สวัสดีค่าาาา พี่ๆ เพื่อนๆ ลุง ๆ ป้า ๆ น้า ๆ อา ๆ และแขกเหรื่อผู้มีเกียรติทุกท่าน
ก่อนเข้ามาชมนิทรรศการผ้าพื้นเมือง/ผ้าปาเต๊ะ สุดล้ำค่า มรดกเมืองปัตตานีของเรา
ขอเชิญทุกท่าน ดื่มน้ำเย็น ๆ จากทางเราก่อนนะคะ
ขอแนะนำตัวก่อน เผื่อพี่ๆ จะลืมหนูกันไป หนูชื่อ เมย์นะคะ เป็นคนปัตตานีโดยแท้
จากที่เมย์เคยเกริ่นๆ ประวัติและวิธีการทำไปแล้วในกระทู้ที่แล้ว
วันนี้เมย์จะนำผ้าปาเต๊ะมาประยุกต์หรือออกแบบให้ทันยุคทันสมัยบนโลกที่แสนจะโมเดิร์นใบโตๆใบนี้
ทุกๆคนพอจะมองภาพกันออก บ้างรึยังค่ะ ว่าผ้าปาเต๊ะที่วัยรุ่นมองว่า ใส่เฉพาะคนมีอายุเนี่ย ที่จริงแล้ว สาวๆ หรือ เด็กๆ อย่างเรา ก้สามารถนำปาเต๊ะมาดัดแปลงเป็นเดรสสวยๆ ลืมป้าแก่ๆคนนึงไปได้เลย สามารถใส่ออกงานได้เลย สวยอย่าบอกใครเชียว
แถมเป็นการสืบทอด อนุรักษ์วัฒนธรรมของจังหวัดเราด้วย เมย์เป็นวัยรุ่นไทยคนนึงที่เริ่มจะหลงรักผ้าปาเต๊ะเหล่านี้ขึ้นมาจับใจ
ทุกผืน ทุกสไตล์ มันมีเสน่ห์มากจริงๆค่ะ นอกจากจะช่วยสืบทอดให้รุ่นหลานๆ ได้เห็นแล้ว ถ้ามองในด้านการพัฒนาอาชีพให้ชุมชน เมย์ว่ามันยิ่งมีคุณค่ามากเลยทีเดียวค่ะ และเมย์จะไม่ยอมเห็นภาพเหล่านี้คนเดียวแน่ ๆ โลกจะต้องรู้ไปพร้อมๆกับเมย์ค่ะ
ว่าท่ามกลางความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้นี้ ก็ยังมีเรื่องราวดีดีที่น่าถ่ายทอด น่าอนุรักษ์ไว้อยู่มากมาย และสิ่งที่เมย์จะนำมาเสนอเรื่องราวต่อไปนี้ ก็คืออีกหนึ่งอย่าง ที่สวยสดงดงาม แหวกเสียงระเบิดกันเลยทีเดียว พร้อมรึยัง : )
มากันที่ภาพแรก เมื่อผ้าปาเต๊ะ ลายผ้าถุงที่ดูเหมือนจะ local แต่พอเอามาดัดแปลง ก็จะกลายเป็นแบบนี้
เห็นไหมค่ะ ว่าจากผ้าถุง กลายมาเป็นกระโปรงจีบแบบนี้แล้ว โมเดิร์นจริงๆเชียว จับเสื้อสีใกล้เคียงมาแมทกัน ก็เก๋กู๊ดมากมาย
ตัวนี้มีการใส่เพื่อรับเสด็จสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี เสด็จเยือนที่ กอ.รมน. จ.ยะลา เมื่อวันที่ 22 กันยายน 2558 ที่ผ่านมาด้วยนะคะ
ในประเทศไทยมีการทำผ้าบาติกเป็นอุตสาหกรรมกันมานานแล้ว มีการผลิตในหลายจังหวัดทางภาคใต้ เช่น ยะลา ปัตตานี สงขลา นราธิวาส และในภาคกลาง เช่น กรุงเทพมหานคร นอกจากนี้ยังมีการผลิตผ้าบาติกตามสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง เช่น ภูเก็ต เกาะสมุย เชียงใหม่ พัทยา เป็นต้น แต่การแพร่หลายของผ้าบาติกนั้นเริ่มเข้ามาทางจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยได้รับอิทธิพลมาจากมาเลเซีย ซึ่งมาเลเซียเองก็ได้รับอิทธิพลมาจากอินโดนีเซียอีกทอดหนึ่ง คนไทยรู้จักผ้าบาติกในลักษณะของ ‘ผ้าพัน’ หรือ ‘ผ้าปาเต๊ะพัน’ โดยเรียกตามวิธีนุ่ง คือ พันรอบตัว คำว่า ‘โสร่ง’ ก็ มาจากภาษาอินโดนีเซียเช่นเดียวกัน หมายถึง ผ้านุ่ง คนในท้องถิ่นภาคใต้ เรียกบาติกว่า ‘ผ้าปาเต๊ะ’ หรือ ‘ผ้าบาเต๊ะ’ ส่วนคนรุ่นเก่าเรียกผ้าปาเต๊ะที่ไม่ได้ผลิตในประเทศไทยว่า ‘ผ้ายาวอ’ หรือ ‘จาวอ’(Java) อ้างอิงจาก
http://phuketbulletin.co.th/Travel/view.php?id=1258
ผ้าปาเต๊ะถือเป็นเสน่ห์อีกอย่างของภาคใต้บ้านเรา เป็นการบ่งบอกถึงความประณีต และความศิวิไลของชาติพันธุ์ การช่างเลือกในการใช้ชีวิต เลือกสิ่งที่ดีและคุ้มค่ามากที่สุด ดังนั้นหน่วยงานภาครัฐจำเป็นที่จะต้องดูแลของดีของบ้านเราเอาไว้ให้อยู่คู่กับเราตลอดไป รวมไปถึงส่งเสริมให้เยาวชนรุ่นหลังได้เรียนรู้ และรู้จักสิ่งเหล่านี้สืบต่อไป
http://phuketbulletin.co.th/Travel/view.php?id=1258
พอจะทราบประวัติกันมาบ้างแล้วนะคะทุกท่าน พอจะมีใครหลงรักเสน่ห์ของผ้าปาเต๊ะกันบ้างไหมค่ะ ?
และมาต่อกันที่ ไฮไลท์ของงานนี้ นั่นก็คือ ปาเต๊ะในแนวทักซิโด้
มาดูรูปกันเล้ยยย
หรือจะแค่สวมใส่กับเดรสยาวๆ ดังภาพ ก็เริ่ดมากมาย
จับนิด ผสมหน่อย บวกกับ ไอเดียของผู้คิดแบบ
ก็จะกลายเป็นการเพิ่มมูลค่าและคุณค่าขึ้นมาทันทีค่ะ
ส่วนภาพข้างล่างนี้คือ เมย์เองค่ะ
เป็นผ้าลายไทยผสมปาเต๊ะ ครั้งแรกที่เห็นผ้าชิ้นนี้ สีม่วงผสมกับสีทอง มันสวยมากจริงๆค่ะ
พอตัดออกมาเป็นชุดแล้วก็ไม่ผิดหวังจริงๆ มีแขกบ้านแขกเมืองถามมากมายว่าผ้านี้คือผ้าอะไร เมย์ก็ได้เผยแพร่ออกไป
ภูมิใจค่ะ ที่เป็นส่วนหนึ่งของการเผยแพร่ผ้าปาเต๊ะให้คนภาคอื่นๆได้ทราบกัน
นอกจากแนวนี้แล้ว ผ้าปาเต๊ะยังสามารถประยุกต์ใส่กับเสื้อโปโลได้ด้วยนะคะ
สำหรับเด็กๆน้อยๆ ก็ช่วยกันรณรงค์กันใส่ น่ารักจริงๆค่ะ
และภาพต่อไปนี้ ๆๆๆๆๆ (แอคโค่ยาว ๆ )
คือเสื้อผ้าไหมของคนไทยเรา มาใส่คู่กับ กระโปรงผ้าปาเต๊ะจีบแบบสวย ๆ
ความวิจิตรของผ้าไทยเรา มันสวยแบบนี้นี่เอง เพื่อนๆว่าไหมค่ะ ?
ผ้าปาเต๊ะถือเป็นเสน่ห์อีกอย่างของภาคใต้บ้านเรา เป็นการบ่งบอกถึงความประณีต และความศิวิไลของชาติพันธุ์ การช่างเลือกในการใช้ชีวิต เลือกสิ่งที่ดีและคุ้มค่ามากที่สุด ดังนั้นหน่วยงานภาครัฐจำเป็นที่จะต้องดูแลของดีของบ้านเราเอาไว้ให้อยู่คู่กับเราตลอดไป รวมไปถึงส่งเสริมให้เยาวชนรุ่นหลังได้เรียนรู้ และรู้จักสิ่งเหล่านี้สืบต่อไป
กระทู้หน้าจะเอาเรื่อง เครื่องถมทองกับย่านลิเภามานำเสนอ จะมีคนสนใจไหมน้าาาา
หนูขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมนิทรรศการในโลกออนไลน์ของหนู
หนูหวังว่าผ้าปาเต๊ะคงจะเข้าไปอยู่ในใจใครแล้วหลายๆคน
แล้วพบกันใหม่นะทุกคนน
สำหรับวันนี้ สวัสดีค่ะ
หนูแท็กแม่บ้านต่างแดน เผื่อจะเป็นไอเดียตัดชุดออกงาน กาล่าดินเนอร์ ก็ว่ากันไป
หนูแท็กคนไทยในอังกฤษและคนต่างประเทศทุกท่าน ช่วยผลักดันผ้าปาเต๊ะของหนูให้ฝรั่งได้รู้จัก
*ขอบคุณ คุณวรรณา อาลีตระกูล ผจก.ฝ่ายขายและประชาสัมพันธ์ โรงแรม ซี.เอส.ปัตตานี ที่เป็นนางแบบให้หนู
ขอบคุณ โรงแรม ซี.เอส.ปัตตานี ที่เอื้อเฟื้อสถานที่สวยๆ ให้ถ่ายแบบค่ะ
มีใครยังไม่รู้จักผ้าปาเต๊ะบ้างค่ะ ?
ก่อนเข้ามาชมนิทรรศการผ้าพื้นเมือง/ผ้าปาเต๊ะ สุดล้ำค่า มรดกเมืองปัตตานีของเรา
ขอเชิญทุกท่าน ดื่มน้ำเย็น ๆ จากทางเราก่อนนะคะ
ขอแนะนำตัวก่อน เผื่อพี่ๆ จะลืมหนูกันไป หนูชื่อ เมย์นะคะ เป็นคนปัตตานีโดยแท้
จากที่เมย์เคยเกริ่นๆ ประวัติและวิธีการทำไปแล้วในกระทู้ที่แล้ว
วันนี้เมย์จะนำผ้าปาเต๊ะมาประยุกต์หรือออกแบบให้ทันยุคทันสมัยบนโลกที่แสนจะโมเดิร์นใบโตๆใบนี้
ทุกๆคนพอจะมองภาพกันออก บ้างรึยังค่ะ ว่าผ้าปาเต๊ะที่วัยรุ่นมองว่า ใส่เฉพาะคนมีอายุเนี่ย ที่จริงแล้ว สาวๆ หรือ เด็กๆ อย่างเรา ก้สามารถนำปาเต๊ะมาดัดแปลงเป็นเดรสสวยๆ ลืมป้าแก่ๆคนนึงไปได้เลย สามารถใส่ออกงานได้เลย สวยอย่าบอกใครเชียว
แถมเป็นการสืบทอด อนุรักษ์วัฒนธรรมของจังหวัดเราด้วย เมย์เป็นวัยรุ่นไทยคนนึงที่เริ่มจะหลงรักผ้าปาเต๊ะเหล่านี้ขึ้นมาจับใจ
ทุกผืน ทุกสไตล์ มันมีเสน่ห์มากจริงๆค่ะ นอกจากจะช่วยสืบทอดให้รุ่นหลานๆ ได้เห็นแล้ว ถ้ามองในด้านการพัฒนาอาชีพให้ชุมชน เมย์ว่ามันยิ่งมีคุณค่ามากเลยทีเดียวค่ะ และเมย์จะไม่ยอมเห็นภาพเหล่านี้คนเดียวแน่ ๆ โลกจะต้องรู้ไปพร้อมๆกับเมย์ค่ะ
ว่าท่ามกลางความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้นี้ ก็ยังมีเรื่องราวดีดีที่น่าถ่ายทอด น่าอนุรักษ์ไว้อยู่มากมาย และสิ่งที่เมย์จะนำมาเสนอเรื่องราวต่อไปนี้ ก็คืออีกหนึ่งอย่าง ที่สวยสดงดงาม แหวกเสียงระเบิดกันเลยทีเดียว พร้อมรึยัง : )
มากันที่ภาพแรก เมื่อผ้าปาเต๊ะ ลายผ้าถุงที่ดูเหมือนจะ local แต่พอเอามาดัดแปลง ก็จะกลายเป็นแบบนี้
เห็นไหมค่ะ ว่าจากผ้าถุง กลายมาเป็นกระโปรงจีบแบบนี้แล้ว โมเดิร์นจริงๆเชียว จับเสื้อสีใกล้เคียงมาแมทกัน ก็เก๋กู๊ดมากมาย
ตัวนี้มีการใส่เพื่อรับเสด็จสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี เสด็จเยือนที่ กอ.รมน. จ.ยะลา เมื่อวันที่ 22 กันยายน 2558 ที่ผ่านมาด้วยนะคะ
ในประเทศไทยมีการทำผ้าบาติกเป็นอุตสาหกรรมกันมานานแล้ว มีการผลิตในหลายจังหวัดทางภาคใต้ เช่น ยะลา ปัตตานี สงขลา นราธิวาส และในภาคกลาง เช่น กรุงเทพมหานคร นอกจากนี้ยังมีการผลิตผ้าบาติกตามสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง เช่น ภูเก็ต เกาะสมุย เชียงใหม่ พัทยา เป็นต้น แต่การแพร่หลายของผ้าบาติกนั้นเริ่มเข้ามาทางจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยได้รับอิทธิพลมาจากมาเลเซีย ซึ่งมาเลเซียเองก็ได้รับอิทธิพลมาจากอินโดนีเซียอีกทอดหนึ่ง คนไทยรู้จักผ้าบาติกในลักษณะของ ‘ผ้าพัน’ หรือ ‘ผ้าปาเต๊ะพัน’ โดยเรียกตามวิธีนุ่ง คือ พันรอบตัว คำว่า ‘โสร่ง’ ก็ มาจากภาษาอินโดนีเซียเช่นเดียวกัน หมายถึง ผ้านุ่ง คนในท้องถิ่นภาคใต้ เรียกบาติกว่า ‘ผ้าปาเต๊ะ’ หรือ ‘ผ้าบาเต๊ะ’ ส่วนคนรุ่นเก่าเรียกผ้าปาเต๊ะที่ไม่ได้ผลิตในประเทศไทยว่า ‘ผ้ายาวอ’ หรือ ‘จาวอ’(Java) อ้างอิงจาก http://phuketbulletin.co.th/Travel/view.php?id=1258
ผ้าปาเต๊ะถือเป็นเสน่ห์อีกอย่างของภาคใต้บ้านเรา เป็นการบ่งบอกถึงความประณีต และความศิวิไลของชาติพันธุ์ การช่างเลือกในการใช้ชีวิต เลือกสิ่งที่ดีและคุ้มค่ามากที่สุด ดังนั้นหน่วยงานภาครัฐจำเป็นที่จะต้องดูแลของดีของบ้านเราเอาไว้ให้อยู่คู่กับเราตลอดไป รวมไปถึงส่งเสริมให้เยาวชนรุ่นหลังได้เรียนรู้ และรู้จักสิ่งเหล่านี้สืบต่อไป http://phuketbulletin.co.th/Travel/view.php?id=1258
พอจะทราบประวัติกันมาบ้างแล้วนะคะทุกท่าน พอจะมีใครหลงรักเสน่ห์ของผ้าปาเต๊ะกันบ้างไหมค่ะ ?
และมาต่อกันที่ ไฮไลท์ของงานนี้ นั่นก็คือ ปาเต๊ะในแนวทักซิโด้
มาดูรูปกันเล้ยยย
หรือจะแค่สวมใส่กับเดรสยาวๆ ดังภาพ ก็เริ่ดมากมาย
จับนิด ผสมหน่อย บวกกับ ไอเดียของผู้คิดแบบ
ก็จะกลายเป็นการเพิ่มมูลค่าและคุณค่าขึ้นมาทันทีค่ะ
ส่วนภาพข้างล่างนี้คือ เมย์เองค่ะ
เป็นผ้าลายไทยผสมปาเต๊ะ ครั้งแรกที่เห็นผ้าชิ้นนี้ สีม่วงผสมกับสีทอง มันสวยมากจริงๆค่ะ
พอตัดออกมาเป็นชุดแล้วก็ไม่ผิดหวังจริงๆ มีแขกบ้านแขกเมืองถามมากมายว่าผ้านี้คือผ้าอะไร เมย์ก็ได้เผยแพร่ออกไป
ภูมิใจค่ะ ที่เป็นส่วนหนึ่งของการเผยแพร่ผ้าปาเต๊ะให้คนภาคอื่นๆได้ทราบกัน
นอกจากแนวนี้แล้ว ผ้าปาเต๊ะยังสามารถประยุกต์ใส่กับเสื้อโปโลได้ด้วยนะคะ
สำหรับเด็กๆน้อยๆ ก็ช่วยกันรณรงค์กันใส่ น่ารักจริงๆค่ะ
และภาพต่อไปนี้ ๆๆๆๆๆ (แอคโค่ยาว ๆ )
คือเสื้อผ้าไหมของคนไทยเรา มาใส่คู่กับ กระโปรงผ้าปาเต๊ะจีบแบบสวย ๆ
ความวิจิตรของผ้าไทยเรา มันสวยแบบนี้นี่เอง เพื่อนๆว่าไหมค่ะ ?
ผ้าปาเต๊ะถือเป็นเสน่ห์อีกอย่างของภาคใต้บ้านเรา เป็นการบ่งบอกถึงความประณีต และความศิวิไลของชาติพันธุ์ การช่างเลือกในการใช้ชีวิต เลือกสิ่งที่ดีและคุ้มค่ามากที่สุด ดังนั้นหน่วยงานภาครัฐจำเป็นที่จะต้องดูแลของดีของบ้านเราเอาไว้ให้อยู่คู่กับเราตลอดไป รวมไปถึงส่งเสริมให้เยาวชนรุ่นหลังได้เรียนรู้ และรู้จักสิ่งเหล่านี้สืบต่อไป
กระทู้หน้าจะเอาเรื่อง เครื่องถมทองกับย่านลิเภามานำเสนอ จะมีคนสนใจไหมน้าาาา
หนูขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมนิทรรศการในโลกออนไลน์ของหนู
หนูหวังว่าผ้าปาเต๊ะคงจะเข้าไปอยู่ในใจใครแล้วหลายๆคน
แล้วพบกันใหม่นะทุกคนน
สำหรับวันนี้ สวัสดีค่ะ
หนูแท็กแม่บ้านต่างแดน เผื่อจะเป็นไอเดียตัดชุดออกงาน กาล่าดินเนอร์ ก็ว่ากันไป
หนูแท็กคนไทยในอังกฤษและคนต่างประเทศทุกท่าน ช่วยผลักดันผ้าปาเต๊ะของหนูให้ฝรั่งได้รู้จัก
*ขอบคุณ คุณวรรณา อาลีตระกูล ผจก.ฝ่ายขายและประชาสัมพันธ์ โรงแรม ซี.เอส.ปัตตานี ที่เป็นนางแบบให้หนู
ขอบคุณ โรงแรม ซี.เอส.ปัตตานี ที่เอื้อเฟื้อสถานที่สวยๆ ให้ถ่ายแบบค่ะ