ก่อนอื่นก็ต้องอธิบายเสียก่อนนะครับว่า การเดินทางครั้งนี้เพราะต้องการทดสอบ เอ้ย พอเถอะ
คือ ช่วงชีวิตในปีที่ผ่านมามีโอกาสได้ไปเที่ยวประเทศจีนบ่อยๆ และก็ต้องขอขอบคุณแอร์เอเชีย สายการบินโลว์คอสสุดยอดในใจสำหรับคนเบี้ยหอยน้อยอย่างผมที่ได้มีโอกาสบินข้ามน้ำข้ามภูเขา ข้ามทะเล ข้ามประเทศไปยังเมืองจีนโดยไม่ได้ควักกระเป๋าสตางค์มาจ่ายซักบาทเดียว
(เพราะรูดบัตรตลอด) ไม่ใช่ละ ขอบคุณเพราะราคาค่อนข้างพอใจกับการเดินทางไป-กลับประเทศจีนด้วยค่าตั๋วเลยครึ่งหมื่นมานิดทุกครั้งที่ไป (ไม่ได้ใช้โปร แต่เป็นการจองแล้วบินตามปกติ)
และในครั้งนี้ก็เช่นเคย FD596 ก็พาเหาะจากดอนเมืองมาถึงสนามบินเสินเจิ้น บ่าวอัน โดยสวัสดิภาพปลอดภัย งวงช้างเทียบเรียบร้อยประทับใจ(ไม่ชอบนั่งรถบัส) ทันทีที่ประตูเปิด ผมก็เร่งเดินออกมา แล้วก็เดินแซงกลุ่มจนกระทั่งเข้าใจว่าเป็นคนแรกของเครื่องแล้ว จึงได้ผ่านพิธีการ ตม.จีน อย่างเรียบร้อยเป็นคนแรกไม่ต้องรอนาน และความที่เป็นคนแรกเจ้าหน้าที่ศุลกากรน่าจะพักผ่อนอยู่ จึงไม่ได้มีการตรวจกระเป๋าใดๆ แต่นั่นก็ไม่มีผลเพราะถึงตรวจก็ไม่มีสิ่งใดต้องห้ามอยู่แล้ว และก็มาถึงโซนนอก แล้วรอรถบัสโรงแรม Shenzhen Airport ซึ่งเมื่อรถบัสมาก็ขึ้นรถบัสเดินทางเข้าพักที่โรงแรมซึ่งอยู่ใกล้ๆสนามบิน โดยเราจะพักผ่อนที่นี่ 1 คืน ราคาจอง Booking.com จะประหยัดกว่าการ walk in เพราะเหลือประมาณ 220 หยวน จาก 300 หยวน
สำหรับนักท่องเที่ยวหากใครไม่อยากนอนโรงแรมให้เสียเงินก็อาจจะนอนหลับนกที่สนามบินเอาก็พอได้ เนื่องจาก FD596 มาถึงเสิ้นเจิ้นค่อนข้างดึกแล้ว และกว่าจะผ่านพิธีการต่างๆ กว่าจะต่อรถเมล์ M416 ออกจากสนามบินเพื่อมาลงสถานีรถไฟฟ้า Hourui สายสีเขียวได้ รถไฟฟ้าเที่ยวสุดท้ายที่จะสามารถนั่งเข้าไปในเมืองย่านดาวน์ทาวน์ Luohu ก็อาจจะแล่นออกจากสถานีไปแล้ว
วันรุ่งขึ้นหลังจากทานอาหารเช้าของโรงแรมเรียบร้อย นั่งรถไฟฟ้าสายสีเขียวจากสถานี Airport East มาลงสถานี Bao'an Center ต่อรถไฟฟ้าสายสีม่วงเพื่อมาลงที่สถานีรถไฟ Shenzhen North Railway ซึ่งขอเกริ่นสักนิดนะครับว่า ไปเที่ยวประเทศจีนนั้น ความที่เมืองแต่ละเมืองเป็นเมืองใหญ่มาก ดังนั้น สถานีรถไฟในเมืองเป็นต้นว่า สถานีเสินเจิ้น จะไม่ได้มีแห่งเดียว แต่อาจจะมีทั้ง เสินเจิ้นเหนือ เสิ้นเจ้นใต้ เสินเจ้า(เฉยๆ) เสินเจิ้นตะวันออก เสินเจิ้นตะวันตก และทุกสถานีก็จะมีความแตกต่างกันออกไป บางสถานีจะไม่มีรถไฟไปที่นั่น ที่นี่ จะไม่มีรถประเภทนั้น ประเภทนี้ ซึ่งอันนี้อาศัยการถามเจ้าหน้าที่เอาและถ้าไม่ถามก็ต้องประสบการณ์และการคาดเดาเอาล่ะครับ
แต่จุดหมายแรกที่จะไปคือ เมืองกว่างโจว Guangzhou เพราะเราจองตั๋วรถไฟไปกุ้ยหลิน Guilin จากเสิ้นเจิ้นโดยตรงไม่ทัน จึงต้องอาศัยไปหารถไฟที่กวางโจวเพราะมีรอบรถไฟเยอะกว่าเสินเจิ้น โดยเราได้จองตั๋วผ่านเว็บรถไฟจีนมาแล้ว มาถึงสถานีก็รอรับตั๋วเอาอย่างเดียว ตังก็ไม่ได้ควักอีกแล้ว
สถานีรถไฟที่จีนนี่มีคนเยอะมากทุกสถานีนะครับ อย่าประมาทในเรื่องเวลาที่จะต้องเดินทาง รับตั๋วเรียบร้อย ทีนี้ก็เตรียมตัวผ่านด่านตรวจสอบสัมภาระสิ่งของ และเอกสาร พาสปอร์ตพร้อมตั๋ว เพื่อจะเข้าไปรอในชานชลารอรถไฟชั้นในครับ ซึ่งรถไฟของจีนนี้เป็นระบบปิด ภายในชานชลาจึงมีเฉพาะคนที่มีตั๋วเดินทางเท่านั้น เฉกเช่นสนามบิน จึงปลอดภัยจากพวกมิจฉาชีพ คนจรจัดที่จะก่อเหตุร้ายต่างๆ ได้พอสมควร
พอได้เวลาที่รถไฟจอดเทียบชานชลาเรียบร้อย เจ้าหน้าทีก็จะเปิดประตู เพื่อให้เดินไปขึ้นรถไฟได้แล้ว
วันนี้จองตั๋วรถไฟไปกว่างโจวด้วยรถไฟไฮสปีดเทรน คลาส G หรือ เกาเถี่ย (ความเร็วสูงมาก) ความเร็วสูงสุดกว่า 300 กม/ชม ขึ้นไป
และที่จีนยังมีรถไฟไฮสปีดเทรนระดับปานกลาง หรือ คลาส D อีกด้วย หรือ โต้งเชอ (ความเร็วสูงปานกลาง) ความเร็วสูงสุด จะอยู่ในระดับ 160-200 กม/ชม เท่านั้น
ซึ่งหากจะว่าไปแล้ว รถไฟคลาส D หรือ โต้งเชอ น่าจะเป็นรถไฟที่ขายดีมีผู้ใช้บริการมากๆที่สุดในจีนก็ว่าได้ เพราะว่ามีราคาตั๋วที่ถือว่าถูกมาก คิดเป็นเงินบาทไทยแล้ว จะตก 1.25-1.75 บาท ต่อระยะทาง 1 กิโลเมตร เท่านั้น ซึ่งถ้าเทียบเล่นๆ นั่นหมายความว่า สมมติว่าเป็นรถไฟ คลาส D จากกรุงเทพไปหนองคาย 550 กม จะมีราคาราวๆ 690-960 บาท ทุกวันเวลา ไม่ได้มีเฉพาะโปร จองเช้าไปเย็น จองเย็นไปเช้าก็ได้ราคานี้ โดยใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง ตลอดปี ไม่มีเทศกาล ไม่มีหยุดยาว รถติด
ครับข้ามเรื่องรถไฟไปดีกว่า ตอนนี้ขึ้นมานั่งบนรถไฟเรียบร้อยแล้ว เตรียมตัวเดินทางไปยังเมืองกว่างโจว ด้วยรถไฟไฮสปีดเทรน ระยะทาง 103 กิโลเมตร ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 35 นาที ก็จะถึงสถานีรถไฟ Guangzhou South
[CR] [CR]เมื่อพวกเราออกเดินทางจากเสินเจิ้นไปยังกุ้ยหลินโดยไม่ได้ใช้เงินซักบาท
คือ ช่วงชีวิตในปีที่ผ่านมามีโอกาสได้ไปเที่ยวประเทศจีนบ่อยๆ และก็ต้องขอขอบคุณแอร์เอเชีย สายการบินโลว์คอสสุดยอดในใจสำหรับคนเบี้ยหอยน้อยอย่างผมที่ได้มีโอกาสบินข้ามน้ำข้ามภูเขา ข้ามทะเล ข้ามประเทศไปยังเมืองจีนโดยไม่ได้ควักกระเป๋าสตางค์มาจ่ายซักบาทเดียว
(เพราะรูดบัตรตลอด) ไม่ใช่ละ ขอบคุณเพราะราคาค่อนข้างพอใจกับการเดินทางไป-กลับประเทศจีนด้วยค่าตั๋วเลยครึ่งหมื่นมานิดทุกครั้งที่ไป (ไม่ได้ใช้โปร แต่เป็นการจองแล้วบินตามปกติ)
และในครั้งนี้ก็เช่นเคย FD596 ก็พาเหาะจากดอนเมืองมาถึงสนามบินเสินเจิ้น บ่าวอัน โดยสวัสดิภาพปลอดภัย งวงช้างเทียบเรียบร้อยประทับใจ(ไม่ชอบนั่งรถบัส) ทันทีที่ประตูเปิด ผมก็เร่งเดินออกมา แล้วก็เดินแซงกลุ่มจนกระทั่งเข้าใจว่าเป็นคนแรกของเครื่องแล้ว จึงได้ผ่านพิธีการ ตม.จีน อย่างเรียบร้อยเป็นคนแรกไม่ต้องรอนาน และความที่เป็นคนแรกเจ้าหน้าที่ศุลกากรน่าจะพักผ่อนอยู่ จึงไม่ได้มีการตรวจกระเป๋าใดๆ แต่นั่นก็ไม่มีผลเพราะถึงตรวจก็ไม่มีสิ่งใดต้องห้ามอยู่แล้ว และก็มาถึงโซนนอก แล้วรอรถบัสโรงแรม Shenzhen Airport ซึ่งเมื่อรถบัสมาก็ขึ้นรถบัสเดินทางเข้าพักที่โรงแรมซึ่งอยู่ใกล้ๆสนามบิน โดยเราจะพักผ่อนที่นี่ 1 คืน ราคาจอง Booking.com จะประหยัดกว่าการ walk in เพราะเหลือประมาณ 220 หยวน จาก 300 หยวน
สำหรับนักท่องเที่ยวหากใครไม่อยากนอนโรงแรมให้เสียเงินก็อาจจะนอนหลับนกที่สนามบินเอาก็พอได้ เนื่องจาก FD596 มาถึงเสิ้นเจิ้นค่อนข้างดึกแล้ว และกว่าจะผ่านพิธีการต่างๆ กว่าจะต่อรถเมล์ M416 ออกจากสนามบินเพื่อมาลงสถานีรถไฟฟ้า Hourui สายสีเขียวได้ รถไฟฟ้าเที่ยวสุดท้ายที่จะสามารถนั่งเข้าไปในเมืองย่านดาวน์ทาวน์ Luohu ก็อาจจะแล่นออกจากสถานีไปแล้ว
วันรุ่งขึ้นหลังจากทานอาหารเช้าของโรงแรมเรียบร้อย นั่งรถไฟฟ้าสายสีเขียวจากสถานี Airport East มาลงสถานี Bao'an Center ต่อรถไฟฟ้าสายสีม่วงเพื่อมาลงที่สถานีรถไฟ Shenzhen North Railway ซึ่งขอเกริ่นสักนิดนะครับว่า ไปเที่ยวประเทศจีนนั้น ความที่เมืองแต่ละเมืองเป็นเมืองใหญ่มาก ดังนั้น สถานีรถไฟในเมืองเป็นต้นว่า สถานีเสินเจิ้น จะไม่ได้มีแห่งเดียว แต่อาจจะมีทั้ง เสินเจิ้นเหนือ เสิ้นเจ้นใต้ เสินเจ้า(เฉยๆ) เสินเจิ้นตะวันออก เสินเจิ้นตะวันตก และทุกสถานีก็จะมีความแตกต่างกันออกไป บางสถานีจะไม่มีรถไฟไปที่นั่น ที่นี่ จะไม่มีรถประเภทนั้น ประเภทนี้ ซึ่งอันนี้อาศัยการถามเจ้าหน้าที่เอาและถ้าไม่ถามก็ต้องประสบการณ์และการคาดเดาเอาล่ะครับ
แต่จุดหมายแรกที่จะไปคือ เมืองกว่างโจว Guangzhou เพราะเราจองตั๋วรถไฟไปกุ้ยหลิน Guilin จากเสิ้นเจิ้นโดยตรงไม่ทัน จึงต้องอาศัยไปหารถไฟที่กวางโจวเพราะมีรอบรถไฟเยอะกว่าเสินเจิ้น โดยเราได้จองตั๋วผ่านเว็บรถไฟจีนมาแล้ว มาถึงสถานีก็รอรับตั๋วเอาอย่างเดียว ตังก็ไม่ได้ควักอีกแล้ว
สถานีรถไฟที่จีนนี่มีคนเยอะมากทุกสถานีนะครับ อย่าประมาทในเรื่องเวลาที่จะต้องเดินทาง รับตั๋วเรียบร้อย ทีนี้ก็เตรียมตัวผ่านด่านตรวจสอบสัมภาระสิ่งของ และเอกสาร พาสปอร์ตพร้อมตั๋ว เพื่อจะเข้าไปรอในชานชลารอรถไฟชั้นในครับ ซึ่งรถไฟของจีนนี้เป็นระบบปิด ภายในชานชลาจึงมีเฉพาะคนที่มีตั๋วเดินทางเท่านั้น เฉกเช่นสนามบิน จึงปลอดภัยจากพวกมิจฉาชีพ คนจรจัดที่จะก่อเหตุร้ายต่างๆ ได้พอสมควร
พอได้เวลาที่รถไฟจอดเทียบชานชลาเรียบร้อย เจ้าหน้าทีก็จะเปิดประตู เพื่อให้เดินไปขึ้นรถไฟได้แล้ว
วันนี้จองตั๋วรถไฟไปกว่างโจวด้วยรถไฟไฮสปีดเทรน คลาส G หรือ เกาเถี่ย (ความเร็วสูงมาก) ความเร็วสูงสุดกว่า 300 กม/ชม ขึ้นไป
และที่จีนยังมีรถไฟไฮสปีดเทรนระดับปานกลาง หรือ คลาส D อีกด้วย หรือ โต้งเชอ (ความเร็วสูงปานกลาง) ความเร็วสูงสุด จะอยู่ในระดับ 160-200 กม/ชม เท่านั้น
ซึ่งหากจะว่าไปแล้ว รถไฟคลาส D หรือ โต้งเชอ น่าจะเป็นรถไฟที่ขายดีมีผู้ใช้บริการมากๆที่สุดในจีนก็ว่าได้ เพราะว่ามีราคาตั๋วที่ถือว่าถูกมาก คิดเป็นเงินบาทไทยแล้ว จะตก 1.25-1.75 บาท ต่อระยะทาง 1 กิโลเมตร เท่านั้น ซึ่งถ้าเทียบเล่นๆ นั่นหมายความว่า สมมติว่าเป็นรถไฟ คลาส D จากกรุงเทพไปหนองคาย 550 กม จะมีราคาราวๆ 690-960 บาท ทุกวันเวลา ไม่ได้มีเฉพาะโปร จองเช้าไปเย็น จองเย็นไปเช้าก็ได้ราคานี้ โดยใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง ตลอดปี ไม่มีเทศกาล ไม่มีหยุดยาว รถติด
ครับข้ามเรื่องรถไฟไปดีกว่า ตอนนี้ขึ้นมานั่งบนรถไฟเรียบร้อยแล้ว เตรียมตัวเดินทางไปยังเมืองกว่างโจว ด้วยรถไฟไฮสปีดเทรน ระยะทาง 103 กิโลเมตร ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 35 นาที ก็จะถึงสถานีรถไฟ Guangzhou South
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น