากที่ผมเจอ ไม่ค่อยมีความอดทนแบบนั้น ทำไม่ได้ ท้อ หยุด เลือก เบื่อ นี่ดอกที่ 1
ความอดทนดอกที่ 2 ความต้องการเปลี่ยน(Channge requirement)
อันนี้เลี่ยงไม่ได้ แต่การแก้ไขโปรแกรมบางกรณีมันแก้ไขยาก
แก้ไขมากไปก็เบื่อ โปรแกรมเมอร์หลายคน หนีไปทำอย่างอื่นเพราะเคสนี้ล่ะครับ
แรกๆก็ครับท่าน แก้ให้ครับผม แต่หลังๆ นี่เซ็งสิ
โปรแกรมเมอร์บางคนก็หนีไปทำ Functional หรือ SA เลย ก็เอกสาร software spec มันแก้ไขง่ายกว่า coding นี่ครับ
สรุป ความอดทนไม่พอ คนใจร้อน อะไรทำนองนี้ไม่เหมาะทำด้านนี้แน่ๆ
ข้อ 3 ตอนนี้ขาดแคลน programmer/developer
จากปัญหาข้อที่แล้วแหละครับ งานด้านนี้ขาดคนทำ ทั้งๆที่คนจบมาเยอะมาก จบมาปึ๊บ...เหมือนพบสัจจะธรรม
ไปทำอย่างอื่นกันหมด คนที่พอจะทำได้ ก็หนีไปสมัคร SA หรือทำงานด้านออกแบบระบบกันหมด
ดังนั้น ผมว่ามันเป็นผลดีกับความที่มีความสามารถด้านนี้นะครับ รายได้ดีขึ้นตามอุปสงค์เลย
อ้อ แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับบุญเก่าด้วย ถ้าทำงานดีมาตลอด ผมว่าได้งอกเงยเลยทีเดียว
วัดจากตัวผมเองเลย รายได้เพิ่มขึ้นทุกปีครับ ทั้งงานประจำและงาน freelance
อ้อ นี่ขนาดผมไม่ได้เปลี่ยนงานบ่อยๆ นะครับ 10 ปีทำงานมา 3 ที่
ตอนนี้ก็ตามจีบๆ กันอยู่ ค่าตัว 6 หลักแล้ว แต่ยังไม่ไปไหนล่ะ
ข้อ 4 ทำงานด้านนี้เพราะได้โชว์สาว
อาจฟังเหมือนเอาฮา แต่ผมว่าคนทำงานด้านนี้ได้พบเจอคนเยอะนะครับ รู้จักทั้งบริษัทอ่ะ
ยิ่งคนที่ชอบช่วยเหลือหรือชอบ services นี่ผมว่า หัวกะไดไม่แห้งเลยทีเดียว
ปล. ไม่ใช่ผมนะครับ เพราะผมเป็นสมภาร
ข้อ 5 ทำงานด้านนี้ ต้องยอมรับว่าเวลาชีวิต อาจจะไม่ตรงกับชาวบ้านเค้า
เพราะอะไรน่ะหรือ ก็เพราะ ตอน setup ระบบมันต้องทำตอนไม่มีคนใช้ไง ดังนั้น บางทีต้องทำนอกเวลางาน
และบางที ระบบมันล่ม ก็ต้องมาแก้ ผมเคยเข้าออฟฟิสทั้งชุดนอนก็มี บางทีนอนที่ออฟฟิสก็มี
บางทีขึ้นระบบใหม่ๆ เวลาให้ครอบครัวนี่แทบไม่เหลือ วันหยุดก็ต้องมาทำงาน เลิกก็ดึก...
จากที่บอกมา ดังนั้น บรรดาเมียๆ ต้องเข้าใจคนอาชีพนี้นะครับ
ข้อ 6 คนทำอาชีพนี้ ต้องซื่อสัตย์กับอาชีพ หรือมีจรรยาบรรครับ
อาชีพ Programmer ผมว่า ทำอะไรหมดเม็ดไว้ ก็ยากจะมีใครรู้ นอกจากคนที่ทำงานด้านนี้ด้วยกัน
แต่เชื่อเถอะครับ สักวันมันจะกลับมา
อีกอย่างต่อให้ไม่ได้ทำงานด้านออกแบบระบบก็เช่นกัน เวรกรรมมีจริงครับ
ยกตัวอย่างกรณีที่ต้องประชุมกับหลายๆแผนก คุณต้องวางตัวให้เป็นกลางที่สุด
ในบริษัทเราก็เหมือนผู้พิพากษาครับ วันใดตัดสินไม่เป็นธรรม ต่อจากนั้นก็จะไร้ซึ่งศรัทธา
เมื่อไม่มีศรัทธา เมื่อจะทำงานใดที่ต้องอาศัยความร่วมมือจากส่วนรวม เราจะอยู่ในสถานะที่ลำบากครับ
อาชีพนี้แแปลกอย่างนึงตรงที่ ผลงานมักไม่ได้เกิดจากเราตัวอย่างเดียว
แต่เกิดจากคนที่รับมอบแนวทางแล้วนำไปปฏิบัติมากกว่าครับ
ดังนั้น ต่อให้เรามีความคิด ไอเดีย ที่ดียังไง ออกแบบระบบเทพที่สุดในจักรวาลแค่ไหน
แต่ถ้าผู้ใช้งาน หรือ user ไม่นำไปใช้ หรือปฏิบบัติ ผลลัพธ์ก็เท่ากับ 0 ครับ
ยกตัวอย่างของผม ทำดีไว้ ทุกวันนี้ทั้งงานราษฯ งานหลวงครับ ทำไม่ทันจริงๆ
รับทรัพย์ไม่ไหวเลยครับ
ข้อ 7 คนทำด้านนี้ บางคน มักอินดี้ครับ
อันนี้อธิบายยาก ต้องมาเจอกับตัวเอง แต่ละคนจะมีอาการแตกต่างกันออกไป และขึ้นอยู่กับช่วงอายุด้วย 555
ผมก็เป็นนะครับ แต่ไม่บอกหรอก หุหุ
จากที่บอกมา ดังนั้น การที่จะ manage หรืออยู่กับคนกลุ่มนี้ ต้องเข้าใจธรรมชาติของคนกลุ่มนี้ด้วยครับ
#เพิ่มเติม 25/09/2015 14:52
เนื่องจากมีประเด็นเรื่อง "คนจบคอมฯ ไม่จำเป็นต้องเขียนโปรแกรมเป็น" ซึ่งผมไม่ได้ลงรายละเอียดในกระทู้แรก
แต่ได้ขยายความไว้ที่ คห.24,25 และท่าน ClOuD_Za กรุณาแปลไทยเป็นไทยให้ใน คห.26 ครับ
ข้อความจาก เด็กคอมฯ ปลายทุ่งนา
หลังจากที่จบมาจาก ม.ราชภัฏฯ ตจว. เอก com-sci. ทำงานมา 10 ปี พบเจอเหตุการณ์หลายๆ อย่าง
จึงอยากเอามาแชร์เพื่อให้ข้อคิด หรือสะกิดใจหลายๆ คน ที่กำลังจะเรียน หรือกำลังทำงานด้าน System Development ครับ
หรือมาเล่าให้คนที่คลุกคลีกับคนอาชีพนี้ฟังไว้ครับ
ข้อความทั้งหมด เป็นความคิดในมุมมองของ จขกท ทั้งสิ้น อาจจะไม่ตรงกับบางคน บางท่านครับ
ข้อ 1 อย่าเรียนคอมพิวเตอร์ เพราะคิดว่าสมัยนี้ ทุกอย่างต้องใช้คอมพิวเตอร์
จากการที่ จขกท สัมภาษณ์รับพนักงาน สายงาน programmer พบว่าคนจบคอมฯ ส่วนใหญ่
เขียนโปรแกรมไม่ได้ เอกที่เรียกมาสัมภาษณ์คือ วิศ-คอม, วิท-คอม, คอม-ธุรกิจ กับ IT บ้างประปราย
แรกๆ ก็ไม่ได้กรองใบสมัครอะไรมากมาย
แต่เนื่องจากเสียเวลา ตอนหลังก็เลยกรองแล้ว แต่ก็ยากที่จะสอบสัมภาษณ์กับสอบปฏิบัติกับผมผ่าน
ไม่ใช่ว่าผมจะเข้มงวดนะครับ คุณสมบัติ ผมไม่ได้ต้องการเทพโปรแกรมเมอร์จากเด็กจบใหม่
ขอแค่เขียนโปรแกรมเป็นสักโปรแกรมก็พอแล้ว(แค่พื้นฐาน)
แต่เรียกมา เหมือนเรียนจบมา แต่เขียนโปรแกรมไม่ได้ ใช้ได้แค่ ms office
แรกๆ ก็เฉยๆ แต่หลังๆ มา เจอแบบนี้เยอะมาก ใจผมนะ ถ้าคิดว่าเรียนจบมาแล้วใช้เป็นแค่ ms office
ผมว่าไปเรียนสายอื่นดีว่า เพราะสมัยนี้ น่าจะสอน office กันหมดแล้วมั้ง
อ้อ ถ้าได้แค่ office แล้ว เรื่อง logic ไม่ต้องพูดถึง ให้โอกาสมาเยอะล่ะ
ที่พูดมามันเกี่ยวกับหัวข้อยังไง เพราะว่าคนหลายไม่รู้ว่าเรียนคอมแล้วจะได้อะไรจากการเรียนมากกว่า
เพราะตามความเข้าใจของผมคือ เรียนสายคอม ต้องจบมาเป็นผู้สสร้างระบบคอม ไม่ใช่ผู้ใช้!!!
แต่เชือเหอะ หลายคนจบมาเพื่อเป็นผู้ใช้ครับ
ไม่ได้ว่านะ แต่เอาง่ายๆ พ่อแม่บางคนบอกว่า เด็กคนนั้นจบมาทำงานด้านคอมฯ
แต่ลองถามดูดีๆ ว่าคอมแบบไหนไม่รู้ๆแต่ว่าอยู่หน้าคอมฯ
ซึ่งในความเป็นจริง...มันต่างกันมากครับ
ปล. ตอนผมเลือกเรียนสายนี้ ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันนั่นแหละ เลือกตามเพื่อน
แต่บังเอิญ ผมพอจะได้อะไรติดไม้ติดมือจากการเรียนด้านนี้ออกมาบ้างครับ
จบข้อ 1 เหมือนจะมาบ่นนะครับ หุหุ
ข้อ 2 การเรียน หรือทำงานสายนี้ ต้องใช้ความอดทนอย่างมาก เป็นพิเศษ
ผมไม่ได้ว่าทำสายอื่นๆ ไม่ต้องอดทนนะครับ แต่ผมว่าสายคอมนี่ ทุกอย่างมันต้องเคลียร์ ข้ามไม่ได้
(หรือข้ามได้แหละ แต่สุดท้ายต้องกลับมาแก้โจทย์นี้อยู่ดี)
เช่น ติดเรื่อง coding 1 บรรทัด ต้องอดทนแก้ไขไป 1 วัน 1 อาทิตย์ หรือ 1 เดือน ก็ต้องหาทางให้ได้
ซึ่งจากที่ผมเจอ ไม่ค่อยมีความอดทนแบบนั้น ทำไม่ได้ ท้อ หยุด เลือก เบื่อ นี่ดอกที่ 1
ความอดทนดอกที่ 2 ความต้องการเปลี่ยน(Channge requirement)
อันนี้เลี่ยงไม่ได้ แต่การแก้ไขโปรแกรมบางกรณีมันแก้ไขยาก
แก้ไขมากไปก็เบื่อ โปรแกรมเมอร์หลายคน หนีไปทำอย่างอื่นเพราะเคสนี้ล่ะครับ
แรกๆก็ครับท่าน แก้ให้ครับผม แต่หลังๆ นี่เซ็งสิ
โปรแกรมเมอร์บางคนก็หนีไปทำ Functional หรือ SA เลย ก็เอกสาร software spec มันแก้ไขง่ายกว่า coding นี่ครับ
สรุป ความอดทนไม่พอ คนใจร้อน อะไรทำนองนี้ไม่เหมาะทำด้านนี้แน่ๆ
ข้อ 3 ตอนนี้ขาดแคลน programmer/developer
จากปัญหาข้อที่แล้วแหละครับ งานด้านนี้ขาดคนทำ ทั้งๆที่คนจบมาเยอะมาก จบมาปึ๊บ...เหมือนพบสัจจะธรรม
ไปทำอย่างอื่นกันหมด คนที่พอจะทำได้ ก็หนีไปสมัคร SA หรือทำงานด้านออกแบบระบบกันหมด
ดังนั้น ผมว่ามันเป็นผลดีกับความที่มีความสามารถด้านนี้นะครับ รายได้ดีขึ้นตามอุปสงค์เลย
อ้อ แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับบุญเก่าด้วย ถ้าทำงานดีมาตลอด ผมว่าได้งอกเงยเลยทีเดียว
วัดจากตัวผมเองเลย รายได้เพิ่มขึ้นทุกปีครับ ทั้งงานประจำและงาน freelance
อ้อ นี่ขนาดผมไม่ได้เปลี่ยนงานบ่อยๆ นะครับ 10 ปีทำงานมา 3 ที่
ตอนนี้ก็ตามจีบๆ กันอยู่ ค่าตัว 6 หลักแล้ว แต่ยังไม่ไปไหนล่ะ
ข้อ 4 ทำงานด้านนี้เพราะได้โชว์สาว
อาจฟังเหมือนเอาฮา แต่ผมว่าคนทำงานด้านนี้ได้พบเจอคนเยอะนะครับ รู้จักทั้งบริษัทอ่ะ
ยิ่งคนที่ชอบช่วยเหลือหรือชอบ services นี่ผมว่า หัวกะไดไม่แห้งเลยทีเดียว
ปล. ไม่ใช่ผมนะครับ เพราะผมเป็นสมภาร
ข้อ 5 ทำงานด้านนี้ ต้องยอมรับว่าเวลาชีวิต อาจจะไม่ตรงกับชาวบ้านเค้า
เพราะอะไรน่ะหรือ ก็เพราะ ตอน setup ระบบมันต้องทำตอนไม่มีคนใช้ไง ดังนั้น บางทีต้องทำนอกเวลางาน
และบางที ระบบมันล่ม ก็ต้องมาแก้ ผมเคยเข้าออฟฟิสทั้งชุดนอนก็มี บางทีนอนที่ออฟฟิสก็มี
บางทีขึ้นระบบใหม่ๆ เวลาให้ครอบครัวนี่แทบไม่เหลือ วันหยุดก็ต้องมาทำงาน เลิกก็ดึก...
จากที่บอกมา ดังนั้น บรรดาเมียๆ ต้องเข้าใจคนอาชีพนี้นะครับ
ข้อ 6 คนทำอาชีพนี้ ต้องซื่อสัตย์กับอาชีพ หรือมีจรรยาบรรครับ
อาชีพ Programmer ผมว่า ทำอะไรหมดเม็ดไว้ ก็ยากจะมีใครรู้ นอกจากคนที่ทำงานด้านนี้ด้วยกัน
แต่เชื่อเถอะครับ สักวันมันจะกลับมา
อีกอย่างต่อให้ไม่ได้ทำงานด้านออกแบบระบบก็เช่นกัน เวรกรรมมีจริงครับ
ยกตัวอย่างกรณีที่ต้องประชุมกับหลายๆแผนก คุณต้องวางตัวให้เป็นกลางที่สุด
ในบริษัทเราก็เหมือนผู้พิพากษาครับ วันใดตัดสินไม่เป็นธรรม ต่อจากนั้นก็จะไร้ซึ่งศรัทธา
เมื่อไม่มีศรัทธา เมื่อจะทำงานใดที่ต้องอาศัยความร่วมมือจากส่วนรวม เราจะอยู่ในสถานะที่ลำบากครับ
อาชีพนี้แแปลกอย่างนึงตรงที่ ผลงานมักไม่ได้เกิดจากเราตัวอย่างเดียว
แต่เกิดจากคนที่รับมอบแนวทางแล้วนำไปปฏิบัติมากกว่าครับ
ดังนั้น ต่อให้เรามีความคิด ไอเดีย ที่ดียังไง ออกแบบระบบเทพที่สุดในจักรวาลแค่ไหน
แต่ถ้าผู้ใช้งาน หรือ user ไม่นำไปใช้ หรือปฏิบบัติ ผลลัพธ์ก็เท่ากับ 0 ครับ
ยกตัวอย่างของผม ทำดีไว้ ทุกวันนี้ทั้งงานราษฯ งานหลวงครับ ทำไม่ทันจริงๆ
รับทรัพย์ไม่ไหวเลยครับ
ข้อ 7 คนทำด้านนี้ บางคน มักอินดี้ครับ
อันนี้อธิบายยาก ต้องมาเจอกับตัวเอง แต่ละคนจะมีอาการแตกต่างกันออกไป และขึ้นอยู่กับช่วงอายุด้วย 555
ผมก็เป็นนะครับ แต่ไม่บอกหรอก หุหุ
จากที่บอกมา ดังนั้น การที่จะ manage หรืออยู่กับคนกลุ่มนี้ ต้องเข้าใจธรรมชาติของคนกลุ่มนี้ด้วยครับ
#เพิ่มเติม 25/09/2015 14:52
เนื่องจากมีประเด็นเรื่อง "คนจบคอมฯ ไม่จำเป็นต้องเขียนโปรแกรมเป็น" ซึ่งผมไม่ได้ลงรายละเอียดในกระทู้แรก
แต่ได้ขยายความไว้ที่ คห.24,25 และท่าน ClOuD_Za กรุณาแปลไทยเป็นไทยให้ใน คห.26 ครับ